ชำแหละ - ชำแหละ นิยาย ชำแหละ : Dek-D.com - Writer

    ชำแหละ

    ความโหมเหี้ยมหรือวิปริต

    ผู้เข้าชมรวม

    694

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    694

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 มี.ค. 49 / 17:46 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เอลิซาเบธ บาโธรี่

       
      เธอเป็นเคาน์เตสแห่งฮังการีที่ฆ่าสาวพรหมจารีไปแล้วกว่า ๖๐๕ คน!
        เธอเชือด กรีด ชำแหละและทำทุกวิถีทางที่จะรีดโลหิตทุกหยาดหยดของเหยื่อพวกนั้น เอามาอาบเป็นเครื่องประทินโฉม ต่างน้ำอมฤตที่จะชุบผิงพรรณเธอให้เยาว์วัยไปตลอดกาล
        เอลิซาเบธ บาโธรี่ ถือกำเนิดเมื่อ คศ.๑๕๖๐ ในปราสาทเชิงเขาคาร์เทียนใกล้ๆ กับแคว้นทรานซิลวาเนีย
        ตระบาโธรี่ของเธอนั้นเป็นตระกลูสูงส่ง มีชื่อเสียงอำนาจและอิทธิพลล้นเหลือ เป็นที่น่ายำเกรงของประชาชนทั่วไป
        เอลิซาเบธไม่ใช่เด็กหญิงที่สวยงาม เธอออกจะขี้เหร่ด้วยซ้ำแต่ด้วยความที่เป็นลูกผู้ดีมีตระกลู ทำให้เธอได้หม้นหมายกับท่านเคาน์เฟเรนซ์ เนดาสดี ทายาทแห่งตระกลูที่สูงส่งอีกหนึ่งตระกลู ซึ่งนับถือลัทธิโปรเตสแตนท์ เมื่อหมั่นนั้นเธออายุเพียง ๑๑ และถูกส่งให้ไปเก็บตัวอยู่ในปราสาทของฝ่ายคู่หมั่น เพื่อจะอบรมเตรียมรับตำแหน่งเคาน์เตส นายหญิงแห่งอาณาจักรอันไพศาล
        สันดานเพี้ยนปรากฏตั้งยังเล็กๆ อยู่นั้นแหละ เอลิซาเบธนั้นแทนที่จะพอใจกับเกียรติยศที่ผู้คนเตรียมใส่พานทองมาประเคนให้แต่เธอกลับใฝ่ต่ำ ทำท่าเบื่อหน่ายพวกพี่เลี้ยง ครูอาจารย์ที่มาอบรมสั่งสอน เธอกลับเกเรหนีเรียน แอบไปเที่ยวเล่นกับลูกชาวนา ชาวไร่ที่เป็นทาสติดที่ดิน เธอชอบเล่นสัปดนเสียจนท้องป่องเมื่ออายุเพียง ๑๓
        ข่าวที่น่าอับอายถูกส่งไปบอกผู้เป็นมารดาอย่างเร่งด่วน และก่อนที่จะมีผู้ใดระแคะระคาย เธอก็ถูกส่งตัวไปไว้ในปราสาทแห่งหนึ่งของตระกลูบาโธรี่ที่ห่างไกลสายตาผู้คน ท่านแม่ของเธออ้างว่าลูกสาวไม่สบายต้องการอยู่ในที่สงบเพื่อรักษาตัว
       
      เมื่อทารกเกิดมาก็อาจถูกฆ่าทิ้งหรือไม่ก็ถูกส่งไปที่ลับหูลับไม่ให้มีใครรู้เด็ดขาดเลยว่าเจ้าสาวเคยมีลูกกับพวกไพร่
      ครั้นอายุ ๑๕ เต็มธอก็ได้เข้าพิธีสมรส และพบว่าสามีผู้สูงส่งของเธอนั้นเป็นจิตวิตถารเช่นเดียวกับธอ
        อาจเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้ซึ่งทำให้ท่านเคาน์และเคาน์เตส ขอปลีกตัวไปอยู่ในปราสาทกว้าวใหญ่แต่มืดทะมึนดูน่าสยดสยองกลางป่าลึกโน่นปราสาทนั้นชื่อว่า เซจเธ
        สองสามีภารยาสนุกตื่นเต้นเสมอกับการได้ทรมานบ่าวไพร่ เคาน์เฟเรนซ์มักจะเล่าให้เคาน์เตสฟังถึงการที่เขาเคยทรมานทรกรรมเชลยชาวเตร์กอย่างโหดเหี้ยม และเคาน์เตสก็สนองดดยคิดค้นหาวิธีสยดสยองต่างๆนาๆมาทดลองใช้กับคนของตังบ้าง
        ทั้งสองมีความสุขกับรสนิยมที่ต้องกันอย่างนี้มากล้นจนมีบุตรธิดาด้วยกันถึง ๔ คน แต่แล้วนรกก็พรากคู่ชีวิตที่ซาดิสต์ของเธอไปในฤดูหนาวของปี คศ ๑๖๐๔ คู่ชีวิตตายไปแล้วแทนที่เธอจะเหงาหงอย เธอกลับบ้าหนักกว่าเก่า
        คราวนี้เธอเพิ่งค้นพบว่าตัวเองต่างหากที่เป็นอัจฉริยะในทางซาดิสต์เพราะวันแล้ววันเล่าเธอจะทดลองวิธีทรมานคนให้เจ็บปวดที่สุดอย่างไม่มีใครจะสามารถจินตการได้ถึง
        เช้าวันหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาล้างหน้าล้างตาแต่งองค์ทรงเครื่อง ทันใดนั้นขณะที่เธอส่องดูเงาตัวเองในกระจกเธอก็ต้องชะงักเพ่งมองแล้วมองอีก
        นี่ความชราย่างกรายเข้ามาทำร้ายตัวเธอแล้วหรือ
        จริงซินะ.....เธอนึกได้ว่าอายุเธอปาเข้าไปตั้ง ๔๕ แล้วนี่นา
        เอลิซาเบธใจหายวาบถือจะไม่สวยแต่เธอก็ไม่อยากแก่และกลัวอย่างที่สุด เธอรู้สึกเหมือนความแก่เฒ่านั้นมันมีตัวตน เอาปากครีมมาหนีบดึงถึ้งเนื้อที่เต่งตึงผุดผ่องของเธอทีละชิ้นๆ
        เมื่อเธอหงุดหงิด ขัดข้องก็ยิ่งต้องหาเรื่องระบายอารมณ์และความบันเทิงใดเล่า จะเท่ากับการลากคนมาทรมาน
        เธอสั่งให้ตรึงทาสไว้ แล้วลงมือหวดแซ่หนังผูกปมโลหะใส่เนื้อหนังมังสาของทาสชะตาขาดนั้นอย่างเมามัน
        ความรุนแรงของเธอทำเอาแซ้ตวัดเกี่ยวหนังของผู้เคราะห์ร้ายหลุดกระเต็นออกมาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หยาดเลือดสาดกระเซ็นเป็นฝอยมาติดตามตัวของเธอ
        การโบยหฤโหดจบลงพร้อมๆ กับชีวิตของทาสที่เละเป็นหมูบะช่อแต่ทว่าเรื่องที่ร้ายที่สุดกำลังจะเกิดขึ้น
      เคาน์เตส หอบเหนื่อยเกือบหมดแรงแต่ก็สนุกสมใจไม่น้อยเลย
        เธอนั่งลงเห็นและเห็นหยาดเลือดทาสที่กระเด็นมา จึงให้สาวใช้ต้นห้องเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ด
        ความโหดเหี้ยมแปรเปลี่ยนเป็นความพิศวง เมื่อใต้รอยเลือดนั้น เคาน์เตสพบว่าผิวของเธอกลับนุ่มนวลผุดผ่องเป็ยยองใยราวสาวแรกรุ่นอ่อนนุ่มละมุนละไมผิดกับผิวเนื้อตรงอื่นอย่างเหลือเชื่อ
        ความอัจริยะบังเกิดขึ้นอีกแล้ว เอลิซาเบธตาวาวโรจน์เปี่ยมสุขขึ้นมาทันใด คราวนี้เธอค้นพบสูตรใหม่แห่งยาอายุวัฒนะ
        แน่ละ..เธอคิดได้ว่าเลือดสดๆ มีคุณสมบัติพิเศษที่จะบันดาลให้เธอเป็นสาวอมตะได้ตลอดกาล
        เลือดนั้นจะต้องเป็นของสาวแรกรุ่นซินะ มันถึงจะได้ฤทธิ์ของน้ำแห้งชีวิตอย่างเต็มที่
        นับแต่นั้นมาอ่างอาบน้ำของเธอจะต้องมีเลือดเต็มปรี่ เป็ยเลือดสาวพรหมจารีที่ต้องพลีชีพเพื่อความงามของเคาน์เตสแห่งเซจเธ
        เคาน์เตสจะเป็นคนเลือกเหยื่อด้วยตนเองเธอต้องการเลือดของเด็กสาวบริสุทธิ์ โดยเฉพาะสาวแรกรุ่นที่แสนสวยมีอกอวบอิ่ม
        เธอสั่งให้เชือดเฉือนและชำแหละเพื่อรีดเลือดทุกหยดออกมาให้ได้มากที่สุด เด็กหญิงคนแล้วคนเล่าต้องตายอย่างทุกทรมาน บางคนถูกกรีดร่างจนเป็นริ้วลึกถึงกระดูก ตัดเส้นเลือดทุกเส้นในร่างที่งดงาม หลายคนถูกแหวะอก ผ่าท้องกรีดหัวใจเลือดพุ่งไหลเป็นสายน้ำ 
        เมื่อลูกทาสของคนรับใช้และทาสในที่ดินตายหมดแล้ว เคาน์เตสก็ให้ลูกน้องบริวารไปล่อลวงหลอกเอาสาวชาวบ้านตามชนบทเข้ามา
        ลูกสาวชาวไร่ชาวนาถูกทาบทามให้ส่งตัวไปทำงานในปราสาทเซจเธบางคนก็ถูกหลอกว่าท่านเคาน์เตสจะรับไปเป็นบุตรธิดา มีความผาสุขเป็นผู้ดีไปทั้งชาติ
        ลูกสุดที่รักของพวกเขาไม่เคยกลับออกมาจากเซจเธสู่อ้อมอกพ่อแม่อีกเลย
        ในปราสาทมฤตยูนั้นเคาน์เตสได้พบวิธีคั้นเลือดแบบวิปริตวิตถารมากขึ้นทุกทีๆ เธอสั่งให้ทำหีบใบใหญ่พอที่จะใส่ร่างเด็กสาวเข้าไปได้หีบนั้นทำเป็นรูปสตรีที่งดงาม แต่ด้านในของฝาที่ปิดจะมีหนามเหล็กแหลมเรียงรายพรึ่ดไปหมด เขาเรียกมันว่าหีบเจ้าสาวแห่งมรณะ
        ดรุณีแรกรุ่นจะถูกนำตัวเข้าไปยืนอยู่ในหีบใบนี้และฝาหีบจะงับปิดอย่างช้าๆ แต่หนักแน่นขณะที่เสียงกรีดร้องจะดังโหยหวนน่าขนพองสยองเกล้า
        เมื่อหีบปิดตัวลงสนิทผู้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ จะได้ยินเสียงเหมือนน้ำไหล
        ใช่แล้ว! ใต้เจ้าสาวมรณะจะมีอ่างรองเลือดที่พุ่งทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว เลือดสดๆ ไหลราวกับลำธารไปตามท่อเพื่อให้เคานืเตสได้อาบ บางครั้งเธอดื่มเลือด นั้นเข้าไปด้วยความปลื้มปิติ
        เลือดหยดสุดท้ายหมดลง ศพของดรุณีน้อยก็ถูกแคะออกมา ใครได้เห็นเป็นต้องเบือนหน้า
        รอยหนามเหล็กแหลมคมยาวหลายคืบทะลุผ่านร่างของพวกเธอที่กลางหน้าผาก นัยน์ตา แก้ม คอ บ่า อก ท้อง แขน ขา ทุกๆส่วนของร่างกาย ร่างปรุพรุนเป็นแผลฉกรรจ์ขนาดมองลอดออกไปเห็นวิวข้างหลังศพได้
        เวลาผ่านไปเกือบห้าปี ลูกสาวชาวไร่ชาวนาหายสาบสูญไปจนหมดสิ้น
        เคาน์เตสหันไปหาพวกธิดาของพวกผู้ดีมีตระกูล บางรายเป็นลูกของเพื่อนๆผู้สูงศักดิ์ของเธอด้วยซ้ำ
        ถึงตอยนี้บ่าวไพร่หมดปัญญาจะเอาศพไปทิ้งไม่ให้ใครเห็นเพราะมีเหยื่อมากมายก่ายกองจนต้องโยนออกมาในตอนกลางคืนเพื่อให้ฝูงหมาป่ารุมกินเป็นความเอร็ดอร่อยยามดึก
        สุดท้ายฝูงหมาป่าก็กินไม่หมด คราวนี้ละพวกญาติๆที่มาตามหาสาวน้อยของพวกเขาก็ได้เห็นภาพอันสยองขวัญ ตอนแรกมีชาวบ้านมาพบกองซากศพที่ซีดเผือกไม่มีเลือดอยู่เหลือเลยแม้แต่หยดเดียว เลยเกิดล่ำลือไปว่าในป่านี้มีผีดิบดูดเลือดอยู่
        แต่ญาติของเด็กหลายรายยืนยันว่าเด็กสาวที่ตายกันเป็นกองๆอยู่นั้นล้วนแล้วแต่ถูกล่อลวงให้มาที่ปราสาทเซจเธ
        เอลิซาเบส บาโธรี่ ถูกสอบสวนในปี คศ ๑๖๑๐
        อย่าว่าแต่พวกชาวไร่ชาวนาและบารดาผู้ดีมีตระกลูทั้งหลายจะอาฆาตแค้นเลยญาติสนิทของเธอเองก็โกรธเคืองอย่างหนักว่าเธอซาดิสต์ขนาดนี้ วงส์ตระกลูบาโธรี่เสื่อมเสียกันหมด
        ไม่มีอำนาจใดๆที่จะช่วยให้นางฟ้าหรือผีห่าซาตานตนนี้พ้นผิดไปได้
        ลูกมือของเคาน์เตสเปิดปากสารภาพเล่าวิธีการ และบอกถึงรายนามเหยื่อเท่าที่พวกเขาจำได้
        เฉพาะที่จำได้ก็ปาเข้าไปตั้ง ๖๕๐ ศพโน่นแน่ะ
        หลังการไต่สวนสมุนเอกของเคาน์เตสถูกลงโทษโดยการเผาทั้งเป็นในที่สาธารณะ
        ส่วนตัวของเคาน์เตสเองนั้น ตามธรรมเนียมของชาวยุโรปจะไม่ประหารผู้ที่สูงศักดิ์ด้วยวิธีทุลักทุเลให้ใครเห็น
        โทษของเธอคือถูกขังตลอดชิวิต ไม่ให้หลุดมาทำอันตรายใครได้อีก
        เธอถูกลากกลับไปที่ปราสาทเซจเธของเธอเอง ที่นั้นเธอถูกรุนเข้าไปอยู่ในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งแล้ว เจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองก็ก่ออิฐปิดหน้าต่างและประตูทั้งหมด เหลือไว้เพียงชองเล็กนิดเดียวที่พอจะสอดอาหารและน้ำส่งให้เธอได้
        ลองโดนขังไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันขนาดนี้ เป็นคนอื่นล่ะตายไปนานแล้วแต่บาปหนาของเธอทำให้เธอยังมีชีวิตอยู่ รู้รสความทรมานที่แสนสาหัสนานถึง ๔ ปี  (สมน้ำหน้าจังเลย)
        ๒๑ สิงหาคม ๑๖๑๔ ก็เป็นวันที่ปราศจากสัญญาณชีวิตจาก เอลิซาเบธ บาโธรี่ ช่องเล็กๆ เพียงช่องเดียวก็ได้ถูกอิฐก่อปิดสนิทลง
        เคาน์เตสกระหายเลือดตายแล้วทิ้งไว้แต่ตำนานผีดิบดูดเลือด หญิงสาวในประเทศแถบนั้นปลอดภัย ได้มีอายุยืน  สืบลูกสืยหลานกันต่อไป
      ขอบคุณนะคะที่อ่านกันจนจบ บายๆๆ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×