[The Mask Singer] Give me your hand (อีกากินทุเรียน) - [The Mask Singer] Give me your hand (อีกากินทุเรียน) นิยาย [The Mask Singer] Give me your hand (อีกากินทุเรียน) : Dek-D.com - Writer

[The Mask Singer] Give me your hand (อีกากินทุเรียน)

โดย yasineenisay

"ยื่นมือมาให้ผมหน่อย แต่ถ้าคุณไม่ส่งมาก็ไม่เป็นไร เพราะผมเนี่ยแหละจะเป็นคนจับมือคุณไว้เอง"

ผู้เข้าชมรวม

2,014

ผู้เข้าชมเดือนนี้

13

ผู้เข้าชมรวม


2.01K

ความคิดเห็น


11

คนติดตาม


45
เรื่องสั้น
อัปเดตล่าสุด :  18 ก.พ. 60 / 09:26 น.


ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

#อีกากินทุเรียน อย่าลืมเข้าไปเม้าท์กันในแท็กนะคะ

@yasineenisay

ปล. ฟิคเรื่องนี้เกินจากจินตนาการของผู้แต่งไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ผู่ใดเสื่อมเสีย รวมถึงมีเนื้อหาของชายรักชายใครไม่ชอบกรุณากดปิดเพื่องดดราม่าใดๆ ขอบคุณค่ะ

 

          ตอนแรกที่หน้ากากทุเรียนได้ยินเขานึกว่ามันเป็นมุขตลกร้ายของอีกคนนึงเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่าเขาต้องมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษจำเป็นให้อีกคนนึงจริงๆ ถ้าไม่เพราะตอนนั้นเขาไปตกปากรับคำไว้แบบนั้นคงไม่ต้องมานั่งตัวเกร็งอยู่ในห้องพักแบบนี้หรอก

 

(1 ชั่วโมงที่แล้ว)

       “คุณหน้ากากทุเรียนครับ สวัสดีครับ” เสียงแปล่งๆจากตัวลำโพงเครื่องเล็กดังลอด ออกมาจากหน้ากากอีกาดำพร้อมกับร่างของเจ้าตัวที่กำลังเดินฝ่ายเดินเข้าไปหาอีกคน เขา เองก็ได้แต่มองแล้วทักทายกลับ

          

          “สวัสดีครับ คุณมีอะไรรึเปล่า”

          

     “ครับ คือผมอยากจะขอให้คุณช่วยอะไรหน่อย ... คือ ช่วยมาเป็นครูสอน ภาษาอังกฤษให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”

 

(ปัจจุบัน)

          ก็เพราะว่าอีกคนเล่นชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดไว้นั้นแหละถึงทำให้เขาต้องมานั่งตกระกำลำบากขนาดนี้ แถมยังเอาเรื่องอายุมาอ้างว่าเพราะตนเองชักจะเกินวัยรุ่นไปมากโขแล้วทำให้ภาษาไม่แข็งแรงเท่าไหร่พอได้ยินสำเนียงที่เขาร้อง If I ain’t got you เลยคิดเลยว่าน่าจะพอช่วยได้ แถมยังเอาเรื่องอารมณ์เพลงที่จะขาดไปไม่ได้กับเหตุผลอีกล้านแปดเจ็ดสิบเอ็ดแสน     มาพูดอีกทำให้เขาต้องตกปากรับคำยอมไปว่าจะสอนอีกคนถึงจะเลิกพล่ามนั่นแหละ     

          

     เสียงเปิดประตูดังขึ้นมาตามเวลาที่นัดไว้ไม่ขาดไม่เกิน อย่างน้อยคนภายในหน้ากาก    ทุเรียนก็ได้รู้ว่าอีกคนเป็นคนที่ตรงเวลาทีเดียว    

          

     “ขอโทษนะครับคุณทุเรียนที่ทำให้ต้องมานั่งรอ” เขาอยากจะบอกอีกคนใจจะขาดว่า   เขาไม่ได้มานั่งรออะไรแค่เขาเองไม่รู้จะไปสิงสถิตอยู่ที่ไหนก็เท่านั้นเอง ไปนู้นก็ไม่ได้ไปนี่ก็ไม่   ได้ มันจึงเหลือที่อยู่ไม่กี่ทีซึ่งที่นี้ก็คือหนึ่งในนั้น  

          

     “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเองก็กะจะมานั่งเฉยๆอยู่แล้วด้วย” เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเขา  ไม่ได้คาดโทษอะไรจึงชูกระดาษที่เจ้าตัวเตรียมมาให้ดู เนื้อร้องภาษาอังกฤษถูกปริ้นมาอย่างดีผิดกับลายมือหวัดๆที่เป็นชื่อเพลงด้านบน Take me to your heart

          

     ดูจากเพลงที่เลือกแล้วอีกคนคงมีอายุอานามมากจริงๆแหละ   

          

     “คุณทุเรียนรู้จักเพลงนี้รึเปล่าครับ”

          

     “ครับ ก็พอเคยฟังมาบ้าง แล้วนี้เขียนลายมือมาแบบนั้นไม่กลัวว่าผมจะรู้เหรอครับว่าคุณเป็นใคร”

          

     “จริงๆแล้วถ้าคุณจำลายมือผมได้ก็ดีนะครับ ... ” ท่าทีอีกคนเปลี่ยนไปเมื่อเขาถามคำถาม คนภายใต้ชุดขนดำเว้นช่วงไปสักพักใหญ่พลางเดินเขามาหาคนตัวเล็กกว่าใกล้ๆก่อนที่จะโน้มหน้าเขามาหาอีกคนใกล้ๆพลางเอื้อมมือไปปิดลำโพงของตัวเอง

          

     “... ผมจะได้รู้ไงครับว่าคุณใส่ใจผมขนาดนี้” แรงผลักที่อกทำเอาคนที่อยู่ภายใต้หน้าชุดขนดำแอบเซไปไม่น้อยและไม่คงจะไม่เซมากขนาดนี้ถ้าไม่มีส้นรองเท้าที่โครตสูง เขาหัว เราะในลำคอเบาๆอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะกลับมาเปิดลำโพงของตัวเองใหม่ ผิดกับอีกคนที่อารมณ์เสียหัวฟัดหัวเหวี่ยง

          

     “คุณก็รู้ว่าแบบนี้มันผิดกติกานี่คุณอยากให้ผมรู้ขนาดนั้นเลยหรือไง!” ไม่รู้ว่าเพราะคนภายใต้หน้ากากอารมณ์เสียที่อีกคนทำผิดกติกาหรืออารมณ์เสียที่อีกคนทำให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะถึงทำให้เสียงที่ออกมาดังกว่าปกติหลายเท่าตัว

          

     “สำหรับคุณแล้วขอแค่คุณขอ ... ผมก็ยอมถอดหน้ากากให้คุณตอนนี้เลยนะครับ”  เพราะว่าอีกคนที่ยังเล่นไม่ยอมหยุดนั่นแหละทำให้เขาชักจะรู้สึกร้อนขึ้นมาทุกที เขามอง แผ่นกระดาษที่อีกคนถืออยู่ในมือพลางเอื้อมไปหยิบมาจากมืออีกคน

          

     “รีบๆมาทำให้เสร็จๆเถอะครับ ผมไม่ได้ว่างขนาดนั้น” คนภายใต้หน้ากากทุเรียน เดินไปที่โต๊ะใหญ่ใจกลางห้องก่อนที่จะคุ้ยๆดูกล่องปากกาที่ทีมงานตั้งไว้ให้ เขาเลือกดินสอ ขึ้นมาส่งๆแท่งนึงก่อนจะมองขึ้นไปหาอีกคนพลางส่งสายตาเชิงให้มานั่งด้วยกัน แต่แทนที่อีกคนจะมานั่งตรงข้ามเขาเจ้าตัวกลับเอาอ้อมมานั่งกับเขาซะนี่

          

     “ทำไมไม่ไปนั่งฝั่งตรงข้ามละครับ”

          

     “ก็นั่งตรงนี้มันดู อะไรๆชัดกว่าหนิครับ” เพราะเขารู้ว่าถ้าอยู่ตรงนี้นานกว่านี้อีกสักนาทีเขาต้องกลายเป็นทุเรียนกวนแน่ๆ สิ่งเดียวที่ทำได้คือรีบๆสอนให้จบไป

          

     เนื้อเพลงท่อนแล้วท่อนเล่าถูกส่งผ่านคำพูดและปลายดินสอจากคุณครูจำเป็นอย่างเขา แต่รอบนี้เป็นนักเรียนเองที่เป็นฝ่ายสงบเสงี่ยมเรียบร้อยและถามคำถามที่มีประโยชน์มากกว่าครั้งไหนๆ การเรียนการสอนผ่านไปได้อย่างรวดเร็วกว่าที่เขาทั้งสองจะรู้ตัวเสียอีก

          

     ถึงแม้ว่าในระหว่างที่เขาพูดเขารู้ว่าตาของอีกคนไม่ได้มองที่กระดาษก็เถอะ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกระแอมไอเบาๆเพื่อเตือนสติอีกคนให้อยู่กับร่องกับรอย

          

     “นี่แหละครับความหมายทั้งหมด ยังไงถ้ามีอะไรสงสัยหรืออยากให้ช่วยคุณก็มาหาผมได้นะครับ” เขาส่งยิ้มที่รู้ว่าอีกคนคงจะไม่มีทางเห็นไปก่อนที่จะต้องเปลี่ยนเป็นหน้างงภายใต้หน้ากากเมื่ออีกคนปิดเสียงใต้หน้ากากและเดินไปหยิบไมโครโฟนที่อยู่ภายในห้องขึ้นมา

          

     “เรียนเสร็จแล้วก็ต้องสอบใช่ไหมครับ ... หวังว่าผมจะสอบผ่านนะครับ”

 

Hiding from The Rain and Snow
Trying to forget but I won’t let go
Looking at a crowded street
Listening to my own heart beat

(ซ่อนตัวจากฝนโปรย..หิมะพรม
อยากที่จะลืมแต่ก็มิอาจหักใจ
มองไปยังถนน..ที่ผู้คนพลุกพล่าน
ฟังเสียงหัวใจของตนเอง)

          ท่อนแรกของเพลงที่ถูกอีกคนเปล่งออกมาต่างกันสิ้นเชิงกับเสียงที่เคยได้ยิน ความหวานละมุนกับความตั้งใจที่ถูกส่งออกมาทำเอาอีกคนอดใจเต้นไม่ได้ เขาเลือกที่จะนั่งอยู่ที่โต๊ะอย่างนั้นไม่ไปไหนพลางกวาดสายตามองไปยังอีกคนกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เข้าท่อนฮุคเสียแล้ว

 

“Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand before I’m old
Show me what love is – haven’t got a clue
Show me that wonders can be true

(โปรดให้ฉันได้เข้าไปอยู่ในใจของเธอในจิตวิญญาณของเธอ
ส่งมือนั่นมาให้ฉันก่อนที่เราจะแก่ลงไป
แสดงให้ฉันเห็นถึงความรักนั้น
ให้ปาฏิหาริย์นั่นเป็นจริง)

          อีกคนส่งมือมาตามคำแปลของเนื้อเพลง ยื่นออกมาตรงหน้าเขาแล้วก็ยื่นอยู่อย่างนั้น ในตอนนี้เขากลับไม่รู้ว่าจะควรจะทำอย่างไรแต่ไม่ว่าท่อนเพลงจะผ่านไปอีกกี่ท่อนมือนั่นก็ยังคงปรากฏตรงหน้าเขาอยู่ดี

 

Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand and hold me
Show me what love is – be my guiding star

(โปรดให้ฉันเข้าไปในใจของเธอ..ในจิตวิญญาณของเธอ
ส่งมือเธอให้ฉันและเกาะกุมมันไว้
แสดงความรักนั่นให้ฉันเห็นโปรดเป็นดาวนำทางให้ฉัน)

          เพราะเขารู้ว่าอีกคนกำลังรอมือของเขาที่ยื่นออกไปทำให้เขาทำได้แค่มองอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกผิดท้วมล้นอยู่บนอก ก่อนที่ท่อนสุดท้ายจะถูกร้องขึ้นมา

 

“It’s easy take me to your heart

(นั่นเพียงแค่ให้ฉันได้เข้าไปอยู่ในใจของเธอเท่านั้น)

          ท่อนสุดหายของเพลงค่อยๆจบลงพร้อมกับมือของอีกฝ่ายที่ค่อยๆลดต่ำลงด้วย  หน้ากากทุเรียนได้แต่นั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้นเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นแม้แต่หน้ากากของอีกฝ่าย เท้าของอีกคนค่อยๆก้าวมาใกล้ๆก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าเขา

          

     “นี่ผมสอบตกใช่ไหมครับเนี่ย” เสียงแปล่งๆที่ถูกพูดผ่านเครื่องแปลงเสียงดังลอดขึ้นมาอย่างเศร้าๆ เขาไม่ได้ตอบอะไรอีกฝ่ายไปเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ทำให้เขารู้ว่าเรื่องมันคงไม่จบลงง่ายๆแน่

          

     เสียงผ้ากระทบกับผิวหนังดังขึ้นเมื่อคนภายใต้หน้ากากอีกาดำเลิกหน้ากากขึ้นถึงสันจมูก มืออีกข้างของตัวเองเอื้อมไปเพื่อปิดตาอีกฝ่ายพลางโน้มหน้าเข้าไปหาหนามแหลมๆอย่างไม่เกรงกลัว เสียงจุ๊บเบาๆดังขึ้นตามมาตามเสียงขอบคุณแผ่วเบา จนกระทั่งทุกอย่างเงียบสงัดลง เมื่อข้างที่ไม่ได้ปิดตาอีกคนเอื้อมไปจับมือนุ่มไว้ก่อนจะกระซิบเสียงจริงข้างๆหูอีกฝ่าย

          

     “ถ้าคุณจะไม่ยื่นมือมาหาผมก็ไม่เป็นไร แต่อยากให้รู้ไว้ว่าผมเนี่ยแหละจะยื่นมือไปจับคุณเอง”


 (อันนี้เป็น cover นะคะแต่เราชอบเวอร์ชั่นนี้มาก ยังไงถ้าว่างอยากให้ลองฟังกันดูเนอะ)

TALK : เพ้อมากกกกกกก โครตเพ้อเจ้ออารมณ์เมากาวสุดๆ ขอบคุณทุกคนที่หลงกันเข้ามาอ่านนะคะ รู้สึกหลอกลวงผู้บริโภคมาก แต่สำหรับใครที่ชอบก็ขอบคุณมากจริงๆค่ะ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกวิว ทุกเม้นท์ ทุก fav เลยน้าที่ติดตาม รักทุกคนขอบคุณค่ะ 555555

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น

    ×