ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC 2PM]MY DARE DEVIL…ปีศาจที่รัก [YAOI] CHANHO

    ลำดับตอนที่ #5 : [LF 2PM]“MY DARE DEVIL…ปีศาจที่รัก” PART 5

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 55




    “MY DARE DEVIL…ปีศาจที่รัก

    Won Der.

     

    PART 5

     

    อากาศตอนนี้ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ฝนที่ทำท่าจะตกลงมาทำให้เขาคิดเองว่า..อากาศจะเย็นมากขึ้น และตอนนี้ร้านกาแฟที่กำลังปรับแอร์ให้เบาลงและเร่ง ฮีตเตอร์ให้แรงขึ้น

     

    แต่ตัวชื้นๆอย่างจุนโฮเนี่ยสู้ไม่ไหวหรอก จะมีก็แต่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังเขานี่ล่ะที่ยืนเฉย!!

     

    เขาเข้ามาหลบฝนตรงที่ร้านกาแฟเล็กแห่งหนึ่งตรงหัวถนน ฟ้าอึมครึมมาตั้งแต่เมื่อเช้า หากจุนโฮเองก็คิดว่าเขาคงได้ทันถึงที่หมายก่อนที่มันจะตกลงมาจริงๆ แต่มันดันช้าไปหน่อยเพราะ วันนี้คนช่างเยอะเหลือเกินกว่าจะฝ่าโน่นนี้นี่นั้นมาได้ก็เกือบชั่วโมง

     

    จุนโฮกำลังคิดว่า อาจจะดีก็ได้ ถ้าเขาเป็นเหมือนชานซอง มันอาจจะดีก็ได้นะ ไม่ต้องทนร้อน ทนหนาวปกกระทบกันแบบนี้ อั้ยย่ะ เขาไม่ชอบความหนาวเลยเหอะ!!!!

     

    “นายหนาวหรอ”อีกคนเดินมากุมมือที่เย็นเยียบของอีกคนไว้เบาๆ เขาเคยเห็นมันในโทรทัศน์ เมื่อวาน เมื่อหญิงสาวหนาวเย็น และชายหนุ่มจะต้องทำให้เธออุ่นแบบนี้

     

    “ค..ครับ แต่ไม่เป็นไรผ..ผมโอเคแล้ว เดี๋ยว..ผมจะโทรศัพท์ให้แทคยอนมาหาที่นี้ละกันนะครับ”จุนโฮดึงมืออกอย่างนุ่มนวล ใบหน้าของเขาแดงเรื่อขึ้น การจับมือแทบไม่ช่วยให้มันอุ่นขึ้นเลยแม้แต่น้อย

     

    แต่ไม่รู้ทำไมหน้ามันร้อนๆ ใจมันเต้นตึกๆนะ และนั้นคือสิ่งที่จุนโฮคิด และเป็นสิ่งที่ชานซองได้ยินแล้วทำให้มุมปากกระดกขึ้นมาอย่าไม่รู้ตัว

     

    จุนโฮปลีกตัวออกมาน้อยๆ เขาชูโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายดูว่าเขากำลังจะไปโทรศัพท์จริงๆ

     

    และเมื่อจุนโฮจรดปลายโทรศัพท์ขึ้นที่หู ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไหลผ่านหูเขาไป ราวกับว่าเป็นคนพูดโทรศัพท์เองอย่างนั้น แม้จะแค่ไม่กี่ประโยคแต่แน่นอน เขารู้ได้จากการสนทนาว่าอีกคนจะมาที่นี้

     

    “เอ่อ พนักงานหาโต๊ะให้เราได้แล้ว อีกแป่บ แทคยอนจะถึงแล้วครับ”จุนโฮยิ้มให้ ค่อยๆพาอีกคนไปนั่งตรงโต๊ะด้านในที่อีกคน ออกปากกับพนักงนว่าเขาอยากได้ตรงที่ใกล้ฮีตเตอร์ที่สุด

     

    “นายนี่ขี้หนาวนะ ตอนนอนที่บ้าน ในก็เอาตัวซุกอยู่แต่ในผ้าห่ม”ชานซองว่า หลังจากที่บริกรรับรายการอาหารเป็นที่เรียบร้อบเเล้วนั้นคือกาแฟร้อนสองแก้วที่จุนโฮสั่งให้ชานซองด้วย

     

    “ใช่ครับ  ผม…ค่อนข้างจะขี้หนาว ผมไม่ชอบเลย”อีกคนว่าพลางเม้มปากตัวเองแน่น ส่งยิ้มน่ารักให้อีกคน ที่ตอนนี้เขาเริ่มชอบมองมัน จึงไม่พูดจาอะไรที่ระคายหูอีกคนเสียเท่าไหร่

     

    และตอนนี้เขาสองคนก็เป็นมิตรกันมากพอที่ชานซองจะชอบฟังเวลาที่อีกคนเล่าเรื่องที่บ้านเกิดของตัวเองให้ฟัง ว่าเขาชอบอยู่กับแดด ที่บ้านเขาใกล้ทะเลมาก หน้าร้อนนั้นแสงแดดจะร้อนก็จริง แต่มันจะสวยและทำให้รู้สึกสดชื่นเป็นที่สุด คำเล่าเหล่านั้นจะไหนไปตามสมอง และภาพในหัวของจุนโฮเองก็ไหลผ่านหัวเขาไปราวกับภาพยนตร์

     

    “อ้าว…จุนโฮ..”เสียงทักทายนั้นขัดจังหวะเล็กน้อย จนชานซองต้องทำหน้านิ่งไปหันหาผู้มาใหม่

    “แทคยอนมาแล้วหรอครับ เอ่อ นี่ไง ชานซองที่ผมเล่าให้ฟัง…”จุนโฮลุกขึ้นยืืนในขณะที่อีกคนนั่งเฉย ไม่ยืนขึ้นรับตามมารยาท

     

    “อ้าว..คุณชานซอง”

    “ไม่ต้องหรอกจุนโฮ เอ่อ..ขอโทษนะครับ..ท่าน ไม่ทราบว่าท่านทิ้งงานที่นรกแล้วขึ้นมาบนนี้ด้วยเหตุผลเรื่องอะไรครับ”แทคยอนหันมาพูดเสี่ยงนิ่งกับอีกคน อาจด้วยศักด์และสิทธิ์ที่อีกคนมีเหนือกว่าเขาอย่างมากเลยทำให้อีกคนต้องมีกริยาที่เคารพมากกว่า แม้ว่าคนที่ทำหน้านิ่งๆนั่นจะอายุน้อยกว่าก็ตาม

     

    “ช่างฉันเถอะ ว่าแต่โลกมันกลมนะ นายว่าไหม..แทคยอน แล้วเลิกเรียกฉันว่าท่านซักที โบราณชะมัด”ชานซองว่า ทำเอาบุคคลที่สามตาโต เปลี่ยนจากมองหน้าชานซองมาเป็นแทคยอน ด้วยความตกใจ

     

    ก็ใครจะไปคิดว่าคนที่เคยไปไหนด้วยกัน..จะเป็นปีสาจ จุนโฮไม่โง่นะ

     

    “ผมก็ว่าอย่างนั้นครับ ว่าแต่..อย่าบอกนะว่ามาเพราะเรื่องอูยอง”แทคยอนนั่งลงในขณะที่ กลับมีคนเดินตามหลังมาด้วยอีกสอง นั่นทำให้ชานซองเพิกเฉยต่อบทสนทนาตรงหน้าไปเลย

     

    คนหนึ่งตัวเล็กและมีใบหน้าเฉ่ียวสวย แต่อีกคนเจ้าของใบหน้ากลมน่ารักนั้นเรียกความสนใจให้กับชานซองมากกว่า จนจุนโฮเองก็รู้สึกได้เหมือนกัน เพียงแต่ความเจ็บหน่วงที่อกนั้น ทำให้เขาตกใจกับมันเล็กน้อยว่ามันมาจากไหน และความเจ็บที่ทำให้ชานซองหันกลับมาอย่างเร็วที่ใบหน้าเขา

     

    ใบหน้าขาวของจุนโฮเบิกตาขึ้นเล็กน้อย เขาตกใจก็เพราะอยู่ดีๆชานซองก็หันกลับมาหา จ้องหน้าเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว เพราะมันเกิดขึ้นหลังจากที่เขา…

     

    บอกกับตัวเองว่า…ทำไมมันเจ็บที่อก และอยู่ดีๆก็อยากร้องไห้ขึ้นมานี่ซิ

     

    …………………….

    ……………

    …….

     

    “อ้าว…ชานนายมาได้ยังไงเนี่ย เฮ้ยยยยยยย ไอ้คนบ้า!!”อูยองกระโดดเข้ามานั่งตักเจ้าของชื่อทันที ที่เห็น ทำเอาพี่ชายเจ้าตัวเขาหนักใจ ในขณะที่แจบอมเองก็เดินไปนั่งข้างจุนโฮพลางส่งรอยยิ้มให้ เขาเริ่มพอจะรู้ลางๆว่าคนที่แทคยอนบอกว่าต้องมาเจอคงไม่เป็นตัวอะไรก็ตัวอะไรซักอย่าง

     

    “ว่าไงไอ้ตัวเล็ก ขึ้นมาไม่บอกฉันเลยนะ นี่กะหนีฉันมาหรือไง..”ชานซองว่าด้วยรอยยิ้มที่จุนโฮไม่เคยเห็นตลอดสี่วันที่ผ่านมา รอยยิ้มที่แสนอบอุ่นและอ่อนโยน

     

    จุนโฮเบือนหน้าจากภาพตรงหน้าน้อยๆ เขาไม่รู็ทำไมว่ามันเจ็บที่หน้าอก เลยคิดว่าการไม่มองมันอาจะช่วยได้มากกว่านี้

     

    “เอ่อ นาย..นายอะ นายชื่ออะไร..”เสียงเรียกเบาๆทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง เป็นคนที่มากับคนชื่ออูยองนั่นเอง

     

    “ฉันแจบอม คนดูแลไอ้ยักษ์ และเด็กคนนั้น นายชื่ออะไรหรอ..”น้ำเสียงและใบหน้าที่เป็นมิตรนั้นทำให้อารมณ์ขุ่นมัวในใจหายไปชั่วคราว

    “อ…เอ่อ ผมจุนโฮครับ ผม..เอ่อ…จะว่ายังไงดี เรียกว่าคนรู้จักของคุณชานซองคงจะถูกน่ะครับ..”อันนี้เป็นเรื่องจริงที่จุนโฮเองก็ไม่รู้จะเรียกอย่างไร

     

    จะเรียกเพื่อน จะเรียกทาส จะเรียกคนใช้..ก็คงไม่ดี จะเรียกอะไรมันก็ดูแปลกๆทั้งนั้น เพราะงั้น คนรู้จักอาจจะเป็นคำที่เหมาะสมที่สุดในนั้นก็ได้

     

    หากสิ้นคำพูดนั้น..ชานซองหันควับกลับมามองใบหน้าที่หมองลงนั่นอย่างนิ่งนาน เขาไม่พอใจกับคำตอบของอีกคน แต่…เขาจะถามจุนโฮได้ยังไงว่าทำไมถึงเป็นคำว่าคนรู้จัก เพราะจริงๆแล้วชานซองเองก็ไม่รู้..ว่าตกลงเขากับจุนโฮเป็นอะไรกัน

     

    “ช…ชานซอง เฮ้ย..แกเว้ยยยยยยย”เสียงเรียกนั้นทำใหคนที่จ้องตากันอยู่

    “อ..ฮะ..ว่าไง ไอ้ตัวเล็ก”อีกครั้งที่ชายซองหันไปมองคู่สนทนาอีกครั้ง ละเลยใบหน้าของจุนโฮอีกหนหนึ่ง

     

    แต่เขาจะรู้ไหมว่าจุนโฮ….รู้สึกแย่แค่ไหนกัน บอกตามตรงว่าชานซองสามารถรู้ได้ด้วยตัวเอง้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม..จุนโฮถึงรู้สึกแบบนั้น และเขาเองก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกันด้วย

     

    “จุนโฮ นายเป็นอะไรน่ะ สีหน้าไม่ดีเลย…”แจบอมที่นั่งอยู่ข้างกันนั้นกลับทักขึ้นมา ซึ่งเจ้าตัวก็ได้แต่ยิ้มอ่อนตอบด้วยความเกรงใจ

     

    “เอ่อ…ผม..ผม”ตอนนี้เขาอึดอัดและรู้สึกแย่มาก เขาไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เขาอยากออกไปจากสถานการณ์แบบนี้จนเต็มกลืนแล้ว

     

    เพราะตอนนี้มันทำให้รู้สึกว่ามีคำว่า ส่วนเกินปักอยู่ที่กลางอก

     

    “ไม่ครับ แค่คิดอะไรเพลินๆเท่านั้นเอง ..เมื่อกี้…พี่……..เห นั้นมัน… ยุน ดูจุน..”นายนี่มันตัวนำโชคดีจริงๆ จุนโฮถึงกับเสียมารยาผลุดลุกขึ้นจากท่ีนั่ง ทั้งที่ยังไม่ได้ขออนุญาต

     

    คนตัวเล็กวิ่งไปตามทางเแคบๆที่มีคนนั่งแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่มาหลบฝนที่เพิ่งซา

     

    ชานซองมองตามทันทีที่อีกคนลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาจับจ้องในทุกฝีก้าวที่แผ่นหลังนั้นห่างออกไปเรื่อยๆ พร้อมกับชื่อที่ผุดเข้ามาในหูของเขา ยุน ดูจุน

     

    และทุกอย่างมันหยุดลงตรงที่ จุนโฮกระโดดกอดชายหนุ่มบางคน ด้วยใบหน้าที่ดีใจอย่างสุดแสน และทุกคำพูดที่ห่างไกลออกไปตรงนั้น กลับกำลังไหลบ่าเข้ามาในหูของเขาราวกับสายฝนแรงในคืนเดือนมืด

     

    เหมือนกับวันที่อีกาจะคำราม และเป็นวันที่ค้าวคาวจะครวญเพลง

     

    “เฮ้…ดูจุน นายมาทำอะไรที่นี้..”จุนโฮพูดน้ำเสียงร่าเริงและเขาเองก็..ดีใจจริงๆนะ บรรยากาศกำลังอึดอัดเเละเขาดูเหมือนกำลังไม่เป็นที่ต้องการ เพียงแต่หาเวลาออกมาไม่ได้..

     

    ในเมื่อชานซองได้ในสิ่งที่ต้องการ เขาเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่

     

    “จุนโฮนายนี่ถามแปลก ฉันมาร้านกาแฟ มาทำร้องเท้ามั่ง..ไม่ๆๆ ฉันก็ต้องมาซื้อกาแฟกินซิ”ดูจุนเดินเข้ามาใกล้ เขารับกาแฟที่สั่งมาจากเค้าท์เตอร์พอดี

    “ดูจุน นายนี่ตอบฉันดีๆไม่ได้เลยไหมเนี่ย นายนี่มันชอบกวนประสาทฉันจริงๆเลยนะ”จุนโฮทำท่าจะขย้ำคอเขาเอาไว้ เพียงเขาไม่ได้จริงจังกับมันนัก เขาทำไปพร้อมกับรอยยิ่มเท่านั้นเอง

     

    ซึ่งบังเอิญคนตรงข้ามชอบที่จะมองด้วยน่ะซิ

     

    “ฮ่าๆๆๆ ก็นายมันน่ารักเวลาโดนแกล้งนี่ เอาเถอะ..นายมาทำอะไรที่นี้ล่ะ..”ดูจุนกระดกกาแฟเข้าปาก หลังจากถาม ในขณะที่คนทั้งสองเดินออกมายืนอยู่นอกร้าน เพราะตอนนี้คนเต็มร้านไปหมดจนไม่มีที่นั่งใหม่

     

    “ฉันก็….มากิน กาแฟไง ถามแปลกเนอะ..”จุนโฮเอาคืนที่เขาบ้างแล้วท่าทางหน้าตากวนโมโหนั้นไม่ได้ดูกวนซักนิด ดูน่ามันเขี้ยวเสียต่างหาก

    “น่ะ โดนย้อนเข้าแล้วไงล่ะ ไอ้ตัวป่วนเอ้ย..ว่าแต่มาคนเดียวหรอเนี่ย ทำไมนายไม่โทร.ไปเรียกฉันออกมาบ้างล่ะ”ดูจุนส่งรอยยิ้มอบอุ่นให้

     

    คนที่รับนั้นเองก็ยิ้มตอบ เขามักคิดบ่อยๆว่า ดูจุนเองก็ไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่นัก แต่ทำไมถึงเลือกมาเป็นเพื่อนกับคนอย่างเขาได้นะ..ไม่น่าเชื่อเลย ทั้งๆที่เป็นคนยิ้มสวยขนาดนั้นแท้ๆ

     

    รอยยิ้มที่เขาเห็นกี่ทีก็รู้สึกเหมือนกับว่า อบอุ่นและปลอดภัย

     

    “อ่อ…ฉันมากับโต๊ะตรงนั้นนายเห็นไหม ตรงที่คนเด่นๆนั้นนั่งอะ..”จุนโฮหันไปชี้เล็กๆ หากพอหันไปกลับเห็นสายตาที่จ้องเขม็งมาทางเขาอย่างไม่พอใจ ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจเหตุผลว่ามันคืออะไร แต่ช่างเถอะ ตอนนี้เขาก็อยู่กับดูจุนซะอย่างนี่นะ

     

    “อืม แต่ธุระเสร็จแล้วล่ะ หาทางปลีกตัวออกมาอยู่น่ะ นายมาพอดีเลย ฉันกำลังจะว่าเลย นายนี่มาถูกเวลาดีจัง!!!”ว่าแล้วเจ้าตัวก็เอาตบไหล่หนาไปที ยิ้มหวานอีกแน่ะ

    “หึ…นายว่าดี ก็ดี..แล้วจะกลับเลยใช่ไหม”คนตัวโตกว่าเอามือลูบหัวนั้นเล็กๆ ก่อนจะว่าเอาใจให้อีกคน

     

    “กลับซิ กลับ…ถ้านายไม่ไปไหน จะแวะไปที่ห้องฉันก็ไม่ว่าหรอก ฉันแค่รู้สึกเหงาๆน่ะ อยากได้ใครซักคนเป็นเพื่อน”จุนโฮพูดด้วยน้ำเสียงที่เขารู้สึกว่าตัวเองเหงาจริงๆ

     

    การมี ฮวาง ชานซองมาวุ่นวายในสามสี่วันนี้ ทำให้เขารู้สึกเลยว่า..ห้องที่เคยว่างเปล่ามีสีสันแม้อีกคนจะเอาแต่ชี้นิ้วสั่งจะเอาอย่างนั้นอย่างนี้ก็ตาม สี่วันสั้่นๆที่เขาก็มีหลากหลายอามรณ์ในช่วงเวลาที่น่าจดจำ

     

    ก่อนมันจะกลับไปเงียบอีกครั้ง…

     

    “แหม..แล้วฉันไม่ใช่เพื่อนนายหรอ…ถ้าหากมีอะไรทำไม่ไม่โทร.หาฉันล่ะ ทำหน้าอย่างกับคนอกหัก มาๆๆ เดี๋ยวคืนนี้ป๋าจะอยู่เป็นเพื่อน นอนกอดหนูให้หายเหงาทั้งคืนเลยดีไหม..”ดูจุนว่าโอบไหล่ของอีกคนเข้าใกล้ โผล่หน้าไปดูคนที่จ้องไม่วางตาทั้งที่มีใครอีกคนนั่งตักอยู่

     

    แค่นี้ก็อาจจะเดาสถานการณ์ได้ไม่ยากว่ามันมาแนวไหน อาจไม่ถูกทั้งหมด แต่ก็เข้าเค้ามากว่าครึ่งล่ะน่ะ

     

    “เยอะไปไหมคับ…ป๋า!!!!! งั้น…ป๋าอย่าลืมเอ็นดูผมเยอะๆนะครับคืนนี้น่ะ ไปเถอะ ตอนนี้อยากกลับบ้านแล้ว”นี่ก็เล่นกับเขาอีกแน่ะ เพียงแต่พอเขาเหลือบตาหันกลับไปมองเป็นครั้งสุดท้าย ชานซองยังให้ความสนใจอยู่กับคู่สนทนาที่กอดคนตัวโตไว้บนตัก นั้นเองก็ยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากกลับบ้าน

     

    “ถ้าอย่างงั้นเรากลับกัน ป๋าจะพาไปรังรักของเรา ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”

     

    ………………….

    …………

    …..

     

    “นี่..วันนั้นนะ ฉันไปหาหมอด้วยนะชาน ฉันเจอหมอนะ กวนประสาทมากเลยแหละ…”เสียงใสๆของคนที่เขาแอบรักกำลังผ่านหูเขาไปเรื่อยๆ แต่เนื้อเรื่องอะไรนั้น เขาจับใจความไม่ได้

     

    ใบหน้าน่ารักที่เขานึกรัก ตอนนี้มันกลับไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่นัก ราวกับว่าไม่ได้มีสมาธิอยู่ตรงนั้นเลย

     

    แล้วสิ่งที่ชายหนุ่มสนใจจริงๆล่ะ คืออะไร..อูยองนั่งอยู่ตรงนี้ กำลังทำหน้าน่ารัก แบบนี้..แต่ เรื่องที่อยู่ในหัววนเวียนไปมาไม่ยอมหลุดไปไหนคือคำพูดทั้งหมดที่เขาได้ยินและก้องอยู่ในหัว กลับมีแต่บทสนทนาที่มันไม่ได้เกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่น้อย

     

    และสิ่งที่สำคัญ…คือภาพสะท้อนของความคิดจุนโฮ ความเศร้าใจ..ความหดหู่ ที่เขาไม่รู้ว่าทำไม จุนโฮรู้วึกแบบนั้นเหมือนกัน และมันก็ถูกกดทับอีกทีด้วยคำพูดมากมายที่สองคนนั้นพูดกัน หรือแม้แต่สายตาที่คนแปลกหน้าคนนั้นมองจุนโฮ การสัมผัสที่แสนนุ่มนวลด้วย

     

    ไม่รู้ทำไมอยู่ๆความดัน และอารมณ์มันจะพุ่งสูงขึ้นมาเสียอย่างนั้น และโดยอย่างยิ่งเมื่อทั้งคู่เดินโอบคอกันออกไปเมื่อกี้นี้เอง

     

    “นี่ๆๆๆ ชานซอง….เหวออออ”อูยองที่กำลังเรียกเพื่อนสนิทของตัวเองที่ดูเหม่อเกินไป ต้องร้องออกมาเสียงดังเมื่ออยู่ที่ๆอีกคนก็ผลุดลุกขึ้นทั้งๆที่มีเจ้าตัวเล็กนั่งตักอยู่ เกือบจะได้ย้ายที่ไปนั่งจุมปุ๊กอยู่ที่พื้นแล้วซิน่า

     

    “เฮ้ย…จะลุกทำไมไม่บอก นี่ฉันเกือบเจ็บตัวเเล้วนะ”อูยองขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ดูท่าอีกคนจะไม่ได้สนใจเสียด้วยซิ..เจ้าตัวเลยทำท่าจะเข้าไปจับหากก็ไม่ทันเสียแล้วซิ

     

    ก็ในเมื่อชานซองน่ะวิ่งออกไปซะแล้วซิเนี่ย!!!!!!!

     

    “เฮ้ย..ชานซอง…เฮ้ย….อะไรของมันว่ะ!!!!!”อูยองได้แต่พองแก้มอย่างที่ชอบทำในขณะที่ พี่ชายตัวโตเขาก็เอามือจับมือเล็กไว้ก่อนจะได้ตามไปอีกคน

     

    “อูยองกลับเถอะ ฉันว่าชานซองคงมีเรืื่องอะไรน่ะ เดี๋ยวไว้…ฉันติดต่อจุนโฮให้อีกก็แล้วกัน”แน่นอน แทคยอนท่ีนั่งประเมินสถานการ์อยู่ เขาเดาเรื่องได้ไม่ยากนัก

     

    หากปล่อยให้อูยองออกไปตอนนี้คงได้เสียเรื่องเป็นแน่ … ดูท่าทาง ท่านพญายมจอมบื้อของเขาจะมีรักครั้งใหม่ที่มาแบบไม่รู้ตัวซะแล้วซิ

     

    “ปล่อยเขาไปก่อนเถอะ..”

     

    …………………………..

    …………………

    ………

     

    “ฮ่าๆๆๆ นายนี่ดีจังเลยนะ ทำงานได้เงินเยอะขนาดนั้นเลย…ฉันน่ะยังเดินเตะฝุ่นอยู่เลยดูจุน..นายคงต้องพาฉันไปเลี้ยงข้าวซะแล้วซิ”จุนโฮที่เดินออกมาไกลแล้วก็มัวแต่คุยเพลิน

    “หึ…ทั้งๆที่นายก็เป็นคนมีความสมารถ ไม่เข้าใจคนพวกนั้นทำไมไม่รับนายนะ ว่าแต่สนใจมาทำกับฉันไหมล่ะ ที่บริษัทยังมีตำแหน่งว่างอีกนะ ฉันจะลองฝากให้นายเอาไหม”ด้วยความหวังดี จากใจเพื่อนคนนี้เลยนะเนี่ย

     

    “ไม่ต้อง!!! ตอนนี้เขาทำงานกับฉัน..”ไม่รู้ว่าโผล่มาทางไหน แต่คนตัวใหญ่ก็มายืนทำหน้าทะมึนอยู่ตรงนี้ได้ละกัน

     

    เสียงเรียกหนักๆนั้นทำให้จุนโฮหนาวเยือกไปทั้งตัว จะให้พูดอย่างไรในเมื่อเวลานี้ หน้าของชานซองดูนิ่ง เยือกเย็น และคุกรุ่นไปพร้อมๆกันราวกับจะฆ่าคนได้เสมอ ไม่รู้ว่าใครไปทำอะไรให้โกรธ

     

    “อ..เอ่อ คุณชานซอง มายังไงครับ”จุนโฮถามเสียงเบาก่อนที่จะจับแขนของเพื่อนตัวเองไว้หลวมๆราวหาเกราะป้องกัน

    “ฉันจะมายังไงเรื่องของฉัน แต่นายจะกลับทำไมไม่บอก”ชายหนุ่มปรายตามองมือที่จับตรงต้นแขนของคนอื่น ยิ่งทำให้ความรู้สึกอยากกระชากออกมีมากขึ้น

     

    เจ้าตัวเบือนหน้าออกจากมือที่เกาะแขนเอาไว้ ขึ้นมามองใบหน้าของคนแปลกหน้าอีกครั้งอย่างประเมิน และยิ้มเยาะที่มุมปาก หากดูจุนเองก็ยังนิ่งมอง..ปล่อยให้มันเกิดขึ้น

     

    “จุนโฮมานี่..”ชานซองบอกในน้ำเสียงเดิมๆ หากจุนโฮเองก็ยังนิ่ง ตอนนี้ชานซองเริ่มทำให้เขากลัวขึ้นมาจับใจ และเชื่อเถอะ ชานซองสัมผัสได้ในเรื่องนี้

     

    แล้วก็ไม่รู้ทำไม เขาต้องทำให้อีกคนกลัวด้วย….วันนี้เขาพยายามหาเหตุผลในหลายเรื่องที่เกิดขึ้น แต่มันก็ไม่มีคำตอบจนน่ารำคาญ ทั้งเรื่องที่โกรธไม่มีเหตุผล ไม่พอใจขึ้นมาเฉยๆ และไม่ชอบสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้เช่นกัน

     

    “คุณกำลังทำให้เพื่อนของผมกลัว..”อีกคนเอามือปกป้องไว้ ดันให้จุนโฮไปอยู่ข้างหลังเสียอย่างนั้น

    “นายอย่าสอด!! เข้าใจไหม”คำพูด พร้อมกับท่าทางที่เอานิ้วชี้หน้านั้นทำให้ดูจุนนิ่งไป หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายกลัว แต่ความจริงบางอย่างที่ปรากฏนี้ ทำให้ชานซองได้รู้อะไรหลายๆอย่าง

     

    เพราะดูจุนเองมีสิทธิ์ที่น้อยกว่า แน่นอนแค่ปีศาจชั้นขุนนางคงเทียบขั่นพระราชาไม่ได้ และคำไหนก็คือคำนั้น ดูจุนเองไม่มีสิทธิ์ยุ่งถ้าหากชานซองออกปากมาแล้ว

     

    และที่สำคัญ ดูจุนเองก็เช่นกันที่มาจากนรก และเหตุผลที่ปีศาจตัวอื่นไม่เข้าใกล้จุนโฮเลยเพราะดูจุนเองก็กางปีกปกป้องไว้ หากมันต้องตกไป เพียงเพราะมันใช้ไม่ได้กับคนระดับเขาเท่านั้นเอง

     

    แต่วันนี้…เขารู้แล้ว และมันก็ยิ่งเพิ่มความน่าโมโหเข้าไปในนั้นด้วย

     

    “เรื่องนี้..นายไม่มีสิทธิ์ยุ่ง..จุนโฮมานี่..”เขาชักเริ่มเหลืออดจนสุดท้ายก็ทำรุนแรงโดยการเดินเข้าไปกระชากแขนอีกคนออกมาซะอย่างแรง โดยที่อีกคนก็ร้องด้วยทั้งเจ็บและตกใจ

     

    “คุณทำอะไรของคุณน่ะ..คุณชานซอง..”จุนโฮแหวขึ้นมาเล็กๆ ในขณะที่ดูจุนเองได้แต่มอง ถ้าเขาสอด ปีศาจทั้งโลกจะตามล่าเขาแน่ๆ

    “นาย…ไม่เชื่อฟังฉันเลยใช่ไหม..”ชานซองมองตาอีกคนอย่างก้าวราวทำเอาอีกคนขนลุกไปทั้งตัว

     

    “ก..ก็หมดหน้าที่ผมแล้วนี่…คุณ…”

    “เงียบปากของนายไปเลย จุนโฮ ถ้าฉันบอกว่ามันยังไม่จบมันก็คือยังไม่จบ..เข้าใจไหม”ชายหนุ่มบอกเสียงเฉียบขาดจน จุนโฮเองต้องหุบปากฉับ ก่อนจะมองหน้าดูจุนอีกครั้ง

     

    “นาย…ดูจุนซินะ อย่ามายุ่งเวลาที่ฉันอยู่กับหมอนี้อีก…อย่าให้ต้องพูดซ้ำ..”ชานซองประกาศก้อง พร้อมกับกางอาณาเขตอย่างไม่มีเหตุผล

     

    นับจากนี้…ใครก็รวบรัดตัดตอน รวบหัวรวบหางจับจองจุนโฮไม่ได้อีก

     

    “อย่างนี้ไม่ยุติธรรมเลยครับ”ดูจุนพูดออกมาอย่างสุภาพ

    “มันไม่มีคำว่ายุติธรรมอยู่บนโลกนี้หรอกนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่เป็นเรื่องของฉัน”ชานซองบอก ทั้งๆที่ความจริงแล้วเขาเองก็ไม่มีหตุผลเลยที่จะทำแบบนี้

     

    เขาไม่รู้หรอกว่าทำไปเพื่ออะไร แต่ก็ทำไปแล้ว บอกได้อย่างเดียวว่าเขาแค่เหม็นขี้หน้าดูจุนเท่านั้นเอง นี่อาจจะเป็นอย่างเดียวที่ยอมรับได้ในตอนนี้

     

    “ไป..จุนโฮ..กลับบ้าน!!”ว่าแล้วก็ลากถูอีกคนให้เดินตามไปอีกครั้ง โดยคราวนี้มีแต่จุนโฮที่ส่งสายตาขอโทษมายังเพื่อนสนิท หากชานซองเองก็รู้มันพอที่จะกระชากกลับมาเช่นกัน…

     

    ช่างเป็นวันที่ไม่มีคำตอบและเหตุผลเอาซะเลย

     

    ****************************************************************************
     

    TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×