คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 การแสดงความรักของคนเลว
Chapter 2 การแสดงความรักของคนเลว
เสียงเอะอะที่ดังจากด้านล่างปลุกนางซาบินี่ให้ตื่นขึ้นจากเตียง หลังจากหลับไปได้สักครู่ เธอรีบใส่เสื้อคลุมและเดินลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“โอ้ว เกิดอะไรขึ้น”
นางซาบินี่เดินลงมาจากบันไดขณะที่ดึงเสื้อคลุมให้ลงมาปิดชุดนอนของเธอให้มิดชิด
“ใครบาดเจ็บมาน่ะ”เธอร้องถามอย่างตกใจ พลางมองเลยไปยังโซฟาตัวยาวและเห็น ร่างหญิงสาวทีร่างกายบอบช้ำ นอนไม่ได้สติ ท่ามกลางบุรุษหนุ่มที่เธอรู้จักสองคน
“แม่ สงบไว้”เบลส ซาบินี่ผู้เป็นบุตรชาย เดินเข้ามาหาผู้เป็นมารดาพลางอธิบายอย่างใจเย็นเพื่อไม่ให้มารดาตื่นตระหนกมากไปกว่านี้
”ผู้หญิงที่บาดเจ็บคนนี้คือ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์”เบลสกล่าวแนะนำให้มารดารับทราบตาของนางเบิกกว้างเมื่อเดินเข้ามาดูเด็กสาวอย่างใกล้ชิด
”แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ” หญิงชรากล่าวเสียงสั่นเมื่อเห็นร่องรอยบอบช้ำเต็มตา
“ผมพบเธอถูกทำร้ายโดยแฟนของเธอเองในเขตมักเกิ้ล เธอ ถูกข่มขืน”เดรโกกัดฟันพูดจนจบ สมองเขาคิดถึงครัมอย่างเกลียดชังภาพที่เด็กสาวถูกทำร้ายมันยากที่จะลบออกจากสมองและจิตใจของเขาได้
“โอ้ พระเจ้า” หญิงชราปิดปากตัวเองพยายามกลั้นเสียงสะอื้นที่กำลังล้นออกมานอกอกให้กลับคืนไปอย่างยากลำบาก ความคิดของนางกำลังโลดแล่นไปยังผู้ชายเลวทรามคนนั้นที่ทำร้ายหญิงสาวที่สวยงามคนนี้ได้ลงคอ
“หญิงสาวที่น่าสงสาร”เธอพูดพึมพำ“ช่วยหลีกทางหน่อยจ๊ะ หนุ่มๆ ฉันจะต้องย้ายเธอไปยังห้องข้างๆนี้ ต่อจากนั้นฉันจะจัดการรักษาแผลที่ศรีษะของเธอก่อนเป็นอันดับแรกและฉันหวังว่าเธอคงจะตื่น ในไม่ช้านี้”
นางซาบินี่เสกคาถาเรียกไม้ประจำกายมาแล้วตวัดไม้ไปบนร่างเด็กสาวสองสามครั้งร่างของเฮอร์ไมโอนี่เริ่มลอยขึ้นและไปยังทิศทางที่นางซาบินี่ต้องการให้ไป นางซาบินี่เรียกเอลฟ์ประจำบ้านนำน้ำอุ่น ผ้าขนหนูและผ้าพันแผลจำนวนหนึ่ง เธอตรวจและรักษาแผลที่ศรีษะให้ในขณะที่นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้เด็กสาวเปลี่ยนเมื่อเธอรู้สึกตัว
ในช่วงเวลานั้นเดรโกและเบลสนั่งอยู่ในห้องรับแขกห้องเดิม โดยมีเอลฟ์ทำความสะอาดบาดแผลของเดรโก
“ไอ้บ้านั่น มันเลวสิ้นดี ”เดรโกพึมพำ”มันต่อยฉัน”
เดรโกคำรามอย่างโกรธแค้น เบลสมองสำรวจบาดแผลของเดรโกแล้วส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ ว่าเพื่อนรักของเขาเอาตัวไปเสี่ยงช่วยแบบนั้นได้อย่างไร
“นายไม่เห็นตัวของเขาหรือไง เดรก เขาตัวใหญ่ขนาดไหน”เบลสถามอย่างแปลกใจรูปร่างของเดรโกและวิกเตอร์ ครัม แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แม้ว่าเดรโกจะได้ชื่อว่าเป็นคนสูงใหญ่อยู่แล้วก็ตามแต่ถ้าเทียบกับยักษ์ใหญ่บัลแก-
เรียนคนนั้นแล้วเดรโกแทบเทียบไม่ติด
“เห็น แล้วไง ฉันไม่สนใจหรอก แต่พูดก็พูดเถอะฉันก็เกือบตายในตรอกนั้นอยู่แล้วถ้าไม่ได้เกรนเจอร์ช่วย” เดรโกพยักหน้าอย่างเห็นด้วยพลางรับสารภาพ เบลสเลิกคิ้วเล็กน้อยจ้องมองสหายหนุ่มอย่างแปลกใจ
”เรื่องราวรู้สึกมันจะซับซ้อนอยู่นะ ไหนลองเล่าให้ฟังหน่อยสิ”
เดรโกเผลอตัวถอนหายใจแล้วค่อยลำดับเรื่องราวในสมองก่อนถ่ายทอดเรื่องราวให้เพื่อนรักฟัง
“พวกเรากำลังต่อสู้กันครัมและฉัน ตัวฉันเองตอนนั้นก็ไม่รู้แล้วล่ะว่าใครจะชนะหรือแพ้รู้แต่ว่ามันหน้ามืดด้วยความโกรธกันทั้งสองฝ่าย ต่างฝ่ายก็รับและรุก จนผ่านไปสักครู่ใหญ่แต่แล้ว เกรนเจอร์ เธอก็ทำสิ่งที่ฉลาดมาก เธอทำให้เขาเป็นหินก่อนที่เธอจะล้มลง ....โอ๊ะ! ”
เขาอุทานเสียงดังคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเมื่อเอลฟ์ที่ทำแผลให้ทำหนักมือไปหน่อยเอลฟ์ตัวนั้นลนลานรีบก้มหัวขอโทษเดรโกอย่างหวาดกลัว
“ขอโทษค่ะ ท่าน”
เดรโกโบกมือช้าๆเหมือนไม่ใส่ใจพลางพูดเรียบๆ
“ไม่เจ็บมากนักหรอก ทำต่อเถอะ”
แต่ผู้เป็นเจ้าบ้านไม่ยอมนั่งนิ่งเบลสหันไปว่าเอลฟ์ตัวนั้นสองสามคำพลางหันมาพูดกับเพื่อนรัก
“มันทำแบบนี้ก็ดีแล้ว มันต้องสุภาพกับทุกคน ”เขากล่าวกับเดรโกเสียงเฉียบ ความเงียบปกคลุมห้องนั่งเล่นเพียงชั่วครู่เบลสก็เอ่ยถามถึงเรื่องเฮอร์ไมโอนี่ต่อ
“นายคิดว่าถ้าเธอตื่นขึ้นมาเธอจะทำยังไง กรี๊ดร้องและวิ่งหนีหรือเปล่า”เบลสถามอย่างวิตกและหนักใจ
เดรโกถอนหายใจอย่างหนักหน่วง จริงสิ นี่ถ้าเธอตื่นขึ้นมาและรับสภาพที่เกิดขึ้นไม่ได้สภาพจิตใจของเธอจะเป็นยังไง ถ้าอย่างรุนแรงก็คงขาดสติไปเลยหรืออย่างน้อยจิตใจก็คงจะบอบช้ำเป็นที่สุด
”มันก็อาจจะเป็นไปได้มาก”เดรโกกล่าวเสียงเครียดแล้วกำหมัดแน่น
“แต่ฉันสาบานเอาไว้แล้วว่า ถ้าเธอเลิกกับไอ้หมาบ้านั่นเมื่อไหร่ และถ้ามันยังตามตอแยเธออีกฉันจะเอาเลือดหัวมันออก”
เบลสส่ายหน้าระอากับความบ้าดีเดือดของเพื่อนรักเขารู้ว่าเดรโกต้องทำตามที่เขาลั่นปากไว้แน่แต่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างครัมและเดรโกใครจะโชคร้ายกว่ากันเพราะอย่างน้อยๆครัมคงจะไม่ยืนให้เดรโกทำอยู่ฝ่ายเดียวแน่นอน
“นายคิดว่าเราควรบอกพ๊อตเตอร์กับวิสลีส์ไหม”เบลสถามอย่างเป็นงานเป็นการและสิ่งนี้ที่ทำให้เดรโกนิ่งเงียบไปเขานิ่งคิดสักครู่ใหญ่ก่อนหันมาบอกเบลสในสิ่งที่ตัวเองคิด
”มันเป็นความคิดที่ดีที่ควรจะเตือนเขา และให้พวกเขารู้”
ทั้งเดรโกและเบลสไม่เห็นพวกเขาเป็นศัตรูอีกต่อไปตั้งแต่สงครามสิ้นสุดลง แต่พวกเขาก็ยังไม่เคยคิดที่จะสุงสิงกับพวกของพอตเตอร์สักเท่าไหร่นัก เรียกว่าต่างคนต่างอยู่เป็นดีที่สุด แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้กับเพื่อนสาวคนสนิทของพอตเตอร์จำเป็นที่พวกเขาทั้งสองกลุ่มต้องเดินเข้าหากัน และแน่นอนนี่คงจะเป็นการสานสัมพันธ์ที่ดีของพวกเขาและพอตเตอร์ได้ดีอย่างแน่นอน ซึ่งเขาก็หวังจะให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
“ฉันคิดว่าเราควรจะ บอกก่อนที่พวกเขาจะสรุปและสันนิฐานเอาเองว่าเธอถูกลักพาตัวไปโดยผู้เสพความตายที่เหล
ืออยู่” เดรโกกล่าวสำทับ
“นายจะส่งนกฮูกไปใช่ไหม”
“ใช่ ฉันจะส่งไป ฉันรู้ว่าอะไรที่ฉันควรจะพูด”เดรโกรับอาสาในการเรียกกลุ่มของพอตเตอร์มาที่นี่
“เอาล่ะมันเป็นหน้าที่ของนายเดรก ”
เบลสพูดขึ้นก่อนจะเดินนำหน้าเดรโกไปยังห้องที่ใช้รักษาตัวหญิงสาวที่บอบช้ำคนนั้น
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เดรโกและเบลสยืนอยู่หน้าประตูห้องที่ใช้รักษาตัวเฮอร์ไมโอนี่ และพบว่าเธอนั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็กภายในห้องนั้น และ กำลังเฝ้ามองนางซาบินี่ตวัดไม้กายสิทธิ์ไปที่ผมของเธอซึ่งเต็มไปด้วยเลือด
เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างเมื่อเห็นชายสองคนเข้ามาในห้องเธอหมอบตัวลงด้วยความหวาดกลัว
เมื่อเบลสและเดรโกมองเห็นสิ่งนี้แล้วเขายืนอึ้ง เหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างจุกที่คอหอยพวกเขา พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ความรู้สึกของเบลสในตอนนี้เขาอยากจะร้องไห้เพื่อเธอ อยากจะปกป้องเธอ และทำทุกอย่างให้เธอกลับมาสดใสเหมือนเดิม เบลสเดินเข้ามาหาเธอช้าๆและพูดปลอบใจให้เธอคลายความหวาดกลัวลง
“เฮ้ มันจะเรียบร้อย พวกเราจะไม่ทำร้ายเธอหรอก เธอจะปลอดภัยเมื่อเธออยู่ที่นี่ในตอนนี้” เขาสงบและนั่งลงตรงข้ามเฮอร์ไมโอนี่เฮอร์ไมโอนี่มองเบลสและเดรโกสลับไปมาอย่างงุนงง และสับสนไปชั่วขณะ
“เดรโกคือคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ ที่รัก”นางซาบินี่บอกเธอเสียงอ่อนนุ่มดวงตาสีน้ำผึ้งของเด็กสาวหันมามองเดรโกคุณชายเลือดบริสุทธิ์ที่เย่อหยิ่งซึ่งตอนนี้ดวงตาของชายหนุ่มคนนี้อ่อนแสงลงแล้วถึงแม้ว่าดวงตาของเขายังคงมีแววตาที่หยิ่งทระนงหลงเหลืออย่บ้างแต่มันก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น ใบหน้าของเฮอไมโอนี่ เต็มไปด้วยคำถามที่เธออยากจะรู้มากมายแต่เธอก็คงเก็บคำถามไว้ในใจเงียบๆ
“ข...ข...ข...ขอบคุณ” เฮอร์ไมโอนี่พยายามเค้นเสียงพูดคำขอบคุณออกมาอย่างยากลำบาก
เดรโกหายใจลึกๆเขาหลับตาลงเพื่อสะกดความรู้สึกที่จะฉายออกมาทางดวงตาให้ทุกคนเห็น พระเจ้า ! เกรนเจอร์พูดติดอ่าง เขาไม่สามารถซ่อนความโกรธของเขาไว้ได้แล้ว
“ไอ้สารเลวนั่นมันสมควรตาย”เขาสบถออกมาด้วยความโกรธ เธอถอยห่างออกไปจากเขาด้วยความตกใจและพยายามที่จะอธิบายให้เขาฟัง
“ฉ.....ฉ.....ฉัน...ส...ส...เสีย..จ...จ...ใจ”
เธอก้มลงมองพื้นอย่างอัดอั้นใจ แล้วน้ำตาใสๆก็เอ่อล้นออกมาทางดวงตากลมโตนั้นอย่างยั้งไม่อยู่ นางซาบินี่ดึงเธอเข้ามากอดไว้แน่นด้วยความสงสารจับใจ
“ไม่มีใครที่จะทำให้เธอเจ็บได้อีก” หญิงชรายืนยันเสียงหนักแน่น”เธอปลอดภัยแล้วนะ”
เด็กสาวเริ่มสงบลง แต่ก็ยังคงมีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บ้าง ความเข้มแข็งแห่งสายเลือดกริฟฟินดอร์ที่ครั้งหนึ่งเคยมีอยู่ในตอนนี้ของเธอกลับอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด
เบลสเดินมาตบไหล่เพื่อนรักที่กำลังโกรธเกรี้ยวอย่างเข้าใจ
“นายใจเย็นๆก่อน เดรก”
“ใจเย็นเหรอ นายไม่เห็นหรือไงเกรนเจอร์ติดอ่างเพราะไอ้สารเลวคนนั้น”
เดรโกตะคอกใส่เสียงดังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เบลสจับบ่าเพื่อนรักให้หันมาเผชิญหน้ากับเขาแล้วอธิบายอย่างใจเย็น
“เกรนเจอร์ไม่ได้ติดอ่าง ที่เธอเป็นแบบนั้นเพราะภาวะอาการตกใจชั่วคราวเธอกำลังช๊อคยังปรับสภาพตอนนี้ไม่ได้
เดี้ยวอีกสักครู่หนึ่งเธอก็จะดีขึ้นมาเอง แต่ตอนนี้ เราไม่ควรทำให้เธอตกใจมากไปกว่านี้ ฉันว่าเรากลับออกไปกันก่อนเถอะให้เธออยุ่กับแม่ฉัน แม่ฉันจะดูแลเธอเอง”
ในที่สุดเดรโกก็ถอนใจอย่างโล่งอกเขาพยักหน้ารับเพราะตอนนี้เขาเองก็อยากออกไปสงบสติอารมณ์ของตัวเองอยู่เหมือนกันเพราะถ้าเขายังเห็นสภาพของเด็กสาวในตอนนี้อยู่เขาคงเก็บอารมณ์โกรธแค้นไอ้ยักษ์บัลแกเรียนไม่อยู่แน่
“ฟังนะเกรนเจอร์ ฉันได้ส่งนกฮูกไปบอกพอตเตอร์และวิสลี่ส์แล้วว่าเธออยู่ที่นี่”เดรโกกล่าวอย่างสุภาพกับเฮอร์ไมโอนี่เขาไม่อยากให้เธอตกใจกับกิริยาเมื่อกี้ของเขาอีกเฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบแต่พยักหน้ารับรู้ในสิ่งที่เขาบอก
“คุณนายซาบินี่ จะรังเกียจไหมฮะถ้าเกรนเจอร์จะพักอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว คฤหาสน์มัลฟอยคงจะให้เธอไปตอนนี้ไม่ได้มันไม่สะดวกหลายๆอย่าง”
“แน่นอนจ๊ะ “นางกล่าวด้วยความเมตตา”หญิงสาวที่บาดเจ็บทั้งกายและใจสมควรพักอยู่ในสถานที่ปลอดภัย
และไว้ใจได้”นางซาบินี่หันมาสั่งลูกชายอย่างยิ้มแย้ม
“เบลส ลูกช่วยไปดูเตรียมห้องให้เธอหน่อยนะ”
“ฮะแม่”เขาจูบนางที่แก้มอย่างเอาใจ แล้วออกจากห้องเพื่อทิ้งห่างจากเฮอร์ไมโอนี่ในกรณีที่เขาทำให้เธอกลัว เขาเองต้องพยายามให้เฮอร์ไมโอนี่ปรับตัวเพื่อให้เข้ากับพวกเขาให้ได้แต่ในตอนนี้พวกเขาควรออกห่างเธอสักพักให้มารดาดูแลเธอก่อนจะดีกว่า
เฮอร์ไมโอนี่นั่งให้นางซาบินี่ทำแผลอยู่จนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วและในตอนนี้เธอเองก็ปรับสภาพการพูดให้ดีขึ้นแล้วแต่ก็มีติดขัดบ้างเล็กน้อย
“คุณนายซาบิ..น.นี่ค่ะ”เฮอร์ไมโอนี่กระซิบ
“ว่าไงจ๊ะ ที่รัก”
“หนูจะไม่อยุ่..ท..ที่นี่ เออ คือหนูไม่อยากเสียมารยาท..ร..หรอกนะค่ะ แต่หนูไม่คิดว่าหนูสามารถอยู่ที่นี่ได้”
นางซาบินี่รู้สึกตกไจเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ทำผิดอะไรแต่นางกลับตกใจในสิ่งที่เธอพูดออกมามากกว่า
“สาวน้อย ทำไมละจ๊ะ”นางซาบินี่พยายามสอบถามอย่างอ่อนโยน
“วิกเตอร์เขาอาจ.. จ...จะเป็นห่วงหนู” เฮอร์ไมโอนี่พูดไปก็ร้องไห้ไป”หนูไม่อยากให้เขาต้องกังวล”เสียงของเธอเหมือนเด็กตัวเล็กๆ และนั่นทำให้ นางมาเรีย ซาบินี่ รู้สึกหดหู่ในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก นางไม่สามารถช่วยอะไรได้มากมายนัก แต่ความรู้สึกของความเป็นแม่คนมันกระตุ้นให้นางต้องดูแลเธอด้วยความเป็นห่วง
“โอ้ว ที่รัก”นางซาบินี่พยายามทำน้ำเสียงเธอให้สงบ”เธออย่ากลับไปหาเขาเลย เขาเป็นคนไม่ดี”นางบอกเสียงอ่อนโยน
“เขาไม่”เธอปฎิเสธเสียงอ่อนล้า”เขา...ร...ร..รักฉัน”
มาเรียพบว่านางเองมนขณะนี้ได้ร้องไห้ตามเด็กสาวคนนี้ไปด้วยเสียแล้ว เธอพยายามเช็ดน้ำตาและฝืนทนไม่ให้ร้องไห้อีกเธอจะต้องแสดงความอดทนให้เด็กสาวคนนี้ได้เห็น
“ผู้หญิงทุกคนไม่สมควรได้รับความรักที่โหดร้ายแบบนั้น ที่รัก มันไม่ใช่ความรัก”
“แต่ฉันรัก..ข...เขามาก เขาเพียงแต่ต้องการความ..ช...ช.งช่วยเหลือเล็กน้อยเท่านั้น”เธอกระซิบเสียงแผ่วร่างกายเธอเริ่มอ่อนแรงและเพลีย
“เอาล่ะ เราจะพูดกันเรื่องนี้อีกทีในตอนเช้า ตอนนี้มันดึกมากแล้ว ฉันคิดว่ามันถึงเวลาที่เธอควรจะพักผ่อนเสียทีแล้วทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี เชื่อฉันนะเด็กดี”
เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้ารับในตอนนี้เธออ่อนเพลียจนไม่อยากจะปฎิเสธความหวังดีของหญิงชราได้อีก เธออยากหลับ และไม่ต้องตื่นมาเผชิญกับสิ่งที่โหดร้ายอีกเลยชั่วชีวิต
ตัวอย่างตอนที่ 3
“ทำความเข้าใจผ่านกะโหลกหนาๆของเธอ เกรนเจอร์ เธอจะไม่กลับไปหาเขา เข้าใจไหม”เบลสพูดเสียงเย็น เธอถอยหลังให้เขาอย่างตกใจ
“เธออย่ามอง.... เกรนเจอร์... อย่ามองสิ่งเลวร้ายที่เขาทำไว้กับเธอจะดีกว่า”เขาเดินลงส้นปึงปังแล้วเปิดประตูออกไปทันทีเขาเดินไปถึงระเบียง แต่เขาต้องหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงแหลมเล็กของหญิงสาวที่ตามหลังมา
ความคิดเห็น