[The Mask Singer] Nice To Meet You (อีกากินทุเรียน)
ไม่รู้ทำไมใจถึงสั่น เรารักกันแล้วเหรอฉันสงสัย ทำไงดีจะเอาเธอออกจากใจ แต่เธอบอกรู้ไว้ไม่มีทาง
ผู้เข้าชมรวม
2,370
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
อีกากินทุเรียน ฟิคthemasksinger หน้ากากทุเรียน หน้ากากอีกา laymedown มือปืน zombie จิ้นหน้ากาก หน้ากาก ฟิคหน้ากาก
#อีกากินทุเรียน อย่าลืมติดแท็กตอนเม้าท์มอยนะคะ
@yasineenisay
ปล. เรื่องนี่เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาจะทำให้บุคคลใดเสื่อมเสียรวมถึงมีเนื้อหาของชายรักชายใครไม่ชอบสามารถปิดได้นะคะ
หน้ากากทุเรียนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเจอกับอะไรเมื่อเดินผ่านประตูไปยังบนเวทีหรือว่าความรู้สึกแบบไหนที่เขาจะได้รับกลับมา
เจ้าตัวรู้แค่ว่าต้องทำให้ดีที่สุดในฐานะนักร้องคนหนึ่งและเมื่อครั้งแรกผ่านมาแล้วเขาจึงคิดว่าอาจจะทำให้ครั้งอื่นๆง่ายขึ้น
แต่แล้วเขาก็รู้ว่าความรู้สึกที่ผ่านมาเทียบไม่ได้กับการซ้อมร้องเพลงคู่กับบุคคลคนนี้ในตอนนี้เลย
“มาช้าไปหน่อยนะครับ”
ประโยคถูกกล่าวขึ้นมาลอยๆผ่านหน้ากากสีดำสนิทเสียงแปร่งๆที่ลอดออกมาจากลำโพงยิ่งทำให้ประโยคดูกวนตีนขึ้นไปอีก
เขาได้แต่ทำใจยอมรับว่าต้องเจออะไรแบบนี้ไปอีกหลายชั่วโมงจึงไม่ได้ทำอะไรนอกจากเป็นฝ่ายรับฟัง
“ผมจะปิดลำโพงแล้วนะครับ
ยังไงรบกวนเลิกชวนผมคุยด้วย” เขาไม่รู้ว่าอีกคนทำสีหน้าแบบไหนอยู่แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกผิดนิดๆที่เพิ่งปฏิเสธการสนทนากระชับมิตรไป
ดนตรีเพลง
They don’t know about us ของ one direction ดังคลอขึ้นมาทำให้คนที่อยู่ภายใต้หน้ากากสีเขียวสงสัยไม่ได้เพราะเพลงนี้ไม่ใช่เพลงที่พวกเขาจะใช้ร้องคู่กันแต่มันเป็นเพลงเดี่ยวของอีกคนที่กำลังจะต้องขึ้นร้อง
People say we shouldn’t be together
(ผู้คนต่างบอกว่าเราไม่น่ามาอยู่ด้วยกันเลย)
We're too young to know about forever
(บอกว่าเรายังเด็กเกินไปที่จะรู้จักคำว่า
ตลอดชีวิต)
และท่อนอื่นๆก็ดังตามมาเรื่อยๆพร้อมกลับอีกคนที่ค่อยๆเดินเข้ามาเขาที่ก้าวพร้อม
จังหวะเพลงที่ยังคงดำเนินต่อไปผิดกับเขาที่นิ่งสนิทอยู่กับที่ก้าวขาไม่ออก
They don’t know about the things we do
(พวกเขาไม่รู้เรื่องสิ่งที่เราทำหรอกนะ)
They don’t know about the “I love you”
(พวกเขาไม่รู้เรื่องที่ว่า “ฉันรักเธอ” หรอกนะ)
เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่อีกคนเกือบจะเดินมาถึงเขาเต็มทนแต่ครั้งนี้เขากลับก้าวไปข้างหลังได้เอง
เขาหันมองไปรอบๆแต่กลับไม่เห็นทีมงานสักคนจนเขารู้ตัวแล้วว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่ถูกพามาที่นี้
เขาถูกหลอกซะแล้ว
They don’t know about the up all nights
(พวกเขาไม่รู้เรื่องที่เราอยู่กันทั้งคืน)
They don’t know I’ve waited all my life
(ไม่รู้ว่าฉันรอมาทั้งชีวิตฉันแล้วหรอก)
ท่อนใกล้จบของเพลงดังขึ้นพร้อมกับที่หลังของเขาชนกำแพงพอดี
หนามของหน้ากากกระแทกกำแพงดังป๊อกๆ เมื่ออีกคนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเดินเข้ามา สิ่งที่เขากำลังจะต้องเจอต่อไปอาจจะน่ากลัวพอๆกลับการขึ้นเวทีครั้งแรกเลยก็ได้
Just to find a love that feels this right
(แค่เพียงพอหาความรักที่มันรู้สึกว่าใช่)
Baby they don’t know about
(ที่รัก พวกเขาไม่รู้หรอก)
เพลงท่อนสุดท้ายจบลงพอดีพร้อมกับจะงอยปากของหน้ากากอีกคนที่ชนเข้ากับหน้า
กากของเขาพอดีรวมถึงความใกล้ที่หากยุงจะบินผ่านสักตัวคงต้องขอทาง เสียงแปร่งๆลอดมาจากหน้ากากคล้ายเป็นการลองเสียงพร้อมกับอีกคนที่ก้มหน้าเล็กน้อยลงมามองเขา
“ละลายเป็นทุเรียนกวนไปแล้วเหรอครับ
นิ่งเชียว”
“นี่คุณ!”
เพราะความตกใจหรือหน้าที่ร้อนผ่าวตอนนี้ทำให้เขาเผลอตวาดออกมาซะเสียงดังพร้อมกับเสียงจริงที่เขาลืมไปว่าตัวเองปิดลำโพงได้ก่อนหน้านี้
ถึงเขาจะมองไม่เห็นภายใต้หน้ากากนั้นแต่เขาก็สัมผัสได้ถึงรอยยิ้มชั่วร้ายที่อีกคนส่งมาให้
ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรมืออีกฝ่ายกลับเอื้อมมาภายใต้หน้ากากพร้อมกลับเสียงคลิ๊กเบาๆที่เกิดขึ้นพร้อมกับเสียงแปล่งๆ
“ตอนนี้พูดได้แล้วนะครับ”
“มันจะมีประโยชน์อะไร
เมื่อกี้คุณได้ยินเสียงผมไปแล้วนี่”
“ผมไม่บอกใครหรอกครับว่าแต่ ... เพลงที่ผมร้องเมื่อกี้เป็นยังไงบ้างครับช่วยวิจารณ์หน่อย”
อีกคนก้าวถอยหลังออกไปทำหน้าอากาศแถวนี้ดูถ่ายเทสะดวกขึ้นมาอีกเท่าตัว
เขายืนอึกๆอักๆพูดไม่ออก
“ผมไม่มีอะไรจะวิจารณ์หรอกครับ”
ใช่เขาไม่มีอะไรจะวิจารณ์หรอกเพราะอีกคนร้องดีขนาดนั้นแถมช่วงหลังๆเขาเองก็ไม่ได้ฟังอีกตั้งหาก
เมื่ออีกคนเห็นเขาพูดแบบนั้นก็แอบคอตกจนทำให้เขาอดที่จะชมไม่ได้
“ที่ผมไม่ได้พูดอะไรเพราะคุณร้องดีมากตั้งหาก”
เมื่อจบประโยคหน้ากากอีกาเหมือนกลายเป็นคนละคน
สภาพนกป่วยเมื่อกี้ถูกสลัดออกไปจนหมดจนทำให้รู้ว่าเขาเองติดกับเสียแล้ว
“นั่นแหละครับเพลงที่ออกมาจากใจยังไงก็เพราะ”
“พูดดีไปเถอะเดี๋ยวตอนร้องจริงจะรอดูว่าจะทำได้ดีเท่านี้ไหม”
ร่างของคนที่เคยอยู่ห่างตอนนี้กลับอยู่ใกล้ซะยิ่งกว่าเดิม แขนข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาดันติดกำแพงพร้อมกับอีกข้างที่อยู่ใต้หน้ากากของตัวเอง
อีกฝ่ายโน้มหน้าเข้าหาอีกคนโดยไม่ได้กลัวหนามบนหน้ากากเลยแม้แต่น้อย เสียงกระซิบแหบพร่าดังตามมาเมื่อได้องศาที่พอเหมาะ
“นั่นขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมาดูผมร้องรึเปล่านะครับ”
“โอ้ย
นี่บ้านคุณขายทองหยอดรึไงหยอดอยู่ได้” เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นตามมา ขนาดคนพูดยังไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนที่มันตลกแล้วทำไมอีกฝ่ายต้องหัวเราะด้วย
“จริงๆผมก็ชอบกินทองหยอดนะ
แต่ไม่ได้ชอบไปมากกว่าทุเรียนหรอกนะครับ”
------------------------------------------------------------------
TALK : ไม่รู้ว่ากระแสจะออกมาเป็นยังไงแต่ใครที่หลงเข้ามาตอนจนถึงตอนนี้ก็ขอให้หาทางออกเจอนะคะ ตอนนี้แอบชอบเรือนี้มาก ไม่ว่าใครจะเป็นหัวเรือก็ต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย ถ้ามีตรงไหนแปลกๆสามารถติชมกันได้นะคะ อ่านฟิคแล้วอย่าลืมกลับไปดูรายการน้าาาา 555555 รักทุกคนขอบคุณค่ะ
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ yasineenisay ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ yasineenisay
ความคิดเห็น