ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {FIC EXO} DISABLE..พิการ [ChanBaek] Yaoi

    ลำดับตอนที่ #27 : - Disable - Special 3 (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.18K
      37
      12 ต.ค. 57

     

     

     

    SPECIAL

     

     

     

     

    เขาเริ่มชินกับโรงพยาบาลล่ะ คนตัวเล็กบอกตัวเองอย่างนั้น เขาเริ่มชินกับสิ่งรอบข้างมากเกินไป โดยเฉพาะชินที่มีเด็กมาวิ่งรอบๆ ชินที่มีอะไรมาวุ่นวายกับชีวิต แต่ไอ้ที่มาวุ่นวายก็น่ารักเกินไป เพราะไม่ใช่แค่ที่มาวุ่นวายจะมีแต่ผู้ใหญ่หรอกนะ

     

    “คุณคยองซู..มาเช้ากว่าผมได้ยังไงครับ”นั่นเสียงนี้เขาก็เริ่มชินไม่รู้ว่าชินเมื่อไหร่ รู้อีกทีก็ชินแล้ว

    “พวกนายอยากมัวแต่ประชุมเองฉันก็ต้องมาดูหน้าหลานชายฉันก่อนซิ”ก็รู้หรอกว่าคู่สนทนาอายุมากกว่าไปเยอะพอสมควรแต่ก็ไม่อยากให้ความเคารพเท่าไหร่ มันไม่ชินน่ะ…ที่เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว

    “อาคยอง..อาคยอง..น้องของซึล ซึลๆอยากเห็นแล้วค่ะ”มือเล็กดึงแขนเสื้อของเขาเอาไว้แรงๆ

    “จ้าๆ ลูกหมู..กูซึลตื่นเต้นซินะ..น้องจะมาแล้ว”คยองซูปลอบเด็กที่เขย่ามือของเขาไม่ยอมปล่อยไปมาแรงๆ วันนี้คยองซูถูกรับตัวไปบ้านใหญ่ของตระกูลปาร์ค เนื่องจากเมื่อเช้ามีสายตรงจากชานยอลมาบอกว่าแบคฮยอนเข้าห้องคลอดเรียบร้อยแล้ว

     

    เขาจึงได้ราชรถมาเกยถึงที่พร้อมกับไปรับหลานสาวตัวน้อยวัยสองกว่าเกือบจะสามขวบที่กำลังช่างเจรจามาเป็นเพื่อนเยี่ยม เด็กหญิงที่ยังตัวน้อยไม่ประสาความนัก แต่ก็นับว่ารู้มากและตื่นเต้นที่จะได้มีน้องชายมาเป็นเพื่อนเล่น

     

    “คุณชานยอลล่ะครับ”จงอินถาม ในขณะที่คู่หูขอตัวไปต่อสายหาคนรักที่ตอนนี้เป็นคนรักกันแบบเต็มเวลา

     

    ตามที่เขาไปเสือกเรื่องของเซฮุนที่ไม่รู้ทำไมชอบทำเรื่องของตัวเองให้มันโคตรจะลึกลับซับซ้อน คือปิดเพื่อนทำไมไม่รู้ ชีวิตมันไม่เห็นจะมีเพื่อนคนอื่นนอกจากจงอิน เทา หรือซูโฮ เจอกันวนอยู่แค่นี้ มันจะยังขยันมีความลับกับเพื่อนอีก หรือมันมองว่าหน้าตาเขามึนๆดูพึ่งพาไม่ได้ก็ไม่รู้ แต่ก็นั่นแหละ..จากที่เสือกมาจริงๆก็รู้ว่า ลู่หานได้ย้ายหอมาอยู่ไม่ไกลจากบ้านตระกูลปาร์คเท่าไหร่ แม้ว่าจะไกลจากที่เรียนแต่อีกแค่สองเทอมจะจบแล้วก็ดูจะไม่ใช่ปัญหา ส่วนเซฮุนก็ย้ายออกจากบ้านพักของตระกูลเหมือนกันเพื่อไปอยู่อาศัยกับลู่หานเห็นว่าอะลุ่มอะล่วยกันคนละครึ่งทาง

    ส่วนคิม จงอินน่ะหรอ…

     

    “นี่ๆนาย ยิ้มอะไรของนายเหมือนคนโรคจิตชะมัด เออ..ตกลงเย็นนี้นี่เอาไง”คยองซูว่าพลางมองไปยังอีกคนที่เดินมาทรุดนั่งข้างๆเขาก่อนจะอุ้มคุณหนูน้อยขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ทำเอาสาวเจ้าหัวเราะคิกคักกูซึลน่ะสนิทกับจงอินมากกว่าเซฮุน เพราะเซฮุนค่อนข้างเข้มงวด ส่วนอีกคนจะขี้เล่นเสียเยอะ

    “ไปสิครับ คุณพ่อตาชวนผมทั้งทีไม่ไปได้ยังไง”จงอินว่าพลางหันไปฟัดแก้มกลมของเด็กหญิงตัวน้อยเสียหลายฟอด

    “จุงงิน..จุงงิน..ไม่เอาห้ามๆๆๆ ซึลจักกะจี้”มือเล็กเอาบังปากอีกฝ่ายเอาไว้แต่มีหรือจะพ้น

    “หึ..เต็มปากเต็มคำ คุณพ่อตา..รู้งี้ไม่พาไปบ้านดีกว่า นึกว่าจะไล่ตะเพิดออกมาที่ไหนได้เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย..พ่อเรานี่มันใจง่ายไปหรือเปล่านะ”คยองซูบอกอย่างหมั่นไส้ พลางกลับมานั่งพึมพำกับตัวเอง จนจงอินส่ายหน้าเบาๆ

    “ให้ท่านใจง่ายน่ะดีแล้วครับ ไม่อย่างนั้นคนที่ลำบากใจจะเป็นเราสองคน”ชายหนุ่มว่าอย่างนั้น ในขณะที่คยองซูก็ยักไหล่เป็นเชิงปล่อยผ่าน

     

    เพียงแต่ยังไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันมากกว่านี้ คุณหมอเจ้าของไข้ก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแช่มชื่นพอดี

     

    “คุณหมอครับ…หลานผม กับเพื่อนเป็นอย่างไรบ้างครับ”คยองซูรีบเข้าไปถามหากดูจากสีหน้าก็น่าจะมีแต่เรื่องที่ควรยินดี

    “แข็งแรงดีทั้งคู่ โดยเฉพาะเด็กครับ อ้วนท้วนสมบูรณ์ดีเลย”คุณหมอตอบก่อนเดินจากไป ไม่นานพวกเขาจึงมาหยุดที่ห้องอนุบาลเด็กอ่อน พร้อมทั้งพยาบาลยังเข็นเด็กเข้ามาให้ดูอีกด้วย

     

    เจ้าตัวเล็กในตอนนี้กำลังหลับอุตุอยู่ในรถเข็น เจ้าตัวถูกห่อด้วยผ้าอ้อมผ้าสาลูสีฟ้าเพื่อบบ่งบอกเพศของตน แก้มกลมตึงนั้นนอนเอียงเบียดไปกับที่นอนเห็นได้ชัดถึงความเจ้าเนื้อดูน่าชัง

     

    “น่าเกลียดน่าชังจังเลยหลานอา อ้วนปุ๊กเลยลูก”คยองซูว่าเปรียบเทียบได้ตรงสุดๆไปเลย

    “ทำไมน้องตัวเล็กจังเยย อาคยอง”คนที่เพิ่งได้รับการสถาปนาเป็นพี่สาวคนโตถามเสียงสดใส เมื่อถูกคุณอาจงอินอุ้มประคองให้มองน้องชายหมาดๆของตัวเอง

    “น้องยังเด็กอยู่ไงคะคุณหนู คุณน้องเลยตัวเล็ก”จงอินบอก

     

    เซฮุนจึงเดินมาสมทบอีกทีหลังจากที่ไปรับลู่หานมาแล้ว เสียดายก็แต่พี่โซราที่ไม่ได้อยู่ร่วมแสดงความยินดีเพราะเธอต้องเดินทางไปสัมนาที่ต่างประเทศและคราวนี้ก็แอบเหน็บคุณพ่อบ้านไปด้วยเสมือนไปเดทกัน เลยทำให้คนแสดงความยินดีหายไปถึงสองคน

     

    “ตอนนี้คุณแบคฮยอนกลับห้องพักแล้วครับ คุณชานยอลเองก็ด้วยครับ”เซฮุนบอกเล็กน้อย จึงได้ฤกษ์ย้ายที่เยี่ยมเยียน

    “ครับผม ไปเราไปดูแม่จ๋าของกูซึลกันว่าตอนนี้แม่จ๋าเป็นอย่างไรบ้าง”คยองซูหันมาชักชวน ซึ่งเด็กน้อยก็มีท่าทางดีอกดีใจ เพราะว่าพอแบคฮยอนใกล้คลอด ก็ให้ลูกนอนบ้านไม่อยากให้มานอนอุดอู้ที่โรงพยาบาลกับเขา

     

    ส่วนชานยอลก็เทียวไปเทียวมา ฝากลูกไว้กับป้าแม่บ้านบ้างเมื่อยามที่กูซึลนอนแล้ว ก็มานั่งเฝ้าเขาเสียทั้งคืน พอลูกจะตื่นก็ไปรับมาอยู่ด้วยกันที่โรงพยาบาล จนเจ้าตัวเล็กต้องหยุดเรียนไปสักครู่ แต่แบคฮยอนก็ว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก เพราะอย่างไรก็ตาม กูซึลเพียงเข้าชั้นเตรียมอนุบาลเท่านั้นหากขาดเรียนบ้างก็ไม่เป็นไร

    ใจจริงน่ะเขายังไม่อยากให้ลูกเรียนด้วยซ้ำ ลูกไปเรียนทีไรก็คิดถึงตลอด

     

    “แม่จ๋า…ซึลซึลมาแล้ว”

    “เจ้าลูกหมู ชู่วๆก่อนนะคะ แม่จ๋ายังคร่อกฟี้อยู่เลย..มาหาคุณพ่อจ๋าก่อนนะค่ะ”ชานยอลที่เข้ามาคว้าลูกสาวคนเก่งเอาไว้ ทั้งยังรวบเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะโหวกเหวกโวยวายเอาไว้ด้วย

     

    เพราะแบคฮยอนทำการผ่าตัดคลอดบุตรเลยทำให้ยังมีอาการเมายาสลบอยู่บ้างหากไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะเจ้าตัวได้ตื่นขึ้นมาแล้วรอบหนึ่งก่อนหลับอีกครั้งเพราะความเหนื่อยอ่อนของร่างกาย

     

    “แม่จ๋าหลับหรอคะ”เจ้าตัวเล็กจับใบหน้าคมของพ่อให้มองหน้าหล่อน ปากเล็กขมุบขมิบถามด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยจนคนเป็นพ่อสงสาร

    “ค่ะลูก อีกแป่บเดียวก็ตื่นแล้ว..”ชานยอลปลอบเล็กน้อยใจจะขาดตามเสียงเหงาๆของเจ้าตัวกลมขาว

    “ซึลซึล คิดถึงแม่จ๋า”เด็กหญิงเบะปากน้ำตาคลอ ปกติจะต้องมีคุณแม่คอยจูบหน้าผากกล่อมนอน นี่สองคืนแล้วที่ไม่ได้นอนด้วยกันเจอหน้าก็เข้าใกล้มากไม่ได้ทำให้เด็กหญิงรู้สึกคิดถึงเหลือเกิน

    “อดทนนิดนึงนะคะ ลูกหมูน้อย เดี๋ยวแม่จ๋าก็ตื่นแล้วลูก พ่อจะให้หอมแม่เขาให้ชื่นใจเลยนะคะลูก”คนเป็นพ่อยิ้มกว้างเมื่อได้ฟังเหตุผลของลูกสาว

     

    ไม่นึกแปลกใจเลยสักนิดที่เจ้าตัวตอบแบบนั้นในเมื่อ ลูกสาวเขาติดแบคฮยอนยิ่งกว่าอะไร..เคยให้ห่างตัวห่างตานานที่ไหน พอไม่เจอกันสักพักลูกก็หงอยๆลงร้องหาแต่แม่จ๋าตลอด

     

    “เดี๋ยวเรารอแม่จ๋าตื่น แล้วเรารอเจอน้องพร้อมกันนะเจ้าตัวอ้วนของพ่อ”


     

     

     

     

    พอบอกให้รอเจ้าตัวเล็กก็นั่งรอนิ่งไม่ไหวติงเลยเป็นตุ๊กตาลูกหมูตัวกลมตาแป๋ว อยู่เฉยจนแทบไม่ดุกดิกจนคนเป็นพ่ออ่อนใจ สงสัยคงจะคิดถึงคนเป็นแม่จริงๆ ใครจะไปดึงออกจากขอบเตียงก็ยื้อตัวเอาไว้ไม่ยอมปล่อยมือเลย ทำท่าจะร้องไห้อย่างเดียวเลยต้องปล่อยตามเลยเอาไว้แบบนั้น

     

    “กูซึลคะ มาหม่ำเน่นเน้นฉองออนซ์ของหนูก่อนลูก”แต่เมื่อล่วงเข้าเที่ยงแล้ว แบคฮยอนก็ยังไม่ตื่นแค่เพียงพลิกตัวเล็กน้อยขยับท่าทางหากก็ยังไม่มีทีท่าจะลืมตาขึ้นมานัก

    “ซึลซึล รอแม่จ๋า พ่อจ๋า..มะไหร่แม่จ๋า..ตื่น”เด็กตัวเล็กทำหน้าหงอยอีกรอบหันไปมองคนแม่ตัวเล็กที่นอนหลับอยู่แล้วทำท่าจะเป่าปี่แล้วคราวนี้

    “เดี๋ยวก็ตื่นนะครับลูก มามาอาคยองซูชงเน่นเน้นให้หนู ไม่ทานเดี๋ยวอาคยองซูก็ร้องไห้หรอกค่ะ”ด้วยกลัวคุณอาจะน้อยใจสาวเจ้าเลยอ้ามือไปรับมาอย่างเสียไม่ได้

    “ซึลซึล..นอนกับแม่จ๋า..ได้ไหมคะ”เจ้าตัวเล็กหันมาทำตาใสๆเศร้าๆสุดท้ายคนเป็นพ่อจึงใจอ่อน อุ้มประคองเจ้าลูกหมูตัวกลมให้ขึ้นไปนอนเบียดกับคนตัวเล็ก

     

    ชายหนุ่มมองอย่างระวังโดยที่ลู่หานเองก็ช่วยจับเอาสายน้ำเกลือกับมองดูแล้วว่าเจ้าตัวแสบจะไม่นอนทับแผลผ่าตัดของแบคฮยอน ชานยอลจึงหย่อนเจ้าตัวกลมลงเตียงทันที

    และเมื่อเด็กตัวน้อยสัมผัสเตียงได้ก็รับเบียดตัวชิดคนเป็นแม่ทั้งๆที่ในมือยังถือขวดนมเอาไว้อยู่เลย นอนที่ไหนก็ไม่อุ่นเท่านอนในอกของแม่อีกแล้วล่ะ กลิ่นนี้น้องกูซึลคุ้นเคย

     

    “เด็กคนไหนมานอนเบียดแม่จ๋าคะเนี่ย..”เสียงเนือยๆของคนที่นอนหลับมากว่าสองชั่วโมงพูดเบาๆ พร้อมสัมผัสอ่อนที่โอบรัดเจ้าเนื้อนวลให้เข้ามาอยู่ในอ้อมอกทำเอานมหวานแทบจะหมดความน่าสนใจไปเลย

    “แม่จ๋า..ตื่นแล้วหรอคะ ซึล..ซึลคิดถึงแม่จ๋า”ทั้งๆที่นมยังคาปากเล็กอยู่แต่ก็แย่งพูดเสียก่อนกลัวจะไม่ได้บอกตามประสาเด็ก

    “แม่จ๋าก็คิดถึงลูกหมูของแม่ค่ะ ไม่ได้นอนกอดหนูตั้งสองวัน แน่ะลูก”จมูกเล็กกดสูดกลิ่นหอมของลูกเข้าปอดเสียฟอดใหญ่ให้ชื่นใจ ประคองตุ๊กตาตัวอ้วนเนื้อแน่นให้ชิดตัวมากที่สุดโดยอีกมือก็ประคองขวดนมช่วยลูกไปด้วย

     

    คยองซูถอนหายใจเบะปากนึกหมั่นไส้คู่สองแม่ลูกนั่นเหลือเกิน ลูกก็น่ารักติดแม่ แม่จ๊ะแม่จ๋า ส่วนคนแม่ก็ลูกจ๊ะลูกจ๋า ขนาดหลับยังไม่งอแง แต่พอแม่ตื่นนี่ก็อ้อนจนคนเป็นแม่ตัวอ่อนไปหมด โอยหมั่นไส้จริงๆ

     

    “นี่รู้ไหม..ตอนคุณบยอนยังไม่ตื่น กูซึลนี่นั่งเกาะขอบเตียงลุ้นแล้วลุ้นอีกจนลูกหมูของนายเกือบจะผอมแล้วเนี่ย”อดไม่ได้ตามประสาคนช่างค่อนขอด

    “หรอคะลูก แม่จ๋าขอโทษนะคะ แม่จ๋าขี้เซาจริงๆเลยเนอะ..หนูผอมไปแม่เสียใจแย่เลย”ว่าแล้วก็กดหอมที่ขมับเล็กของลูกน้อยไปอีกเสียที

    “ไม่ไหว..ตาร้อน”แล้วก็บ่นได้แค่นั้น

     

    “นี่มีเวียนหัวไหม..คลื่นไส้หรือเปล่า”คราวนี้เป็นชานยอลที่เดินเข้ามาถาม เพราะส่วนมากอาการฟื้นหลังผ่าตัด และวางยาอาจทำให้มีผลข้างเคียง

    “ไม่ครับเพลียๆนิดหน่อย แต่อยากเห็นหน้าลูก กูซึลหนูอยากเห็นหน้าน้องไหมคะ”แบคฮยอนตอบ ทั้งยังถามเด็กน้อยที่ดูดนมใกล้หมดอย่างรวดเร็วตอบแม่โดยการพยักหน้าหงึกหงักตาม

     

    ชานยอลหันไปบอกเซฮุนซึ่งรายนั้นก็เข้าใจได้อย่างดีหายตัวออกไปครู่หนึ่ง ก่อนที่พยาบาลคนเดิมจะเข็นรถที่บรรจุทารกน้อยตัวกลมเอาไว้มาถึงข้างเตียง

     

    “แม่จ๋า..น้องตัวเล็ก…ตัวเล็กนิดเดียว”กูซึลทำเสียงใสบอกในขณะที่แบคฮยอนอุ้มเด็กชายตัวน้อยขึ้นมาสัมผัส ความอุ่นซ่านแผ่เข้ามาในอกไม่ต่างจากตอนที่เขาอุ้มลูกสาวตัวน้อยในครั้งแรก หากครั้งนี้ไม่กังวลเท่าเมื่อครั้งที่ลูกสาวเขาเกิดมา

    “หนูชอบน้องไหมลูก”แบคฮยอนถามเล็กน้อยในขณะชานยอลเองก็มองใบหน้าเล็กของลูกสาวที่มองน้องชายของตัวเอง

    “ชอบค่ะ…แต่..”เจ้าตัวเล็กหน้าหมองลงเล็กน้อยทำให้แบคฮยอนเกิดความกังวลใจ ในขณะที่ชานยอลเดินอ้อมมาอีกข้าง เพื่อนั่งแถวขอบเตียง โดยจับเจ้าตัวเล็กขึ้นมาวางไว้บนตักทันที

    “แม่จ๋าจะไม่รักซึลซึลหรือเปล่าคะ แม่จ๋า พ่อจ๋าจะรักน้องแล้วไม่รักซึลซึล”เจ้าตัวน้อยที่ยังคิดอะไรได้ไม่ซับซ้อนนักจึงยังไม่เข้าใจถึงการแบ่งใจ

     

    เข้าใจไปตามประสาของเด็กวัยเขาว่าหากมีน้อง พ่อแม่ก็จะรักน้อง ไม่รักตัวเอง

     

    “โถว…ลูกหมูของแม่จ๋า แม่ต้องรักหนูเหมือนเดิมอยู่แล้วค่ะ แม่จ๋าจะรักหนูมากขึ้นทุกวันเหมือนที่แม่จ๋ารักเลยลูก เพียงแต่แม่จ๋าก็จะรักน้องเพิ่มขึ้นอีกคนเท่านั้นเอง เหมือนที่กูซึลรักแม่จ๋า พอมีน้องกูซึลก็รักน้องเพิ่มขึ้นมา ไม่มีใครรักกันน้อยลงเลยค่ะลูก”แบคฮยอนพยายามอธิบายอย่างง่ายด้วยคำที่เด็กวัยนี้จะเข้าใจ

     

    ซึ่งเจ้าตัวเล็กใช้เวลาไม่มากที่จะคิดตามที่คุณแม่บอก จากสีหน้ายุ่งๆก็กลับมายิ้มได้ก่อนจะหันกลับไปหาคุณพ่อตัวโตบ้าง

     

    “พ่อจ๋าด้วยใช่ไหมคะ”หันไปเอามือเล็กจับหน้าคุณพ่อเอาไว้ มองด้วยตากลมตาใสเหมือนหนึ่งบังคับมีหรือคุณพ่อจะไปไหนรอด แพ้ลูกสาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วยซิ

    “พ่อจ๋าก็ต้องรักลูกหมูจ๋าสิคะ แต่เราต้องมาช่วยกันรักน้อยอีกคนด้วยนะครับลูก”ว่าแล้วก็ฟัดแก้มกลมนุ่มของลูกสาวให้ชื่นใจไปอีกหลายฟอดจนหนำใจเจ้าตัวเล็กก็หัวเราะคิดคักชอบใจใหญ่

     

    แบคฮยอนยิ้มจนแทบตาปิด..คิดเอาไว้ว่าอยากให้ลูกชายคนนี้เป็นคนสุดท้ายแล้ว เนื่องจากร่างกายที่ไม่ค่อยดีของเขาและอีกอย่างมีลูกมากก็กลัวจะให้ความรักไม่ทั่วถึงกันขอมีเพียงเท่านี้แต่รักกันมากๆจะดีกว่า เขาอยากรักคนในครอบครัวให้เต็มที่เสียที

     

    “มาเป็นที่รักของพ่อแม่กับพี่สาวนะครับ..กามุง”

     


     

     

    ไม่กี่วันแบคฮยอนก็ได้รับการปล่อยให้กลับบ้านอย่างง่ายดายในสภาพร่างกายที่แข็งแรงดี อาจจะเจ็บแผลไปบ้างแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรใหญ่นัก ชีวิตการมีลูกเล็กไม่ใช่เรื่องน่าตกใจเหมือนตอนที่เขามีกูซึล เพราะเขามีลูกมาแล้วหนึ่งคนดังนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคุณแม่ลูกอ่อนคนนี้

    นึกขอบคุณที่กูซึลเข้าโรงเรียนแล้ว เพราะเขาอยู่บ้านแทนที่จะเหงารอลูกกลับบ้าน

    ตอนนี้เขาเอาเวลามาเพื่อเลี้ยงลูกอ่อนอย่างกามุงแทน จะเหนื่อยขึ้นก็เมื่อเวลาที่กูซึลกลับมาบ้านแล้ว แต่ก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรนักหนา หรือเกินกว่าแรงเมื่อทุกอย่างขับเคลื่อนไปแล้วเขามีความสุขที่จะได้ทำมัน

     

    “เหนื่อยไหม…คุณแม่”เสียงกระซิบที่ดังข้างขมับของคนที่นอนอยู่บนเตียง ภาพนี้ร้างลาจากเขาไปแล้วสักพักที่มีลูกอ่อนนอนอยู่บนเบาะ และเนื่องจากกลัวอีกคนน้อยใจเลยเอามานอนด้วยกันหมดนี่ล่ะ

     

    เขาเพิ่งผ่าตัดคลอดลูกออกมา กิจกรรมรอบดึกช่วงนี้ก็ต้องงดไปสักสองสามเดือนการเอาลูกมานอนด้วยก็ไม่เห็นจะเป็นไร เพื่อให้กูซึลและกามุงไม่รู้สึกขาดไปด้วย

     

    “ไม่หรอกครับ..ทานอะไรหรือยัง..วันนี้พี่กลับดึกจังเลย”แบคฮยอนเลือกที่จะแสดงความรักกลับไปโดยการเกี่ยวมือไปดึงเสื้อสูที่อีกคนยังไม่ได้ถอดเพื่อให้คนตัวโตโน้มตัวลงมาใกล้ก่อนซุกไซร้จมูกที่แก้มสากอีกคน

     

    เพียงแต่กลิ่นบางกลิ่นที่ไม่คุ้นเคยทำให้แบคฮยอนชะงักพลางซุกไซร้มากขึ้นด้วยร่างกายมันตอบสนองไปเอง จมูกเล็กลากไล้ลงมาจนกระทั้งไปจบที่ข้างคอเสื้อเชิ้ตของชานยอล แบคฮยอนจึงผละตัวออกมา

     

    “พี่คงจะมาเหนื่อยๆ..ไปอาบน้ำเถอะครับ ผมจะเอาลูกนอนแล้ว”แบคฮยอนเอ่ยยิ้มๆ หันไปเอามือตบอกลูกเบาๆ ชานยอลขมวดคิ้วมุ่นเบาๆในคราแรกว่าจะทำตามหากก็เปลี่ยนใจ

    “มีอะไรที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า”ชานยอลเดินมานั่งข้างอีกครั้ง แบคฮยอนทำหน้างอๆเล็กน้อยก่อนจะมาไปที่ชานยอล

    “กลิ่น กลิ่นน้ำหอมผู้หญิง มันอยู่สูงเกินไป”แบคฮยอนว่าพร้อมไล่นิ้วมือขาวสวยของตัวเองไต่ไปตามสาปเสื้อของชายหนุ่มจนกระทั้งมันไปถึงขอบปกเสื้อ

     

    หากชายหนุ่มตัวโตกลับยกยิ้ม มองดวงตาหงอยๆปนเศร้าเหมือนลูกหมากำลังจะถูกทิ้งแล้วใจเขากลับหวามไหว อย่างไรสำหรับชานยอลก็ยังคือนักล่า และแบคฮยอนก็ยังคงเป็นเหยื่อที่หอมหวานอย่างที่เคยเป็น ต่อให้เขามีพยานรักออกมาเป็นตัวตนแล้วก็ตาม

     

    “ผมจุ้นจ้านไปหรือเปล่าครับ”แบคฮยอนขมวดคิ้วเหมือนอ้อน ทำให้จากคนดูจุ้นจ้านกลายเป็นน่ารักไปเลยทีเดียวเชียว

     

    แบคฮยอนสามารถเปลี่ยนจากคนผิดเป็นคนถูกได้อย่างง่ายดาย แค่เพียงสายตาเหงาๆเศร้าแบบของเจ้าตัวเท่านั้นที่ทำให้คนขี้รำคาญอย่างชานยอลต้องพ่ายแพ้

    ชายหนุ่มเลยได้แต่ส่ายหน้าไปมาเบาๆ ก้มลงจูบปากเล็กบางของคนน่ารักไปเสียหลายที พึงใจที่จะทำแบบนี้เหลือเกิน ในใจนึกกระชุ่มกระชวยแปลกๆ ปนหวานในอกดีเหมือนกัน

     

    “ถ้าจุ้นจ้านเพราะหึงก็ไม่นับหรอก”ชานยอลบอกแบบนั้นทำเอาคนมีลูกมาแล้วสองคนถึงกับงับปากตัวเองแทบไม่ทัน

    “ก็..ก็…เรารักกันไม่ใช่หรอครับ แต่..ถ้าพี่เอ่อ..จะมีผู้หญิง ผ..ผมก็ไม่ว่า”แบคฮยอนคิดแบบนั้นจริงๆ ถึงแม้การพูดออกมาจะเหมือนการกลืนยาขมด้วยมือตัวเองก็ตาม

     

    ไม่ใช่เพราะไม่รัก ไม่เชื่อใจชานยอล แต่แบคฮยอนก็มีเหตุผลของตัวเองเช่นกัน เหตุผลที่เขารักชานยอลมากเสียจนเกินคำว่ามากไปแล้ว

     

    “นี่เธอกำลังชวนฉันทะเลาะหรืออย่างไร ถึงพูดแบบนี้น่ะ”ชานยอลทำเสียงงวดขึ้นตามอารมณ์ ทำให้แบคฮยอนหน้าเสียไปบ้าง หากก็ส่ายหน้าเบาๆเป็นการแก้ตัว

    “เปล่านะครับ ผมไม่เคยอยากทะเลาะกับพี่เลย”แบคฮยอนบอกปัดเป็นพัลวัน

    “แล้วแนะนำให้ฉันมีผู้หญิงอื่นน่ะ คืออะไร..”ชานยอลจับคางอีกฝ่ายให้มามองหน้า เขาไม่ได้ทำรุนแรงเหมือนที่เคยทำ แต่แค่นึกอยากตีปากคนรักของตัวเองเท่านั้น

    “ก็ผมหมายความตามนั้นจริงๆนั่นแหละครับ..”แบคฮยอนยังยืนยันคำเดิมจนชายหนุ่มทำหน้าขึงขึ้นมา

    “ฉันให้เวลาแก้ตัวสามสิบวินาที ถ้าข้อแก้ตัวฟังไม่ขึ้น..น่าดู อย่าคิดว่าลูกอยู่แล้วฉันจะไม่ทำอะไรเธอนะ”ชานยอลไม่ได้ขู่ แบคฮยอนมองตาสามีตัวเองก็พอจะรู้ได้ในท่าที

    “อย่าเพิ่งโกรธสิครับ พี่ชานยอล..ไม่เอานะลูกอยู่ทำอะไรตอนนี้ไม่ดีนะครับ”แบคฮยอนเห็นท่าไม่ดีจึงเอาน้ำเย็นเข้าลูบ

     

    เขาอยู่กับชานยอลมาก็สามปีได้แล้ว มีบ้างที่ยังแง่งอน หรือผิดใจกันตามประสาคู่รัก ก็คือเรื่องธรรมดา แต่ก็มักจะเอาความใจเย็นของตัวเองเข้าข่มคนใจร้อนอย่างชานยอลเสมอ และมักจะคุยกันมากกว่าที่จะเรียกมันว่าการทะเลาะกัน

    มือบางไล่ไปตามโครงหน้าหล่อเหลาที่จ้องตาเขาอย่างเอาเรื่อง ถ้าหากเป็นสมัยก่อนล่ะก็ คงมีกลัวหัวหดเพราะได้ดวงตากลมๆดุๆนี่ล่ะร้ายนัก แต่ตอนนี้ลูกสองแล้ว..มันก็มีภูมิต้านทานกันบ้าง

     

    “เรามีลูกกันสองคนแล้ว นี่โชคดีเท่าไหร่แล้วครับพี่ที่นักข่าวยังไม่รู้”แบคฮยอนบอกในขณะที่มือสวยยังคงไล่ไปตามแก้มสากของชายหนุ่มเพื่อให้อีกคนใจเย็นมากพอที่จะฟังจนจบ

    “มันคงไม่ดีถ้าหากอยู่ๆจะมีข่าวหลุดออกมาว่า ปาร์ค ชานยอลมีลูกและภรรยาซุกเอาไว้แถมภรรยายังเป็นผู้ชายอีก คราวนี้จะเสียหายกันไปหมดเลย ชื่อเสียงที่คุณพ่อทำมาอีก มันจะกระทบไปจนถึงงานด้วยนะครับ”แบคฮยอนทำตาเศร้าเล่าให้ชายหนุ่มฟัง

    “มันคงจะดีถ้าหากว่าพี่จะมีภรรยาที่ดูดีครบสมบูรณ์ทั้งชาติตระกูลและรูปทรัพย์ ไม่เหมือนผม คนที่พี่สามารถออกหน้าออกตาได้”แบคฮยอนกล่าวอย่างน้อยใจในโชคชะตา

     

    ไม่มีภรรยาคนไหน ในโลกที่อยากผลักสามีให้มีคนอื่น

    ทุกคนล้วนอย่างเป็นที่หนึ่ง หรือหนึ่งเดียวที่สามารถยึดดวงใจของคนที่เรารักได้ ต่อให้คนคนนั้นจะเป็นชายหรือหญิงแต่เราก็อยากเป็นเพียงแค่รักเดียว

    แต่บางครั้ง แบคฮยอนก็ต้องตัดใจเจ็บเพื่อคนที่รักเหมือนกัน

     

    “ถ้าคุยกันมากกว่านี้เห็นทีจะได้ทะเลาะกันจริงๆ”ชานยอลว่า พลางจูบปิดปากอีกคนไม่ให้พูดมากไปกว่านี้

    “เรื่องอะไรเอาผัวตัวเองไปยกให้ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ล่ะ เธอนี่อย่างไรกันนะ”ชานยอลจูบอีกครั้งหากคราวนี้เน้นหนักราวกับอยากจะบอกว่านี่คือการเตือน

    “ก็…มัน..”

    “แน่ะ..ยังอีก จะทะเลาะให้ได้เลยหรือยังไง..ไม่กลัวเลยใช่ไหมที่ขู่น่ะ”ชานยอลเสียงงวดขึ้นอีกนิดแต่ก็ไม่ได้จริงจังขนาดที่จะดุด่าว่ากล่าวจริงๆ

     

    คราวนี้แบคฮยอนเลยต้องหุบปากฉับเหลือบตาเว้าวอนไปเสียแทน รู้ก็รู้ว่าอีกคนแพ้ทางก็ขยันทำเสียเหลือเกิน ร้ายไม่หยอกเหมือนกัน

     

    “ใครจะมาสวยมาดีกว่าเมียฉันไม่มีหรอก เรื่องนักข่าวคนนอกรู้แล้วอย่างไร มันก็เรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องที่เราต้องสนใจเลย เขาจะรู้ก็เรื่องของเขา ฉันมีเมียเป็นผู้ชายแล้วยังไง เธอก็มีลูกให้ฉันตั้งสองคน เธอไม่น่ารักตรงไหน ไม่ดียังไง..ไม่เหมาะกับฉันตรงไหน”ชานยอลถามคำถามที่แบคฮยอนก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ไม่รู้จะตอบอย่างไร

    “แบคฮยอน คิดถึงลูกสิ..ลูกจะเสียใจนะถ้าฉันมีใครอีกคน เธอผลักไสแบบนี้ฉันก็ใจไม่ดี ถ้ากังวลเรื่องชื่อเสียงก็ไม่ต้องกลัว พังใหม่เราก็สร้างใหม่ได้ แต่คนรักที่เราจะรักกันแบบนี้..มันสร้างกันไม่ได้ง่ายๆหรอก อย่ากังวลไปเลย”ชานยอลคว้ามือเล็กเอาไว้ วางมันลงในอุ้งมือใหญ่ของเขา

     

    ชายหนุ่มกดปลายจมูกลงที่ฝ่ามือเล็กเบาๆ สูดกลิ่นนม กลิ่นหอมของเครื่องใช้ทารกและเด็กเล็กที่ติดมือนั้นอย่างเต็มปอดและชื่นใจ

    มือเล็กที่เป็นของแม่ที่เลี้ยงลูกทั้งสองของเขาเอง

     

    “ผมขอโทษนะครับ”แบคฮยอนกล่าวออกมาเมื่อฟังที่ชายหนุ่มบอก

    “ขอโทษทำไม เธอไม่ได้ผิดอะไร เราแค่เข้าใจไม่ตรงกันนิดเดียว”ชายหนุ่มว่ากดจูบที่ข้างขมับบางอีกคน

     

    มานึกย้อนๆไปแล้วก็ไม่เคยคิดว่าวันนี้เขาจะเปลี่ยนตัวเองจากคนแข็งกร้าว มาเป็นอ่อนโยนอย่างนี้ได้ แม้จะกับแค่แบคฮยอนและลูกเท่านั้นก็ตาม

     

    “ถ้าเรื่องมันเริ่มมาจากน้ำหอมที่เสื้อ..ฉันก็จะตอบว่าฉันพาลูกค้าไปเลี้ยงแน่นอนต้องมีพวกผู้หญิงมานั่งด้วยแต่ก็ไม่ได้เกินเลยอะไร ฉันปฏิเสธไปทั้งหมด..ครั้งหน้าจะไม่ให้มันติดมาอีกดีไหม”ชานยอลว่าหากแบคฮยอนเองก็แทบจะกลั้นยิ้มไม่อยู่ในความเอาใจของชายหนุ่ม

    “ถ้ามันลำบาก..ผมพยายามเข้าใจก็ได้ครับ..”แบคฮยอนว่าอย่างนึกเกรงใจ

    “ไม่เห็นต้องพยายามเข้าใจ มันเป็นเรื่องที่ฉันต้องระวัง เมียหึงมันก็กระชุ่มกระชวยดีแต่พอหึงแล้วไล่ให้ไปหาคนอื่นอย่างนี้ฉันว่าไม่ดีนะ ยิ่งมีเมียเด็กคิดมากแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ”ได้ทีก็นึกแซวไปอีกแน่ะคนเรา

     

    แต่มันก็จริงที่คนรักกันต้องคิดถึงกันมากๆนี่นะ เอาน่า..ผ่านไปอีกคืนที่สงบสุขล่ะนะ

     
     

     

     

    วันนี้ควรเป็นวันดีของใครสักคน เป็นวันที่ค่อนข้างดีด้วยเลยทีเดียว เขาบอกตัวเองแบบนั้น

    เนื่องจากวันนี้ คิม จงอินมีธุระ ได้รับนัดกับทางบ้านของคยองซูว่าจะเข้าไปทานอาหารค่ำด้วย เพราะเนื่องจากคุณพ่อของคยองซูท่านอยากหาเพื่อนร่วมดื่ม พูดคุย ลูกชายคนโตแกก็ไปเรียนต่างประเทศยังไม่กลับเลยให้เขามาทำหน้าที่ลูกเขยเสียแทน

    แล้วคิม จงอินจะขัดหรือ ไม่ครับ..รีบรับปากตั้งแต่โทรศัพท์ดังแล้ว

    เลยรีบแจ้งลางานโยนให้เพื่อนคู่หูสุดซี้เอาไว้เป็นภาระ แล้วกลับมาแต่งตัวหล่อเฟี้ยว ด้วยเสื้อผ้าเรียบร้อยกึ่งทางการเล็กน้อยให้ดูสบายตาแล้วขับรถไปรับลูกชายของคุณโดแบบตรงเวลา ไม่วายยังเต๊าะนั่นนี่มาระหว่างทางอีกต่างหาก

    แต่…มันจะดีมากถ้าตอนนี้ที่โต๊ะอาหารบ้านครอบครัวโดจะต้องมีเสียงหัวเราะ สวนเสรเฮฮาเหมือนเมื่อครั้งที่แล้วที่จงอินมาทาน แต่วันนี้มันออกจะทะมึนเกินไปนิดนึง

     

    “พี่ซึงซูกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับทำไมไม่เห็นบอกน้องเลย”ดูเหมือนจะมีคยองซูคนเดียวที่ร่าเริงถ้าไม่นับรวมสายตาที่ ‘พี่ซึงซู’ มองเขาอย่างกับจะเผาทั้งเป็นนั่น

    “พี่แค่อยากกลับมาหาน้องเท่านั้นเอง ไม่รู้เลยว่าวันนี้น้องจะพาเพื่อนมาบ้าน”ซึงซูบอกเล็กน้อยเพียงแต่เขาอาจจะย้ำคำว่าเพื่อนหนักไปซะหน่อยหรือไม่จงอินก็อาจจะคิดไปเองก็ได้ว่าซึงซูจงใจ

     

    คยองซูเองก็รู้สึกได้ ไม่ใช่ว่าไม่รู้..แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสืออยู่อย่างนั้น

    คนตรงหน้าเป็นพี่ชายของเขาก็จริง แต่พี่ซึงซูไม่มีอะไรเหมือนคยองซูเลยสักอย่าง เหมือนว่าพ่อแม่จงใจยกส่วนดีๆให้พี่เขาไปหมดแล้ว พี่ซึงซูตัวโต ในขณะที่คยองซูตัวเล็กนิดเดียว เพราะฉะนั้นตั้งแต่เขาเกิดมาพี่ชายมักจะปกป้องดูแลเขาทุกอย่าง ไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือเจอใคร พี่ซึงซูก็มักจะมาช่วยเขาเสมอเหมือนเงาตามตัว

    จะเพิ่งได้ห่างกันก็เมื่อสามสี่ปีที่ผ่านมาเพราะพี่ชายเขาสอบได้ทุกเรียนปริญญาตรีจนจบโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งมันยาวนานถึงห้าปีกว่า นานๆครั้งก็จะกลับมาเยี่ยมบ้าน ตอนแรกที่ได้รับทุนทำท่าว่าจะไม่ไปด้วยซ้ำ สาเหตุที่ไม่ไปก็เพราะติดเขานี่ล่ะ แต่สุดท้ายก็จำยอมด้วยเพราะพี่ชายเป็นความหวังของที่บ้าน ทุกวันนี้ก็เลยใช้วิธีติดต่อกันผ่านเฟสไทม์บ้างหรือผ่านสไกป์บ้าง

    พี่ซึงซูน่ะ ติดคยองซูเสียจนขนาดพ่อกับแม่ยังต้องอ่อนใจเลย

     

    “เอ่อ..ไม่ใช่เพื่อนครับ”

    “แล้วใครล่ะ..”เหมือนจะรู้แต่พี่ชายตัวโตกลับชิงพูดสำเนียงดุๆ ราวกับขัดการแนะนำของคยองซู

    “พี่ครับ..นี่คนรักของน้องเองครับ เราคบกันมาได้ปีกว่าแล้วฮะ”คยองซูโพล่งออกมาอีกครั้ง ทำซึงซูนิ่งไปเล็กน้อย ในขณะที่บุพการีได้แต่รอลุ้นไปด้วย

    “งั้นหรือ..แฟนน้องหรือครับ..คบกันมาตั้งปีหนึ่งแล้วหรือเนี่ย..น่ายินดีๆ”ซึงซูหันไปลูบหัวเล็กของน้องชายตัวเองเบาๆ หากสายตาที่เงยขึ้นมามองจงอินกลับไม่ยินดีตาม

     

    จงอินพอรู้เรื่องมาบ้างเช่นกันเพียงแต่เขาไม่ตั้งตัวเท่าไรนักที่จะมาเจอพี่ชายของคยองซูแบบนี้

    หากเมื่อเห็นสายตาของซึงซู จงอินก็ไม่ได้หวาดหวั่นพรั่นพรึงอะไรนัก อาศัยตาต่อตาฟันต่อฟันเช่นกัน เพราะเขาเองก็อยู่วงการมาเฟียมาตลอด แค่พี่ชายของคนรักทำไมเขาจะต้องกลัวเล่า

    จงอินเองก็เด็ดเดี่ยวไม่แพ้กัน เขาเองก็จดจ้องซึงซูกลับอย่างไม่ยอมท่า ราวกลับมีกระแสไฟฟ้าที่มองไม่เห็นลั่นเข้าหากันก็ไม่ปาน

     

    “งั้น หลังทานอาหารค่ำขอเชิญคุยเป็นการส่วนตัวด้วยนะครับ เพราะถ้าหากคุยก่อนอาจจะนานแล้วน้องชายผมจะต้องแบกท้องรอคงไม่ดีแน่”ซึงซูพูดอย่างสุภาพแต่ก็บอกเป็ยนัยให้รู้ว่าเขาไม่เป็นมิตรกับคนรักของน้องชายเลย

    “ผมเองก็เห็นว่าดีครับ ไม่อย่างนั้นคยองซูเป็นโรคกระเพาะไปผมคงปวดใจแย่”นี่ก็แกล้งหยอดแรงไปเสียอีกที ทำเอาคยองซูส่ายหน้าเบาๆด้วยความหนักใจ เห็นทีความรักของเขาจะเจองานยากเสียแล้ว

     

    รสชาติอาหารกร่อยไปเลยทีเดียว ทุกคนกินอาหารราวกับเร่งรีบเหลือเกิน ซึ่งก็ใช้เวลาไม่เกินสี่สิบห้านาทีทุกคนก็ทานเสร็จอิ่มหนำ

    จงอินและซึงซูขออนุญาตคุณพ่อใช้ห้องทำงานท่านเป็นที่คุยธุระในขณะที่คยองซูเองก็ร้อนใจได้แต่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องพยายามแอบฟังก็แล้ว แต่ก็ไม่ได้อะไรเป็นเรื่องเป็นราว ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายตัวโตๆสองคนจะคุยกันได้เสียงเบาขนาดนั้น

    คนตัวเล็กยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาตีบอกเวลาว่านี่ก็หายกันเข้าไปเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่ออกมาเลย ไม่รู้มีเรื่งอะไรคุยนักหนาจนเขาอดห่วงจงอินไม่ได้เลย

     

    “พี่เขาไม่ฆ่าแกงคุณจงอินหรอกน้อง มานั่งดูโทรทัศน์รอพี่เขาเถอะ”คุณโดบอกเสียงใจดี พยายามพูดให้ลูกชายคนเล็กคลายความกังวลแต่ก็ดูเหมือนจะช่วยไม่ได้มาก

    “ใครมันจะไปรู้ล่ะครับ สมัยก่อนน้องโดนรังแก พี่เขาก็ไปซัดพวกนั้นซะหมอบโดนพักการเรียนตั้งหลายวัน คุณพ่อจำไม่ได้หรอฮะ”คยองซูบอกด้วยน้ำเสียงติดออกจะกังวลเสียมากมาย

    “แต่คุณจงอินของน้องก็เก่งไม่น้อยไม่ใช่หรอครับ เขาเป็นถึงมือซ้ายของปาร์ค ชานยอลผู้ยิ่งใหญ่เลยนะ”คุณพ่อหันมาให้กำลังใจลูกชายคนเล็กไปอีกหลายคำ ทำให้คนตัวเล็กใจชื้นขึ้นมาอีกตั้งเยอะ

    “มันก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดีแหละครับ พี่เขาเห็นยิ้มๆแบบนั้น ถ้าเป็นเรื่องน้องล่ะใจร้อนทุกที ส่วนตาคนนั้นก็อีกคน..เห็นตลกๆกวนประสาทแต่ยอมใครซะที่ไหนล่ะครับ”คยองซูถอนหายใจเฮือกใหญ่ทิ้งตัวลงพิงศีรษะกับคนเป็นพ่อ แต่พอเห็นคุณนายโดเดินเข้ามาเท่านั้นล่ะร้องหาแม่ทันที

    “แต่แม่เชื่อนะคะว่าสองคนนั้นจะไม่ทำอะไรรุนแรงในบ้านเราแน่นอนตราบใดที่แม่และน้องอยู่ เชื่อแม่สิคะ”มือบางยกขึ้นลูบหัวของลูกชายไปอีกเสียทีราวกับปลอบ

     

    เพียงแต่เสียงประตูห้องทำงานที่อยู่ถัดไปทำให้คยองซูรีบวิ่งแจ้นไปถึงประตูก่อนใครทันที เห็นสีหน้าเรียบนิ่งติดเครียดของจงอินแล้วนึกห่วงขึ้นมาถนัดใจ

     

    “รอดูไปดีกว่าครับ ผมไม่ถนัดเรื่องพูดนัก”จงอินบอกเล็กน้อยเมื่อเห็นคยองซูจึงยิ้มทะเล้นให้อย่างที่เคยทำ แต่มันก็ช้าเกินจึงทำให้คยองซูจะเห็นท่าทางเคร่งเครียดนั้นเสียก่อน เผลอตัวดึงอีกฝ่ายมาจูบขมับไปทีอย่างเอาใจ

    “จะคอยดูละกันนะครับ คุณคิม จงอิน ระหว่างนี้ก็ไม่ควรทำอะไรประเจิดประเจ้อนะครับ”ชายหนุ่มว่าพลางดึงน้องชายออกมาให้ห่าง มาแสดงความรักกันต่อเห็นแล้วมันอดจี๊ดสมองไม่ได้เลย

    “ครับ มันเคยชินน่ะครับ เราทำมาเป็นปีแล้วบางทีผมก็ลืมตัว”จงอินก็ไม่ยอมเช่นกัน แต่พอเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคยองซูเลยต้องคิดว่าควรพอก่อน

    “เดี๋ยวผมกลับก่อนนะครับคยองซู”ชายหนุ่มบอกเล็กน้อย หากคนตัวเล็กขมวดคิ้วฉับ

    “งั้นฉันกลับด้วยสิ นายรับฉันมาจากหอ นายก็ต้องไปส่งฉันสิ”คยองเบะปากเล็กน้อยที่เหมือนตัวเองโดนทิ้ง

    “พี่บอกให้เขากลับเองแหละ ช่วงที่พี่อยู่บ้านน้องควรจะมาอยู่เป็นเพื่อนพี่สิ”ซึงซูสรุปเองเสร็จสรรพไม่มีการถามความสมัครใจแม้แต่น้อย

    “แต่น้องต้องไปเรียน”คยองซูบอกทันที พยายามหาเหตุผลมาค้านให้ได้

     

    อย่างนี้ก็แทบจะเรียกว่าโดนจำกัดสิทธิ์เลยก็ว่าได้ เพราะอยู่หอพักบางวันหากจงอินว่างมากหน่อยยังพอหาเวลามาพาเขาไปดูหนังทานข้าวได้บ้าง แต่บ้านเขาน่ะไกลจากที่ทำงานของจงอินเป็นโยดเลย จะเดินทางก็เป็นชั่วโมงแล้วนะ

    ปกติเวลาที่จะเจอกันก็ไม่ได้มากอยู่แล้ว อย่างนี้เวลาที่จะใช้ร่วมกันมันก็น้อยลงไปเสียอีก

     

    “พี่ก็ไปรับไปส่งน้องไง ถ้าเขาไม่ว่างก็ไม่เห็นเป็นไร หรือน้องไม่อยากอยู่กับพี่ครับ”ซึงซูพูดอ้างทำเอาคยองซูได้แต่อ้ำอึ้ง ก็ไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจพี่ชายตัวเอง

    “ครับ”ปากรับคำแต่ตามองใบหน้าคมตาละห้อย

    “ดีมากน้องพี่”ซึงซูยกยิ้มราวกับผู้ชนะ

    “แต่น้องเดินไปส่งจงอินแป่บนะครับ”ว่าแล้วก็วิ่งไปเหน็บแขนแกร่งพาออกไปเลย ด้วยกลัวว่าคุณพี่ชายจะตามมา

     

    คนตัวเล็กลากชายหนุ่มตัวโตที่เดินตามหลังด้วยใบหน้ายิ้มทะเล้นอย่างชอบใจ ที่เจ้าของดวงตาโตที่เขาชอบมองลืมตัวไปว่าจับจูงควงแขนเขามาเสียตั้งนานสองนาน

     

    “นายไปตอบตกลงพี่แบบนั้นได้ยังไง”คยองซูทำเสียงกระเง้ากระงอดอย่างน่าเอ็นดู

    “ก็เขาเป็นพี่ชายของคุณจะให้ผมทำยังไงล่ะครับ ไม่เอาน่า..เขาอยู่แค่เดือนเดียว ผมจะพยายามหาเวลามาเจอคุณเยอะๆ เขาจะได้ไว้ใจเราไง”จงอินบอกอย่างอารมณ์ดี ก้มลงจูบแก้มกลมเล็กไปอีกนิดหวังให้อารมณ์ดีขึ้นหากอีกคนก็ยังหน้างอ

    “ผมรักคุณจะตาย..อดทนแค่นี้ไม่ยากหรอก”เจ้าของผิวสีว่าอย่างเอาใจ

    “แล้วคุยอะไรกับพี่บ้าง”คนตัวเล็กคาดคั้นในขณะที่อีกคนเปิดประตูขึ้นนั่งพร้อมทั้งลดกระจกลงมาคุยกับอีกฝ่าย ที่เกาะขอบเอาไว้ไม่ยอมให้ไปไหน

    “ถ้าบอกก็ผิดคำพูดกับคุณซึงซูสิครับ ผมบอกไม่ได้หรอกนะ”จงอินยิ้มให้อย่างที่เคยทำเสมอ

    “นายนี่นะ..ทำอะไรไม่ปรึกษาแล้วยังจะมีความลับอีก รู้ไหมว่าทำผิดกี่ข้อหาแล้ว”คยองซูแกล้งทำเป็นโมโหแต่มันก็ไม่ได้ดูน่ากลัวเลยในสายตาของชายหนุ่ม แต่มันกลับดูน่ารักเสียมากกว่าจนอดไม่ได้ที่มือใหญ่จะโน้มหัวกลมลงมากดริมฝีปากที่หน้าผากเนียน

    “โถ่..เชื่อใจผมนะครับ ผมไม่ให้คยองซูต้องอึดอัดนักหรอก สัญญาว่ามีอะไรผมจะบอกนะครับ เข้าบ้านเถอะครับ เดี๋ยวยุงกัด..คืนนี้ผมไม่ได้อยู่ทายาให้นะครับ”อ้อนไปอีกนิดก่อนที่อีกคนจะยอมพยักหน้าแล้วก้มลงมากดปากลงที่มุมปากของเขาให้พอใจซาบซ่าน

     

    จงอินเลยได้แต่อดใจรอให้คนตัวเล็กเข้าบ้านไปเสียก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หนักใจกับปราการพี่ชายหวงน้องอยู่พอสมควรแต่เรื่องอะไรเขาจะยอม

    กว่าจะจีบติดนี่ก็สองปี คยองซูใจแข็งแทบตาย ตอนแรกนี่ก็โดนผลักไสให้ออกห่าง ไล่ให้ออกห่างท่าเดียวแถมปิดใจแทบตาย กว่าจะทลายกำแพงของคนตัวเล็กลงมาได้ กับอีเรื่องแค่นี้มีหรือคนอย่างคิมจงอินจะยอม

    เขานะ..ไม่ใช่ โอ เซฮุนี่มีปัญหาจะปล่อยไปให้ตัวเองปวดหัวคนเดียว จับปืนจับกระสุนมาก็มาก นี่กว่าจะจีบติดก็ได้เพื่อนอย่างซูโฮช่วยเยอะเลยทีเดียว เรื่องอะไรอย่างคิม จงอินจะมาอมพะนำ..พึ่งเพื่อนสิครับงานนี้

     

     

     

      

    ถึงจะบอกว่าพึ่งเพื่อน แต่พอเอาเข้าจริงๆจงอินก็ได้แต่คิดมากเหมือนกัน

    ซึงซูเล่นพาคยองซูกลับไปนอนที่บ้านอย่างนั้น เขาจะหาเวลาไปหาบ่อยๆได้อย่างไร ถ้าคยองซูอยู่หออย่างน้อยๆเขาก็สามารถจะไปมาหาสู่หรือนอนค้างแรมได้บางวัน แต่พอคยองซูกลับไปอยู่บ้านนอกจากจะไกลแล้วยังหาเวลาเป็นส่วนตัวไม่ได้เลย

     

    “เฮ้อ..”จงอินถอนใจเสียงดังขณะนั่งกินข้าวอยู่ห้องอาหารสำหรับคนงานของบ้าน ซึ่งเพื่อนร่วมงานอีกสามคนก็มานั่งทานด้วยกัน

    “เป็นอะไรของนาย”ซูโฮเป็นคนถามขึ้นมา ในขณะที่เทาและเซฮุนนั่งทานไปเงียบๆและเรียบร้อย ราวกับไม่ใส่ใจเพื่อนร่วมงานของตัวเอง

    “นายสองคนนี่ดีเนอะ ทำงานได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาแบบนี้ อิจฉาชิบหาย”จงอินว่าแล้วถอนหายใจออกมาอีกรอบดวงตาปรือปรอยมองข้าวตรงหน้า ตักอาหารเข้าปากแรงๆไปเสียหลายครั้ง

    “ไม่หรอก ทะเลาะกันบ่อยจะตายจนคิดว่าถ้าคุณชายไม่สั่งให้มาด้วยกันก็จะขอแยกกันทำงานแล้ว”ซูโฮพูดออกมาทีเล่นทีจริง เหล่มองคนตัวสูงข้างกายแล้วนึกสงสัยเล็กน้อยว่า ระหว่างจงอินกับเทานี่ใครดำกว่ากัน..

     

    เอ๋..ไม่สิ จงอินดำ..ส่วนเทานี่เขียวเลยมั้ง สีตัดกับสีผิวของเขาดีจริงๆ

    เทาไม่ได้ตอบอะไร ไม่แม้แต่จะปฏิเสธข้อกล่าวหาของคนผิวขาวจัดข้างกาย ชายหนุ่มทำเพียงแค่ซบหัวลงที่ไหล่บางของคนรักที่ได้ชื่อว่าผ่านร้อนผ่านหนาวกันมามากมาย

    ชายหนุ่มที่แข็งแกร่งและได้ชื่อว่าเป็นสายลับพันหน้าที่เก่งไม่เป็นรองเซฮุนและจงอิน คนที่สามารถแทรกซึมไปตามองค์กรณ์ต่างๆเพื่อสืบเรื่องราวมากมายให้ชานยอล

    กลับมักจะทำตัวงอแงเมื่ออยู่กับซูโฮแค่เพียงคนเดียว โดยอย่างยิ่งชายหนุ่มเชื้อชาติจีนคนนี้ไม่มีท่าทางจะอายกับการแสดงความรักหรือท่าทางออดอ้อนต่อหน้าคนอื่นให้กลัวเสียระเบียบการปกครองเลยแม้แต่น้อย 

    ยิ่งเพิ่มความน่าหมั่นไส้ให้เข้าเส้นเลือดของจงอินเข้าไปใหญ่ ส่วนเซฮุนน่ะหรือคิดว่าเขาสนใจไหมล่ะ

     

    “อย่ามาแสดงความรักกันต่อหน้า หมั่นไส้”จงอินว่าพลางกัดปลาทอดเข้าปากไปคำใหญ่ ทำท่าง่วงๆมึนๆแต่ก็ตักอาหารเข้าปากไปอีกอย่างต่อเนื่อง

    “เรื่องเยอะ”เลยโดนคู่หูเหน็บเข้าไปให้

    “เยอะสิ..ไม่งั้นจะมานั่งอารมณ์เสียหรอ”ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่ทำไมเขาก็เห็นไอ้เพื่อนตัวดำมันทำหน้าง่วงเหมือนเดิม

    “แล้วอะไรคือที่ว่าเยอะล่ะ”คนที่สนใจจริงๆคงจะมีแค่ซูโฮคนเดียว ส่วนเทาน่ะนั่งเงียบรอเป็นผู้ฟังที่ดีแค่นั้นก็พอแล้ว ภาษาเกาหลีไม่แข็งแรงเดี๋ยวพูดไปแล้วคำปรึกษาจะกลายเป็นซ้ำเติมไป

    “พี่ชายคยองซูไม่ชอบฉัน ไม่พอยังกีดกันอีก”จงอินบ่นออกมาแค่เล็กน้อย

     

    แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกับเพื่อนอย่างซูโฮ เซฮุนกลับสะกิดบอกว่าให้เขาทานข้าวให้เสร็จภายในสามนาที ตอนนี้เขามีหน้าที่ที่ต้องติดตามชานยอลไปเข้าประชุมเรื่องการส่งออกแร่ที่บริษัทแล้ว

    เรื่องความรักเลยมีอันต้องพับไปก่อน หน้าที่ต้องมาทนแทนแล้วในเวลานี้

     

    แล้วสุดท้ายเกิดอะไรขึ้น สุดท้าย..คิม จงอินก็กลับมานั่งคุยโทรศัพท์กับคยองซูในตอนดึกของวันนั้นแทนไง มันก็ออกจะเป็นเรื่องปกติของจงอินที่จะคุยกับคยองซูทุกๆวัน เขาพยายามทำให้ช่องว่างของเวลาที่มีน้อยนิดของเขานั้นหายไปโดยการพยายามติดต่อกันให้มากขึ้น หากไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็สไกป์หากัน

     

    “วันนี้เหนื่อยไหม”คนตัวเล็กยิ้มใส่กล้องจนคนมองยิ้มตาม

    “ไม่หรอกครับ เหมือนทุกวัน..แค่ไปติดต่อธุระพร้อมกับคุณชาย”จงอินว่าพลางเอนตัวลงนอนมองใบหน้าเล็กผ่านหน้าจอโทรศัพท์

     

    ทุกครั้งที่ทำอย่างนี้อยากจะล้วงมือไปคว้าคออีกคนมากอดเสียให้ได้เลย แต่มันคงเป็นเรื่องที่ทำได้แค่คิดเท่านั้น ต่อให้อยากเท่าไหร่ก็แค่คิดก็พอ

     

    “อยากดูหนังจัง แต่กว่านายจะมารับไปถึงโรงหนังนะ รอบคงหมดพอดี”คยองซูบ่นออกมาด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ หากนั่นก็ทำให้เขายิ้มได้

    “รอวันหยุดนิดนึงนะครับ ผมจะพาไป”จงอินให้สัญญาแต่คนฟังกลับหน้างอมากว่าเดิมอีก แถมยังพองแก้มอมลมตุ่ยเสียจนคนมองอยากจะจับมาฟัดเสียให้สาแก่ใจ

     

    จงอินไม่เคยคิดว่าการลงทุนใดจะคุ้มค่าไปกว่า การเกิดมาเป็นเขาแล้วยอมเสียสละเวลาเกือบค่อนชีวิตเพื่อเรียนรู้งานทุกอย่างทั้งบุ๋นและบู๊ แม้ออกจะถนัดในด้านการใช้กำลังมากกว่าสมองเพื่อถวายชีวิตให้กับ ปาร์ค ชานยอล เขาเกิดมาเพื่อเป็นมือซ้ายของชายคนนั้นจริงๆ เช่นเดียวกับโอ เซฮุนที่คิดแบบเดียวกัน

    เพราะอย่างนั้นการมีความรักคืออุปสรรคหนึ่งของเขา

    แต่โด คยองซูก็ก้าวเข้ามาในชีวิต บอกให้รูู้ว่าเขาไม่จำเป็นที่จะต้องแยกสิ่งอันเป็นที่รัก จากบุคคลอันเป็นที่รัก นอกจากนั้นยังคิดว่ามันคุ้มค่ามากที่ได้ลงทุนอีกครั้งที่จะตั้งหน้าตั้งตาขอความรักจากคนตัวเล็กนี้

    คยองซูถือว่าเป็นคนที่ตามจีบยาก ใจแข็งอย่างที่เคยบอก แต่เมื่อได้เป็นคนรักแล้ว คยองซูก็พร้อมจะตอบแทนความรักโดยการเป็นคนรักที่น่ารัก เอาแต่ใจแต่ก็พร้อมจะเอาใจอีกฝ่ายคืนเช่นกันเพื่อให้สมกับการที่อุตสาหะเอาชนะใจของคนตัวเล็กคนนี้

    มันอาจไม่ใช่เรื่องของความคุ้มค่าเสียทีเดียวแต่มันคงเป็นเรื่องของรางวัลที่จะอยู่กับเราไปทั้งชีวิต

     

    “พรุ่งนี้ไม่มีเรียนตอนเช้าใช่ไหมครับ”จงอินถาม เขายังคงสุภาพกับคยองซู แม้อีกคนจะเรียกเขาว่านายคนนั้นคนนี้เหมือนเดิมแต่ก็ไม่ถือ

    “ไม่มีหรอก ทำไมจะมารับหรือไงนายน่ะ พรุ่งนี้ฉันมีคุยงานกับเพื่อนเลยต้องไปตอนเช้าลืมบอกนายไปเลยนี่"

    “ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็กน้อยอย่าเอามาเป็นประเด็นเลย”จงอินบอกอย่างสบายๆ

    “พี่ตามคุมฉันแจเลยนายรู้ไหม เขาทำหน้าระแวดระวังประมาณว่านายจะโผล่มาเมื่อไหร่จะได้คอยไล่ออกไปแบบนั้นเลย”คยองทำท่าทางให้ดูจนจงอินต้องหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

     

    คนตัวเล็กมักแสดงอารมณ์ออกมามากมายคยองซูเป็นคนค่อนข้างชัดเจนและตรงไปตรงมา โผงผางและซื่อตรงเป็นที่สุด อาจจะไม่อ่อนหวานเก่งทุกอย่างเหมือนแบคฮยอน หรือไม่น่ารัก ช่างตามใจและหัวอ่อนแบบลู่หาน แต่คยองซูก็แสบพอจะทำให้คนอย่างจงอินลงให้

    มันพอดีและดีพอที่สุดสำหรับจงอินที่จะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปแน่ๆ

     

    “เราไม่ได้เจอกันบ่อยๆอย่าลืมคิดถึงผมนะครับ”จงอินหยอดคำหวานอย่างที่เขาทำเสมอ เป็นยาหอมที่คยองซูชอบว่าว่าเสี่ยวแต่ก็ชอบฟังอยู่ดี

    “ไม่คิดถึงหรอก คิดถึงที่ไรชอบฝันว่าถูกราหูอมทุกที”คนตัวเล็กตอบเสียงใส

    “ระวังโดน ‘อม’ จริงๆแล้วจะติดใจนะครับ”นอกจากหยอดยาหอมแล้วเรื่องใต้สะดือไม่เคยพ้นเลย

    “ทะลึ่งใหญ่ละ หึหึ อยากอมล่ะนะ รอไปอีกนานเลย ได้อมหมัดพี่ซึงซูก่อนไหม”คยองซูเองก็ภูมิต้านทานดีไม่ใช่น้อย จะมาวี้ดว้ายกระตู้วู้ละฝันค้างไปก่อนเถอะครับ

    “ก็ได้ๆครับ ผมจะรอทบต้นทบดอกทีเดียว ไปนอนได้แล้วครับ คยองซูตัวเล็ก ฝันดีและฝันถึงผมนะครับ ผมไปหาไม่ได้ไม่ได้หมายความว่าจะรักน้อยลงนะ”จงอินบอกน้ำเสียงจริงจังขึ้นทำให้ได้รอยยิ้มหวานเป็นสิ่งตอบแทน

    “รู้แล้วน่า ถ้ารักฉันน้อยลงนายตายแน่ ฝันถึงฉันนะ รักฉันคนเดียวนะ คิมจงอิน”นี่ไม่ใช่คำขอร้องแต่เป็นคำสั่งที่จงอินจำเป็นต้องทำ

     

    สายของคยองซูตัดไปแล้ว และจงอินยังยิ้มอยู่อย่างนั้น เขาดีใจที่สุดที่มีคยองซูในวันนี้

    บททดสอบของพี่ซึงซูคือพยายามทำให้เขาเลิกกับคยองซูไงล่ะ กีดกันทุกทางให้ออกห่างจากน้อยชายของตัวเอง มันอาจดูไม่หนักหนาแต่สำหรับคนที่มีเวลาน้อยอย่างจงอินแค่เจอกันยังค่อนข้างลำบากแบบนี้ เขาจึงเข้าใจทั้งเซฮุน และเจ้านายของตัวเองที่เคยผ่านเวลาแบบนั้นมาก่อน

    แล้วรู้หรือเปล่า ว่าความคิดถึงมันฆ่าเราได้อย่างช้าๆ แต่เจ็บปวดนาน

     

     

     

      

    “แง้!!!”

    “ไม่เอาไม่ร้องนะลูก ดูสิ อาคยองซูทำหน้าตกใจใหญ่แล้ว”แบคฮยอนประคองลูกน้อยไว้ในมือของตัวเอง พลางเขย่าสั่นเบาๆเพื่อให้เจ้าตัวน้อยรู้ตัวว่ามีแม่อยู่ด้วย

    “ท่าทางกามุงจะไม่ชอบฉัน”คยองซูเบะปากเล็กๆ ด้วยที่เขาพยายามจะจับอุ้มเด็กน้อยมาหลายครา หากก็ไม่ไหว

    “ไม่หรอก กามุงยังเล็กมากอาจจะไม่ชิน รออีกสักสองสามอาทิตย์ก็ดี”แบคฮยอนบอก ตอนนี้ลูกชายของเขามีอายุแค่สามสัปดาห์เท่านั้นเอง ไม่ถึงนาทีก็เงียบสนิท นอนสะอึกไม่กี่อึดใจก็กลับมานิ่งเงียบ เอาแก้มแบบอกคนเป็นแม่ไปอีกรอบ

    “ไม่เห็นเหมือนกูซึล พี่สาวเราน่ะ รายนั้นใครอุ้มก็นิ่งเงียบเลยรู้ไหม เจ้ากามุง ลูกหมูจอมดื้อ”คยองซูบอกอย่างมันเขี้ยวหลานชาย

    “อย่าลืมสิ กว่าคุณโดจะได้จับกูซึลตอนนั้น ลูกเราออกเดือนแล้วนะ เอาน่า..กามุงแค่ยังไม่ชินกับสัมผัสของคนที่ไม่ใช่แม่ อดใจอีกเดี๋ยวเดียวก็ได้อุ้มแล้ว

     

    แบคฮยอนวางลูกน้อยลงกับที่นอน ห่อผ้าให้อย่างถนัดถนี่เนื่องจากอากาศที่เย็นลง ถุงมือถุงเท้าครบครันตามด้วยผ้าห่มประจำของเจ้าตัวน้อย

    คยองซูมองอย่างสนใจ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นแต่เพราะไม่ได้เห็นมาสักสองปีได้ที่เพื่อนจะกลับมาเลี้ยงลูกอ่อนอย่างนี้เห็นกี่ที่ก็ตื่นเต้น

     

    “ว่าแต่มานี่..แน่ใจเถอะว่ามาเยี่ยมกามุงน้อย”แบคฮยอนเอ่ยแซวจนเพื่อนตัวทำตาเหลือก กลอกตาแทบจะเป็นเลขแปดอยู่แล้ว

    “รู้แล้วไม่ต้องแซวก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ นี่ติดนิสัยสามีมาหรอ..ไอ้ที่แขวะแบบนิ่งๆเนี่ย เฮ้อ..คิดถึงกูซึลจังเลย ไม่น่ารีบเข้าโรงเรียนเลย”คยองซูคว้าแก้วน้ำมาดื่มแล้วจึงเดินมานั่งข้างๆเพื่อนอีกรอบ

    “เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว นี่เข้าเตรียมอนุบาลแค่อยากให้ปรับตัว..นายก็รู้กูซึลติดเราจะตาย เขาไม่มีเด็กคนอื่นเป็นเพื่อนเล่นเลยอยากให้เขามีเพื่อน เออ..ว่าแต่ทำไมพี่ซึงซูถึงยอมปล่อยออกมาหาเราได้ล่ะ”แบคฮยอนถามเพื่อนตัวเอง ในขณะเดียวก็ง่วนกับการเช็คนมในตู้เย็นว่ามีเหลือมากน้อยเท่าไหร่แล้ว

    “ใครว่าปล่อย”คยองซูยู่ปากอย่างสุดกลั้นนึกย้อนพร้อมทั้งเล่าให้เพื่อตัวดีฟัง

     

    ย้อนไปตั้งแต่เมื่อคืนเลยก็ว่าได้ที่คยองซูไปแอบได้ยินมาว่าเช้านี้พี่ซึงซูมีธุระอะไรบางอย่างที่เขาเองก็ไม่ได้สนใจใส่ใจ แต่รู้ว่าพี่พยามยามจะทำให้เสร็จเร็วที่สุดและเช้าที่สุด

    คยองซูไม่ได้สนใจรายละเอียดอะไรนักรู้แต่ว่าเกี่ยวกับเพื่อนพี่ชายของตัวเองเลยหมดความน่าสนใจลงไป แต่ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดคือพี่ชายเขาจะออกจากบ้านตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าแล้วจะกลับเข้าบ้านประมาณเก้าโมง คยองซูจึงกะเอาเวลาสักเจ็ดโมงครึ่งเป็นเวลาออกจากบ้าน คร้านออกตามกันเกินไปจะตามกันทัน เผื่อพี่ชายเขาลืมของกลับมาเอาจะได้ไม่ป่ะกันแหม

    เผ่นแผล่วโดยบอกแม่เอาไว้ว่าไปไหนแล้วก็รีบหนีออกมา กำชับแม่แล้วด้วยว่าห้ามบอกพี่ชายเขาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นได้มีเรื่องกันแน่ๆ พี่ชายกลับมาได้สองอาทิตย์ก็ทำให้เขาไม่ได้เจอจงอินเลยน่ะสิ มันน่าไหมเล่า

     

    “เดี๋ยวอีกแป่บก็มาแล้ว นี่มาไม่บอกใครกะจะค้างคืนที่นี้เลยไหม”แบคฮยอนว่าอย่างจริงจัง

    “ไม่ล่ะ แค่นี้พี่อาจจะมาแหกอกจงอินก็ได้ เราเคยเล่าให้ฟังนี่”คยองซูว่า หากเสียงที่เดินเข้ามา ดึงความสนใจจากบทสนทนาไปได้

     

    ภาพของชานยอลในชุดสูมเต็มยศ โดยเสื้อคลุมทับไหล่เอาไว้อีกชั้น เมื่ออากาศด้านนอกเริ่มเข้าสู่หน้าหนาวแล้ว เช่นเดียวกับบอดี้การ์ดทั้งสองที่อยู่ในชุดสูททับเสื้อโค้ทออกจะต่างกันบ้างแต่ก็ดูดีมากพอที่จะมองไม่วางตา

     

    “นี่เราว่าถ้าพวกนี้ไม่ใช่มาเฟีย เราคงคิดว่าเพิ่งกลับมาจากถ่ายแบบ”คยองซูว่าพลางจับจ้องไปยังใบหน้าเคร่งขรึมของแต่ละคน จนคนมองอย่างจงอินเหลือบตาขึ้นมาสบพอดี

    “คุณมาได้ยังไงครับ พี่ซึงซูโทรศัพท์มาถามผมตั้งหลายครั้งแล้วทำไมผมโทร.หาไม่รับ”จงอินเดินเร็วเข้ามาหาคนตัวเล็กทันทีด้วยท่าทางเป็นห่วงเพียงแต่คยองซูได้แต่ทำหน้าตางงงันใส่

    “ตายล่ะ ฉันลืมเปิดเสียงโทรศัพท์ กลัวพี่ซึงซูโทร.ตาม”คยองซูว่าอย่างนึกขึ้นได้ทำเอาจงอินต้องถอนหายใจออกมาหนักๆ กำลังจะอ้าปากพูดต่อแต่เมื่อคิดได้ว่าไม่ได้มีแค่เขาสองคงเท่านั้นที่อยู่ในห้องนี้จึงโค้งตัวขออนุญาตก่อนจะพาตัวออกไป

     

    แบคฮยอนได้แต่ยิ้มหวานกับภาพตรงหน้า เขาไม่เคยคิดหรอกว่าคยองซูที่หัวแข็งยิ่งกว่าอะไรจะมายอมลงให้กับชายหนุ่มขี้เล่นอย่างคิม จงอิน

    ก็ต้องคอยลุ้นต่อไปล่ะนะว่าพี่ชายของคยองซูจะยอมถอยให้ยังไงอีท่าไหนน่ะ

     

    หากอีกฟากที่พากันออกมาก็ได้พากันเดินมายังห้องนั่งเล่นอีกส่วนของตระกูลปาร์ค

    ความจริงจงอินและเซฮุนได้รับอนุญาตให้ใช่ส่วนไหนของบ้านก็ได้แต่สำคัญว่าจะต้องไม่ทับซ้อนกับการใช้งานของเจ้าของบ้านหากแต่ส่วนมากทั้งคู่ก็ไม่ได้มีแขกเหลื่อมาพบป่ะอยู่แล้ว

     

    “มาที่นี่ทำไมไม่บอกผม”จงอินพยายามพูดเมื่อชั่วโมงก่อนเขาร้อนใจแทบแย่ที่ซึงซูต่อสายมาถามว่าเขาเอาน้องชายเขาไปไหนแล้วเขาตอบว่าไม่ทราบ แถมโทรศัพท์หาไม่ยอมรับยิ่งทำให้เขาร้อนรน

    “ก็ถ้าบอกนายก็จะบอกพี่ ไม่เอาไม่อยากกลับบ้าน พี่ตามติดฉันยิ่งกว่าอะไร นี่ฉันมาหานายนายไม่ดีใจหรือยังไง”คยองซูยู่ปากจนชายหนุ่มต้องใจอ่อน

    “ผมดีใจสิครับที่คุณมา แต่แบบนี้มันก็ผิดกับพี่ชายของคุณยังไงก็ต้องบอกให้ทราบอยู่ดี ผมรับปากคุณซึงซูเอาไว้ว่าจะทำตามที่เขาบอก”จงอินพยายามพูดด้วยเหตุผล

    “ไม่ต้องโทร.บอกเลยนะ นายโทรบอกเขาต้องรีบมาแน่ๆ”คยองซูเอ่ยเสียงสูงอย่างเอาแต่ใจ จนจงอินเริ่มกังวล ปกติเขาไม่ค่อยขัดใจคยองซูนักจนสุดท้ายคยองซูเองก็เริ่มชินที่จะมีคนเอาใจ

    “ไม่ได้หรอกครับ”

    “ฉันไม่คุยกับนายแล้ว พูดไม่รู้เรื่อง”คยองซูเบะปาก สะบัดหน้าหนี

     

    เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจงอินถึงไม่คว้าโอกาสนี้เอาไว้ ทำไมถึงต้องรีบรายงานพี่ชายเขาขนาดนั้น

    มันน่าน้อยใจมากเหลือเกินที่คยองซูพยายามหาทางมาเจอกับจงอิน แต่ชายหนุ่มกลบทำเหมือนรีบผลักไสให้เขากลับไปหาพี่ตัวเอง

    คนมันคิดถึงทำไมถึงเข้าใจยากขนาดนั้นก็ไม่รู้

    สุดท้ายคนตัวเล็กเลยเดินหนีกลับมาห้องนั่งเล่นที่เพื่อนเขาอาศัยอยู่ ไม่ลืมที่จะเคาะประตูบอกหากคนมาเปิดเป็นเซฮุนเลยใจชื้นว่าไม่ได้มารบกวนเวลาครอบครัวของเจ้าของบ้าน

     

    “อ้าว..ทำไมหน้าเป็นอย่างนั้นล่ะคุณโด”

    “ไม่รู้สิ เราไม่รู้..เราอยากกลับบ้าน เราแค่มาบอกว่าเราจะกลับแล้ว”ความน้อยใจเริ่มแปลเปลี่ยนเป็นเสียใจ จึงไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว

    “ไหงงั้นล่ะ โอเคๆ กลับบ้านดีๆนะ เดี๋ยวคุณจงอินไปส่งใช่ไหมครับ”แบคฮยอนมองเลยไปถามอีกคนที่เดินตามเข้ามาซึ่งชายหนุ่มพยัหน้าให้เบาๆ

    “กลับล่ะ ไว้จะมาหากามุงใหม่นะ ครั้งหน้ามาจะมาฟัดกูซึลให้หนำใจเลย”คยองซูกอดลา และแบคฮยอนเองก็ตบหลังบางเบาๆเช่นกัน

     

    คยองซูเดินออกมาด้านนอก โดยไม่มองหน้าชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย เดินขาปัดไม่รีรอหรือสนใจคำร้องเรียกชื่อเขาจนในที่สุดก็โดนคว้าแขนให้หยุด แล้วดึงให้หันมาเผชิญหน้า

    “คยองซูครับเดี๋ยวผมไปส่ง”จงอินบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนเบา หากคนตรงหน้ากลับไม่ยอมสบตา

    “ไม่ต้อง ฉันมาเองได้ฉันก็กลับเองได้”คยองซูพยายามแกะมือใหญ่ออกหากแต่อีกคนกลับไม่ยอมง่ายๆ

    “มันอันตราย..เชื่อผมเถอะนะครับ ผมเป็นห่วงนะครับ..นะ”จงอินเริ่มอ้อนอีกคนจงคยองซูเงียบไปแม้จะยังไม่มองหน้าแต่ก็ไม่ได้ต่อต้าน จงอินจึงพาอีกคนไปขึ้นรถทันทีก่อนที่คนตัวเล็กจะเปลี่ยนใจไปเสียก่อน

     

    ระหว่างทางขากลับบ้านเกือบชั่วโมงคยองซูไม่เปิดปากคุยกับจงอินเลยแม้แต่คำเดียว เด็กหนุ่มหยิบหูฟังเปิดเพลงใส่หูกันตัวเองออกจากโลกของจงอินอย่างสิ้นเชิงทำให้ชายหนุ่มหนักใจ

    เขารู้ว่าคยองซูเองก็รักเขามาก แต่ด้วยความที่เขาสัญญาว่าจะทำตามที่ซึงซูขอไว้คือไม่เจอกับคยองซูซสักพักเพื่อพิสูจน์ว่าเมื่อไม่ได้เจอกันแล้วเขาจะไม่เปลี่ยนใจ หรือโลเลไปหาคนอื่น แสดงให้เห็นว่าเขา..ไม่ใช่แค่หลงคยองซูแต่เขารักต่างหาก

    แค่สองเดือนมันมากสำหรับความคิดถึงแต่ก็คุ้มที่จะทำเพื่ออนาคตเพียงแต่เขาไม่ได้คยองซูเท่านั้นเอง

    เมื่อรถจอดเทียบหน้าบ้าน ซึงซูยืนตีหน้ายักษ์อยู่เพียงแต่คยองซูพยายามไม่สนใจ จนเมื่อคนตัวเล็กและจงอินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า

     

    “คยองซูพี่บอกแล้วไม่ใช่หรือ ไปไหนให้บอกทำไมไม่บอก ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง"คำพูดดุๆนั้นแทบไม่ได้เข้าหูคนฟัง เมื่อคยองซูเปิดโหมดต่อต้านนั่นหมายถึงเขาไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้นทำให้ซึงซูหันไปเล่นงานชายหนุ่มแทน

    “นายก็เหมือนกัน นี่แอบเสี้ยมสอนให้น้องฉันทำตัวแบบนี้หรือเปล่า ที่บอกว่าอย่าเจอกันแค่สองเดือนอดทนแค่นี้ยังทำไม่ได้แล้วฉันจะเชื่อใจอะไรคนอย่างนายได้”คนเป็นพี่พูดเสียงดังด้วยท่าทางจริงจังหากจงอินก็แค่พยักหน้ารับอย่างจำยอม

    “คนแบบนี้ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาแล้วนะ แค่นี้ยังไว้ใจไม่ได้เลย”ซึงซูใส่ไฟเข้าไปอีก

     

    “แล้วที่คุยกันถามน้องสักคำไหมว่าน้องคิดยังไง”คยองซูที่เงียบออกมาบอกเสียงเรียบ

    “พี่กับจงอินคุยกัน บอกว่าจะไม่ให้เราเจอกัน พี่ถามน้องหรือยังว่าน้องต้องการไหม บอกให้น้องเลิก บอกว่าเขาไว้ใจไม่ได้ พี่รู้จักเขาดีแค่ไหน ส่วนนาย..ถามฉันบ้างไหมว่าฉันรู้สึกยังไง เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของเราไม่ใช่หรือ ถ้าคิดจะตัดสินใจกันเองก็ไปคบกันเองเลย!!!”ว่าแล้วก็หันหลังวิ่งออกไปทันที

    “คยองซู!!!”ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองคนเรียกสักนิดเดียว

     

     

      

    “นี่มันบ้าชัดๆเลย เรื่องอะไรของสองคนนั้นที่จะมาคิดแทน”คยองซูที่หลับหูหลับตาวิ่งออกจากบ้านมาโดยไม่ได้ดูทางเลยว่าเขามาที่ไหน แต่แรงของขาก็ไม่ได้พาเขาไปได้ไกลขนาดนั้น

     

    สองข้างทางยังเป็นที่ที่เขาคุ้นเคยอยู่ ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องใหญ่นักที่จะหาทางกลับบ้านด้วยตัวเอง เพียงแต่ไม่บ่อยนักที่จะต้องมาเดินคนเดียว ตรอกการค้าที่ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นัก อยู่เลยบ้านเขามาสามบล็อคมักมีอันธพาลมาเดินไถเงินเสมอ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มา อย่างน้อยๆทุกครั้งก็มากับใครสักคน

    เขาเป็นคนตัวเล็กถ้าหากเทียบกับเกณฑ์อายุคนที่เท่าเขา งดเว้นพวกพิการความสูงอย่างลู่หานกับแบคฮยอนเอาไว้ ถึงได้เป็นเพื่อนกันได้ ซึ่งหมายความว่าเขาดูแลตัวเองไม่ได้เท่าที่ควรเหมือนผู้ชาปกติทั่วไป

    และวันนี้ก็ไม่ใช่วันหยุดราชการที่จะมีเว้นว่าง อันธพาลออกหากินทุกวัน..และคนสี่ห้าคนนั้นก็กำลังเล็งมาที่คยองซูผู้ไม่มีทางสู้ราวกับเห็นเหยื่อเด็กประถมน่ารีดไถคนหนึ่ง

    ขาสั้นๆพยายามพาตัวเองเดินหนีแต่มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร จะวิ่งก็คงไม่พ้น ได้แต่ภาวนาว่าคงจะมีใครช่วยเขาแต่คนแถวนั้นดูท่าทางจะไม่อยากยุ่งด้วย

     

    “ว่าไง..ไม่เคยเห็นหน้าเห็นตาเลยนะน้องชาย”สุดท้ายก็ไม่รอด เพราะเขากลับโดนดักทางเอาไว้เสียก่อน

    “..ดูจากเสื้อผ้า..ก็น่าจะมีเงินติดตัวมาเหมือนกันนี่ ใช่ไหม..”อีกคนพูดแทรกขึ้นเอามือมาจับชายเสื้อเขาเอาไว้ คยองซูไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น จึงพยายามดึงเสื้อกลับมา

    “หน้าตาอย่างนี้คงไม่อยากมีเรื่องใช่ไหม..แบ่งเงินกันใช้สักนิดจะได้ไม่เจ็บตัว”แล้วคนที่ดูท่าเป็นหัวโจกกลับควักมีดออกมาขู่เขาทำเอาใจเต้นแรงด้วยความกลัว

    “ผมไม่มีเงินให้หรอกครับ..มีอยู่เท่านี้”คยองซูกำเงินในกระเป๋าเท่าที่เจ้าตัวมีออกมา ก่อนยื่นให้อีกคน แต่ดูเหมือนคนพวกนั้นจะไม่พอใจ

    “อะไร..ทั้งตัวมีแค่นี้ โทรศัพท์นายสวยดี ฉันชอบเอามาด้วย”คยองซูยื่นให้แต่โดยดี ไม่นึกอยากจะมีปัญหารู้ว่าเขาไม่มีทางทำอะไรคนพวกนี้ได้เลยจริงๆ

     

    เพียงแต่คนที่รีดไถกลับไม่เคยจะพอใจกับสิ่งที่ตัวเองได้รับ ยิ่งเห็นว่าเหยื่อให้ง่าย ก็มักจะต้องการอีก นาฬิกาข้อมือดูเป็นอีกอย่างที่พวกนั้นมองไม่วางตา

     

    “ไหนบอกไม่มีเงิน นาฬิกาแพงๆแบบนี้ ทำไมถึงมีเงินซื้อ..ถอดออกมาเดี๋ยวนี้”ไอ้หัวโจกที่ควงมีดเริ่มคุกคามโดยการคว้าคออีกคน ยิ่งเห็นคยองซูกลัวมาเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ใจมากเท่านั้น

    “ม..ไม่ให้..อันนี้ให้ไม่ได้”คยองซูกลั้นใจบอกออกไป ทั้งหมดเขาให้ได้ยกเว้นนาฬิกาเรือนนี้

     

    คยองซูเอามือเล็กปิดนาฬิาของตัวเองเอาไว้แน่น ของชิ้นนี้สำคัญสำหรับเขา ของที่จงอินซื้อให้ในวันเกิดรวมทั้งเป็นวันที่เขาตกลงคบกับจงอิน

    คยองซูถือว่าวันนั้นเป็นวันที่ เวลาของ ‘เรา’ เริ่มต้นเป็นวันแรก มันจึงมีคุณค่าและราคาสำหรับเขามากเหลือเกิน

     

    “อยากเจ็บตัวหรือยังไง!!!”ดูท่าคำตอบดูไม่เป็นที่พอใจสำหรับคนฟังเท่าไหร่นัก มือหนาตวัดมีดมาแนบแก้มใสของอีกคน กดสันมีดลงไปที่เนื้อแก้มของเขาแม้จะยังไม่ลงแรงเพราะแค่ต้องการเตือนอีกคนก่อนเท่านั้น

    “ไม่!! ไม่ให้!!”คยองซูตโกนใส่หน้า ไม่รู้ว่าเอาความกล้ามาจากที่ไหน

    “หนอย...เก่งนักใช่ไหม!!!”อีกคนง้างมือขึ้นมา ทำให้คยองซูหลับตาแน่น

    “คยองซู..”

     

    กึด!!!

    ชั่ววินาทีนั้นทำให้ใจของคนตัวเล็กแทบหลุดไปอยู่ที่พื้น ได้ยินเสียงของพี่ซึงซูดังเข้ามาแต่คิดว่าคงไม่ทันแน่แล้ว เขารู้สึกตัวอีกทีคือโดนคว้าเอาไว้ในอ้อมกอดที่สัมผัสนั้นดูคุ้นเคย และกลิ่นน้ำหอมที่เคยชิน

    คนตัวเล็กลืมตาขึ้นมาดูอย่างช้าๆ มองไปรอบๆด้วยหัวใจที่เต้นแรงขึ้นมา สิ่งมองเห็นเป็นอย่างแรกกลับทำให้ใจเขาเกือบหยุดเต้นไปได้

    มือแข็งแรงข้างหนึ่งของจงอินกำลังกำปลายมีดพับแทบจำทั้งมือ มันคมแค่ไหนเขาไม่รู้แต่หยดเลือดที่ไหลลงมาเป็นทางนั้นทำให้เขาใจสั่น

    อาจไม่ใช่แค่คนตัวเล็กที่ตกใจแต่คนพวกนั้นเองก็ด้วย จงอินในโหมดสังหารไม่รอช้า อาศัยจังหวะนี้จัดการคนทั้งห้าคนด้วยมือเปล่าจนลงไปหมอบอยู่กับพื้นได้อย่างรวดเร็วแทบไม่ต้องออกแรงด้วยซ้ำ เหมือนกับว่าอีกคนไม่มีความรู้สึกเจ็บเกิดขึ้นที่ฝ่ามือนั้นเลย

    จนแน่ใจว่าไอ้อันธพาลเหล่านั้นสลบเหมือดไปหมดแล้วจึงหันกลับมาหาคนตัวเล็ก

     

    “นาย..”

    “ผมขอร้องอย่าทำให้ผมหัวใจหยุดเต้นเลยนะครับ เรื่องก่อนหน้านี้ผมขอโทษ..แต่ขอร้องล่ะครับ..ช่วยกรุณาที”จงอินโค้งตัวลงมาตรงแสดงคำขอโทษที่ทำให้คยองซููตกใจอีกครั้ง

    “เอ่อ..จงอินฉัน”คยองซูรู้สึกได้ถึงไหล่หนาที่ดูแปลกออกไป แม้อีกคนจะก้มหน้าให้เขาก็ตาม

    “ขอร้องนะครับ”จงอินยังคงก้มอยู่แบบนั้น ไม่ยอมเงย

    “ฉันเข้าใจแล้ว นายเงยหน้าขึ้นมาสักทีซิ”คยองซูเดินเข้าไปประคองอีกคนให้เงยหน้าขึ้นมา

    “รู้ไหม ตอนคุณวิ่งหนีไปผมใจหายแค่ไหน ผมขอโทษ”จงอินบอกในขณะที่คยองซูไม่ได้สนใจมันมากนัก คนตัวเล็กคว้ามือหนาอีกคนขึ้นมาแล้วล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อมาซับและพันเอาไว้ แผลมันดูเลวร้ายมากกว่าที่คนตัวเล็กคิดอีก มีดมันคมจนแผลลึกเป็นรอยยาวเลยทีเดียว

    “อย่าเพิ่งมาพูดอะไรตอนนี้ได้ไหม..ไปโรงพยาบาลกันก่อนเถอะ”คยองซูที่ดูกังวลเอามากๆจนจงอินยิ้มออกมา

    “ไม่เจ็บหรอกครับ”เพียงแต่ดูเหมือนเจ้าของแผลจะไม่สนใจตัวเองเท่าที่เด็กหนุ่มคิด

    “ไปโรงพยาบาล เดี๋ยวฉันพาไปเอง น้องด้วย..”ซึงซูคือคนที่พูดมันออกมา เขาไม่ได้จับทั้งสองคนแยกจากกันเพียงแค่พูดนิ่งๆ และคยองซูเองก็พยักหน้าเร็วๆรับแล้วจึงคว้าแขนคนตัวโตกว่าให้เดินตามมาอย่างรวดเร็ว

     

     

     

     

    แผลในมือใหญ่น่าตกใจเป็นไปตามคาดสำหรับคยองซู แต่คนที่โดนเย็บแผลที่ฝ่ามือถึง23เข็มกลับไม่มีท่าทีสะท้กสะท้านอะไรเท่าไหร่ ดูจะคุ้นชินกับมันจนน่าตกใจ

    วิธีการดูแลรักษาก็ตามปกติ ไหมละลายทำให้ไม่ต้องมาตัดไหมอีกครั้ง หากว่ามันไม่ได้มีอาการติดเชื้อหรืออะไรก็ตามแต่ งดโดนน้ำหรือทำอะไรรุนแรงสักอาทิตย์ก็จะดีขึ้น แล้วจึงไปรับยา จ่ายเงินกลับบ้านได้อย่างสันติ

    สันติจริงๆในความคิดจงอิน เพราะตอนนี้เขาได้รับการเผชิญหน้ากับครอบครัวของคยองซูแบบเป็นทางการค่อนข้างมาก โดยปกติก็ไม่ขนาดนี้หรอก แต่นี่เนื่องในโอกาสพิเศษเรื่องการเคลียร์ใจระหว่างพี่ซึงซูกับจงอิน คราวนี้พ่อกับแม่เลยต้องมาเป็นพยานไปด้วยเผื่อไม่ลงตัวหรือทำเกินกว่าเหตุ

     

    “ครั้งนี้พ่อกับแม่จะอยู่ฟังด้วย ไม่ว่าพี่จะยอมไหม เพราะจากเรื่องที่ผ่านมาพ่อว่ามันมากเกินไป”คุณโดบอกในขณะที่ซึงซูเองก็พยักหน้ารับคำ

    “แม่ก็เห็นด้วยกับพ่อ..แม่รู้ว่าพี่รักน้องมาก เป็นห่วงน้องแต่น้องเองก็โตพอที่จะตัดสินใจให้ตัวเองได้แล้ว ส่วนจงอินก็เหมือนกัน จะมาเป็นคนรักกัน ทำอะไรก็ควรปรึกษากับคนของเราซิคะลูก ไม่อย่างนั้นก็ไม่แฟร์กับลูกของแม่เลย”คุณนายโดเสริมอีกแรง

     

    มันดูเป็นเรื่องที่ค่อนข้างตลกน่าดูเช่นกันที่ชายหนุ่มตัวโตทั้งสองคนจะทำหน้าเหมือนเด็กโดนดุ แถมอายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆเหมือนเด็กเสียเมื่อไหร่

     

    “แต่ผมเป็นห่วงน้องนี่ครับ ถ้าเขาทำน้องเจ็บน้องเสียใจจะทำยังไง”ซึงซูออกปาก แม้ในใจจะเริ่มไม่หนักแน่นแล้ว

    “แต่สักวันน้องก็ต้องโต พี่จะปกป้องน้องได้ไปตลอดหรือก็ไม่ พี่ต้องให้น้องโตเองหากเขาจะเจ็บเขาก็ต้องยอมรับสิ่งที่เขาตัดสินใจไม่ใช่พี่จะไปกะเกณฑ์น้องแบบนี้”คนเป็นแม่เอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าลูกชายกำลงทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง นั่นทำให้ซึงซูเงียบไป

    “ชีวิตของน้อง น้องจะต้องเป็นคนเลือกเองค่ะพี่ น้องจะต้องเป็นผู้ใหญ่ไม่ว่าวันใดวันนึง พี่เข้าใจใช่ไหมคะ”คุณแม่บอกอย่างจริงจังและซึงซูก็พยักหน้ารับ

     

    อันที่จริงซึงซูก็ไม่ได้มีทิฐิเท่าเมื่อก่อนหน้านี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ผ่านมา ซึงซูเองก็ไม่คิดว่าจงอินจะเอามือคว้ามีดไว้โดยไม่ไตร่ตรองก่อนเลยราวกับว่าเป็นเรื่องสามัญ ในใจเขามากกว่าครึ่งคิดว่าจงอินจะสามารถปกป้องและดูและน้องชายเขาได้ด้วยชีวิต

     

    “แม่ต้องให้เวลาพี่นะครับ”ซึงซูสภาพออกราวกับยอมรับกลาย

    “ในฐานะตอนนี้ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้คยองซูมีความสุข ผมไม่รับปากนะครับว่าจะไม่ทำให้เขาเสียใจไหม เพราะการอยู่ด้วยกันบางครั้งอาจมีที่กระทบกระทั่งกัน แต่ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนนึงจะทำได้”จงอินไม่รอช้าที่จะตอบรับโอกาสนั้นเอาไว้ และคว้ามือบางของคนตัวเล็กมากุมด้วยเช่นกัน บีบเบาๆเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาจะทำตามที่พูดจริงๆ

    “แล้วน้องล่ะว่ายังไง”พ่อเอ่ยถามเล็กน้อย

    “น้องรักเขา น้องใช้เวลาและใช้หัวใจเลือกแล้วว่าเป็นเขา ถ้าหากอนาคตจะเป็นยังไงก็ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตเถอะนะครับพี่”คยองซูยิ้มออกมาอย่างเต็มหน้าเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองพูดอย่างดี ดวงตากลมสบตาของผู้ชายที่นั่งข้างกัน เขาอยากฝากทุกสิ่งทุกอย่างที่มีเอาให้คนคนนี้เหลือเกิน และยินดีที่ร่วมแชร์ชีวิตที่เหลือด้วยกันแล้ว

     

    นั่นคือที่สุดของคนเป็นพ่อเป็นแม่..แม้ซึงซูอาจจะต้องใช้เวลายอมรับ แต่เขาก็มองเห็นความสวยงามของคนทั้งคู่ที่กำลังเจริญงอกงามออกมา

    จนคิดว่าความรักมันเป็นเรื่องออกจะประหลาด..แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินเข้าใจ การที่คยองซูมีความรักกับจงอินและเขาเฝ้ามองก็กลายเป็นความสุขถึงแม้เราจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความรักนั่นก็ตาม..ซึ่งนั่นแหละที่ประหลาด

     

    จากนี้ความรักของทั้งสองคนจะเป็นอย่างไร ให้อนาคตและคนบนฟ้าเป็นคนขีดเขียนเสียดีกว่า แต่อย่างน้อยๆทั้งคู่ก็ผ่านขั้นตอนแรกมาแล้วคือ การเจอคู่แท้ของตัวเอง ดังนั้นก็เหลือแต่ให้ความรักนำทางไปก็แล้วกันนะ

     

    *************************************************************************************

     

    End. จบแล้วค่ะ จบทั้งหมดเลย

    กราบขอบพระคุณนะคะ ที่ติดตามมา วันหนึ่งก็ต้องจบและมันก็คือวันนี้ ใจหาย..ที่สุดที่จะบอกลาฟิคเรื่องนี้ ขอบคุณอีกครั้งที่ติดตามนะคะ #แบคพิการ อาจไม่ใช่นิยายที่ดีนักแต่ก็คงจะทำให้คนอ่านมีอารมณ์มากมายไปกับมัน มันเป็นเรื่องราวดีๆที่บังเอิญถูกเขียนขึ้นมาอย่างตั้งใจ

    นิยายเรื่องหน้าจะเป็นอย่างไร บิก็ไม่รู้..แต่อย่าคาดหวังมากนะคะ บิกลัวทำให้ผิดหวัง ทุกเม้นทุกวิว..ขอบคุณจริงๆมีความสุจที่เห็นมันขึ้น แม้มันจะน้อยลงก็ไม่ท้อเลยจริงๆ อย่างน้อยๆ ก็ยังมีคนเหลืออยู่ให้ชื่นใจ ขอบคุณมากๆอีกครั้งค่ะ #แบคพิการ #ปาร์คไม่แคร์ กราบลานะคะ ไหนๆจะลาแท๊กซ์แล้ว...ก็รบกวนช่วยกันติดแท๊กซ์คอมเม้นท์ให้ชื่นใจสั่งลาน้องแบคทีนะคะ

     

               จาก จิบิ

            (@RedQuien)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×