OS iKON : JUNHYUK ระหว่างเราคือ??? - OS iKON : JUNHYUK ระหว่างเราคือ??? นิยาย OS iKON : JUNHYUK ระหว่างเราคือ??? : Dek-D.com - Writer

    OS iKON : JUNHYUK ระหว่างเราคือ???

    คนหนึ่งชัดเจนกับความรู้สึกแต่กลับทำอะไรให้ชัดเจนไม่ได้เมื่ออีกคนยังไม่ชัดไจนอะไรสักอย่าง

    ผู้เข้าชมรวม

    1,216

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    1.21K

    ความคิดเห็น


    13

    คนติดตาม


    30
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 ธ.ค. 57 / 06:10 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
















    JUNHYUK

    ระหว่างเราคือ ????

    มาร่วมหาคำตอบไปกับเขาทั้งสองกันนะคะ




















     
     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ




      --DH PART--


      เคยไหมกับสถานะที่คลุมเครือ อยู่ครึ่งๆกลางๆระหว่างเพื่อนกับแฟน หากคุณไม่เคยอยู่ในสถานะนี้คุณคงไม่เข้าใจหรอกว่ามันอึดอัดมากแค่ไหน อยู่ด้วยกันทุกวัน นอนกอดกันทุกคืน แต่ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวของอีกฝ่ายเลย หลายคนคงคิดว่าแล้วทำไมผมไม่ถามอีกฝ่ายให้มันชัดเจนไปเลยล่ะ หึก็เพราะถามไปแล้วคำตอบที่ได้คือ ไม่รู้ว่ะยังไงล่ะครับ ความสัมพันธ์ของผมกับเขา กูจุนฮเวถึงได้คลุมเครืออยู่แบบนี้



      นั่งหน้าเครียดอีกแล้วนะมึง ทะเลาะกับจุนฮเวมาอีกแล้วดิยุนฮยองถามขึ้นมา สงสัยมันเห็นผมนั่งนิ่งอยู่นานมั้งครับ



      เปล่าหรอก ไม่ได้ทะเลาะผมตอบยุนฮยองไปตามจริง เราไม่ได้ทะเลาะกัน จุนฮเวมันก็ไม่ได้มีอาการคิดมากอะไรด้วยซ้ำ มีแต่ผมนี่แหละที่เป็นฝ่ายคิดมาก นั่งเครียดอยู่คนเดียว บางทีแบบนี้มันก็ไม่ยุติธรรมเลยนะครับ ว่าไหม



      แล้วทำหน้าเครียดทำไมวะ มึงมีอะไรก็บอกกูได้นะเว้ยสาวน้อย



      สาวน้อยพ่องสิ!!”กร่นด่าพร้อมฟาดมือลงหัวมันไปแรงๆหนึ่งที โทษฐานที่มันเรียกผมว่าสาวน้อย ผมโคตรเบื่อเลยนะเวลาที่คนอื่นทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้องแล้วก็ไอ้เพื่อนเวรทั้งหลายบอกว่าผมน่ารัก บอกว่าผมสวย เรียกผมว่าน้องสาวบ้างล่ะ สาวน้อยบ้างล่ะ พ่องเถอะ เห็นหน้าหวานแบบนี้ผมก็แมนนะครับ แม้ว่าผมจะชอบกูจุนฮเวซึ่งมันเป็นผู้ชายก็เถอะผมชอบจุนฮเวแค่คนเดียว ไม่ได้ชอบผู้ชายได้ทั้งโลกซะหน่อย



      ฮ่าๆๆๆ ทำใจให้ชินได้แล้วมึงอ่ะ เกิดมาหน้าหวานก็ทำใจไปครับเพื่อน



      ศัลยกรรมแมร่งซะดีไหม



      ตลกเหอะ เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว แล้วสรุปมึงเป็นไรวะ บอกกูได้ไหมยุนฮยองเอื้อมมือมาลูบหัวผมอย่างที่มันชอบทำ ไม่สิต้องบอกว่าอย่างที่หลายๆคนชอบทำถึงจะถูก ก็ไม่รู้ว่าหัวผมมันมีอะไรดีเหมือนกัน



      กูอยากบอก แต่กูบอกไม่ได้ว่ะ โทษทีผมไม่ใช่คนที่ชอบเก็บอะไรไว้คนเดียวหรอกครับ อึดอัดจะตาย แต่กลับเรื่องนี้ ผมบอกใครไม่ได้จริงๆ เพราะมันไม่ได้เป็นเรื่องของผมคนเดียวก็ผมไม่รู้นี่นา ว่าจุนฮเวมันต้องการบอกสถานะที่มันบัญญัติไว้ว่าไม่รู้ให้ใครคนอื่นได้รู้ไหม



      เฮ้อ งั้นเอาเป็นว่าสู้ๆแล้วกันนะผมยิ้มให้ยุนฮยองพร้อมกับก้มมองนาฬิกา 19:30 ชิบหายแล้ว ผมรีบเด้งตัวขึ้น คว้ากระเป๋าแล้วบอกลาเพื่อนรักก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปทันที



      ไปก่อนนะมึง กูมีนัด

       

       

       

       

       




      ทำไมมาช้าวะทันทีที่ผมมาถึงที่หมาย คนที่นัดกับผมไว้ก็ถามขึ้นมาทันที แต่ผมไม่ได้ตอบกลับไปในทันทีหรอกนะ ขอเอาออกซิเจนเข้าปอดก่อนแล้วกัน ตอนนี้หอบจนแทบจะหายใจไม่ทันอยู่แล้ว



      มึงโอเคไหมเนี่ย หายใจเข้าลึกๆดิท่อนแขนแกร่งของมันโอบประคองร่างผมไว้หลวมๆ ก่อนจะพาเดินไปนั่งยังม้านั่งที่ใกลที่สุดพวกคุณรู้สึกถึงอะไรบางอย่างไหมครับ อะไรบางอย่างที่เรียกว่าห่วงใย อะไรบางอย่างที่แมร่งทำให้ผมรู้สึกว่ามากเกินกว่าเพื่อน



      กูค่อยยังชั่วแล้ว



      แน่ใจ? พักอีกหน่อยไหม เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำให้ไม่ทันได้เอ่ยตอบอะไรออกไป ร่างสูงของจุนฮเวก็วิ่งปรู๊ดออกไปแล้ว ผมจึงปล่อยเลยตามเลย นั่งพักอีกหน่อยก็ดีเหมือนกัน นั่งรอไปได้สักพักอีกฝ่ายก็กลับมา มันเปิดฝา ใส่หลอดพร้อมยื่นขวดน้ำมาตรงหน้า ผมจึงเอื้อมมือหมายจะหยิบขวดมาถือไว้ แต่อีกฝ่ายกลับชักขวดหนีแล้วก็ยื่นมันมาจ่อแถวปากของผมแทน



      เดี๋ยวกูป้อนดูมันสิครับก็เป็นซะอย่างนี้



      เฮ้อผมถอนหายใจออกมาก่อนจะใช้ปากงับหลอดแล้วดูดน้ำแก้กระหาย



      ถอนหายใจทำไม



      ไม่มีไรหรอก ไปกันเถอะจะได้กลับหอเร็วๆผมลุกขึ้นแล้วเริ่มออกเดินโดยมีมันเดินตามมาติดๆ ก่อนที่มันจะเดินมาขนาบข้างพร้อมกับวาดมือมากอดคอผมไว้



      มึงแปลกไปนะ กลับหอแล้วเรามีเรื่องต้องคุยกันเสียงกระซิบที่มาพร้อมกับลมอุ่นๆ ทำเอาผมเผลอสะดุ้งเบาๆ แล้วก็ได้แต่กร่นด่าคนข้างๆอยู่ในใจ



      หน้าแดงนะมึงอ่ะสองมือของผมตะปบเข้าที่สองข้างแก้มเพื่อปิดบังร่องรอยของอาการเขิน รู้อยู่หรอกว่าปิดตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว แต่จะเปิดโล่งให้อีกฝ่ายมันเห็นเดี๋ยวก็โดนล้ออีก



      ฮ่าๆ มึงนี่ ทำไมน่ารักจังวะเก่งจริงๆกับการทำให้คนอืนเค้าหวั่นไหวคิดไปไกล ทำขนาดนี้แล้วก็ช่วยชัดเจนกับกูหน่อยเถอะ มึงไม่รู้หรือไงว่าความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นในสถานะคลุมเครือแบบนี้ มันเจ็บนะเว้ย!



      หน้าบูดใส่กูอีก อ่ะๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ ไปหาของอร่อยๆกินกันดีกว่าเนอะดงดงอ่าและผมก็ทำได้แค่เดินตามมันไป จนสุดท้ายก็มาหยุดที่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่นที่เราชอบกิน ผมกับมันเดินเข้าไปนั่งโต๊ะในสุดซึ่งเป็นโต๊ะที่ดูมีความเป้นส่วนตัวมากสุดเช่นกัน รายการอาหารต่างๆก็เป็นจุนฮเวนั่นแหละครับที่จัดการสั่ง



      กี่ปีแล้วนะดงฮยอกอยู่ๆจุนฮเวก็พูดขึ้นมา



      สามปีแล้วมั้งผมตอบกลับไป



      อืม สามปีแล้วสามปีที่เราพูดถึง หากใครผ่านมาได้ยินคงนึกอิจฉา คิดว่าเป็นเวลาที่เราคบกัน แต่หารู้ไม่ มันไม่ใช่เวลาที่เราคบกันหรอกครับ ก็แค่ครบรอบสามปีที่เราอยู่หอเดียวกันก็เท่านั้น ซึ่งผมอยู่มาก่อนจากนั้นจุนฮเวก็เข้ามาเป็นรูมเมทของผม ผมอยากจะรู้จริงๆว่ามีใครนับวันครบรอบแบบนี้บ้าง ผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่รูมเมทคู่อื่นเค้าทำกัน



      กูโคตรมีความสุขเลยนะที่มีมึงอยู่ด้วยกันแบบนี้อ่ะ



      แบบนี้คือแบบไหนหรอวะจุนฮเวบางทีปากมันก็ไปเองนอกเหนือจากคำสั่งของสมอง เฮ้อ ทั้งที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกแท้ๆ พลาดแล้วดงฮยอกเอ๋ย



      “….”



      ช่างมันเถอะ คิดซะว่ากูไม่ได้ถามอะไรแล้วกัน



      เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมวันนี้มึงถึงดูแปลกๆไปจุนฮเวพูดพร้อมกับจ้องตาผมนิ่ง ผมสัมผัสได้ถึงความไม่เข้าใจในแววตาของเขา มันเล่นงานหัวใจของผมจนบีบรัดไปหมด มันดูเป็นเรื่องไร้สาระและเข้าใจยากสำหรับเขาขนาดนั้นเลยหรือสุดท้ายผมก็ทนไม่ไหวจึงมองไปทางอื่นเพื่อหนีสายตาคู่นั้น และความเงียบระหว่างเราก็เกิดขึ้นในทันที



      ขออนุญาติเสริฟอาหารค่ะพนักงานสาวเข้ามาทำลายความเงียบให้กับเราแต่หลังจากที่เธอเดินจากไปบรรยากาศน่าอึดอัดและความเงียบก็ทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง ผมไม่ชอบว่ะโคตรจะไม่ชอบเลย



      กูขอโทษนะผมพูดเท่านั้นก่อนจะลุกเดินออกมา เสียงเรียกแว่วดังตามหลังมาแต่ผมไม่พร้อมจะหันกลับไปมองเจ้าของเสียงเรียกนั้น สุดท้ายก็เลยเดินจากมาเงียบๆ ผมรีบเดินออกมานอกห้าง โบกแท็กซี่แล้วบอกปลายทางกับคนขับไป ไม่นานนักเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ไม่ต้องดูเบอร์ก็รู้ว่าใครโทรมา เพราะเสียงเรียกเข้าเสียงนี้ผมตั้งมันไว้ให้กับเค้าคนนั้นโดยเฉพาะ ผมไม่ได้รับสายแต่ก็ไม่ได้ตัดสายเช่นกัน 



      ไม่รับโทรศัพท์หรอไอ้หนู โทรมาหลายสายแล้วนะนั่นอ่า ลืมไปเสียสนิทเลยว่าไม่ได้อยู่คนเดียว คุณลุงคงรำคาญเสียงจนทนไม่ไหวแล้วล่ะมั้ง ถึงได้ทักขึ้นมา



      อ่า ขอโทษทีครับผมกดตัดสายก่อนจะปิดเสียงให้เรียบร้อย และเมื่อไม่มีเสียงใดรบกวนผมก็เริ่มจมกับความคิดของตัวเองทันที รู้ตัวอีกทีก็ถึงที่หมายเสียแล้ว ผมจ่ายเงินให้คุณลุงคนขับก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องเป้าหมาย จัดการเคาะประตูตามมารยาทไปสองสามที เจ้าของห้องก็ออกมาเปิดประตูให้



      อ้าว มึงมาทำไมวะ



      คืนนี้กูขอนอนด้วยนะ
















      --JH PART--



      ทำไมไม่รับสายวะ!”หงุดหงิดคือสิ่งที่ผมรู้สึกอยู่ในขณะนี้ เพราะอะไรน่ะหรอ เพราะผมโทรหาดงฮยอกไม่ติดไง ตั้งแต่ที่หมอนั่นลุกเดินออกจากร้านไปผมก็พยายามโทรหาตลอด แต่ไอ้ตัวเล็กนั่นแมร่งไม่ยอมรับสายสักที ผมเลยรีบกลับมาที่ห้อง ด้วยหวังว่าจะได้เจออีกฝ่ายแล้วคุยกันให้รู้เรื่อง แต่สุดท้ายห้องก็ว่างเปล่า ไร้เงาของดงฮยอกไปอยู่ไหนของเขาวะ!! คิดสิวะจุนฮเว คิดให้ออกสิวะ!!....ยุนฮยอง….ใช่ ยุนฮยองไง! ไม่รอช้า ผมรีบต่อสายหาเพื่อนสนิทของดงฮยอกทันที รอไม่นานก็ได้ยินเสียงจากปลายสาย



      [ไงมึง]



      ดงฮยอกอยู่กับมึงใช่ไหมผมจดจ่อรอคำตอบจากอีกฝ่าย แต่ทว่าคำตอบที่ได้กลับมาทำเอาผมผิดหวัง



      [หืม ไม่อยู่หนิ มันจะมาห้องกูทำไมล่ะ]



      อย่าล้อกูเล่นนะ กูขอความจริง



      เอ้า กูก็พูดจริงอยู่นี่ไง ทำไมวะ มีปัญหาอะไรกันหรือปะ...”ผมขว้างมือถือลงบนเตียงอย่างหัวเสีย สองมือทึ้งผมตัวเองไปมาจนมันยุ่งเหยิงไปหมด ผมไม่เข้าใจว่าทำไมดงฮยอกต้องให้ความสำคัญกับสถานะขนาดนั้นด้วย แค่มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ก็พอแล้วไม่ใช่หรอวะ สำหรับผม ผมไม่รู้หรอกว่าความรักที่ผมมีต่อดงฮยอกเป็นแบบเพื่อนหรือแฟน ผมบอกไม่ถูกเหมือนกัน ไม่รู้ว่ามันคือรักหรือแค่ผูกพัน ผมไม่รู้ ผมแยกไม่ออก ผมรู้แค่ว่าดงฮยอกเป็นความสุขของผม เป็นคนที่ผมอยากอยู่ด้วยไปนานๆก็แค่นั้น

       

       

       

       







      --DH PART---



      ลมอะไรพัดที่รักมาที่นี่วะครับ ทำไมไม่ไปนอนกับเมทมึงล่ะบ็อบบี้ถามขึ้นหลังจากที่มันพาผมเข้ามาในห้อง



      ไม่อยากเจอหน้าจุนฮเวตอนนี้อ่ะ ขอนอนด้วยแล้วกันนะ



      ตามสบาย แต่อย่าลืมเคลียกันให้จบๆล่ะ ปล่อยทิ้งไว้นานระวังจะมองหน้ากันไม่ติด



      อืมตอบรับงึมงำในลำคอก่อนจะปลีกตัวไปอยู่คนเดียวเงียบที่ระเบียงห้อง พอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหัวค่ำทีไร ก็ได้แต่ถอนหายใจร่ำไป ไม่เอา ไม่คิดแล้ว ปวดหัวชะมัด ผมสะบัดไล่ความคิดทั้งหลายทิ้งไป ก่อนจะเดินไปหยิบกีต้าร์ในห้องของบ็อบบี้มานั่งดีดที่ระเบียงพร้อมร้องเพลงคลอไปเบาๆ ปกติเวลาที่ผมมีเรื่องไม่สบายใจผมมักจะหยิบกีต้าร์มาเล่น มันทำให้ผมลืมเรื่องต่างๆไปได้ชั่วขณะ สักพักบ็อบบี้ก็มานั่งเล่นเป็นเพื่อนซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างนิดหน่อยนะ



      หืม เสียงเปิดประตูนี่หว่า ใครมาวะเล่นไปได้สักพักใหญ่ เราทั้งสองก็ได้ยินเสียงกุกกักที่ประตูห้อง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงทักทายของเพื่อนสนิทอีกคน



      อ้าว ยุนฮยองบ็อบบี้พูดพร้อมกลับลุกเดินไปผู้มาใหม่ ผมเอ่ยทักทายยุนฮยองก่อนจะก้มหน้าดีดกีต้าร์ต่ออีกนิด แล้วเดี๋ยวจะไปสมทบกับบ็อบบี้และยุนฮยอง



       ไม่คิดจะเงยหน้ามองกันหน่อยหรือไงผมหยุดกึกทันทีเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เดี๋ยวนะ จุนฮเวมาได้ไง!



      “….”



      พูดอะไรหน่อยดิวะ



      แล้วจะให้พูดอะไรล่ะวะ!”ผมตอบกลับไป ก่อนจะลุกเดินหมายจะหนีไปให้พ้นๆหน้าของรูมเมท ต้องเข้าใจนะว่าผมยังไม่อยากเจอหน้าเขาในตอนนี้



      จะไปไหนอีก เลิกทำตัวไร้สาระได้แล้วน่าดงฮยอกไร้สาระ ช่วยบอกผมทีเถอะว่าเขาพูดคำนี้ออกมาจริงๆ! เหอะ! ผมไร้สาระหรอ เป็นเขามากกว่ามั้งที่ไม่เอาสาระอะไรเลย!!



      ถ้ากูไร้สาระนัก ก็เลิกยุ่งกันไปเลยสิ!!!”

       

       










      --JH PART--


      รู้ตัวไหมว่ามึงพูดอะไรออกมา ถามว่าโมโหไหมบอกเลยว่าโมโห แต่ไม่มากเท่าความเสียใจหรอก ดงฮยอกมันจะรู้ไหมว่าไอ้เลิกยุ่งของมันน่ะคือคำต้องห้ามสำหรับผม เพราะมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บแปลบๆที่อกข้างซ้าย



      “….”มันเงียบก่อนจะก้มหน้ามองพื้น โอเค ผมจะใช้ความเงียบนี้สงบจิตใจแล้วลองเคลียกับดงฮยอกใหม่ดู ตอนนี้เลยกลายเป็นดงฮยอกเงียบ และผมก็เงียบ เราทั้งคู่เงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่ไม่นานนักผมก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆของอีกฝ่าย และนั่นทำให้ใจของผมอ่อนยวบทันที ไม่อยากเห็นมันร้องไห้เลย ไม่เอาน่าอย่าร้องสิดงฮยอก ผมก้าวเข้าไปหามันก่อนจะกอดอีกฝ่ายเอาไว้



      ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้สิมือข้างหนึ่งใช้ลูบหลังอีกข้างใช้ลูบผมของคนในอ้อมกอดเพื่อปลอบให้ไอ้ตัวเล็กหยุดร้องเสียที



      มึงแมร่งเสียงอู้อี้แว่วดังออกมาจากอ้อมอกของผม ดงฮยอกพูดออกมาพร้อมกับใช้กำปั้นทุบลงมาที่อก มันเจ็บนะ แต่ทำไมผมถึงยิ้มออกมาก็ไม่รู้



      ดงดงอ่า ห้ามพูดแบบนั้นอีกนะ กูเจ็บว่ะ



      สมน้ำหน้าอีกฝ่ายยังคงพูดพร้อมมอบกำปั้นให้ผมอย่างต่อเนื่อง เดี๋ยวได้ช้ำในตายกันพอดี



      หยุดทุบได้แล้ว ช้ำในหมดแล้วเนี่ย



      ก็ดีสิ มึงไม่รู้หรอกว่ามึงทำกูช้ำมามากขนาดไหน มึงช้ำแค่นี้ไม่ตายหรอกเพราะสถานะของเราอย่างนั้นหรอ สถานะที่ไม่ชัดเจนน่ะหรอที่ทำให้คนในอ้อมกอดคนนี้ต้องเจ็บช้ำ ดงฮยอกมันใส่ใจกับสถานะขนาดนี้เลยหรอ



      มึงต้องการสถานะที่แน่นอนขนาดนั้นเลยหรอวะ



      อยู่ด้วยกันทุกวัน นอนกอดกันทุกคืน มึงแคร์กู กูแคร์มึง มึงอยากอยู่กับกูไปนานๆ กูก็อยากอยู่กับมึงไปนานๆเหมือนกัน ทุกอย่างที่เราทำมันมากกว่าเพื่อน มึงก็รู้ แต่มึงก็ยังบอกไม่ได้ว่าระหว่างเราคืออะไรกูอยากจะคิดว่ามึงรักกูก็ทำไม่ได้เพราะไม่รู้ว่ามึงแมร่งคิดยังไงกับกูกันแน่ อยากจะรักมึงให้เต็มร้อยกูก็ต้องมานั่งเผื่อใจ อยากจะกันผู้หญิงทุกคนออกจากมึงกูก็ทำไม่ได้เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน กูแมร่งเหมือนมีสิทธิ์ทำได้ทุกอย่างแต่เอาเข้าจริงก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรสักอย่างกูอึดอัดนะเว้ย ฮึก ดงฮยอกระบายทุกอย่างออกมาจบก็สะอื้นอีกแล้ว ผมจึงเชยคางของเขาขึ้นพร้อมกับก้มหน้าจูบซับน้ำตาให้  หลังจากที่ผมรับรู้ความในใจทั้งหมดของดงฮยอก ผมล่ะนับถือในความชัดเจนของเขาจริงๆ เขาพูดออกมาอย่างเต็มปากว่าเขารักผม ในขณะที่ผมกลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมรักเขาแบบไหน ไม่รู้ว่ารักหรือแค่ผูกพัน แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมเริ่มรู้ขึ้นมาบ้างแล้วนะ แม้จะยังไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์แต่เพื่อให้คนในอ้อมแขนอยู่กับผมตลอดไปแล้วล่ะก็



      ดงฮยอก เป็นแฟนกันนะ



      มึงควรจะขอตั้งนานแล้ว ไอ้บ้าเอ้ย















      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



      อย่าคาดหวังกับฟิคนะจ๊ะ ฮ่าๆ ชั่ววูบนะบอกเลย แล้วก็แต่งแบบโนพลอตนะตัวเธอ

      เปลี่ยนวิธีการบรรยายจากมุมมองบุคคลที่สามมาเป็นมุมของตัวละครด้วยนะเธอ เรื่องแรกที่เขียนแบบนี้ 

      เพราะงั้นมันอาจาจะแปลกๆไปบ้างนะ เค้าไม่ถนัดอ่ะ 

      ส่วนที่มาของฟิคนี้เกิดจากเราฟังเพลงใจความสำคัญของ musketeers แล้วชอบมากกกก อยากแต่งเป็นฟิคสั้นสักเรื่อง

      เลยออกมาเป็น junhyuk คือคู่นี้โมเม้นไม่มีนะ แต่เรารู้สึกฟินกับคู่นี้อ่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม 555555

      ชอบไม่ชอบก็เม้นบอกกันด้วยเน้อ อยากจะรู้ว่ามีคนชอบคู่นี้ไหม ้ผื่อจะได้แต่งฟิคคู่นี้ออกมาอีก



      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×