ขึ้นค่ารถเมล์จาก 8.50 บาท เป็น 10 บาท ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. 51 ที่ผ่านมาไม่ทันไร มาวันนี้ค่ารถเมล์กลับปรับลงเป็น 8.50 บาทเท่าเดิม
ถามว่าดีใจมั้ย ก็ดีใจที่อัตราค่ารถปรับลง สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ
แต่ถ้ามองในมุมกว้าง มันหมายความว่ายังไง ประเทศไทยเราเป็นอะไรไปแล้ว รัฐบาลทำอะไรกันอยู่
ทำไมเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ชาวต่างชาติจะมองเราอย่างไร ไหนจะม๊อบอีก อะไรอีก
เขาจะอยากมาลงทุนในบ้านเราเหรอ ถ้าบ้านเราเป็นแบบนี้

เพิ่มข่าวจาก Sanook.com ที่เอามาจาก คมชัดลึก อีกที

ศาลปค.เบรกขึ้นค่ารถเมล์ยกเว้นบขส.มีผล28พ.ค.

โดย คม ชัด ลึก วัน อังคาร ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 00:00 น.

ศาลปกครองกลาง ได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับการขึ้นค่ารถเมล์ ขสมก. ยกเว็นการปรับขึ้นค่ารถโดยสาร บขส. มีผล28พ.ค. ตามที่ บุญชัย ปธ.เครือข่ายคัดค้านขึ้นค่ารถสาธารณะยื่นคำร้อง ที่ศาลปกครองกลาง ถ.สาทรใต้ วันที่ 27 พ.ค. นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านการขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ ได้ยื่นคำฟ้องเพิ่มเติม คดีดำหมายเลข 811/2551 ที่ฟ้องคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง , นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-3 เรื่องเป็นหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทำการออกคำสั่งโดยมิชอบกรณีที่คณะกรรมการควบคุมการขนส่งฯ มีมติเมื่อวันที่ 20 พ.ค.51 ปรับขึ้นราคาค่าโดยสารรถประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) , รถร่วม ขสมก. , รถบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) และ รถร่วม บขส. ซึ่งจะให้มีผลตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. รายละเอียดคำฟ้องเพิ่มเติมดังกล่าว ระบุว่า การที่คณะกรรมการขนส่ง ฯ พิจารณาขึ้นค่าโดยสาร 1 บาท ในอัตราที่น้ำมันขึ้น 3 บาทนั้น เป็นการให้ประโยชน์กับผู้ประกอบการ เพราะตามข้อมูลของกรมการขนส่งทาบกและข้อมูลเครือข่าย ระบุว่ารถ 1 คัน สามารถรับผู้โดยสารได้ถึง 700 คน ดังนั้นผู้ประกอบการจะมีรายได้เพิ่มประมาณ 700 บาท แต่เสียค่าเชื้อเพลิงเพิ่มเพียง 200 บาทต่อรถ 1 คัน ซึ่งใช้น้ำมันประมาณ 60-80 ลิตร และกรณีที่คณะกรรมการขนส่ง ฯ ไม่ได้นำข้อมูลจำนวนรถที่ใช้ก๊าซ NGV มาใช้ประกอบการพิจารณาขึ้นค่าโดยสารถือว่าไม่มีความชอบธรรม เพราะปัจจุบันมีการใช้รถ NGV เป็นจำนวนมาก ส่วนที่มีการอ้างตัวเลขรถ NGV ว่ามีจำนวนน้อยนั้น ในหลักความเป็นจริง หากสามารถที่จะเปลี่ยนใช้ระบบ NGV และมีประสิทธิภาพผู้ประกอบการทั้งระบบก็สมควรที่จะนำรถตัวเองไปทำการเปลี่ยนเป็นระบบ NGV เพราะเป็นการลดต้นทุนในการเดินรถ ไม่ใช่การขอขึ้นโดยสารที่เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ซึ่งการที่ผู้ประกอบการ อ้างปัญหาการใช้ NGV ก็อ้างเพื่อให้มีความชอบธรรมในการปรับขึ้นค่าโดยสาร เพราะหากมีปัญหาเรื่องจำนวนปั๊มและปริมาณก๊าซ NGV ผู้ประกอบการก็สมควรที่จะประสานไปยัง บริษัท ปตท. จำกัด ( มหาชน) เพื่อแก้ปัญหาโดยเรื่องนี้ ปตท. เองได้แถลงแล้วว่าในเดือน ก.ค.51 จะแก้ปัญหาเรื่องปริมาณก๊าซและสถานีเติมก๊าซให้เรียบร้อย นอกจากนี้ที่ บขส. และ ขสมก. ไม่ได้ขอพิจารณาปรับขึ้นราคา แต่คณะกรรมการขนส่ง ฯ ได้ปรับขึ้นค่าโดยสารให้กับทั้ง 2 องค์กร ก็ถือว่าขาดหลักการและเหตุผลด้วย โดยเห็นว่าการพิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้ คณะกรรมการขนส่ง ฯ ไม่พยายามที่จะหาข้อมูลรถที่ใช้ NGV ทั้งที่หาข้อมูลได้จาก กรมการขนส่งทางบก , บขส., ขสมก. และ ปตท. ซึ่งถือว่าเป็นการเอาเปรียบประชาชน และกรณีที่นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการขนส่งฯ และนายชัยวัฒน์ สงวนซื่อ รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทาบกและเลขานุการคณะกรรมการ ฯ ได้แถลงข่าวล่วงหน้าก่อนที่จะมีการประชุม 2 อาทิตย์ว่าจะต้องมีการปรับขึ้นค่าโดยสารให้ผู้ประกอบการอย่างแน่นอน พฤติกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นการทำให้คณะกรรมการขนส่ง ฯ ทั้งหมดเกรงใจจึงมมีมติให้ขึ้นค่าโดยสาร ขณะที่เมื่อมีการขึ้นค่าโดยสารเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการขนส่ง ฯ ก็ไม่ได้พิจารณาถึงความพร้อม เพราะมีการทำผิดกฎหมายหลายอย่าง เช่น มีการใช้ตั๋วเก่าไม่ตรงกับค่าโดยสารที่จ่าย คือจ่าย 10 บาทแต่ตีตั๋วราคา 8.50 บาท หรือกรณีที่คณะกรรมการขนส่ง ฯ ไม่สนใจที่จะให้มีการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายในกรณีที่รถโดยสารทุกคันจะต้องติดตารางค่าโดยสารที่ออกโดยกรมการขนส่งทางบก และที่ในทางปฏิบัติให้มีการดำเนินขึ้นราคาไปก่อนทั้งที่ยังไม่มีมติเป็นลายลักษณ์อักษรจากคณะกรรมการขนส่ง ฯ อย่างไรก็ดีที่สำคัญแม้ผู้ประกอบทั้งภาครัฐและเอกชน จะอ้างเรื่องขาดทุนมาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีผู้ประกอบรายใดหยุดดำเนินธุรกิจ มีแต่เพิ่มปริมาณจำนวนรถของบริษัทตนเองมากขึ้น ดังนั้นข้อมูลที่อ้างว่าขาดทุนจึงไม่มีเหตุเพียงพอที่จะรับฟัง ซึ่งหากภาครัฐไม่สามารถจะควบคุมราคาให้มีความยุติธรรมกับประชาชนได้ ขอให้เปิดเสรีในเรื่องสัมปทานการเดินรถให้กับประชาชนทั่วประเทศ ล่าสุดมีรายงานว่า ศาลปกครองได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวการขึ้นรถเมล์ ขสมก. ยกเว้น บขส.มีผลตั้งแต่28 พ.ค.เป็นต้นไป