ณ ศตพรรษ - นิยาย ณ ศตพรรษ : Dek-D.com - Writer
×

    ณ ศตพรรษ

    ณ กาลหนึ่ง ซึ่งกำเนิดสองบุรุษกล้าที่มิอาจทนทานกับความโหดร้ายทารุณเยี่ยงสัตว์นรกของผู้นำอันเกรียงไกรได้อีกต่อไป เพื่อผดุงผาสุกให้กับมนุษยชาติ

    ผู้เข้าชมรวม

    98

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    98

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  25 ก.พ. 59 / 17:18 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

           เรื่องราวการเดินทางของสองบุรุษหนุ่ม นามว่า “อุศิกะ” และ “วาบูอายี”

     

             จากหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เพื่อค้นหาสัจธรรมแห่งชิวิต โดยมีคำสัญญาต่อหัวหน้าหมู่บ้านที่จากมาเป็นเดิมพัน เพราะเขาทั้งสองไม่อยากเป็นนักรบประจำหมู่บ้านที่ต้องทำงานด้วยการ...ฆ่า.. 

     

             และเมื่อเขาทั้งสองได้พบกับนักบวชที่น่าเลื่อมใสท่านหนึ่งชักชวนให้ไปศึกษาหาหนทางสงบร่วมกันที่สถานศึกษาอันไกลโพ้นทางฝั่งตะวันออกของดินแดนกำเนิด เพื่อความหลุดพ้นแห่งชีวิตทั้งตนเองและคนในหมู่บ้านที่เขารักและผูกพัน


     

     

             บุรุษหนึ่งนามว่า "อุศิกะ" ........เป็นหนุ่มรูปงาม บุตรแม่ค้าขายปลาจากทะเลสาบตากแห้งที่ไม่ได้จับมาด้วยตนเอง แต่จะเลือกซื้อปลาที่ติดตาข่ายตายแล้วเท่านั้นมาทาเกลือให้ดีและตากให้แห้ง แล้วจึงนำไปขายให้ลูกค้า

     

    เขาเป็นคนมีจิตใจดีมีเมตตา ผมยาวสลวยดำขลับอมน้ำตาล เติบโตมาด้วยความคิดที่ไม่ต้องการฆ่าฟันสิ่งมีชีวิตใด ๆ เพราะผู้เป็นมารดาสั่งสอนไว้ แม้ผู้เป็นบิดาจะจากไปแต่ยังเล็กและไม่ได้พบเจอกันอีกเลย เขาก็ยังเคารพและคิดถึงอยู่เสมอ

     

    ในทุกวันเขาจะปรนนิบัติมารดาด้วยการนวดน้ำมันที่เท้าของท่านเป็นประจำ จากอาการปวดขาปวดเท้าจากการยืนขายปลาให้ลูกค้าเป็นเวลานาน

     

    อาหารที่เขาโปรดปรานมากก็คือ “ผักจีระนา” ที่มักขึ้นอยู่บนยอดเขาอาโทนาร์อันสูงชัน และเขาจะปีนขึ้นไปเก็บมันด้วยตนเองเสมอ ๆ ในทุกเดือน เขาจึงมีร่างกายที่แข็งแกร่งบึกบึน คล่องแคล่วในการปีนป่าย ประดุจหนึ่งกระรอกน้อยก็ไม่ปาน

     

    จนเป็นที่หมายปองของสาว ๆ ทั่วไป แต่เขาเองก็ยังไม่ปักใจชอบใครเป็นพิเศษ อาจมีอยู่บ้างในใจลึก ๆ เมื่อผ่านไปพบกับ "นางมะยีฮะนา" ที่โตขึ้นเป็นสาวเต็มวัย จากเด็กกระเปาะตัวน้อยที่เคยเล่นเกมลูกหิน "มายัพ"  เกมการเล่นดีดลูกหินกลมขนาดเท่าสองหัวแม่มือรวมกัน โดยใช้นิ้วมือนิ้วใดนิ้วหนึ่งดีดลูกหินมายัพไปที่ลูกหินของฝ่ายคู่แข่ง หากใครดีดโดนลูกหินของอีกฝ่าย คนนั้นจะเป็นผู้ชนะ และจะได้ลูกหินของอีกฝ่ายไปครอบครอง ลูกหินมายัพนี้มักจะไปค้นหากันในแถบหาดทรายน้ำวนท้ายหมู่บ้าน เป็นลูกหินที่หายากพอ ๆ กับการไล่จับปูลมสักตัวมาเป็นอาหารก็ไม่ปาน

     

    ในปีแรกที่ได้เล่นด้วยกัน อุศิกะไม่เคยเอาชนะมะยีฮะนาได้เลย เธอผู้นี้เก่งที่สุดในหมู่บ้านเลยทีเดียว แม้นักรบที่เก่งกาจก็ต้องพ่ายแพ้แก่เธอเสมอ ในระยะที่ไกลสุดสายตามองเห็นสำหรับผู้อื่น เธอก็ยังยิงมันโดนจนได้ แต่จะเป็นการยิงในวิถีโค้งซะเป็นส่วนมาก ส่วนอุศิกะจะสามารถยิงได้เป็นเส้นตรงดุจลูกธนูอันรวดเร็วซึ่งพุ่งตรงไปยังจุดหมายเดียว

     

    เธอจึงประทับอยู่ในใจของเขาตลอดมา ยามนี้เธอโตขึ้นมากแล้ว เป็นสาวเต็มวัย ได้มาช่วยมารดาขายขนมปังสูตรฮานะประจำครอบครัว และเธอก็ขายดีเสียด้วยสิ มันอร่อยมากเมื่อเขาได้ลิ้มรสมัน เมื่อทานแล้วจึงคิดถึงมารดา เขาจึงนำไปฝากมารดาทุกครั้งที่เขาได้ทาน เขาไม่เคยเบื่อที่จะเคี้ยวมันเลยสักคำเดียว

     

    แต่ในใจลึก ๆ ยังคงใฝ่ในการหาทางหลุดพ้นจากทุกข์ที่ทุกคนต้องพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นการเกิด การติดในรสกาม ในรสแห่งการพนันขันต่อ ความจน ความแล้งแค้น การแก่ การเจ็บ และต้องตายไปจากโลกาแห่งมนุษย์นี้...... 

     

     


             บุรุษที่สองนามว่า "วาบูอายี" ......เป็นเพื่อนรักแต่เด็กของอุศิกะ บุตรชาวประมงที่หากินในทะเลสาบ เมื่อบิดาได้ปลามาก็นำมาขายให้กับมารดาของอุศิกะ เป็นเหตุให้เด็กทั้งสองได้สนิทกันมากขึ้นจนเป็นเพื่อนซี้ในที่สุด เขามีนิสัยขี้เล่น ชอบเย้าแหย่ให้เพื่อนได้คลายความทุกข์ มีความขบขันในจิตวิญญาณอยู่เสมอ จิตใจเมตตาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับอุศิกะ

     

    ความสามารถที่เขามีก็คือการปลอมตัวที่เปรียบได้ราวนักมายากลผู้วิเศษ และยังปลอมตัวให้กับเพื่อนรักของเขาให้รอดพ้นภัยจากการติดตามทำร้ายของ "ฟิสฮายา" หนุ่มใหญ่ผู้ใจคอโหดเหี้ยมประจำหมู่บ้านมาได้อย่างหวุดหวิด เนื่องเพราะเขาและเพิ่อนรักไปช่วยเด็กสาวคนหนึ่งให้รอดพ้นจากการถูกเหยียบย่ำความเป็นคน และขณะที่วาบูอายีกำลังหลบหนีการตามล่าในคราวนั้น เขาก็รู้สึกได้ในใจว่าเขาคงกำลังชอบเธอเข้าให้แล้ว

     

    เธอผู้นี้คือ "นางซาดาหรี" บุตรีของชาวนาผู้ต่ำต้อยแห่งหมู่บ้านที่มักถูกรังแกอยู่เป็นประจำ จนเขาต้องนำเธอไปฝากไว้กับผู้ทรงศีลไร้นามใต้ต้นโคนามะขนาดใหญ่ อายุนับหมื่นปี สูงถึงชั้นเมฆที่เก้า กว้างใหญ่สุดสายตาจนมิอาจประมาณ ยามแดดจ้ามันจะช่วยบังแดด ยามแดดร่มมันจะสยายกิ่งออกเผยอให้แสงทองส่องลงมายังพื้นโลก ยามฝนตกหนักมันจะช่วยกำบัง ยามฝนพรำมันจะสยายเล็กน้อยให้ผู้บำเพ็ญตบะได้รับซึ่งความเย็นสบายจากสายฝนอย่างพอประมาณ แลวาบูอายียังปลอมตัวให้แก่นางซาดาหรีให้เป็นหนุ่มน้อยนามว่า "ดาวาฮู" ด้วยเพื่อความปลอดภัยแก่เธอ..

     

              

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น