Nunny_803
ดู Blog ทั้งหมด

Dragon

เขียนโดย Nunny_803


มังกร

(อังกฤษ: dragon, จากละติน: draco)

 

เป็นสัตว์วิเศษที่รู้จักกันในวรรณคดี มีรูปร่างลักษณะจัดอยู่ในประเภทสัตว์เลื้อยคลานหรืองู  ในนิยายหลายเล่มมีปรากฏให้เห็นกันทั่วไป  

เรื่องราวเกี่ยวกับมังกรนั้น มีอยู่ทั่วทุกทวีปทุกอารยธรรมบนโลก แม้ประวัติความเป็นมา ตำนานเรื่องเล่า ความเชื่อเกี่ยวกับมังกรจะต่างกัน แต่รูปพรรณสัณฐานต่างๆของมังกรนั้น กลับเหมือนหรือคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาด  ซึ่งก็คือต้องลำตัวยาว มีนิ้ว 4-5 นิ้ว มีปีกแผ่กว้าง มีเขาแหลมยื่นออกมาจากกลางหน้าผาก มีหางที่ทรงพลัง มีฟันอันแหลมคมและมีรูปร่างใหญ่โตน่ายำเกรง มังกรนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ หลากหลายรูปร่างตามถิ่นที่อยู่ มีทั้งใหญ่โตมโหฬารไปจนถึงตัวเรียวเล็กแต่มากด้วยพิษสง ซึ่งปัจจัยพวกนี้ จะช่วยในการดำรงชีวิตของมังกรแต่ละสายพันธุ์เพื่อให้อยู่รอดในสภาพแวดล้อมนั้นๆ

 

มังกรตะวันตก 

มังกรแถบทางฟากนี้จะเป็นที่รู้จักกันติดท็อปฮิตเลยล่ะ จุดเด่นของมังกรสายพันธุ์นี้จะอยู่ตรงที่มีขนาดที่ใหญ่โต มีเท้า 4 เท้า ยืนด้วยลำตัวตั้งตรง 2 ขาได้ พ่นไฟได้ มีปีกที่คล้ายกับปีกค้างคาวที่ใหญ่โต ปลายหางเป็นหัวลูกศร ซึ่งจุดนี้แหละ ที่ทำให้ต่างจากมังกรชนิดอื่นๆ ในยุโรปมังกรถือเป็นสัญลักษณ์แห่งซาตานหรือปีศาจร้าย พวกเขาเชื่อว่ามังกรเป็นบุตรแห่งซาตานที่จำแลงมาเพื่อมอบความโชคร้ายให้เหล่ามนุษย์ ทำให้บทบาทมุมมองของมังกรจะอยู่ในแง่ร้ายซะส่วนใหญ่ จะเห็นได้จากตามเทพนิยายต่างๆ ที่มีอัศวินบุกไปช่วยเจ้าหญิงให้พ้นจากมังกรร้าย ทำให้ภาพพจน์ของมังกรตะวันตกจะออกแนวดุดัน น่ากลัวมากกว่ามังกรทางตะวันออก

มังกรยุโรป (ดราโก ออกซิเดนทาลิส แม็กนุส) มังกรพันธุ์นี้ ถือเป็นมังกรที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดเลยก็ว่าได้ มังกรยุโรปจะอาศัยอยู่ในแถบถ้ำบนภูเขาหรือริมทะเลในพื้นที่ห่างไกล เมื่อมันโตเต็มวัย มันจะสูงถึง 13- 17 ฟุต ยาว 45 ฟุต มันมีหลายสีทั้งสีแดง เขียว ดำ หรือบางตัวก็มีสีทองเหลืองอร่าม มังกรยุโรปมีนิสัยรักสมบัติล้ำค่า ชอบอะไรที่หรูหราฟู่ฟ่า มังกรยุโรปสามารถพ่นไฟได้และใช้ภาษาได้ ซึ่งภาษาของมันจะมีความคล้ายคลึงกับอักษรรูน แต่จะต่างกันแค่เพียงบางตัวเท่านั้น มันจะลอกคราบเหมือนๆกับงู แต่มังกรจะพิเศษหน่อยตรงที่ลอกคราบ 3 ปีต่อครั้ง มังกรยุโรปจะล่าเหยื่ออย่างเช่น วัว ควาย แกะ ส่วนมนุษย์นั้นน่ะเหรอ? มันจะกินมนุษย์ก็ต่อเมื่อมันไม่มีอะไรจะกิน  ไม่ใช่ที่คนทั่วๆไปเข้าใจว่ามังกรกินคน  เพราะมนุษย์นั้นมีรสขม

มังกรน้ำแข็ง (ดราโก ออกซิเดนทาลิส มาริติมุส) มาถึงมังกรน้ำแข็งกันบ้าง สำหรับมังกรพันธุ์นี้จะอาศัยอยู่ในแถบอาร์กติกบางฤดู และอพยพไปทางแถบแอนตาร์กติก ก็คล้ายๆกับนกที่อพยพย้ายถิ่นฐานตามฤดูกาลนั่นแหละค่ะ  สาเหตุที่มังกรน้ำแข็งต้องอพยพไปเรื่อยๆ ก็เพราะว่ามันชอบภูมิอากาศที่หนาวเย็นและมืดครึ้ม มันชอบอาศัยอยู่ตามถ้ำที่หันหน้าสู่ทะเลแถบธารน้ำแข็งหรือภูเขาน้ำแข็ง เมื่อโตเต็มวัย มันจะสูงถึง 12 – 15 ฟุต ยาว 40 ฟุต ตัวเล็กกว่ามังกรยุโรปอีกใช่มั้ยล่ะ ลำตัวของมันมีแท่งแหลมๆยื่นออกเป็นแง่งๆจากกลางลำตัวตั้งแต่หัวจรดปลายหาง มันมีสีขาวบริสุทธิ์หรือขาวอมฟ้าหรืออมชมพู มังกรน้ำแข็งจะไม่พ่นไฟ แต่จะพ่นสายหมอกออกมาแทน ซึ่งสายหมอกที่มันพ่นออกมานี้ จะมีฤทธิ์คล้ายๆกับการที่เราโดนแช่แข็งในน้ำที่มีอุณหภูมิต่ำนั่นแหละค่ะ มังกรน้ำแข็งจะกินพวกหมีขั้วโลก หมึกยักษ์ สิงโตทะเล วาฬออสการ์ แมวน้ำ  เสือดาว  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ในแถบขั้วโลก

มังกรนัคเกอร์ (ดราโก โตรโกลไดเตส) แค่ชื่อก็ไม่คุ้นหูแล้วใช่มั้ยล่ะคะ มังกรพันธุ์นี้แทบจะไม่ปรากฏในนวนิยายเล่มใดเลย หรือมีอาจจะน้อยมากๆ อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยมีใครรู้จักมันเลยก็เป็นได้ มันอาศัยอยู่ในที่ที่ต้นไม้หนาทึบ ชื้นแฉะ ตามบ่อน้ำหรือสวนน้ำลึกๆ ใกล้ๆกับแหล่งอาหาร นัคเกอร์มีรูปร่างคล้ายงู ถ้าใครนึกไม่ออก ก็ขอให้นึกถึงงูใหญ่ๆยาวๆ มีขา 4 ขา มีปีกน้อยๆ 2 ข้าง มีเขาบนหัวที่เป็นผังผืด แต่น่าเสียดายที่มันบินไม่ได้ เมื่อโตเต็มวัย มันจะสูงถึง 3 - 4 ฟุต และยาว 30 ฟุต เลยทีเดียว มันมีสีน้ำตาลแก่ๆหรือแดงหม่นๆหรือน้ำเงินแกมเขียวเข้มๆ เปลวไฟที่มันพ่นออกมานั้น จะไม่ทำให้เกิดการเผาไหม้ แต่จะเป็นการปล่อยพิษลงสู่เหยื่อแทน สำหรับเมนูอาหารประจำวันของมันก็คือ กระต่าย กวาง พวกสัตว์ตามท้องไร่นา แล้วก็บรรดาเด็กหลงทาง

 

มังกรตะวันออก

มาดูอีกซีกโลกกันบ้าง บทบาทของมังกรในมุมมองของชาวเอเชียนั้น ต่างกันลิบลับกับชาวตะวันตกเลย แถบตะวันตกมังกรคือสัตว์ร้าย แต่ที่เอเชียมังกรคือเทพเจ้า เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ใครจะลบหลู่มิได้ ตามที่เห็นในภาพจิตรกรรมต่างๆของจีนและญี่ปุ่น ต่างนำเสนอมุมมองของมังกรในความหมายเป็นสิริมงคล ตามตำนานโบราณ พวกเขาเชื่อว่า มังกรคือเทพแห่งสายน้ำ ผู้หล่อเลี้ยงทุกสรรพสิ่งดลบันดาลความชุ่มชื้นให้แก่มวลมนุษย์ มีการบูชามังกรและการละเล่นต่างๆที่สื่อถึงการเคารพสักการะมังกร

มังกรหลง (ดราโก โอเชียนทาลิส แม็กนุส) เป็น 1 ในสายพันธุ์ท็อปฮิต ไม่มีใครที่ไม่รู้จักมังกรสายพันธุ์นี้ มักอยู่ในถ้ำใต้ทะเลสาบ แม่น้ำ ลำธาร เมื่อโตเต็มวัยมันจะสูงถึง 12-15 ฟุต และยาว 40 ฟุต ซึ่งขนาดอาจจะเล็กกว่ามังกรยุโรปสักหน่อย ลักษณะต่างๆ ของมังกรสายพันธุ์นี้ เกิดจากการรวมเอาลักษณะต่างๆของบรรดาสัตว์เล็กสัตว์น้อยมาผสมเข้าด้วยกัน 9 ชนิด ดังนี้

1.ได้เขามาจากกวาง

2.ได้หัวมาจากอูฐ

3.ได้ดวงตามาจากปีศาจหรือกระต่าย

4.ได้คอมาจากงู

5.ได้ส่วนท้องมาจากหอยแครงยักษ์

6.ได้เกล็ดมาจากพวกปลาตะเพียนหรือปลากระโห้

7.ได้เล็บมาจากอินทรี

8.ได้ฝ่าเท้ามาจากเสือ

9.ได้หูมาจากวัว

9 ชนิด 9 ความหลากหลาย นำมารวมกันเกิดเป็นมังกรหลงขึ้น!

มังกรหลงมีตัวสีน้ำเงิน ดำ ขาว แดง เหลือง มังกรตัวเมียจะพกพาไข่มังกรติดตัวไปด้วยตลอดโดย ถือไข่ไว้ด้วยอุ้งเท้าหน้า มันมีหนวดสัมผัสยาว มี 4 ขา มีนิ้ว 4 หรือ 5 นิ้ว ซึ่งถ้ามังกรตัวไหนที่มี 5 นิ้ว ถือว่าเป็นมังกรระดับสูง มันไม่สามารถพ่นไฟได้ แต่มันจะใช้เขา ฟัน และกรงเล็บล่าเหยื่อแทน มังกรสายพันธุ์นี้จะมีนิสัยเหมือนกับมังกรยุโรป ตรงที่ว่าชอบอะไรที่เป็นเพชรนิลจินดา สมบัติล้ำค่า ของที่หรูหราฟู่ฟ่า และจะหวงแหนมากเป็นพิเศษ มังกรหลงจะกินพวกปลาและนกเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าของโปรดล่ะก็ต้องหงส์ย่าง มังกรจากตำนานจีนมีการจำแนกระดับหัวหน้ากันด้วยนะ ทั้งนายจ้างและลูกจ้างตามนี้เลย

1.มังกรฟ้า (เทียนหลง) มีหน้าที่เป็นเหมือน ร.ป.ภ.ค่ะ คอยรักษาความปลอดภัยและดูแลสนับสนุนปราสาทสวรรค์ พวกนี้คือมังกรชั้นสูง

2.มังกรจิตวิญญาณ (เซินหลง) มีหน้าที่ทำให้เกิดลมพัดและช่วยสร้างฝน

3.มังกรโลก (ตี้หลง) มีหน้าที่ดูแลประจำแม่น้ำห้วยหนองคลองบึงและลำธารต่างๆ

4.มังกรเฝ้าทรัพย์ (ฝู ซาง หลง) มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สมบัติที่ปกปิดหรือซ่อนไว้ไม่ให้ใครลักขโมย

มังกรทิเบต (ดราโก มอนตานา แม็กนุส) มังกรทิเบตมีรูปร่างคล้ายคลึงกับมังกรหลงมาก หลายๆคนแทบแยกแยะความแตกต่างไม่ออกเลย มังกรทิเบตนั้นจะมีรูปร่างผอมบางกว่า และมีสีแดงที่สดใสระรานตากว่า มังกรทิเบตชอบอาศัยอยู่ในที่สูง ตามพื้นที่โล่งบนภูเขาในฤดูร้อน หลุมหิมะตื้นๆในฤดูหนาว เมื่อโตเต็มวัยมันจะยาว 40 ฟุต สูง 10-12 ฟุต มันสามรถปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศที่หนาวเย็นและบรรยากาศเบาบางตามเทือกเขาสูงได้ ส่วนเรื่องอาหาร มังกรทิเบตชอบกินเยติเป็นอาหารหลักๆเลย แต่ในบางครั้งก็กินตัวจามรี

ลินด์เวิร์ม (ดราโก เซอร์เปนทาลิส แม็กนุส) มาพูดถึงเจ้าตัวนี้ให้นึกถึงจระเข้ 2 ขา เพราะมันมีตัวสีเขียวหรือเหลืองปนน้ำตาล หน้าตาคล้ายจระเข้ มันอาศัยอยู่ตามหลุมตื้นๆหรือรังในพื้นดินซึ่งพ้นทางลม ขนาดของมันจะยาว 35 ฟุต สูง 8 –10 ฟุต มันวิ่งเร็วมากอย่าบอกใครเชียว พอๆกับลูกม้าป่าเลยล่ะค่ะ พวกมันจะใช้อุ้งเล็บตะปบหรือใช้ลำตัวรัดเหยื่อ แต่พวกมันมักจะพลาดเพราะพบเห็นได้ง่าย เมนูประจำวันก็คืออูฐป่าแบรคเทรียน (อูฐสองโหนก) บนทุ่งหญ้าสเต็ปป์ทางตอนใต้ของทวีปเอเชีย บางครั้ง ลินด์เวิร์มจะคุกคามขบวนคาราวานแถบเส้นทางสายไหมตอนกลางคืนด้วย

 

มังกรแถบแอฟริกา อเมริกาและออสเตรเลีย

คราวนี้ลองหันหัวเรือมาดูมังกรแถบอีกซีกโลกกันบ้าง มังกรใน 3 ทวีปนี้ มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่ซ้ำกับมังกร 2 ประเภทหลักๆข้างต้นเลย ทำให้น่าสนใจไม่แพ้มังกรตะวันตกและมังกรตะวันออกเลยทีเดียว

วายเวิร์น (ดราโก แอฟริกา แม็กนุส) เป็นมังกรที่คนส่วนมากจำผิดสลับสับสนกับมังกรตะวันตกอยู่เรื่อย วายเวิร์นนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ 2 ขา มันมีแค่ 2 ขา ไม่มี 4 ขาเหมือนพันธุ์อื่นๆ แถมวายเวิร์นยังเป็นพันธุ์ที่เรียกได้ว่ามีขนาดใหญ่โตที่สุด เพราะมันยาว 50 ฟุต สูง 18 -20 ฟุตเลยล่ะ มันอาศัยอยู่ตามเชิงผาหิน หรืออยู่ในรังรูปกลมในบริเวณที่เป็นเนินทรายหรือหญ้า มันมีตัวโทนสีน้ำตาลโคลนไปจนถึงเขียวมะนาว วายเวิร์นจะใช้ฟัน กรงเล็บและฟาดหางจัดการเหยื่อ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่มันพ่นไฟไม่ได้ อาหารหลักของมันก็ต้องมีขนาดที่สมตัวมันก็คือ ช้างนั่นเอง แล้วก็พวก ฮิปโป แรด พวกสัตว์ตัวใหญ่ๆทั้งหลายในท้องทุ่งแอฟริกา

แอมฟิแดร์ (ดราโก อเมริกานุส แม็กนุส) มังกรสายพันธุ์นี้ ให้คิดถึงงูมีปีก 2 ปีกหรือ 4 ปีก มีขนปุยบริเวณหางและโหนกหัว(จินตนาการกันออกมั้ยเอ่ย) มันอาศัยอยู่ตามกลางพงอ้อริมทะเลสาบหรือบนเกาะนอกชายฝั่ง ขนาดของมันอยู่ที่ยาว 45 ฟุต สูง 5-10 ฟุต มันมีสีเขียวตลอดทั่วทั้งลำตัว มันจะใช้วิธีพ่นไฟใส่เหยื่อหรือฟาดหัวและรัดเหยื่อ มันชอบกินสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ในท้องถิ่นทุกชนิดในอเมริกา ส่วนมากจะเป็นควายและตัวลามา

 

กายวิภาค หรือ อนาโตมี (ANATOMY) ของมังกร

ปีก - ปีกของมังกรจะมีลักษณะละม้ายคล้ายคึลงกับค้างคาว และค่อนข้างจะเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุด นั่นคือสามารถพยุงตัวที่แสนจะหนักได้ และได้มากกว่าปีกยกธรรมดา

กระเพราะอาหาร - ในนี้เขาพูดถึงว่ากระเพราะอาหารเป็นอีกจุดสำคัญอีกจุดหนึ่งที่ทำให้มังกรบินได้ เพราะในกระเพราะอาหารนั้นย่อมมีแบททีเรียที่ช่วยในการย่อย ก็จะเกิดก๊าซไฮโดรเจนขึ้น (มันจะมีกระบวนการยังไงเขาไม่ได้บอกไว้ละเอียด แต่ถ้ามีการบอกละเอียดก็น่าตกใจนะ เพราะเขาจะไปหามังกรที่ไหนมาผ่าล่ะ) ก๊าซไฮโดรเจนอย่างที่รู้ๆกันคือจะมีน้ำหนักเบากว่าอากาศถึง 14 เท่า จึงช่วยพยุงร่างให้ลอยในอากาศได้ นอกจากนั้นยังเป็นก๊าซไวไฟ มังกรจึงสามารถใช้พ่นไฟได้อีกต่อ (ประโยชน์เหลือหลายเลยนะเนี่ย) โดยในนี้เขียนว่าจะเก็บก๊าซไว้ในถุงลม ใช้เมื่อยามจำเป็น

กระดูก - สัตว์ที่บินได้ทั้งหลาย...ล้วนมีกระดูกเป็นโพรงกลวง เพื่อให้น้ำหนักเบาขึ้น

ตัวจุดประกายไฟ - แม้จะมีก๊าซไฮโดรเจน แต่ก๊าซก็ไม่สามารถติดไฟขึ้นเองได้ ต้องอาศัยการเกิดประกายไฟ (Spark) ในเรื่องนี้นักวิทยาศาสตร์ชี้แจงว่ามังกรได้หม่ำเอาหินชนวนเข้าไป พอหินเริ่มย่อยจะกลายเป็นผงทองคำขาว หรือ แพลทตินัม ซึ่งผงนี้จะสามารถทำปฏิกิริยากับก๊าซไฮโดรเขนแล้วจึงลุกเป็นไฟได้

 

พฤติกรรม

การผสมพันธุ์ - คาดว่าน่าจะเป็นแบบเดียวกับลูกหลานของมันประเภทหนึ่ง คือ นกอินทรีย์หัวล้าน (bald eagle) ซึ่งเป็นวิธีพิสดารไม่เหมือนใคร เขาบอกว่านกตัวผู้และตัวเมียจะใช้กรงเล็บเกาะกุมกันกลางอากศแล้วผสมพันธุ์ ช่วงนั้นจะไม่มีการควบคุมความสมดุล และควงสว่านลงมาจากท้องฟ้า มันจะเสพสมสำเร็จกันในวินาทีก่อนจะกระทบพื้นแล้วโผบินขึ้นไปบนฟ้าใหม่ก่อนจะผละจากกัน โดยเขามีเพิ่มอีกว่ามังกรก่อนจะผละจากกันเนี่ย มันจะพ่นไฟออกมาในอากาศด้วย

การหลอกศัตรู ใต้ปีกของมังกรจะมีดวงตาเบ้อเร่อ สีสดใส ยามมีภัยมันจะกางปีกออก ดวงตาก็จะทำให้ศัตรูตกใจและหนีกระเจิง

 

ที่มาของมังกร

ย้อนกลับไปยุค ไตรแอสสิก (TRIASSIC) ราว 200 ล้านปีก่อน ซึ่งพวกสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำได้ถือกำเนิดแล้ว พวกนี้บินหรือพ่นไฟไม่ได้ ได้แต่วิ่ง 4 ขา เพ่นพ่าน ต่อมาบางตัวบินได้ 2 ขาหน้าจึงไร้ประโยชน์แล้วกลายเป็นปีก นี่ก็อาจเป็นบรรพบุรุษของมังกรก็เป็นได้

ล่วงมาถึง 65 ล้านปีในอดีต สัตว์เลื้อนคลาน 4 ขาบางตัวมีอวัยวะคู่ที่ 3 งอกออกมาเป็นปีก (ตัวนี้คาดว่าจะคล้ายมังกรที่เรารู้จักมากที่สุด) เพราะบินได้ กระเพราะย่อยเป็นก๊าซไฮโดรเจนได้แล้ว ทว่าบางตัวก็เอาแต่จับสัตว์น้ำกิน จากปีกเลยกลายเป็นครีบ จากนั้นจึงกลายเป็นอีกชนิด คือสัตว์ประลาดอีกตัวที่เราน่าจะรู้จักกันดี คือ เนสสิ นั่นเอง

มังกรบางตัวที่มาหากินในป่า ลำตัวของมันยังคงความยาวเช่นเดิม แต่ปีกนั้นจะสั้นลงเพราะเดินลัดเลาะได้ไม่สะดวกนัก มังกรป่าเหล่านี้ปัจจุบันยังพบได้จามหมู่เกาะบางแห่งของญี่ปุ่นและในป่าละเมาะกับป่าดงดิบของจีนและเอเชียใต้

นอกจากนี้มีมังกรภูเขา ส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป รูปร่างจะม่อต้อไม่เรียว ทำให้บินได้คล่องตัวกวา ปลายหางยาวพอๆกับลำตัว และที่ปลายหางนั้นเป็นรูปหัวลูกศรหแหลมคมซึ่งเป็อาวุธอีกชิ้นของมังกร

 

เรื่องราวตำนานของมังกรอื่นๆ

ลาดอน (LADON) มังกรกรีกโบราณมีหน้าที่พิทักษ์แอปเปิ้ลทองคำของมหาเทวีเฮรา ต่อมาสิ้นชีพเพราะฝีมือเฮอคิวลิส

โยกุเนะ-นูชิ มังกรปิศาจของญี่ปุ่น ชอบกินเลือดเนื้อมนุษย์ และยื่นเงื่อนไขให้ส่งสาวพรหมจรรย์ไปให้มันปีจะคน

ราหู หรือ เกตุ เป็นอสูรรูปร่างคล้ายมังกรในคัมภีร์เวทของอินเดีย มีนิสัยชอบอมพระอาทิตย์ และพระจันทร์

ฟาฟเนอร์ (FAFNIR) แรกเริ่มมีกำเนิดเป็ยักษ์ในตำนานยุโรปตอนเหนือ พอโตก็สังหารบิดา แย่งชิงสมบัติ จากนั้นก็อ่านมนต์ร่ายเวท และตนเองกลายเป็นมังกร

 

ที่มา :

วิกิพีเดีย

http://www.thai-folksy.com/L2Qua/L91-120/95-L2Q.htm

http://tennis.exteen.com/20060214/entry

 


ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น