“หัวใจดวงน้อยรอคอยรักจากใจเธ
ความรู้สึกลึกๆในหัวใจ...อย่าเก็บมันไว้คนเดียว...อาจมีใครบางคนรอฟัง...
ผู้เข้าชมรวม
101
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ปอ…เร็วๆหน่อยลูกวันนี้สอบปลายภาคไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะแม่…ปอจะลงไปเดี๋ยวนี้คะแม่”
ขอแนะนำตัวก่อนก็แล้วกัน ฉันสาวน้อยผู้น่ารัก(ชมตัวเองหน่อยเดี๋ยวไม่มีใครชมอ่ะ)มีนามว่าปอหรือปาริตา ใกล้จะเรียนจบแล้วแต่ไม่รู้ว่าจบไปแล้วจะตกงานไหมน้า*-*เฮ้อ ที่สำคัญเรายังโสด555+++(ไม่ใช่ไม่สวยนะแต่ยังหาคนถูกใจไม่ได้นะอิอิจริงมั้ยใครเห็นด้วยกับเราบ้าง?)(เขาว่ากันว่าอยู่ปีสี่แล้วยังหาแฟนไม่ได้ก็คงจะหาไม่ได้แล้วหล่ะ ไม่รู้ว่ามันจะจริงรึเปล่า!!แต่ขออย่าให้มันเป็นจริงเลยอ่ะ ฉันนนนนทำใจไม่ได้... “--”คานทอง...รออยู่แน่...เธอเอ้ย*_*
วันนี้เป็นวันสอบปลายภาคของภาคเรียนที่๒ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
“ใกล้จะสอบเสร็จแล้วเทอมนี้ก็เป็นเทอมสุดท้ายที่พวกเราจะเรียนจบกันแล้ว เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันดีล่ะปอ?” ส้มพูดกับฉัน
“ยังสอบไม่เสร็จเลยนะแกเหลือสอบอีกตั้งสองวันน่ะ แกจะรีบไปทำไมวะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่สนิทสนม ก็เราสองคนเป็นเพื่อนรักกันมานาน
“วางแผนไว้เผื่อสอบเสร็จไม่รู้จะไปที่ไหน…” ส้มพูดตัดพ้อฉัน
“ฉันว่าพวกเราน่าจะไปเที่ยวทะเลนะ” จุ๋มจิ๋มพูด
“แต่ฉันว่าพวกเราน่าจะไปน้ำตก…” ปรายพูด
…เพื่อนๆทุกคนต่างเสนอความคิดเห็นของตัวเอง…อยู่ๆก้องก็พูดว่า “ปิดเทอมนี้ไปบ้านเราไหมที่ในหมู่บ้านเขากำลังสร้างห้องสมุดของหมู่บ้านซึ่งตอนนี้ยังไม่เสร็จอ่ะ พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ…”
“ดีเหมือนกันปิดเทอมนี้จะได้ทำอะไรดีๆบ้าง” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับท่าทางพอใจที่จะได้ไปบ้านของก้อง (คนอะไรทั้งที่เมื่อกี้ยังหาว่าเพื่อนรีบคิดไปทำไมแต่ตอนนี้กับเห็นดีไปกับเขาด้วย)
***ก้องหรือธีรทัศน์เป็นเพื่อนสนิทของปอคนหนึ่ง ทว่าก้องยังเป็นคนที่ปอแอบชอบมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง ก้องเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมากๆ(หล่อลากดินเลยทีเดียว) ยิ่งเวลายิ้มยิ่งมีเสน่ห์สาวๆคนไหนเห็นก็ชอบมองกันทั้งนั้นรวมทั้งสาวปอด้วย แล้วก้องยังมีดีกรีเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย …ไม่ว่าหนุ่มคนนี้จะทำอะไรหรือเดินไปไหนมาไหนสาวๆไม่ว่าจะเป็นรุ่นเดียวกันหรือรุ่นน้องก็กรี๊ดกร๊าด แต่ยังไม่เห็นวี่แววว่าเขาจะชอบสาวคนไหนสักคน(สงสัยจะเป็นเกย์หรือเปล่า อุ๊ย!คิดอาไรออกไป) ก้องเป็นคนที่ยิ้มง่ายและใจดีกับทุกคนทำให้ใครๆก็ชอบเขา เขาเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงหลายคนปรารถนา (รวมทั้งฉันเองด้วย) บ้านของเขาอยู่เหนือสุดของประเทศไทย หมู่บ้านของเขาอยู่บนเทือกเขาสูง เวลาหน้าหนาวจะหนาวอากาศจะหนาวมากๆ…เวลาหน้าร้อนอากาศค่อนข้างจะเย็นสบาย ตอนบ่ายค่อนข้างที่จะร้อน พอตอนหัวค่ำอากาศก็จะเย็นสบาย…
“เร็วๆรีบเข้าห้องสอบ…พูดไม่หยุดเลยพวกเธอนี่…” อาจารย์คุมสอบพูดปนบ่นและท่าทางจะดุด้วย นักศึกษาทุกคนต่างทยอยเข้าห้องสอบ ในห้องสอบเงียบสนิท ข้อสอบที่ทำนั้นก็แสนจะยากทำให้ต่างคนต่างทำจะมัวใจลอยไม่ได้…
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
หลังจากสอบเสร็จฉัน(ปอ)และเพื่อนๆก็ปรึกษากันว่าปิดเทอมนี้น่าจะทำอะไรดี ๆที่เป็นประโยชน์ และมันก็เป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเราจะทำอะไรร่วมกันอีก ฉันบอกเพื่อนว่า”ที่ก้องบอกก็ดีนะ…เราไปกันเป็นคณะเลยดีไหม?”
“แล้วแกจะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายล่ะ” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น
“เราก็ของบจากมหาลัยไง แล้วฉันจะขอให้พ่อช่วย…” ฉันพูดพร้อมอธิบายเสียยืดยาว
“งั้นพวกเราก็จะเอาเงินที่มีมาช่วยเธอด้วย” เพื่อนในกลุ่มพูดขึ้น
“…ขอบใจนะ…ทุกคนที่จะไปช่วยเรา เราขอบใจแทนชาวบ้านด้วย” ก้องพูด
“ไม่เป็นไร…เพื่อนกัน” เพื่อนๆบอกเขา(ดูซิเพื่อนๆทำหน้าซึ้งกันใหญ่เลยรู้สึกว่าฉันจะตื้นตันน้ำตามันจะไหลยังไงก็ไมรู้ ปลื้มใจจังเพื่อนๆรักใคร่กัน)
“…เรากะว่าจะชวนน้องๆที่ชมรมไปด้วยอาจจะมีคนไปกับพวกเราก็ได้ และเราจะชวนน้องๆร่วมบริจาคเงินด้วย…” เมื่อก้องพูดเสร็จพวกเราต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ฉันคิดว่าออกค่ายครั้งนี้น่าจะสนุก มันก็เป็นครั้งสุดท้ายในการที่พวกเราจะได้ทำอะไรร่วมกันในมหาวิทยาลัย เพราะถ้าพวกเราเรียนจบแล้วคงจะต้องแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง…ไม่มีโอกาสที่จะมาทำอะไรแบบนี้ด้วยกันอีก…+_+
วันนี้เป็นสอบปลายภาคเรียนวันสุดท้าย
“นี่เพื่อนๆ…น้องๆเขาร่วมบริจาคเงินตั้งมากแน่ะ ตอนนี้ได้หลายพันแล้ว…แล้วยังมีน้องๆที่จะไปกับพวกเราอีกประมาณ๑๕คน รวมกับพวกเราก็น่าจะประมาณ๔๐คนได้มั้ง” ก้องพูดชี้แจงเสร็จฉันจึงเอยขึ้นว่า
“ตอนเย็น…ให้เพื่อนๆที่จะไปมาพบกันที่สนามฟุตบอลนะ…ก้อง…”
“ครับ…”
“ก้องไปบอกให้น้องๆที่จะไปกับเราทุกคนนะให้มาพบกันที่สนามฟุตบอลเย็นนี้นะ…”
“คร๊าบ…” ก้องขานรับ ฉันล่ะรู้สึกหมั่นไส้คำขานรับนั้นมากเลยคนอะไรทำอะไรก็ดูดีไปหมด>_<อิอิ
หลังจากสอบเสร็จทุกคนที่จะไปก็มาพร้อมกันที่สนามฟุตบอล เมื่อทุกคนมาพร้อมฉันก็เริ่มพูดว่าในสิ่งที่คิดไว้
“ในการไปครั้งเราพวกเราจะไปช่วยกันสร้างห้องสมุดให้กับหมู่บ้านของก้องเค้า…ขอให้ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม…และก็…เตรียมอุปกรณ์ของใช้ส่วนตัวให้พร้อม ใครมีโรคประจำตัวอะไรก็ขอให้บอกและก็เตรียมยาไปด้วยนะ เพื่อที่จะได้ไม่เกิดอันตรายขึ้น…การไปสร้างห้องสมุดไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายๆ และสบายอย่างที่คิด พวกเราไม่ได้ไปเที่ยวแต่พวกเราไปช่วยชาวบ้าน เวลาไปไหนมาไหนก็อย่าไปคนเดียว ขอให้ทุกคนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ขอให้น้องๆเชื่อฟังพี่ พี่ก้อง และพี่ทุกคน ในการไปครั้งนี้พี่กับพี่ก้องเป็นหัวหน้าคณะ เพื่อจะได้ไม่เกิดอันตรายกับน้องๆและเพื่อนๆและเพื่อความปลอดภัยของทุกๆคนขอให้เชื่อฟังพวกเรา” ฉันไม่คิดว่าจะพูดอะไรออกมาได้ยืดยาวขนาดนี้
“พวกเรา…จะไปกันวันเสาร์หน้าขอให้ทุกคนมาพร้อมกันที่นี่ที่สนามฟุตบอลนี้ตอนเจ็ดโมงเช้า ขอให้ทุกคนมาตรงเวลาด้วยนะคะ” จุ๋มจิ๋มพูด
“ใครมีอะไรจะถามบ้าง?” ฉันพูดเมื่อทุกคนเงียบไป
“แล้วพวกเราจะไปพักที่ไหนครับพี่” น้องคนหนึ่งในกลุ่มถามขึ้น
“พวกเราจะนอนกันที่โรงเรียน ผู้ชายจะนอนที่หอประชุมส่วนผู้หญิงจะนอนที่บ้านพักครู” ฉันตอบ
“อะไรนะนอนที่โรงเรียนไม่เอาหรอก” เสียงน้องคนหนึ่งพูดแทรกขึ้น(น้องคนนี้เหรอน้องแอนที่ชอบก้อง ก้อหน้ารักดีนี่ สาวน้อยหน้าใส)
“ใครจะไปนอนได้ ทำไมพี่ไม่ไปนอนที่โรงแรมล่ะ”เพื่อนของน้องแอนพูดเสริม น้องๆพวกนี้คงไม่เคยรู้ถึงความลำบากเลยมั้งสงสัยจะพวกคุณหนู…ฉันคิด
“พวกเราไม่มีเงินมากพอขนาดนั้นหรอก” ฉันพูด
“ไม่มีเงินทำไมไม่บอกล่ะคะ หนูจะได้ขอพ่อให้ช่วย” น้องแอนพูด
“พี่ว่าไม่จำเป็นหรอก…ถึงมีเงินมากขนาดไหนพวกเราก็ไม่ไปพักที่โรงแรมกันหรอกนะ” ฉันพูด
“พี่บอกแล้วไงว่ามันไม่สุขสบาย ไปช่วยชาวบ้านนะไม่ได้ไปเที่ยว ถ้านอนได้ก็ไปถ้านอนไม่ได้ก็ไม่ต้องไป” ส้มพูดพร้อมกับท่าทางหงุดหงิด
“พี่ขอให้น้องๆอดทนเพื่อชาวบ้านได้ไหมครับ” ก้องพูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะมันจึงทำให้บรรยากาศที่ไม่ค่อยดีมันดีขึ้น คนหล่อทำไรก็ดูดี
“ค่ะ…ครับ…”เสียงตอบรับจากน้องๆ
“พี่หวังว่าน้องแอนและเพื่อนๆคงไปใช่ไหมครับ” ก้องพูดพร้อมกับยิ้มให้น้องแอน(น้องๆทุกคนด้วย)
“ค่ะ…แอนกับเพื่อนจะไปค่ะ” น้องแอนตอบพร้อมยิ้มเยาะเย้ยฉัน แต่ฉันหันหน้าไปทางอื่นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ฉันรู้สึกหมั่นไส้น้องแอนแล้วซินะคนอะไรเอาแต่ใจ ฉันคิด
“เมื่อไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้ายกันได้ แต่อย่าลืมวันเสาร์หน้าพร้อมกันสนามฟุตบอลเจ็ดโมงเช้า” เมื่อฉันพูดจบทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
“แมงปอ…รอผมด้วย” ก้องเรียกปอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานตามเคย เขาไม่เคยเรียกฉันว่า “ปอ”เหมือนเพื่อนคนอื่นเขาเรียกกันฉันจึงไม่ต้องสงสัยว่าใครเรียก
“ทำไม…?” ฉันหันไปถามพลางเดินไปเรื่อยๆ…
“ผมมีอะไรจะพูดด้วย” เขาพูด
“วันพรุ่งนี้ว่างไหม?”
“เออ!…ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ” เขาพูดตัดบทด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจหลังจากที่ถามฉันแล้วฉันไม่ตอบอะไร
“ว่าง...แล้วมีไรหรอ” ฉันพูดพร้อมขมวดคิ้วเป็นเชิงถาม
“ งั้นแมงปอก็ว่างสินะ เราไปนั่งตรงนั้นกันดีไหม” เขาพูดเออออคนเดียวหมด แถมดีใจอย่างกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่งแน่ะ
ฉันกับเขาก็เลยไปนั่งคุยกันที่เก้าอี้ม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้
ไม่ทันที่เขาจะพูดฉันก็พูดขึ้นมาก่อน “ก้องมีธุระอะไรกับปอเหรอ มีธุระอะไรก็พูดมา”
ชอบเขาแต่จะพูดดีๆ กับเขาก็ไม่พูด ก็เป็นซะอย่างนี้แหละยายคนนี้ปากไม่ค่อยตรงกับใจ
“ก็เรื่องที่พวกเราจะไปสร้างห้องสมุด จะมีอาจารย์ไปด้วยคน หนึ่ง”
ไม่ว่าเขาพูดอะไรออกมาก็ไม่มีคำใดออกมาจากปอนอกจาก..อือ..อือ………………
“แล้ว…มะรืนนี้”
“ทำไมอ่ะ”
“วันศุกร์นี้แมงปอว่างหรือป่าว เราอยากชวนไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อยนะ น๊าน้าไปเป็นเพื่อนเราหน่อยนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนเหมือนเด็กๆที่ขอร้องให้ผู้ใหญ่ แถมยังส่งยิ้มหวานให้อีก อย่างนี้ยัยปอจะไม่ไปได้ยังไงเสียงอ่อยๆที่ออกมาจากปากของคนปากไม่ตรงกับใจก็คือ “ก็ได้”
“ก็ได้อะไร…” เขาแกล้งถาม
“ก็ว่างนะสิ…แต่…ปอจะชวนส้มไปด้วย…ตกลงไหม” ฉันพูดพร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“โอเค…งั้นพรุ่งนี้ผมไปรับ” เขาพูดพร้อมยิ้มจนเห็นฟันขาวๆยิ่งดูก็ยิ่งมีเสน่ห์
“งั้นปอไปก่อนนะ แล้วเจอกัน บาย บาย จ๊ะ” ฉันพูดพร้อมโบกมือไปมาแล้ววิ่งไป ส่วนเขาก็โบกมือตอบ
เช้าของอีกวันก้องไปรับส้มก่อนเพราะที่พักของก้องและส้มอยู่ใกล้กัน
ก้องกับส้มมาถึงบ้านของปอช้าหน่อยเพราะรถมันติด แต่ทั้งคู่ก็มาไม่ช้าเกินไปเพราะยัยปากกับใจไม่ตรงกันยังแต่งตัวไม่เสร็จ
“สวัสดีค่ะ…สวัสดีครับ…คุณน้า” ทั้งคู่เอยขึ้นเกือบจะพร้อมกัน พร้อมทั้งยกมือไหว้แม่ของปอ
“สวัสดีจ๊ะ...ไหว้พระเถิดลูก…” แม่ของปอพูดพร้อมยิ้มบางๆให้ทั้งคู่
“ยายปออยู่ข้างบนจ๊ะ เดี๋ยวน้าจะไปเรียกให้นะรอสักครู ตามสบายเลยนะ” แม่ของพูดเสร็จก็หันไปสั่งเด็กรับใช้ให้เอาน้ำและขนมมาตอนรับแขก แล้วก็เดินเลยขึ้นไปข้างบนเพื่อไปตามปอ
“ปอ…เพื่อนมาแล้วนะลูก”
“ค่ะแม่…เดี๋ยวปอลงไปค่ะ”
“ไปกันได้หรือยัง” ออกจากห้องเดินลงบันไดยังไม่ทันเสร็จ คนพูดก็พูดจ้อยๆทำให้เพื่อนทั้งสองงงกับพูดของปอเพราะทั้งคู่ก็ต่างรอเธออยู่ คำพูดนั้นมันน่าจะออกจากปากสองคนนั้นมากกว่า
“แม่ปอไปก่อนนะ” ฉันพูดพร้อมหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่
“สวัสดีค่ะคุณน้า”
“สวัสดีครับ พวกเราไปก่อนนะครับ”
ทั้งคู่พูดพร้อมยกมือไหว้แม่ของปออีกครั้งเพื่อบอกลา
“โชคดีนะทุกคน” แม่ของปออวยพร
ฉัน ส้ม และก้องนั่งรถCRVของก้องไปห้างสรรพสินค้า ก้องเป็นคนขับรถ โดยมีส้มนั่งเบาะหลัง และฉันนั่งข้างคนขับ เมื่อพวกเราสามคนไปถึงห้างสรรพสินค้าก้องก็จอดรถให้ฉันกับส้มลงหน้าประตูทางเข้าของห้างสรรพสินค้าแล้วก้องก็เอารถไปจอดที่ลานจอดรถที่เต็มไปด้วยรถมากมายหลากหลายยี่ห้อ
ส้มกับฉัน ยืนรอก้องสักพักเขาก็เดินมาแล้วเราสามคนก็เดินเข้าห้างสรรพสินค้าไปพร้อมกัน ก้องเดินไปเลือกซื้อของใช้ส่วนตัวของผู้ชาย ส่วนส้มก็เดินเลือกซื้อของใช้ผู้หญิง(ก็ของเพิ่มความสวยความงามผู้หญิงนั่นแหละ) ส่วนตัวฉันก็เลือกซื้อของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นในการออกค่ายครั้งนี้นิดหน่อย
พวกเราสามคนเดินไปโน้นมานี่เลือกนั่นเลือกนี่ก็เกือบเที่ยง แต่ก็ยังซื้อไม่หยุด สักพักพวกเราก็เดินไปเจอน้องแอน(คนที่ชอบก้องไง)กับเพื่อนๆของเธอ พอเห็นก้องน้องแอนก็ตรงดิ่งมาหาก้องทันทีแถมยังใช้ตัวกระแทกฉันให้ถอยไปข้างหลังแล้วก้อควงแขนก้องออกนอกหน้านอกตา
“พี่ก้องคะ…ไปทานข้าวกับแอนนะคะ” น้องแอนเอยชวนก้อง(ชวนก้องคนเดียว)ก้องเลยหันมาถาม ฉันกับส้มว่า
“แมงปอกับส้มหิวรึยัง ไปทานข้าวกันไหม?”
“ยังไม่หิว นายไปกินก่อนเถอะ ฉันจะไปดูของใช้ผู้หญิงกับส้ม” ฉันพูดและพยายามเน้นคำว่าผู้หญิงให้มากที่สุดเพื่อที่เขาจะได้ไม่ตามไป
“พี่ก้องไปทานข้าวเถอะค่ะ คนเค้าไม่หิวก็อย่าไปเซ้าซี้เค้าเลย ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ” น้องแอนพูดพร้อมจูงมือกึ่งลากก้องเข้าไปทานอาหารด้วยกัน คนอะไรทำไมไม่ปฏิเสธเขาไปมากับเราแท้ๆ มัน่าน้อยใจซะมัด...
ฉันกับส้มจึงรีบเดินออกกไปจากที่ตรงนั้นไปอย่างรวดเร็ว ยังได้ยินก้องตะโกนตามหลังมาว่า “เดี๋ยวเจอกันที่ร้านนี้นะแมงปอ” ฉันไม่ได้ตะโกนตอบกับไปเอาแต่เดินไปอย่างเดียว
“ปอ…เดินช้าๆก็ได้ฉันเหนื่อย แกจะรีบไปซื้ออะไรอีกเมื่อกี้ซื้อไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?” คนที่พูดพูดออกมาเป็นชุดดูท่าทางคนพูดจะเหนื่อยอย่างที่พูดจริงๆก็น้ำเสียงที่พูดเบาลงเรื่อยๆ
“ใช่…ฉันซื้อหมดแล้ว” ฉันพูด
“ทำไมถึงไม่ไปกินข้าวอ่ะ” คนที่บอกว่าเหนื่อยยังคงพูดต่อ
“ก็…ฉันไม่อยากทานข้าวกับน้องแอนนี่” ฉันตอบ
“ทำไมอ่ะ?” เพื่อนฉันยังคงถามต่อไม่รู้ว่าเป็นคนขี้สงสัยตั้งแต่เมื่อไร
“ไม่มีไรก็แค่…รู้สึกหมั่นไส้น่ะ” ฉันตอบ
“แค่เนี้ย…รึว่าแกหึงเขาเนี้ย? ” พูดไม่พูดเปล่ายังยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกสงสัยจะจับผิดฉัน ยัยเพื่อนบ้าอย่ามาทำเป็นรู้ดีนะ
“ปะ…ปะเปล่านี่ ฉันจะไปหึงเขาทำไม ไม่ได้เป็นไรกันสักหน่อย แกนี่พูดอะไรจะบ้ารึเปล่า” ฉันพูดจบก็เบือนหน้าหลบไป พลางเดินไปเรื่อยๆ
“แล้วแกจะไปไหน” คนพูดที่พึ่งจะหายเหนื่อยก็ต้องเดินอีกแล้ว
“นึกออกแล้ว…ฉันจะไปซื้อของไปฝากเด็กๆที่หมู่บ้านของก้อง”ฉันพูด
“แล้วแกจะซื้ออะไร” ส้มถามฉัน และไปช่วยฉันเลือกซื้อของ
“”อะไรก็ได้ที่น้องๆเค้าได้ใช้ประโยชน์น่ะ” ฉันพูดพลางคิดว่าจะซื้ออะไรดี
ฉันกับส้มเลือกซื้อเสื้อ สมุดและพวกเครื่องเขียนอย่างละ๕๐กว่าชุดและซื้อของอีกหลายอย่างจนเกือบจะเต็มรถเข็น เราทั้งสองจึงเดินไปหาก้องที่ร้าน ส้มเดินไปเรียกก้องในร้านส่วนฉันยืนรออยู่ข้างนอก
“ก้องทานข้าวเสร็จยัง?” ส้มถาม
“เสร็จแล้ว” ก้องตอบ
“งั้นพี่ไปก่อนนะครับ”ก้องพูดและหันไปยิ้มให้น้องๆทุกคน
“ค่ะ…สวัสดีนะคะ” น้องๆพวกนั้นพูด
“โชคดีนะคะพี่ก้อง บายค่ะ” น้องแอนพูดพร้อมโบกมือให้ก้อง
“นี่ส้มกับแมงปอซื้ออะไรมามากมายจ๊ะ” ก้องถาม
“ก้อยัยปอน่ะสิจะซื้อของไปฝากเด็กๆที่หมู่บ้านก้องอ่ะ หยิบมาตั้งมากมาย” ส้มตอบ
“เดี๋ยวปอไปจ่ายตังค์ก่อนนะ” ฉันบอก
“แมงปอ…ผมช่วยนะ?” เขาถามพร้อมตรงมาที่รถเข็น
“ไม่เป็นไรปอเข็นไหว” ฉันปฏิเสธที่จะรับความช่วยเหลือจากเขา ทำไมนะเวลาเขาทำดีกับเรา เราต้องคอยปฎิเสธเขาอยู่เรื่อยเลย...รึว่าเรากลัวว่าวันหนึ่งถ้าไม่มีเขามาคอยเราแล้วเราจะอยู่ไม่ได้
“ผมช่วยเอามานี่…” เขาพูดจบก็เข็นรถจากมือของฉันไปที่เคาร์เตอร์โดยไม่รอให้ฉันพูดอีก เขาเก็บของว่างที่เคาร์เตอร์เพื่อให้พนักงานคิดเงิน
สักครู่พนักงานแคชเชียร์ก็พูดว่า “ทั้งหมด๔,๕๗๕บาทค่ะ”
ฉันเอากระสตางค์ออกมาจ่ายเงินให้พนักงานแคชเชียร์เสร็จแล้วพวกเราสามคนก็เข็นเอาของไปเก็บที่รถ แล้วก็นั่งรถกลับบ้าน…วันนี้ฉันซื้อของเยอะแยะเลยทั้งที่ไปส่งก้องซื้อแท้ๆถึงว่าที่ใครเขาพูดกับว่าผู้หญิงอยากซื้ออะไรก็ซื้อ ผู้หญิงกับการช๊อปปิ้งเป็นของคู่กัน ๐_๐
ระหว่างทางกลับบ้านก้องถามฉันกับส้มว่า “หิวไหม”
ฉันบอกว่า “ไม่หิว” แต่ท้องเจ้ากรรมของฉันน่ะสิมันดันทรยศร้องออกมาเสียงดัง
“แมงปอไม่หิว แต่ว่า...ท้องมันบอกว่าหิวมากๆ” ก้องพูดพร้อมมองหน้าฉันด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ฉันทำหน้าค้อนใส่เขา และหันไปทางเพื่อนซี้ที่หัวเราะฉันไม่ยอมหยุดแล้วก็ค้อนให้อีกวง…เพื่อนเสียหน้ายังหัวเราะอยู่ได้…
“งั้นไปทานก๋วยเตี๋ยวกันนะ” ก้องเสนอขึ้น
“เร็วๆเถอะฉันหิวข้าว” ส้มพูดเสียงดังทั้งที่เมื่อกี้ยังหัวเราะอยู่เลยสงสัยจะหิวมาก
เราทั้งสามคนก็ไปนั่งทานก๋วยเตี๋ยวร้านริมทางก่อนกลับบ้าน ร้านนี้ก้องบอกว่าอร่อยมากเขาขอรับรองด้วยเกียรติของลูกเสือสำรองไม่รู้ว่าเกี่ยวรึเปล่า^^_^^แต่ว่ามันก็อร่อยมากนะดูจากการทานของส้มอ่ะ เมื่ออิ่มแล้วเราสามคนก็เดินทางกลับบ้าน ก้องไปส่งเราที่บ้านก่อน เมื่อไปถึงที่บ้านก้องกับส้มก็ช่วยเราขนของลงจากรถเข้าไปไว้หน้าระเบียงบ้าน
“เข้าบ้านก่อนมั้ย? เข้าไปกินน้ำเย็นๆก่อนสิ” ฉันชวนหลังจากขนของเสร็จ
“ไม่หล่ะเดี๋ยวส้มจะต้องรีบไปเตรียมของนิดหน่อยอ่ะ แล้วก้อนัดไอ้ต้นไว้ด้วยอ่ะ เดี๋ยวจะผิดนัดขี้เกียจง้อ” ไอ้ต้นที่ส้มพูดถึงก็เป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมของส้มสนิทกันมากๆเราว่าสองคนนี้น่าจะเป็นแฟนกันนะเนี้ยเหมาะสมกันดีเหมือนคู่พริกกะเกลือเลยชอบกัดกันทุกครั้งแต่ก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด+_+
“จร้า บ๊ายบายยยยยยนะ แล้วเจอกันนะ” ฉันพูดพร้อมโบกมือให้ส้ม
“จร้า แล้วเจอกัน” ส้มตอบแล้วโบกมือตอบฉัน
แล้วฉันก็พูดกับก้องจะไม่พูดมันก้อดูจะแปลกๆเลยพูดออกไปว่า “ก้อง...ขับรถไปส่งส้มดีดีนะ แล้วก้อออขอบคุณนะสำหรับวันนี้ด้วยนะแล้วเจอกัน”
“คร๊าบบบบคุณผู้หญิง ผมจะทำตามคำบัญชาทุกอย่างเลย แล้วเจอกานนะแมงปอ” เขาพูดพร้อมยิ้มหวานให้ฉัน นั่นทำหน้ากะหล่อนด้วย ฉันจึงค้อนกลับไปให้เขาทีนึง
ก็รอยยิ้มแบบนี้แหละที่ทำให้ฉันประทับใจในตัวของเขา ถ้าหากสักวันหนึ่งมันเป็นอย่างที่เขาพูดกับฉันมันคงจะดีไม่ใช่น้อย “นี่คิดอะไรบ้าๆออกมาเนี้ย ” ฉันพูดเบาๆกับตัวเอง พอนึกได้ก็เรียกพี่ผึ้ง
“พี่ผึ้งคะช่วยปอขนของเข้าบ้านหน่อยค่ะ” พี่ผึ้งเป็นคนที่แม่จ้างให้มาทำงานบ้านให้พวกเรา พี่ผึ้งเป็นคนที่ขยันมากๆ
“ค่ะ...คุณปอ” พี่ผึ้งพูดเสร็จก็วิ่งออกมาช่วยฉันขนของไปเก็บไว้บนห้อง
“ซื้ออะไรมามากมายคะคุณปอ” พี่ผึ้งถามเมื่อช่วยฉันขนสองรอบแล้วยังไม่หมด
“อ๋อ ปอซื้อของไปฝากน้องที่โรงเรียนที่ปอจะไปออกค่ายนะค่ะ” ฉันตอบพี่ผึ้งไปทั้งที่บางอย่างฉันซื้อไปเพราะอยู่ในอารมณ์โมโห(โมโหบ่อยเห็นท่าจะไม่ดีเดี๋ยวเงินหมด อิอิ)
“ขอบคุณคะ...แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ยังไม่กลับหรือคะ”ฉันถามเมื่อไม่เห็นใครอยู่ในบ้าน
“คุณผู้ชายยังไม่กลับจากที่ทำงาน(ค่ายทหาร) ส่วนคุณผู้หญิงออกไปซื้อของยังไม่กลับค่ะ” คุณพ่อของฉันเป็นทหารส่วนเมื่อก่อนคุณแม่เป็นคุณครูแล้วย้ายตามคุณพ่อมาแม่เลยไม่ได้สอนหนังสือเลยมาแม่บ้านแล้วก็ทำธุรกิจส่วนตัว
“งั้นเดี๋ยวปอขอตัวขึ้นข้างบนก่อนนะคะ” พูดเสร็จฉันก็เดินขึ้นไปชั้นบน
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
“ทานอาหารเย็นค่ะคุณ” คุณปรางค์ทิพย์เรียกสามี
“ครับ...คุณทำอะไรกินบ้าง วันนี้ผมหิวมากเลย” คุณอนุพงษ์ถามภรรยาเมื่อเดินเข้ามาในบ้าน
“วันนี้มีผัดกระเพราหมู ปลาทอด แล้วก้อ แกงส้ม ของหวานมีข้าวเหนี่ยวมะม่วงค่ะ” คุณปรางค์พูดถึงอาหารที่จัดบนโต๊ะ
“หน้ากินทั้งนั้นเลย...แล้วลูกไปไหนล่ะ” ทั้งที่ตามองอาหารอยู่แต่ปากก้อถามหาลูก
“ให้ผึ้งไปตามแล้วล่ะเดี๋ยวก้อคงลงมาแหละคะ” พูดยังไม่ทันขาดคำเลยลูกสาวตัวดีก้อเดินลงบันไดมา
“สวัสดีค่ะคุณพ่อสวัสดีค่ะคุณแม่” ฉันพูดพร้อมยกมือไหว้ท่านทั้งสอง
“ปอคิดถึงคุณพ่อจังเลย” ขออ้อนพ่อหน่อยหนึ่ง
“ลูกคนนี้มันขี้อ้อนเหมือนใครก้อไม่รู้ มาทานข้าวเร็วพ่อหิวข้าวแล้ว” ดูหน้าพ่อแล้วสงสัยจะหิวจริงแล้วคงจะเหนื่อยมาก...
ระหว่างทานข้าวพ่อก็ถามฉันว่า “ลูกจะไปออกค่ายสักกี่วันหล่ะ”
“ก้อประมาณสองอาทิตย์มั้งค่ะ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ปอเป็นลูกคุณพ่อเป็นลูกทหารต้องเก่งอยู่แล้วค่ะ” ฉันโม้ไปงั้นแหละพ่อจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันรู้ว่าพ่อแม่ทุกคนก็ต้องห่วงลูกเสมอไม่ว่าวันนี้เขาโตมากแค่ไหน
“ดูลูกคุณสิ ขี่โม้เหมือนใครเนี้ย” พ่อพูดแล้วก็หัวเราะเสียง
“ก็ลูกคุณนั่นแหละจะเหมือนใครถ้าไม่เหมือนคุณ” แม่พูดแล้วก็หัวเราะเสียงดังแข็งกับพ่อ
“คุณนี่ล่ะก้อ” พ่อทำหน้างอนแม่แล้วพวกเราสามคนก็หัวเราะ ดูแล้วก็น่ารักดีผู้ใหญ่งอนง้อกัน
“อ้อ...ลูกแม่ไปซื้อของข้างนอกมาให้ลูกหลายอย่าเดี๋ยวไปดูนะว่าจะเอาอะไรไปบ้าง” แม่บอก
“ค่ะ”
ระหว่างทานข้าวเราสามคนพ่อแม่ลูกก็พูดคุยกันไปเรื่อยๆ ทานข้าวและของหวานเสร็จ ฉันก็ขึ้นชั้นบนไปเลือกเอาของที่คุณแม่ซื้อมาให้ ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่ก็แยกไปดูโทรทัศน์ หลังจากที่ไปเอาของที่คุณแม่ซื้อมาให้ฉันก็ไปจัดกระเป๋าจัดกระเป๋าเสร็จก็เกือบจะห้าทุ่มแล้ว ทำไมหนอ ทำไมยังนอนไม่หลับก็ไม่รู้...จะคิดมากทำไมเนี้ยเรา เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้ไปแล้ว...เรานิคิดมากอยู่ได้...แล้วฉันก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
วันนี้พวกเรานัดพบกันเจ็ดโมงเช้าที่สนามฟุตบอล...วันนี้ฉันตื่นนอนตั้งแต่ตีห้าก็มันตื่นเต้นนอนไม่ค่อยหลับก็เลยต้องตื่นแต่เช้ามาทำกิจวัตรประจำวันแล้วก้อลงไปช่วยแม่ทำกับข้าวทำกับข้าวเสร็จฉันก็นั่งทานข้าวกับพ่อและแม่ พ่อกับแม่จะไปส่งฉันที่สนามฟุตบอลในมหาวิทยาลัยหลังจากฉันทานข้าวเสร็จ จากนั้นพวกเราสามคนพ่อแม่ลูกก็นั่งรถของคุณพ่อไปที่นัดหมาย
เมื่อไปถึงสนามฟุตบอลที่ฉันนัดพวกน้องๆและเพื่อนไว้ ก็ยังไม่มีใครมานอกจากก้องและคนขับรถทัวร์ พอพ่อกับแม่ของฉันลงจากรถก้องก็ยกมือไหว้กล่าวทักทายพ่อกับแม่
“สวัสดีคับคุณอา”
“อืม...สวัสดี”พ่อพูดเสียงเข้มตามสไตร์ทหารพร้อมทั้งยกมือรับไหว้ก้อง
“สวัสดีคับคุณน้า”
“สวัสดีจ้ะ...ไหว้พระเถิดลูก” แม่พูดพร้อมทั้งยกมือรับไหว้ก้อง
ฉันเดินไปเปิดท้ายรถเพื่อขนของที่เอามาคือกระเป๋าทั้งสองใบ และของที่นำไปฝากเด็กขึ้นรถทัวร์ ก้องกับคนขับรถไปช่วยฉันขนกระเป๋าหลังจากที่พวกเราขนเสร็จ(พี่คนขับกับก้องอ่ะเป็นคนช่วยกันขน ส่วนฉันนะแค่เปิดประตูกับปิดประตูรถเฉยๆอ่ะอิอิอิ)หลังจากนั้นพ่อกับแม่ก็ขอตัวกลับบ้านพ่อบอกว่าพ่อต้องรีบไปทำงาน วันนี้พ่อต้องรีบไปทำงานเพราะพ่อนัดกับเจ้านายไว้ ส่วนแม่ก็ต้องตามพ่อไป
“พ่อกับแม่ไปก่อนนะลูกดูแลตัวเองด้วยนะอย่าดื้อละเรา” พ่อพูดอย่างกับฉันเป็นเด็กตัวน้อยๆอีกแล้วฉันนะอายก้องแทบแย่แน่ะทำตัวไม่ถูกเลยโอ้ยแย่จัง
“อาฝากดูแลยัยปอด้วยนะเด็กคนนี้มันดื้อ อาอนุญาตให้ตีเลย” พ่อพูดแล้วอมยิ้มขำแล้วยิ่งคนฟังอีกอมยิ้มทำไมอ่ะฉันนนนนนนนนนไม่ได้เป็นอย่างนั้นสักหน่อย ชิชิ แล้วฉันก้อค้อนให้พ่อหนึ่งที
“ครับผมจะดูแลเป็นอย่างดีเลยครับ” ก้องรับคำแข็งขันพร้อมกับหันมายิ้มแบบกวนๆให้ฉันนนนน แล้วฉันจะรู้ไหมว่านายนี้คิดอะไรอ่ะ
“ขอบใจนะหลานชาย” พ่อขอบคุณก้องที่เขาจะช่วยดูแลฉัน ที่จริงไม่เห็นจำเป็นเลยเพราะฉันนะโตแล้วนะ
“โชคดีนะลูก...” แม่พูดกับฉันแล้วเราสองคนก็กอดกัน ฉันหอมแก้มแม่หนึ่งฟอดใหญ่ให้หายคิดถึงไปนานเลย แล้วแม่ก็หันไปพูดกับก้องอยู่นานสองนานขออย่าให้พูดเหมือนกับพ่อเลยฉันอายเขาอ่ะ ให้เราเป็นเด็กไปได้ เฮ้ออออ! ฉันล่ะเหนื่อย...
“งั้นพ่อกับแม่ไปก่อนนะ”
“ค่ะ...ครับ...” เราทั้งสองขานรับ แล้วพ่อกับแม่ของฉันก็ขับรถออกไปเหลือก้องกับฉันที่ยืนโบกมือให้พ่อกับแม่จนรถลับตาไป
หลังจากที่พ่อกับแม่ไปสักพักเพื่อนๆน้องๆก็เริ่มทยอยกันมากันเกือบจะครบแล้วเพราะตอนนี้มันเลยเวลานัดเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว และถ้าหากพวกเราไปช้ามันก็จะสายและมันก็จะไปถึงที่หมายช้ากว่ากำหนด ตอนนี้เพื่อนก็มากันครบแล้วน้องๆก็มาเกือบครบหมดแล้วเหลือแต่น้องแอนคนเดียวไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม่ยังไม่มา หรือว่เปลี่ยนใจแล้ว...
“นี่มันเลยเวลานัดมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะทำไมยังมาไม่ถึงอีก” ส้มบ่นออกดูท่าทางแล้วเพื่อนฉันคนนี้จะหงุดหงิดเอามากเลยนะตอนนี้คิ้วงี้ขมวดเป็นปมแล้ว
“ไม่มาก้อน่าจะโทรฯมาบอกไม่ใช่ปล่อยให้คนอื่นรอมันไม่ดี” ปลายพูดขึ้นบ้างหน้าของปลายก็ไม่แพ้ส้มคิ้วขมวดเป็นปมเหมือนกันเด๊ะ ฉันเห็นท่าทางจะไม่ค่อยดีก็เลยพูดออกไปว่า
“ใจเย็นๆหน่อยเดี๋ยวก้อคงมาเองแหละ นั่นไงมาแล้ว” ฉันชี้มือไปยังรถที่น้องแอนนั่งมา พวกเพื่อนๆก้อมองตามรวมทั้งอาจารย์ด้วย พอน้องแอนลงรถมาคนขับรถก็ขนกระเป๋าลงมาให้ใบใหญ่มาให้
หลังจากที่น้องแอนลงรถมาก็ตรงมาหาก้องแล้วคุณน้องเธอก็พูดว่า“ขอโทษนะคะอาจารย์ แล้วก็ขอโทษพี่ก้องและพี่ทุกคน แล้วก้อขอโทษเพื่อนทุกคนด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรนะ...ที่หลังก็มาให้ตรงเวลาก้อแล้วกันคนอื่นจะได้ไม่ต้องรอ เพื่อนรอนานแล้วขึ้นรถเถอะจะได้ออกรถสักที” อาจารย์พูดแล้วพวกเราก็ขึ้นรถทัวร์ อาจารย์ที่มากับพวกเราเป็นผู้หญิงเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของโครงการของพวกเราเป็นคนง่าย ลุยๆ สบายๆเป็นคนที่เป็นกันเองกับนักศึกษาทุกคน
ทุกๆคนที่มาก่อนต่างก็จับจองที่นั่งกันหมด ตอนแรกฉันก้อคิดว่าจะไปนั่งกับส้มแต่ว่าส้มมันไปนั่งกับฟ้าแล้ว ฟ้าเป็นเพื่อนสนิทของพวกเราตั้งแต่เรียนปีหนึ่งมาด้วยกันเธอเป็นคนที่ดูจะเรียบร้อยแต่ที่จริงนะเป็นคนซุ่มซ่ามมากๆพอกับฉันนั่นแหละอิอิ แล้วก็เลยเดินตามก้องไปคิดว่าจะไปนั่งที่ว่างข้างหน้าเห็นมันใกล้หน้าต่างดีจะได้นั่งชมวิวตลอดทางที่ไปเลยน่ะ แต่แล้วฉันก็ต้องผิดหวังเพราะมีคนไปนั่งที่ว่างตรงนั้นแล้วอ่ะ ฉันก้อเลยหมดอารมณ์เฮ้อ!ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครนั่งที่นั่งตรงนั้นก้อจะใครเสียอีกหล่ะถ้าไม่น้องแอน หลังจากที่คุณน้องเธอนั่งเสร็จแล้วก็ดึงก้องให้นั่งลงข้างๆ แต่ก้องบอกว่าไม่เป็นไรคับน้องเดี๋ยวให้พี่แมงปอนั่งก็แล้วกันเดี๋ยวพี่ไปนั่งข้างหลังก้อได้คับ ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขาถึงบอกให้ฉันนั่งตรงนี้แต่ฉันบอกว่าไม่เป็นไรฉันจะไปนั่งข้างหลังโน้นฉันไม่ต้องการความหวังดีนี้ย่ะ เค้าอยากให้นายนั่งก้อนั่งไปดิข้างหลังนี้เป็นความคิดที่ไม่ได้พูดออกไปหรอกจะพูดออกไปได้ไงเสียภาพพจน์หมด แล้วฉันก็เดินเลยผ่านทั้งสองคนไปยังตรงที่นั่งที่ฉันชี้ไม่รู้เหมือนกันว่าก้องจะมองตามมาที่ฉันไหมช่างเหอะ!ไม่เห็นจะสนเลย^L ^ พอไปถึงที่ตรงนั้นเห็นปาร์มนั่งอยู่ก็เลยถามว่า
“ปาร์ม...ตรงนี้มีคนนั่งรึเปล่า” ฉันถามไปทั้งทีก็รู้ว่าคงไม่มีใครนั่งอีกแล้วหล่ะเพราะทุกคนก็ขึ้นรถกันมาหมดแล้ว
“ไม่มีใครนั่งหรอก จะนั่งเหรอ?” ปาร์มตอบแล้วเขาก็ถามฉันกลับ
“จร้า...” ฉันตอบพร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อย
“แต่ว่าเราขอนั่งข้างหน้าต่างได้รึเปล่า?”
“ได้สิ” แล้วปาร์มก็ลุกให้ฉันเข้าไปนั่งก่อน ใจดีจริงๆเลยสมแล้วที่ใครๆก็ว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษ สุภาพบุรุษที่หน้าตาดีซะด้วย อิอิอิ
หลังจากที่ฉันได้เข้าไปนั่งข้างใน ฉันก็ได้นั่งคุยกับปาร์ม ฉันชวนปาร์มกินขนมกับน้ำดื่มที่ฉันซื้อมา ในระหว่างทางที่ไปไม่รู้ว่าฉันแสดงท่าทางออกมาแบบไหน ไม่รู้ว่าใบหน้าของฉันมันเป็นอย่างไรอยู่ๆปาร์มก็ถามฉันขึ้นมาว่า
“ปอไม่สบายหรอ?”
“เปล่าจร้า เราสบายดีจร้า” ฉันก็ตอบกลับไปตามความรู้สึก แล้วฉันก็ถามกลับไปเมื่อเห็นหน้าปาร์มที่ดูเหมือนไม่เชื่อ และเหมือนจะยังมีอะไรที่ยังข้องใจอยู่
“มีอะไรรึเปล่า?ทำไมถามเราแบบนี้อ่ะ”
“ก็หน้าของปอมันพ้องว่าปอไม่สบายอ่า” เขาตอบฉันด้วยหน้าใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และมองหน้าฉันอีกครั้งแล้วอมยิ้ม มันทำให้ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร แต่ก็ช่างเถอะมันคงไม่มีอะไรที่ไม่ดีไปกว่าเมื่อกี้แล้วล่ะว่ารึเปล่า? แล้วฉันก็ตอบเขากลับไป พร้อมทั้งใบหน้าเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม
“ปอไม่ได้เป็นไรหรอก ปอแค่นอนดึกไปหน่อยเท่านั้นเอง ก็เลยดูโทรมไปมั้ง”
“ตื่นเต้นล่ะสินะ” เขาพูดล้อฉันพร้อมทั้งหัวเราะออกมาเสียงดัง เพื่อนๆที่นั่งใกล้ก็หันมามองแล้วเราสองคนก็เลยมองหน้ากันแล้วก็หยุดหัวเราะ ได้แต่ฉีกยิ้มมุมปากให้กัน
ระหว่างทางที่นั่งรถไปเชียงราย ในรถของพวกเราสนุกสนานกันมาก เพราะมีคนร้องนำอย่างปราย ปรายเป็นคนที่ร้องเพลงเพราะมากๆและเป็นผู้นำเชียร์ที่เก่งมากๆเลย ที่สำคัญเขาเป็นคนที่ชอบสนุกสนานเฮฮา น้องๆที่มาทุกคนต่างให้ความร่วมไม้ร่วมมือช่วยกันร้องเพลงและช่วยกับปรบมือไปด้วย ดูพวกเขาจะมีความสุขกันมากๆเลย ด้วยเฉพาะก้องที่ดูท่าทางว่าจะมีความสุขมากกว่าเพื่อนเห็นยิ้มอยู่ตลอดทางไปเชียงรายเลย (สนใจเขามาไปรึเปล่าเนี้ย ดูเขาไม่ห่างเลยนะ^^” เปล่าสักหน่อยก็แค่มองเห็นเท่านั้นเองไม่มีอะไร และไม่ได้สนใจด้วย) กว่าที่พวกเราทุกคนจะเดินทางมาถึงเชียงรายก็ได้เดินทางผ่านมาหลายจังหวัด กว่าจะมาถึงจุดหมายปลายทางก็เกือบสองทุ่ม ซึ่งพวกเราก็จอดแวะปั้มน้ำมันกันบ่อยมาก แต่สำหรับฉันมันดูเหมือนไม่นานเลยนะเพราะว่าฉันนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง(บอกทำไมอีกเขารู้กันหมดแล้วอ่ะ แป่ว!)ดูธรรมชาติไปตลอดทางเลยทำให้เพลิดเพลินจนไม่ได้สนใจเวลาที่สำคัญจังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทยกว่าจะไปถึงก็ต้องผ่านอีกหลายๆจังหวัด ฉันใช้กล้องถ่ายรูปทิวทัศน์ตลอดริมทางเลย และฉันยัยแมงปอพึ่งจะเคยมาที่เชียงรายเป็นครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นมากกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลย ไม่เชื่อลองมาฟังเสียงหัวใจดิ อิอิอิ Y_Y
แล้วเสยงเรียกจากผู้ชายที่นั่งข้างฉันก็ดังขึ้นมันเจือไปด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้ฉันเลย
“ปอถึงแล้ว”
“จร้า ปอรู้แล้ว” ฉันตอบเขาและอดยิ้มไม่ได้ที่เห็นใบหน้าที่ตื่นเต้นของปาร์ม
พอเดินทางไปถึงรถทัวร์ที่พวกเรานั่งมาก็ไปจอดใกล้ๆกับอาคารเรียน และห้องประชุมหรือหอประชุม เมื่อรถจอดสนิททุกคนต่างขนสัมภาระของตนเองขึ้นไปเก็บที่พักแล้วหลังจากนั้นก็มาช่วยกันขนของที่เป็นของส่วนร่วมและของที่เอามาบริจาคให้กับโรงเรียนเอาไปเก็บไว้ที่ห้องพักครู ผู้ชายจะนอนที่ห้องเรียนของชั้นประถมศึกษา ส่วนผู้หญิงจะนอนที่บ้านพักของครูซึ่งมีอยู่สองหลังก็จะแบ่งคนไปนอนทั้งสองหลังเท่าๆกัน อากาศที่นี่ตอนกลางคืนจะเย็นมากแม้ว่าจะใกล้ฤดูร้อนแล้วก็ตาม หลังจากที่พวกเราขนของเสร็จอาจารย์ก็เรียกนักศึกษามาพบเพื่อชี้แจ้งว่า จะต้องทำอะไรที่ไหนบ้าง? จะต้องอาบน้ำที่ไหน ทานข้าวที่ไหน อาจารย์บอกว่า ‘ห้องน้ำมีทั้งหมด 8 ห้อง ห้องน้ำชาย 4 ห้อง ห้องน้ำหญิง 4 ห้อง ซึ่งมีสองฟาก ให้จัดการกันเองว่าใครจะอาบก่อนอาบทีหลัง ให้ไปอาบกันเป็นกลุ่มอย่าไปอาบน้ำคนเดียวเด็ดขาด และที่สำคัญห้ามไปไหนมาไหนคนเดียวและเวลาจะไปที่ไหนให้บอกเพื่อนๆไว้ ถ้าใครอยากไปเข้าห้องน้ำก็ไปนะแล้วเดี๋ยวมาเจอกันที่โรงอาหารของโรงเรียนนะพวกเราจะทานข้าวกันที่นั้น โรงอาหารจะอยู่ทางซ้ายมือของบ้านพักครูนะทุกคน’ หลังจากที่อาจารย์บอกพวกเราเรียบร้อยบอกให้แม่บ้านที่หมู่บ้านนี้เตรียมจัดกับข้าวได้(ที่จริงเขาก็จัดเสร็จแล้วล่ะแต่เพื่อความพร้อมก็ต้องสั่งอีกทีว่าไหมอ่า) เมื่อไปถึงพวกเราก็ทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย แม่บ้านที่นี่เขาทำกับข้าวอร่อยมากๆเลย หรือว่าหิวนะ (ฉันว่ามันก็ทั้งสองแหละ หิวแล้วก็เขาทำอร่อย) พวกเราทานขนมจีนน้ำเงี้ยวเผ็ดนะแต่ว่าอร่อย เมื่อทานเสร็จพวกเราก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวแล้วก็เตรียมตัวเข้านอน เมื่อคืนฉันหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ เพราะรู้สึกเหนื่อยกับการเดินทางมากต้องพักเอาแรงสักหน่อย พรุ่งนี้จะได้มีแรงทำงานเต็มที
วันแรกของการเริ่มต้นสร้างห้องสมุดที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย เป็นวันแรกที่มาช่วยชาวบ้าน พวกเราก็ช่วยกันขนไม้ที่ชาวบ้านได้เตรียมไว้ เพื่อจะนำมาสร้างห้องสมุด ในระหว่างที่เราสร้างห้องสมุดชาวบ้านหลายคนต่างก็มาช่วยพวกเราสร้าง และเมื่อเราจะเริ่มสร้างผู้ใหญ่บ้านก็เปิดโอกาสให้พวกเราได้ชี้แจ้งวิธีการสร้างห้องสมุด วัตถุประสงค์ในการสร้าง รูปแบบลักษณะที่จะสร้างก็จะเป็นเหมือนอาคารเรียนแต่ส่วนใหญ่จะใช้ไม้ในการสร้าง หลักจากนั้นฉันก็เลยเสนอความคิดเห็นว่าในตัวอาคารของห้องสมุดควรจะมีอะไรบ้างและควรมีการจัดการอย่างไร ฉันเสนอว่าข้างหน้าอาคารจะทำโต๊ะสามตัว และเก้าอี้ยาวอีกประมาณหกตัว เพื่อให้เป็นที่สำหรับคนมานั่งอ่านหนังสือ ข้างหลังก็จะเป็นชั้นวางหนังสือประมาณสามถึงสี่ชั้น แล้วก็มีโต๊ะเจ้าหน้าที่ห้องสมุดที่จะทำหน้าที่ให้ยืมหนังสือ ทำข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือและการยืมคืนหนังสือ การใช้บริการอาจจะกำหนดจำนวนการยืมหนังสือ วันที่คืนหนังสือ อาจจะคิดค่าบริการยืมคืนเล่มละหนึ่งบาท เพื่อที่จะนำเงินที่เก็บได้มาเป็นค่าซื้อหนังสือ และปรับปรุงห้องสมุด แล้วอาจจะเป็นค่าจ้างให้กับเจ้าหน้าที่ แล้วน้องแอนก็เสนอว่า “ควรจะเก็บเงินมากกว่านี้ควรจะเก็บเล่มละห้าบาทน่าจะได้เยอะกว่า” “จริงๆนะคะเมื่อเก็บมากก็จะได้เงินเยอะมากๆ” เพื่อนน้องแอนพูดเสริม “มันก็จิงอยู่ที่ว่าได้เงินเยอะแต่ชาวบ้านที่นี่เขาต้องนำเงินที่ได้มาไปใช้จ่ายอย่างอื่น เด็กๆอาจจะมีเงินไม่พอบางครั้งอาจอาจอยากยืมหลายเล่มแต่มีเงินไม่พอ และที่จริงเราทำห้องสมุดก็เพื่อให้คนมีที่อ่านหนังสือไม่ได้เพื่อจะเก็บเงินดังนั้นเราว่าน่าจะเก็บแค่หนึ่งบาทก็พอว่าไหมทุกคน” “ใช่...” เสียงของคนส่วนใหญ่ที่ตอบกลับมา หลังจากที่ฟังคำชี้แจ้งเสร็จพวกเราก็ลงเมือทำ
วันที่สองและสามพวกเราก็ได้เห็นรูปร่างของห้องสมุดซึ่งในวันที่สี่พวกเราก็ได้ช่วยกันลงมือทาสีห้องสมุดด้วยสีฟ้าอ่อนภายในห้อง ส่วนภายนอกทาสีครีม ในที่สุดวันนี้ก็ได้ห้องสมุดที่เป็นฝีมือของพวกเราและชาวบ้านที่ทำร่วมกัน มันเป็นอะไรที่ประทับใจมากๆ ทุกคนยืนดูความสำเร็จที่ได้ทำร่วมกันมันเป็นภาพที่เป็นความทรงจำที่ดีมากๆจะพลาดได้ยังไงฉันเลยถ่ายภาพเก็บไว้มากมายโดยที่บางคนยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกถ่ายรูป หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว ตอนเย็นเราก็มานั่งทานอาหารเย็นด้วยกัน หลังจากนั้นก็มีพวกผู้ชายช่วยกันก่อกองไฟ แล้วคนที่ยังไม่อยากนอนก็มานั่งรอบกองไฟร้องเพลงไปด้วยกัน คืนนี้เป็นที่น่าประทับใจมากๆในยามค่ำคืนที่มีแสงจันทร์นวลผ่อง และท้องฟ้าที่มืดมิดแต่สว่างไปด้วยแสงจากดวงดาวทั่วท้องฟ้า หลังจากนั้นพวกเราก็เข้านอน...
หลังจากที่พวกเราช่วยกันทำห้องสมุดมาเป็นเวลาสี่วันวันนี้พวกเราก็ได้ตกลงกันว่าจะให้ทุกคนได้พักผ่อนและได้เที่ยวชมที่หมู่บ้านแห่งนี้ หลังจากที่พวกเราทานอาหารมื้อเช้ากันเสร็จก็แยกย้ายกันไปเป็นกลุ่มตอนเย็นๆก็จะกลับมาพบกันที่เดิม ตอนเช้าฉันและเพื่อนก็เข้าไปเยี่ยมชมในหมู่บ้านพอบ่ายคล้อยพวกเราก็พากันไปเล่นน้ำที่น้ำตกใกล้ๆหมู่บ้าน น้ำตกเป็นน้ำตกเล็กที่น้ำไหลผ่านตลอดทั้งปีเป็นแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ พอพวกเราไปถึงน้ำตก ส้ม ปราย และเพื่อนๆต่างก็ลงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
“ปอ...ลงมาเล่นน้ำด้วยกันเร็วๆๆ” เสียงเพื่อนเรียกฉัน
“แต่ฉันยังไม่อยากเล่นอ่ะ พวกเธอเล่นไปก่อนเถอะ” ฉันตอบ
“ทำไม?อ่ะ” เพื่อนถามกลับมา
“ก็ไม่มีก้องมาเล่นน้ำด้วยใครจะไปอยากเล่น” ฉันตอบเพื่อนๆในใจ แต่คำพูดที่ออกจากปากฉันไปว่า “ อยากนั่งดูเฉยๆจร้า”
หลังจากที่ฉันตอบเพื่อนฉันก็นั่งคิดอะไรไปเรื่อยๆสักพักก็มีเสียงมาจากทางด้านหลังถามฉันว่า “แมงปอทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ไปเล่นน้ำหล่ะ?” เสียงที่ฉันได้ยินคือเสียงคนที่ฉันรอเล่นน้ำด้วย
“ก็รอนายนั่นแหละไม่รู้เรื่องเลยนะ” ฉันแอบบ่นในใจ
แล้วฉันก็ตอบออกไปว่า “เปล่า...ไม่ได้ทำไร ก็...แค่ยังไม่อยากเล่นน้ำตอนนี้อ่ะ”
“ขอนั่งด้วยคนสิ”
“ได้สิ”
“แล้วก้องมาที่นี่ไงอ่ะ นึกว่าจะพาน้องแอนแล้วก็เพื่อนๆน้องเค้าไปเที่ยวสะอีก” ปากหาเรื่องอีกแล้วเรา แล้วเขาจะว่ายังไงฉันก็ได้แต่รอ
“อะไรนะปอ” ก้องแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่ฉันพูด
ฉันมองหน้าก้องแล้วก็ตะโกนดังๆว่า “ทำไมถึงมาที่นี่?”
ก้องรีบตอบฉันว่า “ก็...อยากมาอยู่กับแมงปอน่ะสิถึงได้มาที่นี่”
ที่เขาตอบออกมาแบบเขาคงกลัวว่าฉันจะว่าเขาอีก..มั้ง มันอาจจะเป็นแค่คำพูดที่เขาพูดเล่นๆก็ตามแต่ฉันก็ยังพอใจกับคำพูดนั้นของเขา
“แมงปอชอบที่นี่ไหม?” ก้องถาม
“ก็ชอบนะ...ที่นี่เงียบสงบแล้วก็...อากาศดีด้วย”
“จร้า...แล้วอยากมาอยู่ที่นี่ไหม?” ก้องถามในสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะถามคำถามนี้
“ไม่รู้สิ...” ฉันตอบแล้วแอบมองหน้าเขา สิ่งที่ฉันได้เห็นในใบหน้าดูเสียใจนิดนึงแต่แล้วก็อารมณ์ดีเหมือนเดิม
“อืม...ช่างเหอะ”
“แล้ว...ก้องไม่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆหรอ” ฉันถามหลังจากที่เรานั่งเงียบ
“ก็...ไม่มีใครไปเป็นเพื่อนอ่ะ” ก้องตอบ
“ก็...น้องแอนล่ะทำไมไม่ไปชวนเขาล่ะ เขาอาจจะอยากไปเที่ยวกับก้องก็ได้” ฉันไม่ได้ประชดนะแต่ไม่รู้ทำไมน้ำเสียงเหมือนประชด แต่ฉันก็ไม่ยอมมองหน้าเขา
“ก็...ไม่อยากไปกับน้องแอนอ่ะ” ก้องตอบแล้วเขาก็หันมามองหน้าฉัน ฉันจึงแกล้งทำเป็นมองไปที่น้ำตก
ใครกันนะที่เขาอยากไปเที่ยวด้วย ใครกันที่จะได้เดินเคียงข้างไปกับเขา ฉันคิด
“แมงปอไม่ชอบเล่นน้ำเหรอ เราไปเล่นน้ำกันไหม?” ก้องถามโดยไม่คิดที่จะรอเอาคำตอบจากฉัน
“เปล่า...เราแค่ว่ายน้ำไม่เป็นเฉยๆอ่ะ เลยไม่อยากเล่นสักเท่าไหร่” ว่ายน้ำไม่เป็นมันเป็นแค่คำแก้ตัวของฉันเฉยๆที่จริงฉันนะรอเล่นน้ำกับเขานั่นแหละ แต่เพราะเมื่อกี้เขายังไม่มาฉันก็เลยไม่อยากเล่น
“งั้นเดียวเราจะช่วยสอนเอง โอเคนะ” ก้องพูดเสร็จเขาก็เดินนำฉันไปเล่นน้ำอีกทางหนึ่งที่ห่างจากที่เพื่อนๆอยู่ ที่ตรงนั้นสวยมากๆ
“ก้องเดินช้าๆก็ได้” ฉันพูดเมื่อเห็นเขาเร่งความเร็วของเท้า แล้วเขาก็เดินลงไปเล่นน้ำก่อนฉันจากนนั้นเขาก็ยืนมือลงมาให้ฉันจับ แต่ฉันก็ยังไม่ยอมลงไปอยู่ดี ในที่สุดเขาก็มาฉุดตัวฉันลงไปในน้ำพร้อมกับเขา
ฉันกับเขาลงไปเล่นน้ำพร้อมกัน ก้องสั่งให้ฉันจับแขนเขาเอาไว้จากนั้นค่อยๆตีขา ฉันฝึกตีขาจนคล่องก็เริ่มจะว่ายจนในที่สุดฉันก็ว่ายได้ แต่ก็แค่แป๊บเดียว หลักจากนั้นฉันเลยดูก้องว่าน้ำเขาว่าน้ำเก่งมากๆฉันเพิ่งรู้นะเนี้ยว่าเขาว่ายน้ำเก่งขนาดนี้ และเมื่อเราทั้งคู่เล่นน้ำจนเหนื่อยก็ถึงเวลาที่จะต้องกลับที่พัก เพราะเพื่อนๆได้กลับที่พักกันหมดแล้ว และในตอนนี้เหมือนจะมีแค่เพียงเราสองคน
“ก้อง...ปอขอบใจนะ” ฉันขอบคุณเขาแต่เขวกลับบอกว่า
“อะไรนะแมงปอก้องไม่ได้ยินอ่า” เขาพูดด้วยใบหน้าที่อมยิ้ม ฉันเลยตอบกลับไปว่า
“ไม่บอกจ้างให้ก็ไม่บอก อยากไม่ได้ยินเองทำไม” ฉันพูดแล้วก็วิ่งหนีก้องไปเพื่อไม่อยากให้เขาตามทัน
“แน่จริงก็ตามมาให้ทันสิ” ฉันหันไปพูดแล้วก็แอบแลบลิ้นใส่เขา
ก้องตะโกนบอกฉันว่า “แมงปอมันลื่น อย่าวิ่ง” แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจในคำพูด และความห่วงใยของเขา จนตัวฉันไปสะดุดก้อนหินหกล้มลงไป
“โอ้ย...เจ็บ” หลังจากที่สะดุดฉันก็อุทานออกมาเสียงดัง ก้องที่ขึ้นมาจากน้ำเรียบร้อยแล้วจึงวิ่งมาดูฉันด้วยความเป็นห่วงแต่ด้วยความที่เขารีบจนเกินไปทำให้เขาไม่ทันระวังเหยียบก้อนหินที่รื่น ทำให้ก้องลื่นล้มหัวฟาดก้อนหิน ฉันตะโกนเรียกก้องแล้วพยายามเดินไปหาเขา
“ก้องเป็นอะไรมากรึป่าว” ฉันถามเขาเมื่อเข้าไปนั่งใกล้ๆเขา
“ก้องไม่เป็นไร แล้วแมงปออ่ะเจ็บตรงไหนรึป่าว” ก้องตอบฉัน
“ปอไม่เป็นไร แค่เจ็บขานิดหน่อย” เขาเป็นขนาดนี้เขายังจะมาห่วงฉันอีกเหรอ หลังจากนั้นฉันพยายามประครองก้องขึ้นมา ฉันจึงเห็นเลือกออกมาจากศีรษะของก้อง เขาหัวแตก
“ก้องอย่าเป็นอะไรนะ” ฉันพูดปนกับเสียงสะอื้น ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะทำอย่างไรดีตอนนี้ ฉันเป็นห่วงเขาเหลือเกิน และฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมตัวเองต้องร้องไห้ด้วย
“โอ๋...โอ๋ อย่าร้องไห้เลยนะคนดีของก้อง” ก้องปลอบฉันมันยิ่งทำให้ฉันร้องไห้หนักขึ้นอีก ไม่รู้ว่าน้ำตามันมาจากไหน หลังจากนั้นฉันก็ปาดน้ำตาทิ้ง แล้วประครองเขาตรงไปที่ถนนเราสองคนยื่นรอรถที่ผ่านไปผ่าน
เมื่อฉันเห็นผ่านฉันจึงโบกและขอร้องให้เขาช่วยไปส่งเราสองคนที่โรงพยาบาล พี่คนขับรถใจดีมากเลยพาเรามาส่งที่โรงพยาบาล ตลอดทางที่มาโรงพยาบาล ก้องท่าทางอาการจะไม่ค่อยดีมีเหลือไหลออกมา ใบหน้าของเขาก็เริ่มซีด ฉันมันทำให้ฉันใจคอไม่ดีอยากให้ถึงโรงพยาบาลไวไว ฉันพยายามเรียกชื่อเขาตลอดทางเพื่อไม่ให้เขาหลับ
“ก้องอย่าเป็นอะไรนะ ทำใจดีดีไว้นะ ปอขอโทษที่ปอไม่เชื่อก้อง ปอผิดเอง ถ้าหากปอไม่วิ่งและเชื่อฟังก้อง ก้องคงไม่เจ็บตัวเพราะปอแบบนี้ และคงจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้” ฉันพูดไปร้องไห้ไป จนสายตาเริ่มมัวเพราะมีน้ำตาคลอ
ฉันเห็นก้องยิ้ม และพูดกับฉันว่า “แมงปอไม่ต้องขอโทษก้องหรอก แมงปอไม่ผิดสักหน่อย มันเป็นแค่อุบัติเหตุเอง ไม่ต้องคิดมากนะ”
นี่หรอฉันตอบแทนเขา ทั้งที่เขาเป็นห่วงฉันมากขนาดนี้
“แต่ปอก็เป็นต้นเหตุทั้งหมดอยู่ดี”
“ไม่หรอกนะ แมงปอไม่ได้เป็นต้นเหตุสักหน่อย มันเป็นแค่อุบัติเหตุเอง แต่ถ้าหากก้องเป็นอะไรไป แมงปอต้องสัญญานะว่าจะดูแลตัวเองดีดี และเชื่อฟังคนอื่นบ้างนะ” เขาพยายามปลอบฉันและพูดในสิ่งที่ฉันไม่อยากให้เกิดขึ้น ถ้าหากมันเกิดขึ้นจริงคนคงไม่มีวันที่จะทำใจได้ มันยากเหลือเกินที่คนคนหนึ่งจะทำใจยอมรับการสูญเสียคนที่รักไปโดยที่จะไม่ได้บอกรักเขาสักคำ
“อย่าพูดแบบนี้สิ ก้องต้องไม่เป็นอะไรนะก้องต้องอยู่กับปอนะ ก้องจะต้องปลอดภัยใกล้จะถึงรงพยาบาลแล้ว” ฉันไม่รู้ว่าฉันพุดอะไรออกมาตั้งยาว
“ถึงก้องจะเป็นอะไรไป ก้องก็ดีใจนะที่ก่อนก้องจะตายก้องได้อยู่กับคนที่ก้องรัก ก้องรักแมงปอนะ แล้วแมงปอล่ะ” เมื่อเขาพูดจบเขาก็สลบไป ฉันไม่รู้ว่าจะดีใจเหลือใจดีมันสับสนไปหมด แต่ฉันก็ดีใจนะที่เขารักฉัน แต่ฉันก็เสียใจมากที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ และฉันก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นเมื่อสลบไปฉันพยายามเรียกชื่ออยู่ตลอดเวลาจนไปถึงโรงพยาบาล
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เขาก็ยกก้องขึ้นเตียงแล้วจากนั้นก็ พาก้องไปห้องฉุกเฉินแล้วก็เงียบไป ส่วนฉันก็ยืนค่อยอยู่หน้าห้องฉุกเฉินพยายามที่อธิฐานขอพรให้พระคุ้มครองก้องอย่าให้เขาเป็นอะไรเลย
“น้องคับ...มีอะไรให้พี่ช่วยอีกไหม” พี่ชายคนที่มาส่งฉันกับก้องถาม
“งั้นหนูขอยืมเงินพี่สักยี่สิบได้ไหมคะ” ฉันรู้ว่าตอนนี้ฉันไม่มีอะไรเลยติดตัวฉันจึงขอยืมเงินพี่เขาเพื่อที่จะเอาไว้โทรติดต่อกับเพื่อน
“ได้สิ งั้นพี่ให้ร้อยหนึ่งนะเอาไว้ซื้อไรทานด้วย ถ้ามีเรื่องให้พี่ช่วยอะไรอีกก็บอกนะ” พี่คนนั้นหยิบเงินในกระเป๋าออกมาให้ฉัน แล้วเขาก็ยิ้มและบอกกับฉันว่า
“แฟนของน้องคงไม่เป็นไรหรอกนะ น้องเองก็ต้องดูแลตัวเองด้วย เดี๋ยวจบป่วยทั้งคู้แล้วจะแย่นะ”
“พี่คะหนูขอบพระคุณพี่มากๆนะคะ ที่พี่ช่วยหนู ถ้าหากไม่มีพี่หนูกับเพื่อนคงแย่แน่ๆเลยคร้า ขอบคุณจริงๆนะคะ” ฉันพูดแล้วก็ยกมือขึ้นไหว้เขาหลังจากนั้นเขาก็เดินจากไป และบอกว่าเขาจะมาเยี่ยมใหม่ในวันพรุ่งนี้
ฉันไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ และไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้เจอะเจอคนดีดีแบบนี้ มันทำให้ฉันรู้ว่าคนดีดียังมีอยู่อีกมากมาย คนที่เขาช่วยผู้อื่นด้วยไม่หวังแม้สิ่งตอบแทน
เมื่อเวลาผ่านไปจากชั่วโมงเป็นสองชั่วโมงมันทำให้ฉันยิ่งทำอะไรไม่ถูกเอาแต่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน และน้ำตายมันก็ยิ่งไหลอาบทั้งสองแก้ม สักพักคุณหมอก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินฉันดึงถามหมอว่าก้องเป็นยังไงบ้าง? คุณหมอบอกฉันว่าคนไข้ไม่ได้เป็นอะไรมาก ตอนนี้กำลังหลับเพราะยานอนหลับ สักพักคงจะฟื้น หลังจากที่พูดจบคุณหมอก็ขอตัวไปดูคนไข้คนอื่นๆต่อ ฉันจึงกล่าวขอบคุณเขา หลังจากนั้นก็ได้มีบุราพยาบาลได้เข็นก้องออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วพาก้องไปที่ห้องพักฟื้นพิเศษ หลังจากนั้นฉันก็ไปให้พยาบาลทำแผลที่ข้อเท้าให้ แล้วก็กลับมาดูแลก้อง จากนั้นฉันก็ลงไปซื้อของมาให้ก้องทานเพื่อเขาตื่นขึ้นมาแล้วจะหิว และตั้งใจจะไปโทรศัพท์บอกเพื่อนกับอาจารย์
หลังจากที่ฉันคุยโทรศัพท์กับอาจารย์และเพื่อน พวกเขาตกใจมากและเป็นห่วงฉันกับก้องมาก แต่วันนี้คงมาโรงพยาบาลไม่ได้ อาจารย์บอกันว่าพรุ่งนี้เช้าอาจารย์กับเพื่อนๆก็จะเดินทางมาเยี่ยมก้องที่โรงพยาบาล เพราะตอนนี้มันดึกมาแล้วและไม่มีรถออกมาจากหมู่บ้าน ฉันจึงกลับขึ้นมาเฝ้าไข้ก้องเหมือนเดิม
******************************************
หลังจากที่ฉันฟุบหลับไปที่ข้างเตียงของก้องจนกระทั่งเช้า ฉันก็ได้ตื่นขึ้นมาพบว่าก้องกำลังมองฉันอยู่ ฉันดีใจมากจึงรีบถามออกไปว่า “ก้องเป็นยังไงมั้ง ปอดีใจที่สุดเลยที่ก้องไม่เป็นอะไรมาก”
“แล้วปออ่ะเป็นไรมั้ง” เขาไม่ตอบฉันแต่กลับถามฉันว่าเป็นอะไรไหม ฉันยิ้มจนปากจะฉีกถึงรูหูแล้วมั้ง แล้วฉันก็เห็นก็ยิ้ม
“ก้องหิวไหม ทานไรก่อนไหม เดี๋ยวปอทำให้” ฉันกระตือรือร้นที่จะตอบแทนความห่วงใยที่เขามีให้ฉันจัดนู้นทำนี้ให้เขา เขาก็ได้แต่อมยิ้มอย่างเดี๋ยว ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่ถึงได้แต่ยิ้มอยู่อย่างเดียวจนฉันรู้สึกว่าหน้าร้อนขึ้นมา... หลังจากที่ก้องทานข้าวเสร็จสักพักอาจารย์กับเพื่อนๆก็เดินทางมาถึงและได้พูดคุยสักพัก น้องแอนที่มากับอาจารย์จึงขออาสาอยู่เฝ้าไข้ก้อง ฉันจึงบอกก้องว่าฉันจะกลับที่พักกับอาจารย์และเพื่อนๆ แล้วจะมาเยี่ยมใหม่ในวันหลัง หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางกลับไปที่โรงเรียนเหลือแต่น้องแอนที่อยู่เฝ้าก้อง แล้วในตอนเย็นอาจารย์จะพาเพื่อนๆมาเยี่ยมอีกรอบ
ตลอดทั้งสามวันที่ก้องนอนอยู่โรงพยาบาล หลังจากเช้าวันนั้นที่ฉันกลับมาจากโรงพยาบาลฉันก็ไม่ได้ไปเยี่ยมเขาอีกเลย เอาแต่ช่วยเพื่อนและน้องๆ และชาวบ้านทำโต๊ะ เก้าอี้ และชั้นวางหนังสือ แล้วพวกเราทั้งหมดก็ช่วยกันตกแต่งห้องสมุดจนมันใกล้จะเสร็จเรียบร้อย
วันนี้ฉันจึงออกมานั่งที่น้ำตกกับส้ม เราสองคนนั่งคุยกัน ส้มบอกฉันว่าวันนี้พวกเราจะไปเยี่ยมก้องกัน
“แล้วแกจะไปเยี่ยมก้องไหมอ่า” ส้มถามฉัน
“ไม่ดีกว่าอ่า แกไปกับพวกนั้นเหอะ” ฉันตอบโดยที่ไม่หันไปมองคนถาม ส้มหลังจากที่ฟังปอตอบแล้วก็หันไปเจอก้องที่พึ่งเดินมา ส้มทำท่าจะเรียกชื่อก้องแต่ก้องเอานิ้วชี้ปิดปากบอกให้ส้มเงียบ ส้มก็ทำตามโดยที่ไม่รีรอให้ก้องบอก
“ ปอแก้ไม่ไปใช่มั้ย... งั้นฉันไปก่อนนะ” ส้มพูดเสร็จก็ลุกไปอย่างรวดเร็ว
“อ้าว... อืม...” ตอบออกไปทั้งที่งงว่าทำไมส้มต้องรีบออก แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราตอนนี้ฉันอยากนั่งอยู่คนเดียวระบายอารมณ์ไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าช่วงนี้หัวใจมันอ่อนแอยังไงก็ไม่รู้
“อ้าว...ไหนบอกว่าเรียบไปไงแล้วกลับมาทำไมอีกอ่า” ฉันถามเมื่อได้ยินเสียงคนเดินมาแต่กลับไม่มีเสียงตอบจากส้ม ฉันจึงหันไปมองก็เจอก้องพอดี เขานั่งลงข้างๆฉัน หลังจากที่ฉันเรียกชื่อเขา....ก็ได้แต่นั่งเงียบพูดอะไรไม่ออก
คำถามแรกที่ได้ยินจากปากเขาหลังจากเหตุการณ์ในครั้ง เขาถามฉันว่า “ทำไมแมงปอไม่ไปเยี่ยมก้อง” สรรพนามที่ใช้เรียกฉันก็ยังคงเหมือน ฉันไม่รู้ว่าเขายังจำวันนั้นได้ไหมว่าที่เขาเจ็บหนักเพราะฉัน วันที่เขาบอกฉันว่าเขารักฉัน
“ก้อ....” เงียบบบบบบบบบบ
“ก้อ...มีคนไปเยี่ยมก้องเยอะแยะแล้วนี่หน่า จะให้ปอไปทำไมอีกล่ะ” ฉันตอบออกไปทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่มีเหตุผลเลยที่ฉันไม่ไปเยี่ยมเขาทั้งๆที่ใจจริงฉันอยากไปเฝ้าเขาทุกวัน
“ก็มันไม่เหมือนกัน”
“ไม่เหมือนตรงไหน”
“ก็ตรงที่คนเหล่านั้นไม่ใช่แมงปอไง” ฉันไม่ได้ตอบเขาได้แต่นั่งเงียบหมือนเดิม เขาจึงพูดต่อว่า
“แมงปอรู้ไหมว่าก้องรอแมงปอไปเยี่ยมทุกวันเลย แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าแมงปอจะมา แต่ก้องก็ไม่ได้หมดหวังนะ ก้องคิดว่าวันนี้แมงปอไม่มาพรุ่งนี้อาจจะมาก็ได้ ก้องได้แต่ปลอบใจตัวเองอยู่ทุกวัน จนวันนี้ก้องก็เลยมาหาแมงปอเอง” หลังจากที่ฉันไม่ได้ยินเสียงของเขามาหลายวันฉันไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาได้ยาวขนาดนี้
“แมงปอเป็นไรรึป่าวทำไมเงียบหล่ะ” เขาถามฉันเมื่อฉันไม่เงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมา หลังจากที่ฉันฟังเขาพูดมันทำให้ฉันยิ่งรู้สึกผิด
“ป่าว...ปอไปก่อนนะ”
“จะไปไหนเด็กดื้น” เขาคว้ามือฉันไว้แล้วดึงตัวฉันให้มานั่งข้างๆเขา ฉันพยายามดิ้นเพื่อให้เขาปล่อยมือฉัน
“ปล่อยปอนะ...ไม่งั้นปอเรียกให้คนช่วยนะ” ฉันขู่เขาทั้งที่รู้ว่าที่นี่ไม่มีใครอยู่นอกจากเราสองคน
“อยากเรียกก็เรียกเลย เดียวก้องจะกอดปอให้ดู” เขาบอกฉัน ฉันไม่กล้าที่จะเรียกออกไปเพราะกลัวว่าเขาจะกอดฉันจริงๆจึงได้แต่นั่งเงียบ พูดอะไรไม่ออก ทุกครั้งจะไม่เคยยอมเขาแต่ไม่รู้ว่าทำไมครั้งนี้ฉันถึงได้ยอม ก้องเอาแต่จ้องหน้าฉันไม่กระพริบตาเลยทำให้ฉันต้องเป็นฝ่ายที่เบือนหน้าหนี
“แมงปอ....ก้องรักแมงปอนะ” ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เขาบอกรักฉัน นับจากครั้งนั้น ฉันดีใจและเขินมากๆแต่ไม่กล้าแสดงออก ฉันไม่คิดว่าเขาจะบอกรักฉันง่ายๆขนาดนี้
“แมงปอ...รักก้องมั้ย” เขาถามฉันพร้อมกับยื่นหน้าทะเล้นของมาฟังคำตอบ
“ไม่บอก” ฉันพูดทั้งที่ใจอยากบอกเขาเต็มทีว่าฉันก็รักเขาเมือนกัน
“ถ้าไม่บอกนะ...” เขาพูดไว้แค่นั้นแล้วกอดฉันและกำลังจะจูบฉัน
“ยังไงก็ไม่บอก...” ฉันยังคงปากแข็งและหลบเขา แต่เขากลับยิ่งกอดฉันแน่นกว่าเดิมและทำท่าว่าจะจูบฉันจริงๆ ฉันจึงเรียบพูดออกไปว่า
“ อย่านะ...บอกก็ได้...”
“พูดง่ายๆแบบนี้สิ”
“ปอ...รักก้องนะ” ฉันพูดพร้อมกับใบหน้าที่ร้อนวูบวาบขึ้นมา เขินจนทำไรไม่ถูกจึงหันหน้าหนี
“อะไรนะ...ก้องไม่ค่อยได้ยินเลย”
“ไม่ยินก็ไม่ต้องได้ยิน” ฉันพูดพร้อมกับตีตรงที่แขนเขา และทำท่าจะงอนเขา
“ก็ได้ๆจร้า ได้ยินก็ได้...อย่างอนนะคนดีของก้อง ทำหน้าแบบนี้แก่เร็วไม่รู้ด้วยนะ” ฉันไม่รู้ว่าผู้ชายแบบเขาก็มีมุมน่ารักแบบนี้เหมือนกัน
“ช่างปะไร” พูดเสร็จฉันก็ค้อนให้หนึ่งทีในฐานที่แก้ฉัน
“ถึงปอจะแก่ยังไงก้องก็ยังจะรักปอนะ และจะรักปอคนเดียวตลอดไป” เขาพูดเสร็จแล้วก็แอบจูบฉัน ตอนนี้ฉันรู้สึกอายมากๆ เหมือนกับฝันไป ถึงจะเป็น ฝันมันก็เป็นความฝันที่จริงที่สุด เพราะฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีวันนี้ และที่ฉันไม่เคยรู้เลยก็คือว่าเขาก็ชอบฉันเหมือน ทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงไม่เคยแสดงออกกับฉัน แต่ไม่ว่าอะไรก็ตามฉันก็ขอบคุณทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่ทำให้ฉันได้มีวันนี้ ได้มีความรักเช่นนี้ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ฉันรู้ว่าวันนี้ฉันมีความสุขที่สุดนั่นก็เพียงพอแล้ว.....
ฉันอยากบอกว่าการที่เรารักใครสักคนเป็นสิ่งที่งดงามเสมอ การที่แอบรักใครสักคนมันเป็นสิ่งที่ยากแล้ว แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือต้องใช้ความพยายามที่จะไม่แสดงออกให้เขารู้และคนอื่นๆรู้ และยิ่งเขาคนที่เราแอบรักนั้นมีเจ้าของมันก็ยิ่งทำให้เราลำบากใจ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเราเลือกที่จะแอบรักเอง ทำได้อย่างเดียวคือทำใจ และรอให้เขาเลิกกัน(ไม่ใช่สักหน่อย...รอสักวันที่เป็นวันของเราไง...^_^ ^^,๐.๐) การที่เรารักใครสักคนก็ควรที่จะบอกให้เขารู้ก่อนที่เราจะไม่มีโอกาสได้บอกเขาไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใดๆก็ตาม...คนที่แอบรักใครอยู่ก็ให้รีบๆไปบอกเขาซะนะ เขาคนนั้นอาจกำลังรอคุณอยู่ก็ได้ใครจะไปรู้นอกจากตัวคุณเอง มีความรักให้กันทุกๆวันนะคะO_O*_*^_^บะบายคร้า
ผลงานอื่นๆ ของ เด็กดินดิน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เด็กดินดิน
ความคิดเห็น