[The Mask Singer] Give me your hand (อีกากินทุเรียน)
"ยื่นมือมาให้ผมหน่อย แต่ถ้าคุณไม่ส่งมาก็ไม่เป็นไร เพราะผมเนี่ยแหละจะเป็นคนจับมือคุณไว้เอง"
ผู้เข้าชมรวม
2,066
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
themasksinger หน้ากากทุเรียน หน้ากากอีกาดำ อีกากินทุเรียน ฟิคหน้ากากทุเรียน ฟิคหน้ากากอีกาดำ ฟิคthemasksinger
#อีกากินทุเรียน อย่าลืมเข้าไปเม้าท์กันในแท็กนะคะ
@yasineenisay
ปล.
ฟิคเรื่องนี้เกินจากจินตนาการของผู้แต่งไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ผู่ใดเสื่อมเสีย
รวมถึงมีเนื้อหาของชายรักชายใครไม่ชอบกรุณากดปิดเพื่องดดราม่าใดๆ ขอบคุณค่ะ
ตอนแรกที่หน้ากากทุเรียนได้ยินเขานึกว่ามันเป็นมุขตลกร้ายของอีกคนนึงเสียอีก
แต่กลับกลายเป็นว่าเขาต้องมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษจำเป็นให้อีกคนนึงจริงๆ ถ้าไม่เพราะตอนนั้นเขาไปตกปากรับคำไว้แบบนั้นคงไม่ต้องมานั่งตัวเกร็งอยู่ในห้องพักแบบนี้หรอก
(1
ชั่วโมงที่แล้ว)
“คุณหน้ากากทุเรียนครับ สวัสดีครับ”
เสียงแปล่งๆจากตัวลำโพงเครื่องเล็กดังลอด ออกมาจากหน้ากากอีกาดำพร้อมกับร่างของเจ้าตัวที่กำลังเดินฝ่ายเดินเข้าไปหาอีกคน
เขา เองก็ได้แต่มองแล้วทักทายกลับ
“สวัสดีครับ คุณมีอะไรรึเปล่า”
“ครับ คือผมอยากจะขอให้คุณช่วยอะไรหน่อย
... คือ ช่วยมาเป็นครูสอน ภาษาอังกฤษให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
(ปัจจุบัน)
ก็เพราะว่าอีกคนเล่นชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดไว้นั้นแหละถึงทำให้เขาต้องมานั่งตกระกำลำบากขนาดนี้
แถมยังเอาเรื่องอายุมาอ้างว่าเพราะตนเองชักจะเกินวัยรุ่นไปมากโขแล้วทำให้ภาษาไม่แข็งแรงเท่าไหร่พอได้ยินสำเนียงที่เขาร้อง
If
I ain’t got you เลยคิดเลยว่าน่าจะพอช่วยได้ แถมยังเอาเรื่องอารมณ์เพลงที่จะขาดไปไม่ได้กับเหตุผลอีกล้านแปดเจ็ดสิบเอ็ดแสน
มาพูดอีกทำให้เขาต้องตกปากรับคำยอมไปว่าจะสอนอีกคนถึงจะเลิกพล่ามนั่นแหละ
เสียงเปิดประตูดังขึ้นมาตามเวลาที่นัดไว้ไม่ขาดไม่เกิน
อย่างน้อยคนภายในหน้ากาก ทุเรียนก็ได้รู้ว่าอีกคนเป็นคนที่ตรงเวลาทีเดียว
“ขอโทษนะครับคุณทุเรียนที่ทำให้ต้องมานั่งรอ”
เขาอยากจะบอกอีกคนใจจะขาดว่า เขาไม่ได้มานั่งรออะไรแค่เขาเองไม่รู้จะไปสิงสถิตอยู่ที่ไหนก็เท่านั้นเอง
ไปนู้นก็ไม่ได้ไปนี่ก็ไม่ ได้ มันจึงเหลือที่อยู่ไม่กี่ทีซึ่งที่นี้ก็คือหนึ่งในนั้น
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเองก็กะจะมานั่งเฉยๆอยู่แล้วด้วย”
เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเขา ไม่ได้คาดโทษอะไรจึงชูกระดาษที่เจ้าตัวเตรียมมาให้ดู
เนื้อร้องภาษาอังกฤษถูกปริ้นมาอย่างดีผิดกับลายมือหวัดๆที่เป็นชื่อเพลงด้านบน Take
me to your heart
ดูจากเพลงที่เลือกแล้วอีกคนคงมีอายุอานามมากจริงๆแหละ
“คุณทุเรียนรู้จักเพลงนี้รึเปล่าครับ”
“ครับ ก็พอเคยฟังมาบ้าง
แล้วนี้เขียนลายมือมาแบบนั้นไม่กลัวว่าผมจะรู้เหรอครับว่าคุณเป็นใคร”
“จริงๆแล้วถ้าคุณจำลายมือผมได้ก็ดีนะครับ
... ” ท่าทีอีกคนเปลี่ยนไปเมื่อเขาถามคำถาม คนภายใต้ชุดขนดำเว้นช่วงไปสักพักใหญ่พลางเดินเขามาหาคนตัวเล็กกว่าใกล้ๆก่อนที่จะโน้มหน้าเขามาหาอีกคนใกล้ๆพลางเอื้อมมือไปปิดลำโพงของตัวเอง
“... ผมจะได้รู้ไงครับว่าคุณใส่ใจผมขนาดนี้”
แรงผลักที่อกทำเอาคนที่อยู่ภายใต้หน้าชุดขนดำแอบเซไปไม่น้อยและไม่คงจะไม่เซมากขนาดนี้ถ้าไม่มีส้นรองเท้าที่โครตสูง
เขาหัว เราะในลำคอเบาๆอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะกลับมาเปิดลำโพงของตัวเองใหม่ ผิดกับอีกคนที่อารมณ์เสียหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“คุณก็รู้ว่าแบบนี้มันผิดกติกานี่คุณอยากให้ผมรู้ขนาดนั้นเลยหรือไง!” ไม่รู้ว่าเพราะคนภายใต้หน้ากากอารมณ์เสียที่อีกคนทำผิดกติกาหรืออารมณ์เสียที่อีกคนทำให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะถึงทำให้เสียงที่ออกมาดังกว่าปกติหลายเท่าตัว
“สำหรับคุณแล้วขอแค่คุณขอ ... ผมก็ยอมถอดหน้ากากให้คุณตอนนี้เลยนะครับ”
เพราะว่าอีกคนที่ยังเล่นไม่ยอมหยุดนั่นแหละทำให้เขาชักจะรู้สึกร้อนขึ้นมาทุกที
เขามอง แผ่นกระดาษที่อีกคนถืออยู่ในมือพลางเอื้อมไปหยิบมาจากมืออีกคน
“รีบๆมาทำให้เสร็จๆเถอะครับ
ผมไม่ได้ว่างขนาดนั้น” คนภายใต้หน้ากากทุเรียน เดินไปที่โต๊ะใหญ่ใจกลางห้องก่อนที่จะคุ้ยๆดูกล่องปากกาที่ทีมงานตั้งไว้ให้
เขาเลือกดินสอ ขึ้นมาส่งๆแท่งนึงก่อนจะมองขึ้นไปหาอีกคนพลางส่งสายตาเชิงให้มานั่งด้วยกัน
แต่แทนที่อีกคนจะมานั่งตรงข้ามเขาเจ้าตัวกลับเอาอ้อมมานั่งกับเขาซะนี่
“ทำไมไม่ไปนั่งฝั่งตรงข้ามละครับ”
“ก็นั่งตรงนี้มันดู ‘อะไรๆ’ ชัดกว่าหนิครับ”
เพราะเขารู้ว่าถ้าอยู่ตรงนี้นานกว่านี้อีกสักนาทีเขาต้องกลายเป็นทุเรียนกวนแน่ๆ
สิ่งเดียวที่ทำได้คือรีบๆสอนให้จบไป
เนื้อเพลงท่อนแล้วท่อนเล่าถูกส่งผ่านคำพูดและปลายดินสอจากคุณครูจำเป็นอย่างเขา
แต่รอบนี้เป็นนักเรียนเองที่เป็นฝ่ายสงบเสงี่ยมเรียบร้อยและถามคำถามที่มีประโยชน์มากกว่าครั้งไหนๆ
การเรียนการสอนผ่านไปได้อย่างรวดเร็วกว่าที่เขาทั้งสองจะรู้ตัวเสียอีก
ถึงแม้ว่าในระหว่างที่เขาพูดเขารู้ว่าตาของอีกคนไม่ได้มองที่กระดาษก็เถอะ
แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกระแอมไอเบาๆเพื่อเตือนสติอีกคนให้อยู่กับร่องกับรอย
“นี่แหละครับความหมายทั้งหมด
ยังไงถ้ามีอะไรสงสัยหรืออยากให้ช่วยคุณก็มาหาผมได้นะครับ”
เขาส่งยิ้มที่รู้ว่าอีกคนคงจะไม่มีทางเห็นไปก่อนที่จะต้องเปลี่ยนเป็นหน้างงภายใต้หน้ากากเมื่ออีกคนปิดเสียงใต้หน้ากากและเดินไปหยิบไมโครโฟนที่อยู่ภายในห้องขึ้นมา
“เรียนเสร็จแล้วก็ต้องสอบใช่ไหมครับ ...
หวังว่าผมจะสอบผ่านนะครับ”
“Hiding from The Rain and Snow
Trying to forget but I won’t let go
Looking at a crowded street
Listening to my own heart beat””
(ซ่อนตัวจากฝนโปรย..หิมะพรม
อยากที่จะลืม…แต่ก็มิอาจหักใจ
มองไปยังถนน..ที่ผู้คนพลุกพล่าน
ฟังเสียงหัวใจของตนเอง)
ท่อนแรกของเพลงที่ถูกอีกคนเปล่งออกมาต่างกันสิ้นเชิงกับเสียงที่เคยได้ยิน
ความหวานละมุนกับความตั้งใจที่ถูกส่งออกมาทำเอาอีกคนอดใจเต้นไม่ได้
เขาเลือกที่จะนั่งอยู่ที่โต๊ะอย่างนั้นไม่ไปไหนพลางกวาดสายตามองไปยังอีกคนกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เข้าท่อนฮุคเสียแล้ว
“Take me
to your heart take me to your soul
Give me your hand before I’m old
Show me what love is – haven’t got a clue
Show me that wonders can be true”
(โปรดให้ฉันได้เข้าไปอยู่ในใจของเธอ…ในจิตวิญญาณของเธอ
ส่งมือนั่นมาให้ฉัน…ก่อนที่เราจะแก่ลงไป
แสดงให้ฉันเห็นถึงความรักนั้น
ให้ปาฏิหาริย์นั่นเป็นจริง)
อีกคนส่งมือมาตามคำแปลของเนื้อเพลง
ยื่นออกมาตรงหน้าเขาแล้วก็ยื่นอยู่อย่างนั้น ในตอนนี้เขากลับไม่รู้ว่าจะควรจะทำอย่างไรแต่ไม่ว่าท่อนเพลงจะผ่านไปอีกกี่ท่อนมือนั่นก็ยังคงปรากฏตรงหน้าเขาอยู่ดี
“Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand and hold me
Show me what love is – be my guiding star”
(โปรดให้ฉันเข้าไปในใจของเธอ..ในจิตวิญญาณของเธอ
ส่งมือเธอให้ฉันและเกาะกุมมันไว้
แสดงความรักนั่นให้ฉันเห็น…โปรดเป็นดาวนำทางให้ฉัน)
เพราะเขารู้ว่าอีกคนกำลังรอมือของเขาที่ยื่นออกไปทำให้เขาทำได้แค่มองอยู่อย่างนั้น
ความรู้สึกผิดท้วมล้นอยู่บนอก ก่อนที่ท่อนสุดท้ายจะถูกร้องขึ้นมา
“It’s
easy take me to your heart” ”
(นั่นเพียงแค่…ให้ฉันได้เข้าไปอยู่ในใจของเธอเท่านั้น)
ท่อนสุดหายของเพลงค่อยๆจบลงพร้อมกับมือของอีกฝ่ายที่ค่อยๆลดต่ำลงด้วย
หน้ากากทุเรียนได้แต่นั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้นเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นแม้แต่หน้ากากของอีกฝ่าย
เท้าของอีกคนค่อยๆก้าวมาใกล้ๆก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
“นี่ผมสอบตกใช่ไหมครับเนี่ย”
เสียงแปล่งๆที่ถูกพูดผ่านเครื่องแปลงเสียงดังลอดขึ้นมาอย่างเศร้าๆ เขาไม่ได้ตอบอะไรอีกฝ่ายไปเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ทำให้เขารู้ว่าเรื่องมันคงไม่จบลงง่ายๆแน่
เสียงผ้ากระทบกับผิวหนังดังขึ้นเมื่อคนภายใต้หน้ากากอีกาดำเลิกหน้ากากขึ้นถึงสันจมูก
มืออีกข้างของตัวเองเอื้อมไปเพื่อปิดตาอีกฝ่ายพลางโน้มหน้าเข้าไปหาหนามแหลมๆอย่างไม่เกรงกลัว
เสียงจุ๊บเบาๆดังขึ้นตามมาตามเสียงขอบคุณแผ่วเบา จนกระทั่งทุกอย่างเงียบสงัดลง
เมื่อข้างที่ไม่ได้ปิดตาอีกคนเอื้อมไปจับมือนุ่มไว้ก่อนจะกระซิบเสียงจริงข้างๆหูอีกฝ่าย
“ถ้าคุณจะไม่ยื่นมือมาหาผมก็ไม่เป็นไร
แต่อยากให้รู้ไว้ว่าผมเนี่ยแหละจะยื่นมือไปจับคุณเอง”
TALK
: เพ้อมากกกกกกก โครตเพ้อเจ้ออารมณ์เมากาวสุดๆ ขอบคุณทุกคนที่หลงกันเข้ามาอ่านนะคะ
รู้สึกหลอกลวงผู้บริโภคมาก แต่สำหรับใครที่ชอบก็ขอบคุณมากจริงๆค่ะ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกวิว ทุกเม้นท์ ทุก fav เลยน้าที่ติดตาม
รักทุกคนขอบคุณค่ะ 555555
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ yasineenisay ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ yasineenisay
ความคิดเห็น