คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Something Sweet
-SomethingSweet-
Pairing : Tao x Kacha
Rate: PG
Author: mm.isme
----------------------------------------------------------------------------
แสงแดดยามเช้าจากหน้าต่างบานใสสาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนสีขาวสะอาดตา ชายหนุ่มบนเตียงนอนพลิกตัวหนีไปอีกด้าน พอดีกับเสียงนาฬิกาปลุกจากสมาร์ทโฟนสุดหรูดังขึ้น คนถูกปลุกควานมือไปปิดเครื่องมือสื่อสารบนหัวเตียงอย่างรำคาญใจ ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
หากแต่ยังไม่ทันได้นอนสนิทดี เสียงร้องจากโทรศัพท์ตั้งโต๊ะก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย ร่างหนาในกองผ้าห่มนุ่มนิ่มปรือตามองมันอยู่สักพักก็ไม่มีวี่แววว่าเสียงนั้นจะหยุดลง ชายหนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะลุกไปรับโทรศัพท์อย่างหงุดหงิดที่ถูกปลุกจากนิทราอันแสนสุข
‘มึงจะปิดมือถือทำซากอะไร!?’ยังไม่ทันได้พูดอะไร อีกฝ่ายก็ตวาดขึ้นทันที
"มีอะไร" เสียงเข้มตอบห้วนไปอย่างหัวเสีย
‘เชี่ยเต๋า วันนี้เรามีนัดกันครับ’
"นัดอะไร…แล้วนี่ใครเนี่ย" ร่างขาวขมวดคิ้วมองโทรศัพท์อย่างงุนงง
‘โคตรเพื่อนเลยว่ะนี่อ้นเอง อ้นที่หล่อๆเพื่อนมึงอะคร้าบ’
"ไอเวร แล้วนัดอะไรวะ" เสียงงัวเงียเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
‘วาดรูปส่ง’จารย์ไงครับคุณเพื่อน’
"เออว่ะ…เฮ้ย!ชิบหายละ แค่นี้นะ" ตาคมเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนังแล้วร้องออกมาอย่างตกใจ11โมงตรงเป๊ะ นี่เขานัดกับเพื่อนไว้ตอน11โมงครึ่งนี่หว่า ว่าแล้วก็รีบหยิบผ้าเช็ดตัวแล้ววิ่งไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองอย่างรวดเร็ว
รถมินิสีแดงเพลิงเลี้ยวจอดในที่จอดรถของสวนสาธารณะชื่อดัง ขาเรียวก้าวออกมาพร้อมกับอุปกรณ์คู่ใจทั้งหลายที่หอบมาอย่างพะรุงพะรัง มือขาวกดล็อครถก่อนจะเดินไปหาเพื่อนที่ยืนรออยู่แล้ว
“สวัสดีครับท่าน กว่าจะเสด็จมาได้นะครับ”ชายหนุ่มผมยาวมาดเซอร์เอ่ยทักทันทีที่คนตัวสูงเดินมาถึง
“กวนตีน”เต๋าพูดเสียงเรียบ แล้วก็พากันเดินหาทำเลเหมาะๆสำหรับการวาดรูปที่ได้รับมอบหมายเป็นโปรเจ็คใหญ่ก่อนจะจบปีสอง จนแล้วก็ตัดสินใจแยกย้ายนั่งกันคนละมุมในบริเวณใกล้ๆกัน เต๋าวางของใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาเป็นร่มเงาให้กับผู้คนที่นั่งพักแถวนั้น
ร่างสูงนั่งลงก่อนจะมองหาแรงบันดาลใจ ตาคมมองไปเรื่อย มีทั้งครอบครัวนั่งปิคนิคกันอย่างอบอุ่น กลุ่มเพื่อนที่กำลังถ่ายรูปกัน คู่รักที่เดินจูงมือกัน จักรยานที่ถูกปั่นโดยคนหลายๆคน ต้นไม้มากมาย ลำธารสายเล็กๆ แม้แต่ผีเสื้อตัวน้อยที่บินวนไปมาอยู่ตรงหน้า ล้วนก็ผ่านสายตาของร่างสูงแล้วทั้งนั้น หากแต่แรงบันดาลใจที่ต้องการก็ยังไม่ผุดออกมาสักที ก็ไอ้โปรเจ็คที่ว่าเนี่ยหัวข้อมันคือ‘ความรัก’น่ะสิ คนโสดอย่างเขาจะหาแรงบันดาลใจได้จากที่ไหนกัน
ชายหนุ่มยังคงนั่งมองสิ่งแวดล้อมรอบกายอย่างเอื่อยเฉื่อย ก่อนสายตาจะไปสะดุดอยู่ที่ม้านั่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่ที่ตนนั่งอยู่ ดวงหน้าหวานใสกำลังแย้มยิ้มกว้างกับกล้องตัวโปรดในมือ ก่อนจะส่งให้เพื่อนที่นั่งข้างๆดูด้วย รอยยิ้มแสนหวานสะกดสายตาคมให้หยุดนิ่ง ใบหน้าหล่อเหลามองคนน่ารักอยู่พักใหญ่ แล้วจึงค่อยละสายตาออกมาพร้อมกับยิ้มให้ตัวเองเบาเบา
คนน่ารักที่นั่งอยู่นั่นน่ะ คชาเลยนะ!คชาที่เขาแอบชอบมานานหลายเดือน ตั้งแต่เพิ่งขึ้นปีสองใหม่ๆ เห็นเขาหล่อเท่ห์ขนาดนี้ แต่จริงๆแล้วเขาน่ะเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปจีบร่างบางตรงๆ ได้แต่ส่งของหวานชิ้นเล็กและการ์ดให้ทุกวันมาเป็นเวลาเกือบๆหนึ่งเดือน
ร่างหนาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะทำเป็นเดินไปซื้อน้ำแถวที่คนตัวเล็กนั่งอยู่ ตาเรียวที่เห็นร่างสูงกำลังจะเดินผ่านไปเอ่ยทักขึ้นเสียงใส
“อ้าวเต๋า”เจ้าของชื่อชะงักนิดหน่อย หันหน้ามองคนเรียกแล้วยิ้มออกมา
ปฏิเสธหัวใจอย่างไร ฉันทำไม่เป็น
เพียงแค่เห็นเธอ เข้ามาทักทาย
เหมือนได้เห็นความฝันที่กลับกลายเป็นความจริง
“สวัสดีคชา”
“สวัสดี มาทำอะไรหรอ”ยิ้มน่ารักถูกส่งไปให้พร้อมคำถาม
“อ๋อ เรามาวาดรูปส่ง’จารย์อะ แล้วคชาล่ะมาทำอะไร”ชายหนุ่มเก็บอาการตื่นเต้นไว้จนมิด แล้วตอบออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ
“เรามาถ่ายรูปเล่นน่ะ”พูดจบก็ยิ้มให้อีกที เต๋ามองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกประหม่ากับรอยยิ้มที่ได้รับ รู้สึกว่าหัวใจมันเริ่มเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มจากคนคนนี้
หัวใจที่ไม่เคยมีรัก กลับอยู่ไม่เป็นจังหวะ
เพียงแค่เธอส่งยิ้มมา ไม่กล้าเปิดเผยใจ
กลัวเธอจะรู้ว่า คนที่ยืนอยู่ตรงนี้
“อ่า บังเอิญจังเลยเนอะ ฮ่ะๆ เอ่อ คชาเอาน้ำอะไรไหม”เสียงหัวเราะเฝื่อนๆถูกกลบด้วยการเปลี่ยนเรื่องสนทนา
“ไม่เป็นไรๆ ขอบคุณนะ”
“แล้วนี่เสร็จรึยังล่ะ”
“อื้อ ได้รูปเต็มเลย เต๋าล่ะ”
“ยังไม่ได้เริ่มอะไรเลยสักอย่างเรียกว่ามานั่งเล่นดีกว่า ฮ่าๆ”ชายหนุ่มพูดติดตลก เรียกเสียงหัวเราะเบาเบาจากร่างเล็กได้เป็นอย่างดี
เสียงแหลมของเพื่อนสาวตะโกนเรียกคชาจากอีกฝั่งหนึ่งของทางสำหรับปั่นจักรยาน คชาละความสนใจจากบทสนทนาตรงหน้าแล้วหันไปพยักหน้ากับเพื่อน ก่อนจะหันกลับมามองชายหนุ่มอีกครั้ง
“เพื่อนเราเรียกแล้ว เราไปก่อนนะ”
“อื้ม แล้วเจอกันคชา”คนตัวโตพูดพร้อมโบกมือลาและรอยยิ้มกว้าง
“แล้วเจอกันนะเต๋า”มือเล็กโบกไปมาและยิ้มกว้างกลับไปเช่นกัน
หลังจากที่คชาเดินจากไปแล้ว เต๋าจึงค่อยๆเดินกลับมานั่งใต้ต้นไม้ดังเดิม มุมปากกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม เมื่อคิดถึงใบหน้าคนที่เพิ่งคุยกันเมื่อกี้ ไม่ต้องเสียเวลาคิด ชายหนุ่มก็หยิบสมุดสเก็ตและดินสอขึ้นมาร่างรูปในหัว พร้อมกับรอยยิ้มที่ยังไม่หุบเลยตั้งแต่คุยกับคนร่างบาง
…จะว่าไป โปรเจ็คของอาจารย์ครั้งนี้นี่ง่ายกว่าที่คิดอีกนะ…
.
.
.
.
.
.
“ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนยะ”จอยทักคนที่ฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะใต้ตึกคณะนิเทศศาตร์ทันที่ที่เดินมาถึงโต๊ะประจำของกลุ่ม
“หืม..เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย”คนโดนทักเงยหน้ามองเพื่อนสาวก่อนจะขยี้ตาเบาเบาแล้วฟุบลงไปใหม่
“แหม ทำอะไรดึกดื่น มัวแต่นอนคิดถึงหนุ่มคนเมื่อวานรึเปล่า”พูดจบก็ยิ้มล้ออย่างขี้เล่น
“อั้ยย่ะ เมื่อวานเจอใคร!?”เพื่อนชายผิวสีแทนที่นั่งข้างๆคชาหันไปมองจอยแทบจะทันที ก่อนจะเอ่ยถามออกไปอย่างสนอกสนใจ
“จะใครซะอีกล่ะ ก็เดือนศิลปกรรมไงจ๊ะ”
“อ๋อออ เต๋าอ่ะหรอ”ต้นได้ยินดังนั้นก็ยิ้มล้อออกมาด้วยอีกคน
“อะไรเล่า ไม่ใช่ซะหน่อย แต่งรูปเพลินไปหน่อยต่างหาก”เสียงเล็กดังอู้อี้อยู่กับแขนของตน หากแต่ก็ไม่ได้เงยหน้ามารับรู้สายตาและยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ของเพื่อนรักทั้งสอง
พูดไม่ทันขาดคำ เต๋าที่ว่าก็เดินหล่อผ่านมาพร้อมหนุ่มติสท์อีกสามคน มองเผินๆอย่างกับบอยแบนด์ก็ไม่ปาน เพราะนอกจากจะหน้าตาดีกันทั้งกลุ่มแล้ว ยังพกดีกรีความเท่ห์เซอร์และที่สำคัญยังรวยและมีฝีมือกันทุกคนอีกต่างหาก
“อ้าว สวัสดีเต๋า”ต้นตะโกนทักอย่างนึกสนุก สายตาแพรวพราวมองเพื่อนตัวเล็กที่ดูยังไงก็แกล้งหลับชัดๆ ก็ดูสิ พอพูดถึงเต๋า หัวกลมก็ยิ่งมุดเข้าไปในแขนตัวเอง แล้วไหนจะแก้มลั่นๆที่ขึ้นสีชมพูอ่อนๆนั่นอีกล่ะ
“สวัสดีครับ”เสียงนุ่มตอบรับแล้วพากันเดินเข้ามาที่โต๊ะตัวยาว
“จะไปไหนกันหรอเนี่ย”จอยถามขึ้นบ้างแต่รอยยิ้มที่ส่งไปให้ร่างสูงนั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวรู้เสียเต็มประดาว่าหนุ่มหล่อดีกรีเดือนคณะตั้งใจเดินมาหาเพื่อนของตน
“พาไอเต๋ามาเดินเล่นน่ะครับ เห็นมันว่าเบื่อๆ”หนุ่มร่างสูงยาวนามว่า เจมส์ ตอบขึ้นมา
“เดินเล่นไกลเนอะ”ต้นว่าพร้อมใบหน้าอมยิ้มที่แทบจะหลุดขำออกมารอมร่อ ก็ตึกคณะศิลปกรรมกับนิเทศมันอยู่กันคนละฝั่งของมหาวิทยาลัยเลยนี่นา
“เงี้ยแหละครับ เพื่อนผมมันเบื่อมากกกกก เลยเดินเพลิน”เฟรม เพื่อนหน้าสิวที่มาพร้อมรอยยิ้มขี้เล่นและเหล็กดัดฟันสีแสบสันเอ่ยทันทีที่ต้นพูดจบ
เต๋าเอื้อมมือไปตบหัวเฟรมเบาเบา พร้อมกับส่งสายตาพิฆาตบอกเป็นนัยว่าให้หุบปากแก่เพื่อนประเสริฐทั้งหลาย แล้วก็ปั้นหน้าขรึมชำเลืองมองคนที่ฟุบอยู่ ก่อนจะสะกิดอ้น ชายหนุ่มผมยาวล้วงมือเข้าไปในกางเกงแล้วยื่นอมยิ้มสีหวานพร้อมจดหมายซองเล็กให้ต้น
“ให้คชาหน่อยนะ มีคนขี้อายแถวนี้ฝากมาให้”ต้นรับของมาไว้ในมือ มองหน้าเต๋าแล้วฉีกยิ้มกว้าง พยักหน้าเบาเบาอย่างล้อๆเต๋าหลบสายตานั้น ยกมือขึ้นเสยผมอย่างขัดเขิน
แอบหลงรักเธออยู่ แต่เธอคงดูไม่ออก
ซ่อนความรักไม่กล้าบอก กลัวเธอจะเปลี่ยนไป
ห้ามใจยังไงให้ไหว เมื่อเธอน่ารักเกินกว่าใคร
ปฏิเสธอย่างไร เมื่อรักเธอจนไม่อาจจะถอนตัว
“เราไปก่อนนะแล้วเจอกัน”ก่อนจะดุนหลังเพื่อนทั้งสามให้เดินออกไปจากตรงนั้น ไม่ลืมที่จะหันมาลาเพื่อนทั้งสองของคนตัวเล็ก แต่ก็ไม่วายที่จะเหลือบมองคนที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาตั้งแต่พวกเขาเดินเข้ามา แล้วจึงเดินห่างออกไป
คชาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาแล้วรับของจากมือต้นมาถือไว้ในมือ มือเล็กเปิดจดหมายซองเล็ก หน้าหวานเบะปากออกเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นอมยิ้มเล็กๆทันทีที่ไล่อ่านตัวอักษรไม่กี่ตัวบนกระดาษจบ
‘วันนี้น่ารักจัง…..ตาดำเหมือนหลินปิงเลย:P’
คชาได้รับจดหมายซองเล็กๆสีขาวที่บรรจุข้อความต่างๆพร้อมอมยิ้มแสนหวานรูปร่างสีสันสวยงามมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มทุกวัน ไม่มีขาดตกบกพร่อง ตอนแรกทั้งเขาและเพื่อนก็ไม่รู้หรอกว่าคนที่ส่งของน่ารักเหล่านี้มาให้คือใคร หากแต่เจ้าตัวดูจะแวะเวียนมาให้ได้เห็นหน้าบ่อยๆ ไหนจะสายตาหวานๆที่ถูกส่งมาให้หัวใจได้สูบฉีดจนเลือดขึ้นหน้า แล้วยิ้มหล่อๆนั่นอีก ก็รู้ว่าไม่ได้ตั้งใจให้เห็น แต่ทำไมไม่รู้ สายตาของเขามันดันเผลอไปมองแทบจะทุกครั้ง แต่ของเหล่านี้เจ้าตัวก็ไม่เคยได้เอามาให้ด้วยตัวเองสักครั้ง อาศัยฝากเพื่อนๆในกลุ่มผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้ทุกวัน
.
.
.
.
.
.
เสียงเรียกลูกค้าจากร้านรวงต่างๆของนักศึกษาที่มาออกบูทขายของต่างๆดังแข่งกัน ผู้คนเดินสวนกันพลุกพล่าน ทั้งนักศึกษาและคนนอก วันนี้มหาวิทยาลัยจัดงานกิ๊ฟท์ซึ่งเป็นงานที่จัดขายของจากนักศึกษาทั้งรับมาและทำมือ
“คชา”เมื่อก้าวเข้ามาในส่วนจัดแสดงนิทรรศการ เสียงทุ้มเรียกพร้อมสะกิดไหล่ลาดของคนข้างหน้าตนเบาเบา คนถูกเรียกหันกลับมามองก่อนจะชะงักไปนิดนึงเมื่อสบเข้ากับตาคม
“เต๋า”คชาหมุนตัวเผชิญหน้ากับอีกคนตรงๆแล้วส่งยิ้มให้
“ไปไหน”
“จะไปดูนิทรรศการไง”หน้าหวานยิ้มเผล่ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
“รู้แล้ว เราหมายถึงจะไปดูส่วนไหนของนิทรรศการ”เต๋าขมวดคิ้วน้อยๆที่ได้ยินคำตอบกวนโอ้ยแสนน่ารักจากคนตรงหน้า
“ฮ่าๆ เรารู้น่า เลิกขมวดคิ้วได้แล้ว”คชาขำคิกคัก นิ้วเรียวยกขึ้นกดเข้าที่หว่างคิ้วของร่างสูงอย่างลืมตัว เต๋านิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะทำเนียนยกมือขึ้นจับข้อมือเล็กลง
“คชากวน”เต๋าว่า หากแต่มือขาวก็ยังไม่ปล่อยจากมือนุ่มที่ตนเกาะกุม แก้มใสขึ้นสีระเรื่อ แล้วจึงค่อยๆบิดมือออกจากการเกาะกุมของอีกคน ยิ้มเขินถูกส่งให้ชายหนุ่มตรงหน้า
แล้วเป็นเพราะอะไร เธอนั้นยิ่งมาใกล้
หรือเธอรู้ ว่าฉันคิดยังไง
ล้อเล่นอย่างนี้ รู้ไหมฉันหวั่นไหว
พอแค่นี้ก่อนได้ไหม
“เอ่อ เราไปดูนิทรรศการก่อนนะ”คนตัวเล็กพูดอึกอักแล้วเดินเร็วๆหนีไปในโซนนิทรรศการภาพถ่าย มีหรือคนตัวขาวจะปล่อยโอกาสที่มีให้หลุดลอย เต๋าวิ่งเหยาะๆตามไปเดินเคียงข้างร่างบาง ทำเป็นชี้ชวนให้ดูรูปนั้นรูปนี้ ชวนคุยอยู่ไม่ขาด คชาก็ดูเหมือนจะลืมความเขินอายเมื่อสักครู่ไปเสียสนิท พูดคุยตอบโต้ร่างสูงไปอย่างสนุกสนาน
สองหนุ่มเดินดูรูปภาพมากมายไปเรื่อยๆ ก่อนที่ร่างบางจะหยุดอยู่หน้ารูปถ่ายรูปหนึ่งเป็นภาพถ่ายของเด็กหญิงหน้าตาน่ารักกำลังเล่นกับลูกหมาสีน้ำตาลตัวน้อยอยู่ในสนามหญ้าที่เขียวกว้างใหญ่ตัดกับท้องฟ้าสีอ่อน ปุยเมฆสีขาว ชวนให้รู้สึกอบอุ่นนุ่มนวลและสบายใจ ภาพใต้กรอบรูปใหญ่มีชื่อเจ้าของภาพติดเอาไว้‘นายนนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์นักศึกษาชั้นปีที่สอง คณะนิเทศศาสตร์ เอกสาขาถ่ายภาพ’
ตาเรียวมองภาพถ่ายนั้นอย่างภูมิใจ ยิ้มหวานถูกส่งออกมาไม่ขาดสาย จนคนมองตามอดจะยิ้มตามไม่ได้ เต๋ามองใบหน้านั้นอย่างเคลิบเคลิ้ม ตาเรียว จมูกรั้น ริมฝีปากบางที่คลี่ยิ้มแสนสดใส คชามองมันอยู่สักพักก่อนจะหันมามองคนที่มองตัวเองอยู่บ้าง ดวงตาคู่สวยสบเข้ากับตาหวานที่อีกคนส่งให้อย่างไม่รู้ตัว แก้มขาวขึ้นสีแดงอย่างน่ารักแล้วค่อยเบนสายตาไปมองทางอื่น
“คชาถ่ายรูปสวยจังเนอะ”เต๋าพูดออกมาทั้งสายตาหวานเชื่อมยังมองคนน่ารักอยู่
“ไม่หรอก บรรยากาศโดยรวมทำให้มันดูดีต่างหาก”ร่างเล็กพูดอย่างถ่อมตน หากแต่ก็ยังไม่กล้าหันไปมองหน้าอีกคนอยู่ดี
“อื้ม เราก็ว่าใช่นะ แต่คนถ่ายก็ต้องเก่งด้วยเหมือนกันแหละ”เต๋าเอ่ยอย่างจริงใจ
“อ่า ขอบคุณนะ”คชายิ้มรับคำพูดนั้นแล้วออกตัวเดินต่อ เต๋ามองตามไปไม่ขาด ริมฝีปากยกยิ้มอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
…น่ารัก…
นี่คงเป็นคำเดียวที่วนเวียนอยู่ในหัวสมองของเศรษฐพงศ์ ว่าแล้วก็เดินตามอีกคนไป ทั้งสองต่างเดินเคียงข้างกันไปในงาน แวะร้านต่างๆทั้งขายของแฮนด์เมดหรือแม้แต่ของกิน พูดคุยหยอกล้อกันอย่างน่ารัก ทั้งหมดทั้งมวลนี้ต่างอยู่ในสายตาของคนแถวนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย อีกคนเป็นถึงหนุ่มหล่อเดือนคณะศิลปกรรมที่เป็นที่จับตามอง เพราะนอกจากจะหล่อแล้วยังมีสเน่ห์ทั้งเจ้าตัวและผลงานศิลปะที่ใครๆต่างก็ชื่นชอบ กับอีกคน หนุ่มนิเทศหน้าหวาน ต่างเป็นที่รู้จักของหนุ่มสาวทั้งมหาวิทยาลัย ทั้งหน้าตาและนิสัยที่ดี รอยยิ้มที่ใครเห็นต่างก็บอกว่าเป็นรอยยิ้มที่ทำให้โลกสดใส ฝีมือการถ่ายภาพไม่เป็นรองใครในสาขา คนทั้งสองที่ดูเหมาะสมกันจนน่าอิจฉา ใครไม่มองก็บ้าแล้ว เด่นซะขนาดนั้น!
เต๋าและคชาเดินไปเรื่อยๆก่อนจะไปหยุดที่ซุ้มขายสมุดโน้ตและเสื้อแฮนด์เมดของเหล่าเพื่อนๆของเต๋าที่มีเพื่อนทั้งสองของคชามาช่วยขายด้วยเช่นกัน สายตาระยิบระยับแฝงด้วยความเจ้าเล่ห์และล้อเลียนที่ถูกส่งมาห้าคู่นั้นเป็นผลให้คนตัวเล็กรู้สึกเขินอายอย่างช่วยไม่ได้ เต๋ายกมือขึ้นเกาท้ายทอยเบาเบา ซึ่งเป็นสัญญาณที่กลุ่มเพื่อนต่างรู้ดี ว่ามันน่ะ’เขิน’
“แหนะ ไปไหนกันมาจ๊ะสองหนุ่ม”จอยมองทั้งสองคนยิ้มๆแล้วเอ่ยถามออกมา
“ไปดูนิทรรศการ”เต๋าตอบเสียงเรียบ ชำเลืองมองคนข้างๆที่ยืนทำสงครามทางสายตากับจอยและ
ต้นอยู่
“ไปไม่ชวนเลยน้อออออ”ต้นพูดด้วยเสียงที่บ่งบอกว่าล้ออย่างชัดเจน
“แต่พวกเราก็ไม่อยากไปเป็น ก ข ค หรอกเว้ย”เจมส์หันไปพูดกับต้นแต่แววตาขี้เล่นก็ถูกส่งให้เพื่อนรักที่เก๊กหน้านิ่งอย่างเต๋า
“ปล่อยเขาสองคนไปเห๊อะ”เฟรมพูดขึ้นบ้าง
“ให้เขาได้สวีทกัน”อ้นพูดพร้อมหันไปมองหน้าเต๋าอย่างกวนๆ
“แหม เห็นเพื่อนมีความสุขเราก็ดีใจ”ต้นพูด
“โอ้ย อิจฉา!”จอยหันไปมองคชาอย่างหมั่นไส้
“เฮ้อ เมื่อไหร่กูจะมีบ้างว้า”เฟรมตีหน้าเศร้า หันไปซบไหล่เจมส์แล้วทำเป็นร้องไห้กระซิกๆ
“เชี่ยเฟรม ตอแหล”อ้นส่ายหน้าเบาเบา มองเฟรมอย่างเอือมระอา
“เอาเถอะเพื่อน กูเห็นไอเต๋าเลิกป๊อด กูก็ตายตาหลับละ”เจมส์ไม่วายพูดกระทบเพื่อนตัวขาวที่ยืน
ขมวดคิ้วมองเหล่าเพื่อนตัวดีอยู่
“พอใจรึยัง”ร่างสูงถามทันทีที่เจมส์พูดจบ ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ทั้งห้าคนเอ่ยตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“มาก!!”เต๋าได้ยินดังนั้นก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น ผิดกับคชาที่ยังคงเขินอายกับคำพูดล้อของเพื่อนๆ
“เออ แค่นี้ใช่ไหม งั้นกูไปล่ะ”พูดจบ ร่างสูงก็ดึงมือคนตัวเล็กเดินฝ่าฝูงชนออกไปจากบริเวณนั้นทันที สี่หนุ่มกับหนึ่งสาวมองค้างไปยังทิศทางที่ทั้งคู่เดินออกไป ก่อนจะหันมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง
“แกล้งมันสนุกว่ะ”อ้นเอ่ยทั้งที่ยังขำไม่หยุด
“แต่ชัดเจนนะ คู่นี้”ต้นมองหน้ารอบวงแล้วพูดออกมา ซึ่งทุกคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
.
.
.
.
.
.
ความสัมพันธ์ระหว่างเต๋าและคชาใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น เมื่อกลุ่มเพื่อนของคนทั้งสองต่างสนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างดี ชวนกันไปนู้นไปนี่ เฮไหนเฮนั่น ทั้งคู่เจอกันบ่อยขึ้น ได้ร่วมทำกิจกรรมต่างๆด้วยกันมากมาย ไม่เว้นแม้แต่ตอนกลางวันที่กลุ่มของเต๋าจะพากันเดินมาร่วมโต๊ะทานข้าวกับกลุ่มของคชาที่โรงอาหารตึกนิเทศ นอกจากนั้นร่างสูงก็ดูเหมือนจะมีความกล้า รุกจีบอีกคนมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ขนมหวานชิ้นเล็กและการ์ดก็ยังคงมีมาให้ไม่ขาด หากแต่เต๋าก็กล้าเป็นคนนำมามอบให้ร่างบางเองทุกเช้า ทำตัวเป็นสารถีส่วนตัว เทียวรับเทียวส่งคชาทุกวันดูแลเอาใจใส่ไม่ห่าง จนเพื่อนๆต่างก็แซวว่าเป็นปาท่องโก๋ ตัวติดกันอย่างกับอะไรดี
บรรยากาศวันนี้ดูจะคึกครื้นและสดชื่นเป็นพิเศษ เมื่อหนุ่มสาวมหาลัยต่างก็มีชอคโกแลต คุกกี้ ขนมสีหวาน รวมทั้งดอกไม้สวยสดอยู่ในมือกันแทบจะทุกคน หน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของนักศึกษาทั้งหลายสามารถบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนเหล่านั้นมีความสุขมากเพียงใด แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็ยังเป็นวันที่ดูมืดครึ้มสำหรับคนไร้คู่และอกหักอยู่ดี
ร่างเล็กเดินหน้ายุ่งหอบของพะรุงพะรังมาที่โต๊ะตัวเดิมที่มีเพื่อนๆต่างก็นั่งพูดคุยกันอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ไร้เงาของคนผิวขาวจัดที่ปกติมักจะมาแต่เช้า ก้นเล็กนั่งแหมะลงบนเก้าอี้ข้างสาวร่างอวบที่กำลังคุ้ยห่อชอคโกแลตของเพื่อนตัวเล็กที่เพิ่งมา
“ฮอตเหลือเกินนะ”จอยพูดขึ้นด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ยังไม่ลดละความพยายามในการหาขนมที่ถูกใจในกองของขวัญกองโต(ของคชา)ที่มีทั้งดอกกุหลาบช่อโตสองสามช่อ ดอกกุหลาบหลากสีเป็นสิบดอก กล่องเค้ก คุกกี้ ชอคโกแลตหลายยี่ห้อ หรือแม้กระทั่งตุ๊กตาน่ารัก ของแฮนด์เมดก็ยังมี
“ก็คชาน่ารักนี่นา ไม่ลั่นเหมือนจอยซะหน่อย”เฟรมพูดเสียงหวานในประโยคแรก ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ขำหึหึออกมาเบาเบา มองจอยอย่างท้าทาย
“หนอย ไอหน้าสิว หล่อก็ไม่หล่อ ปากยังไม่ดีอีกนะ”
“ขอโทษครับคุณ ใครๆก็บอกว่าเฟรมคนนี้หล่อลืม!”ไอหน้าสิวที่ว่าพูดอย่างภาคภูมิใจ ประกอบกับหน้าตาเคลิบเคลิ้ม ตาลอยเหมือนคนช่างฝัน
“เพ้อใหญ่และนะมึง”เจมส์ผลักหัวเฟรม หวังจะเรียกสติเพื่อนสนิทที่หลุดลอยให้กลับคืนมา
“ที่กูพูดมาคือความจริงโว้ย ใครๆก็บอกอย่างนั้น”
“หรา!!”ทกุคนต่างกระแทกเสียงใส่เฟรมเป็นเสียงเดียวกัน เฟรมฉีกยิ้มกว้าง พยักหน้าแรงๆหนึ่งที คนที่เหลือได้แต่นั่งส่ายหัวไปมา …แม่ งหน้าด้าน…
“เออแล้วนี่ไอเต๋ายังไม่มาอีกหรอ”อ้นพูดโพล่งขึ้นมา เรียกความสนใจจากคนตัวเล็กที่นั่งงมการ์ดในกองของขวัญเงยหน้าขึ้นมามองแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มลงอ่านต่อ
“เออ ปกติมาเร็วนี่หว่า”ต้นมองไปรอบๆบริเวณที่นั่งอยู่ ก่อนสายตาจะมาหยุดที่ร่างเล็ก สายตาอีกสี่คู่มองตามต้นมาหยุดที่คชาเช่นกัน หัวกลมที่ก้มอยู่เริ่มรู้สึกถึงรังสีจากเพื่อนๆจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง คิ้วเรียวขมวดมุ่น เบะปากน้อยๆ แล้วจึงพูดออกมาบ้าง
“เราไม่รู้ ไม่ได้คุยกับเต๋า”เสียงหวานเอ่ยออกมานิ่งเรียบติดจะน้อยใจอยู่หน่อยๆ ก็ตั้งแต่เมื่อวานที่เต๋าไปส่งเขาที่บ้าน เขากับเต๋าก็ไม่ได้คุยกันเลยนี่นา ทั้งๆที่ปกติ เต๋าจะเป็นคนโทรมาคุยเล่นจนทั้งเต๋าและเขาหลับไป หรือไม่บางวันก็ส่งวอทแอปมาคุยกันจนถึงเวลานอน
ทันทีที่เต๋าโผล่ใบหน้าหล่อๆเข้ามาในมหาวิทยาลัยในช่วงสาย หนุ่มสาวหลายชีวิตต่างวิ่งเข้ามามอบของขวัญให้มากมายเนื่องในโอกาสวาเลนไทน์ ชายหนุ่มรับของอย่างรวดเร็ว โปรยยิ้มใหพอเป็นพิธีแล้วจึงเดินเลี่ยงไปยังโต๊ะใต้ตึกนิเทศ วางของมากมายลงบนโต๊ะ ทักทายเพื่อนๆเล็กน้อยแล้วจึงหันหลังเดินหายออกไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะเหลือบมองคนตัวเล็กที่นั่งหน้ายุ่งตั้งแต่เช้า
“รีบไปไหนของมันวะ”อ้นแกล้งพึมพำออกมา สายตาคมมองตามร่างสูงของเพื่อนไปแล้วยิ้มเล็กที่มุมปากเมื่อหันกลับมาเห็นคชานั่งนิ่งไม่พูดไม่จา แต่คิ้วสวยขมวดแน่นจนจะผูกโบว์ได้แล้ว
เมื่อถึงช่วงเที่ยง คชาต้นและจอยเดินมานั่งที่โต๊ะตัวเดิมในโรงอาหารคณะ แต่วันนี้กลับไร้เงาทั้งสี่ของเหล่าหนุ่มๆศิลปกรรมที่ปกติแล้วจะมานั่งรออยู่ก่อนเกือบทุกวันที่เลิกเร็ว ทั้งสามคนนั่งทานข้าวเงียบๆแตกต่างจากทุกวันที่มีเสียงพูดคุยดังไม่ขาด จอยและต้นแอบสบตาสายตาอย่างรู้กัน กระตุกยิ้มร้ายเมื่อหันไปมองเพื่อนอีกคนที่กินข้าวไม่พูดไม่จา ไม่นาน ก่อนที่คชาจะลุกขึ้นเอาจานไปเก็บ ก็มีนักศึกษาสาวไม่คุ้นหน้ายื่นลูกโป่งรูปร่างคล้ายหัวใจสีขาวสะอาดให้ คชารับมันมาอย่าง งงๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไรอย่างใจคิด หญิงสาวคนนั้นก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“มีคนฝากเรามาให้ อ่านกระดาษที่ปลายเชือกด้วยนะ”พูดจบ นางก็เดินหายออกไป ตาเรียวก้มมองกระดาษแผ่นเล็กที่ติดมากับเชือกลูกโป่ง มือเล็กหยิบมันขึ้นมากวาดสายตาอ่านเร็วๆ
‘ช่วยเดินออกมาหน้าตึกหน่อยนะ:)’
หน้าหวานฉายแววฉงน กำลังจะหันไปขอความคิดเห็นจากเพื่อนรักทั้งสอง หากแต่เมื่อหันไปแล้วกลับไม่พบใครที่ต้องการนั่งอยู่ คิ้วถูกขมวดแน่นมากขึ้นไปอีก ริมฝีปากบางเม้มเข้าอย่างใช้ความคิด ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปยังหน้าตึกตามคำในกระดาษ
เมื่อเดินมาถึงหน้าตึก คชาก็ได้พบกับชายหนุ่มที่เขาไม่รู้จักยื่นลูกโป่งรูปร่างเดียวกันแต่เป็นสีฟ้าให้ มือเรียวพลิกกระดาษใบเล็กอ่านอย่างรวดเร็ว
‘สงสัยล่ะสิไปหาคำตอบที่ต้นราชพฤกษ์ข้างหน้านะ’
คนตัวเล็กออกเดินตรงไปยังต้นไม้ที่ว่าที่ถูกปลูกอยู่หน้าตึกนิเทศศาสตร์พอดิบพอดี เฟรมโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ ยื่นลูกโป่งสีส้มอ่อนให้คชา ยิ้มให้ตามแบบฉบับแล้ววิ่งหายไป
‘อยากรู้ไหม ผมเป็นใคร?ไปหาเพื่อนคุณที่ลานน้ำพุนะครับ’
ไม่รอช้า คชากึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาเพื่อนที่ว่า มองจากที่ไกลๆเห็นเป็นเพื่อนชายผิวสีที่ยืนยิ้มรออยู่ก่อนแล้ว ต้นส่งลูกโป่งสีเขียวในมือให้อีกคนแล้วหันหลังเดินออกไปจากตรงนั้น
‘ผมยังไม่บอกหรอก:Pหาคำตอบต่อสิครับ’
ทันทีที่คชาเงยหน้าขึ้นมาก็สะดุ้งเบาเบา เพราะร่างสูงใหญ่ของเจมส์โผล่มายืนดักหน้าเขาไว้ เจมส์ยื่นลูกโป่งสีเหลืองอ่อนให้คชาแล้วก็เดินเร็วๆจากไป
‘สนุกไหม?หึหึ กรุณาเดินไปที่ตึกกลางหน่อยนะครับ’
ร่างบางเดินเอื่อยๆไปตึกกลางตามคำสั่งของตัวอักษรในกระดาษแผ่นเล็ก จอยเดินอมยิ้มออกมาจากตึก หยุดยืนหน้าเพื่อนรัก หยิกแก้มนุ่มเบาเบาอย่างหมั่นเขี้ยวแล้วจึงส่งลูกโป่งสีชมพูหวานให้
‘อีกนิดครับ..เพื่อนผมรอให้คำตอบคุณอยู่ที่ตึกศิลปกรรม’
คชาวิ่งเหยาะๆไปตึกที่ว่าก่อนจะพบอ้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว คชาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าอ้น ยื่นมือรับลูกโป่งสีม่วงมาถือไว้ในมือและอ่านกระดาษที่ติดไว้ปลายเชือก
‘เก่งจัง:) แต่คุณช่วยอะไรผมหน่อยได้รึเปล่า? ..ช่วยเก็บลูกโป่งให้ครบทีนะครับ’
ตาหวานเงยหน้ามองตรง สายตาไปสะดุดกับลูกโป่งที่ถูกผูกเรียงกันเป็นทางยาวเข้าสู่ตัวตึกคณะศิลปกรรม ร่างบางเดินไปคว้าลูกโป่งมากมายมาไว้ในมือ โดยไม่ลืมอ่านข้อความที่แนบมา ริมฝีบางบางยกยิ้มขึ้นน้อยๆเมื่อเห็นว่าคราวนี้ลูกโป่งถูกผูกติดกับอมยิ้มที่เขาคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี
‘คุณน่ารัก’
‘คุณสดใส’
‘คุณยิ้มสวยมาก’
‘คุณนิสัยดีชะมัด’
‘อัธยาศัยดีเป็นบ้า’
‘เรียนก็เก่ง’
‘ถ่ายรูปก็สวย’
‘ใครๆก็หลงรักคุณ’
‘แต่คุณรู้ไหม?’
‘ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งแอบมองคุณอยู่เช่นกัน’
‘ผู้ชายคนนั้น’
‘ก็คือผมคนนี้’
‘ที่ตกหลุมรักคุณ’
‘จนถอนตัวไม่ขึ้น’
แก้มขาวขึ้นสีแดงเรื่ออย่างห้ามไม่ได้ ยิ้มเล็กถูกจุดขึ้นอย่างเขินอาย ข้างหน้าเหลือลูกโป่งสีแดงอยู่อีกสามลูก ร่างเล็กสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วจึงค่อยๆเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มือเล็กค่อยๆจับกระดาษแผ่นจิ๋วขึ้นอ่าน พร้อมแกะลูกโป่งใส่มือของตนที่กำลูกโป่งลูกอื่นอยู่
‘ผม’
‘รัก’
‘คุณ’
ลูกโป่งใบสุดท้ายถูกมือขาวยื่นให้คนตัวเล็ก คชาเงยหน้ามองคนตรงหน้าแล้วยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ จึงหลุบตามองพื้น มือเรียวรับลูกโป่งมาถือไว้ ใบนี้ไม่มีทั้งกระดาษและอมยิ้ม หากแต่ที่ตัวลูกโป่งนั้น มีข้อความเขียนไว้ตรงกลาง
‘รักกันนะ:)’
สายตาอ่อนโยนทอดมองคนตัวเล็กด้วยความรักที่ล้นเอ่อ ก้มลงไปจนชิดใบหูเล็ก กระซิบถ้อยคำหวานแผ่วเบา…ให้ได้ยินกันแค่สองคน
“เต๋ารักคชา เป็นแฟนกันนะครับ”
ห้ามใจยังไงให้ไหว เมื่อเธอน่ารักเกินกว่าใคร
ปฏิเสธอย่างไร เมื่อรักเธอจนไม่อาจจะถอนตัว
…ปฏิเสธไม่ไหว วันนี้ฉันจะบอกเธอให้รู้ตัว
END
.
.
.
.
.
.
.
.
SPECIAL
“ต๋าวววววว ไหนบอกมีอะไรจะอวดคชาไง”ร่างเล็กตะปบเข้าที่แขนของอีกคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนโซฟานุ่มในห้องนอนสีขาวสว่างของคนตัวสูง
“ขอพักสายตาแปปนะชา”เสียงทุ้มเอ่ยตอบแผ่วเบา ได้ยินดังนั้นปากบางสีแดงสดก็เบะออกอัตโนมัติ ตาสวยมองคว่ำไปที่ร่างสูง ทำท่าจะลุกหนี แต่มือขาวกลับไวกว่า คว้าข้อมือเล็กไว้ได้ทันก่อนที่คนขี้งอนจะเดินหนีออกไปทั้งที่ยังนอนหลับตาอยู่
เปลือกตาหนาปรือขึ้นมองคนตัวเล็กที่ยังหน้ายุ่งไม่หาย พยุงตัวลุกขึ้นนั่งแล้วค่อยดึงอีกคนเข้ามาใกล้ กระตุกมือในนั่งข้างๆ
“โอเคๆ เต๋าจะไปเอามาเดี๋ยวนี้แหละ คชานั่งรอตรงนี้นะ”พูดจบก็เดินไปหยิบของที่ว่าจากกระเป๋าใบใหญ่ของตน แอบมันไว้ข้างหลัง เดินดุ่มๆมานั่งข้างเด็กน้อยหน้างอตามเดิม
“ของที่เต๋าจะอวดมันคืองานโปรเจ็คใหญ่ของเต๋า”ร่างสูงยิ้มน้อยๆก่อนจะโชว์ผลงานที่ตัวเองภูมิใจนำเสนอเหลือเกิน ใบหน้างอง้ำค่อยๆคลายลงเป็นสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาเรียวเพ่งพิจารณาผลงานนั้น เพียงไม่นานรอยยิ้มน่ารักก็หลุดออกมา ถูกส่งเผื่อแผ่ไปยังเจ้าของผลงานชิ้นนี้
“ชอบไหม”เต๋าเอ่ยถามเสียงนุ่ม คชาพยักหน้าเบาเบา
“ชอบ ว่าแต่นี่คือคชาใช่ไหมเนี่ย”
“ก็ใช่น่ะสิ หน้ากลมๆแบบนี้มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ”พูดจบก็ส่งมือหนาไปขยี้ผมอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยว คชายู่หน้าขยับเข้าไปมองรูปวาดใกล้ๆ ภาพบนเฟรมผืนใหญ่เป็นรูปของสวนดอกไม้สีขาวแต่งแต้มด้วยดอกหญ้าสีครีม ท้องฟ้าสีฟ้าอ่อน โดยมีชายหนุ่มตัวเล็กเป็นจุดเด่นของภาพ ใบหน้าน่ารักของเด็กหนุ่มบนเฟรมละม้ายคล้ายคลึงกับร่างเล็กที่นั่งมองรูปวาดตาใส หน้าตาไร้เดียงสาและรอยยิ้มสดใสเป็นที่ตราตรึงในใจของผู้ชมผลงาน บรรยากาศของภาพอบอุ่นนุ่มนวลและอ่อนโยน แสดงออกถึงความรักที่ผู้วาดภาพต้องการสื่อได้เป็นอย่างดีเสียจนรู้สึกอิจฉาผู้ที่จะมาเคียงข้างศิลปินหนุ่มเจ้าของผลงานไม่ได้
“รูปนี้เต๋าให้คชา”
“จริงหรอ!ให้จริงๆนะ คชาจะได้เอาไปติดไว้ในห้อง”รอยยิ้มสดใสกว้างขึ้นจนตาเรียวหยีเล็ก เต๋ามองยิ้มนั้นแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามออกมา แขนแกร่งโอบคนตัวเล็กเข้ามากอด โยกไปมาเหมือนกล่อมเด็กตัวน้อย คชาซบหน้าลงกับลาดไหล่กว้างแล้วถามเสียงอู้อี้
“ว่าแต่ รูปนี้คอนเซ็ปต์อะไรหรอเต๋า”คนถูกถามยิ้มแล้วผละออกจากร่างเล็ก ตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาใส แก้มป่องขึ้นสีระเรื่อ อยากจะหลบตาเชื่อมที่ส่งมาเหลือเกิน แต่ก็ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เมื่อดวงตาคู่นั้นสะกดเขาไว้นิ่ง
“คอนเซ็ปต์น่ะหรอ”จมูกโด่งกดเข้ากับปลายจมูกรั้นเบาเบา ระยาห่างไม่ถึงคืบเป็นผลทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำ ริมฝีปากหยักเคลื่อนเข้าไปใกล้ปากบางจนแทบจะชนกัน ก่อนจะตอบแผ่วเบา
“คอนเซ็ปต์คือ…ความรัก”พูดจบช่องว่างเพียงน้อยนิดนั้นก็หมดไป เต๋าแนบริมฝีปากหนาของตัวเองบดเบียดกลีบปากนุ่มหยุ่นอย่างอ่อนโยน ผลักคนใต้ร่างให้นอนราบไปกับโซฟาตัวใหญ่ทั้งที่ริมฝีปากก็คลอเคลียอยู่ไม่ห่าง ลิ้นร้อนถูกส่งเข้าไปควานหาความหอมหวาน แขนเรียวถูกยกขึ้นคล้องคอร่างสูงอย่างอัตโนมัติ ลิ้นสากไล่ต้อนลิ้นเล็กอย่างจนมุม จากจูบอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานและเร่าร้อนในที่สุด เสียงเล็กอื้ออึงในลำคอเป็นสัญญาณขาดอากาศที่ยาวนานเกินไป ปากหนาจึงผละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง จมูกโด่งได้รูปกดลงที่แก้มนุ่มไล่มายังคอขาว สูดดมกลิ่นหอมหวานที่มอมเมาเขาทุกครั้งที่สัมผัส
“เต๋า…”
“เต๋ารักคชานะ”พูดจบปากร้อนก็ทาบลงบนคอระหงส์ ดูดเม้มจนเป็นรอย มือหนาล้วงเข้าไปในเสื้อตัวบาง ลูบไล้ผิวเนียนนุ่มอย่างลุ่มหลง ร่างเล็กที่แทบจะหลอมละลายลงไปตรงนั้น เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบาหวิว
“อะ อือ..คชาก็รักเต๋า”
Real END
TALK~
สวัสดีค่ะ :) ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคเต๋าคชาเรื่องแรกที่แต่ง
เรื่องหวานๆ สบายๆ ต้อนรับวาเลนไทน์
ภาษาอาจจะแปลกๆ แหะแหะ ดีไม่ดียังไงก็ฝากติชมด้วยนะคะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านและเม้นนะคะ จุ้บๆ
Happy Valentine's Day ค่ะ<3
ความคิดเห็น