ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC 2PM]MY DARE DEVIL…ปีศาจที่รัก [YAOI] CHANHO

    ลำดับตอนที่ #6 : [LF 2PM]“MY DARE DEVIL…ปีศาจที่รัก” PART 6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.29K
      12
      20 ม.ค. 55



     
    “MY DARE DEVIL…ปีศาจที่รัก
    Won Der.

    Part 6

     

    ตลอดทางเดินกลับมาที่บ้าน ชานซองไม่ยอมปล่อยมือที่จับข้อมือเล็กของจุนโฮออกเลยแม้แต่นิดเดียว เช่นกันกับที่จุนโฮเองก็ไม่ปริปากพูดอะไรเลยซักนิด

     

    ไม่คิด ไม่พูด และไม่ขัดขืน ซักนิดก็ไม่ทำ…

     

    เหตุผลกำลังก่อตัวขึ้นมาในใจ ความรู้สึกที่ต้องใช้กำแพงปกปิดความคิดที่แท้จริงเอาไว้ ของจุนโฮที่เขากำลังเรียนรู้จะสร้างมันเพื่อบดบังความคิดที่แท้จริง

     

    ว่าเขาเริ่ม…รู้สึกรัก และอยากครอบครอง ผู้ชายที่ชื่อ ฮวาง ชานซองขึ้นมา..

     

    กึก..

     

    ชานซองเดินลิ่วๆอยู่ ชะงักแทบสุดตัว ก่อนจะหันหลังกลับมามองอีกคนอย่างรวดเร็ว มองหน้าอีกฝ่ายอย่างเต็มตา หากอีกคนก็ได้แต่ทำสีหน้าตระหนกเท่านั้น ชายหนุ่มมองเขาอยู่นิ่งนาน มองสำรวจไปทั่วใบหน้า และดวงตาคู่เล็กแต่สุกใสนั้น จ้องลึกลงไปราวกับมันจะมองไปให้หยั่งถึงหัวใจข้างในนั้น

     

    หากชั่วครู่ ชั่วยามชานซองกลับหมุนตัว พร้อมกับกำรอบข้อมือที่จับอยู่แน่นขึ้นไปอีก แล้วก้าวต่อไปอย่างไร้คำพูดใดๆ ตลอดทางเดินจนถึงบ้านเลยก็ว่าได้..

     

    และเมื่อไม่นานนัก ก็มาถึงห้องเล็กๆ ที่เป็นรังนอนน้อยๆของเขา นี่นับเป็นครั้งแรกที่จุนโฮไม่อยากกลับบ้าน อยากนั่งมองดาวอยู่ข้างนอก ใช้เวลาเรื่อยเปื่อยไปทั้งคืน ไม่อยากกลับมาซุกตัวนอนที่นี้เลยซักนิด

     

    “เข้าไปซิ จะยืนบื้ออะไรตรงนี้ นายกับฉันมีเรื่องต้องคุยกัน!!”ชานซองผลักอีกคนเบาๆให้เข้าห้อง ส่วนอีกคนหันควับมามองเขาอย่างเฉื่อยๆหากก็ทำตาม

     

    พอเข้ามาถึงอีกคนก็ลากเขามากลางห้อง ไม่พอยังเอาเก้าอี้มาแล้วสั่งให้เขานั่ง โดยตัวเองไปนั่งอยู่บนเตียง ราวกับต้องการสอบสวนเขาอย่างนั้นล่ะ หากแต่เพราะบอกปัดไม่ได้เลยต้องทำตามเสียอย่างนั้นไป

     

    “นี่…ฉันถามนายก็ตอบ อย่าคิดจะโกหกเชียวนะ..”ชานซองว่าด้วยอารมณ์ที่แตกต่างจากคราแรกอยู่มาก คือไม่เดือดดาลมากเท่าก่อนหน้านี้

    “ครับ..”บังคับตลอดอ่ะ….จุนโฮคิดเพียงแต่ครั้งนี้เขาตั้งใจ

     

    “ไอ้คนเมื่อกี้มันเป็นใคร..”ชานซองว่าด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์อีกครั้งเมื่อนึกถึง ยุน ดูจุน

    “เขาเป็นเพื่อนของผม คุณจะอยากรู้ไปทำไมครับ..”จุนโฮตอบแบบแกนๆ เขาไม่กล้าเสียงดังกับคนอารมณ์ไม่ปรกติ เขากลัวว่าจะถูกฆ่าตายไปเสียก่อน

     

    “ฉันไม่ฆ่านาย ฉันสัญญา แต่ไม่รับรองในเรื่องอื่นๆ เพราะอย่างนั้นนายแค่ตอบคำถามฉันดีๆ”ชานซองว่าให้อีกคนวางใจได้เพียงแค่ประโขคเดียว

     

    “ครับ งั้นว่ามาซิครับ”จุนโฮตอบราวเด็กที่ถูกผู้ใหญ่ตำหนิ ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยซักเรื่องเดียว

    “นายเป็นอะไรกับหมอนั้น..”ชานซองรับคำตอบที่น่าพอใจพร้อมกับถามต่ออีก

     

    “เพื่อนครับ..”จุนโฮถูมือตัวเองเบาๆ ยามที่ต้องตอบ

    “เพื่อน..นายแน่ใจนะว่าเป็นเพื่อนกัน ต้องโอบกอด ลูบหัว จะพามารังรักเนี่ยนะ..”ชานซองยิ่งพูดกลับยิ่งอารม์ขึ้นหนักกว่าเดิม โดยเฉพาะคำหลังๆ

     

    “นี่คุณแอบฟังผมหรอ!!”จุนโฮพูดเสียงสูง เชื่อเขาเลยว่าชานซองฟังเขาทุกคำพูดเลยนี่นา แม้แต่เรื่องนี้ก็ด้วยหรือเนี่ย

    “ไม่ได้แอบ มันได้ยินเอง ฉันบอกนายแล้วไงว่าฉันสามารถรู้ ได้ยิน เห็นทุกอย่างของนายนั้นแหละ อย่าเปลี่ยนประเด็น ตอบ!!”อีกคนเสียงดังมาไอ้นี้ก็โหดกลับไปอีกเท่าตัว ทำเอาคนฟังสะดุ้งพร้อมๆกับไม่พอใจ

     

    “ก็เพื่อนซิครับ คุณคิดว่าผมกับเขาเป็นอะไรกันล่ะ..”จุนโฮมองหน้าสบตาอีกคนช้าๆ อีกฝ่ายเอาแต่ถามเขาเรื่องดูจุนอยู่ได้ มันไม่มีสมเหตุสมผลเอาเสียเลย

    “แล้วไปเรียกเขาป๋าทำไม..”ชานซองกดเสียงหนักอีกครั้ง

     

    “นี่อย่าบอกนะคุณฟังมันหมดเลยน่ะ ฮึ้ย…ก็..เราแค่เรียกกันเล่นๆเฉยๆ ก็นั้นเพื่อนสนิทผมนี่ แล้วเราก็เล่นเป็นประจำด้วย”จุนโฮบ่นอุบอิบ ตอนแรกก็ว่าจะเสียงดัง

     

    แต่ไอ้สายตาปราบพยศนั้นเล่นเอาเรื่องเงียบเลยทีเดียวเชียว

     

    อุณหภูมิในห้องลดฮวบลงมาราวกับจะติดลบเมื่อคำตอบของคำถามหลุดออกมาเป็นประโยคสุดท้าย จากห้องที่อบอุ่นอยู่ดีๆ จุนโฮกลับรู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาแบบไม่ทราบสาเหตุ ได้แต่มองหน้าที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้าเง่าเลยเหวย..

     

    “แล้วที่ว่าสนิทน่ะสนิทกันมากแค่ไหน..”คราวนี้นิ่งสนิท น่ากลัวกว่าเดิมเป็นสิบเท่านักเลย

    “ก็ผมไม่ได้มีเพื่อนเยอะนี่ครับ ก็..มีแต่ดูจุนนี่ล่ะครับ เวลาเกิดอะไร..ผมก็ไปพึ่งแต่เขานี่ล่ะ”จุนโฮทำปากยื่นเวลาไปตอบ เหลือบตามองผีเกาหลีไปด้วยนิดๆว่าจะโดดมางับหัวเขาเมื่อไหร่ และตอนไหนนี่ล่ะ

     

    “หรอ…งั้นต่อไปนี้ก็เลิกสนิทกับมันได้แล้ว นี่เป็นคำสั่ง!!”ชานซองตอบเบาๆ พ่นลมออกจมูก ในขณะที่ใบหน้านั้นดูเอาแต่ใจขึ้นมาทันทีทันใด

    “อะไรกัน นั้น..เพื่อนคนเดียวของผมเลยนะ คุณจะมาห้ามผมเรื่องนั้นได้ยังไงกัน!!”จุนโฮลุกขึ้นยืน..แน่นอนตอนนี้เขาไม่ไหวจะเคลียร์แล้วจริงๆนะ

     

    “ฉันบอกคำไหนคำนั้น..”

    “ไม่อะ..ไม่แฟร์…ไม่เลยซักนิด เขากับผม เราสนิทกันมาตั้งนานแล้วนะครับ ตั้งแต่ผมเข้ามหาลัย..ดูจุน่ะเพื่อนคนแรกของผมเลย แถมหมอนั้น เคยช่วยผมตั้งหลายอย่าง”จุนโฮทำท่าจะลุกขึ้นมา แต่พอห็นสายตาจิกกัด แบบพร้อมจะเข้ามาดึงทึ้งเขาก็เลยต้องนั่งลงบนเบาๆ

     

    “ไหนว่ามาซิ บุญคุณพวกนั้นคืออะไร..ฉันอยากรู้”ชานซองว่าไปหลิ่วตามองอย่างจับผิดไปด้วย

     

    จุนโฮทำกระฟัดกระเฟียด หายใจฮึดฮัดๆ ไปอยู่คนเดียว ก่อนจะทั้งเม้มทั้งกัดปาก นึกย้อนไปถึงเมื่อวันแรกที่เจอกับดูจุน ผู้ชายคนนั้นมีความรู้สึกคล้ายกับ..ตอนเจอชานซองใหม่ๆ แค่บรรยากาศเท่านั้นที่เหมือน แต่ที่เหลือล่ะก็ไม่มีอะไรเหมือนเลย

     

    บรรยากาศทะมึน แถมใบหน้าที่นิ่งเฉยไม่เป็นมิตร เขาก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้อยากยุ่งด้วยหรอกนะ เพราะแหม..หน้าไม่รับแขกขนาดนั้น

     

    ถ้าหากเขาไม่เดินวนหลงทางอยู่ที่โรงอาหาร ไปกลับๆ กับตึกธุรการสามสี่รอบจนหมอนั้นเข้ามาช่วยพร้อมรอยยิ้มที่แสนดี ผิดจากไอ้สีทะมึน มันทำให้เขาประทับใจ และอีกหลายต่อหลายเหตุการณ์ที่ดูจุนมาได้ถูกที่ถูกเวลาเสมอ

     

    นั้นเลยทำให้เราสนิทกัน…จนถึงกับเป็นเพื่อนซี้เลยทีเดียว

     

    “ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องว่านายเคยรักกันมายังไง และถ้ามันมีแค่นั้น ฉันก็ไม่เรียกว่าบุญคุณหรอกนะ”

     

    ลองคิดดูซิครับว่ากำลังย้อนความอยู่ดีๆ…แล้วมีเสียงพูดอะไรแทรกเข้ามาในฟิล์มแบบนี้ล่ะก็เยรคจนตัวโก่งดัง เอี้ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!! เลยนะครับ

     

    “ก็คุณถามว่า..มีบุญคุณอะไร สำหรับคนอย่างผม..ที่ไม่ค่อยมีเพื่อน นั้นถือเป็นบุญคุณนะครับ แถมเขาก็ ช่วยผมหลายเรื่องเรื่องเรียน เรื่องบ้าน…สารพัด”จุนโฮบอกด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้นหวังว่าอีกคนจะเข้าใจ

    “ถ้านายเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน เพราะอย่างงั้นตอนนี้นายก็จะเป็นแค่เคยสนิทเท่านั้น”ชานซองว่าอย่างไม่สนใจอีกคนเลยซักนิด

     

    “เหตุผลล่ะครับ…”

    “ไม่มีคำว่าเหตุผล ฉันแค่บอกให้ทำก็ทำ และอย่าคิดว่านายจะห้ามได้ ไม่งั้นฉันจะทำให้ดูจุนอะไรนั้นหายไปจากโลกนี้แบบถาวร นายเลือกเอาละกัน..”คนตัวใหญ่ลุกจากที่ สาวเท้าเข้าไปหาคนตัวเล็กกว่าก่อนจะยกมือวางบนเก้าอี้

     

    ทำท่าราวกับคุกคามไปได้

     

    “รักมันมากหรือยังไง ไอ้ดูจุนอะไรน่ะ”ชานซองทำสีหน้ายั่วเย้า จนอีกคนกัดปากแน่น

    “ผมก็แค่คิดว่าเขาเป็นเพื่อนของผม เป็นคนที่ผมสนิท และคอยปรึกษาอะไรด้วยได้ก็เท่านั้น ไม่ได้รักแบบนั้นซักหน่อย”จุนโฮจ้องตาอีกฝ่ายคืนแบบไม่กระพริบเช่นกัน

     

    “ก็ดี…แต่ฉันไม่ต้องการ เข้าใจไหม”คนตัวใหญ่ว่าก่อนจะเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียง ตัดการสนทนาเสีย

    “แต่…..แต่…..”คนตัวเล็กกว่าอึกอักอย่างมาก และสุดท้ายเขาเลยเลือกที่จะไม่พูดในที่สุด แต่คิดไปเสียว่า…ถ้าเขาจะทำให้จะฟ้ามได้ ถ้าเขาจะสนิทจะชิดเชื้อ ใครก็ห้ามไม่ได้หรอก

     

    ชานซองที่นอนอยูหันขวับมามองหน้าที่แอบลักลอบดื้อรั้น คิดตั้งตัวเป็นกบฏดังขวับ

     

    “นายก็ลองดูแล้วกัน จะได้รู้ว่าฉันส่งเพื่อนนายกลับไปอยู่นรกให้ไอ้พวกปีศาจชั้นต่ำมันดูดวิญญาณจนตาย ก็เอาซิ…อยากทดสอบดูก็ได้นะ”ชายหนุ่มมองเขาด้วยสายตานิ่งและแฝงด้วยอำนาจอย่างล้นพ้นจริงๆ

     

    นี่….เขาพลาดอีกแล้วที่คิดดังใช่ไหมเนี่ย แต่ทำไมถึงได้รู้สึกว่า…ท่าทางที่เป็นอยู่นี้ของชานซองมันดูคุ้นๆยังไงก็ไม่รู้นะ

     

    ……………………….

    ………………..

    ……..

     

    หลังจากที่ทะเลาะกันจน อีกคนหนีไปนอนแบบไม่สนใจใยดี แถมยังถือตัวเองเป็นใหญ่โดยนอนมันกลางเตียงไม่มีแบ่งอีกต่างหากแน่ะ..ทำเอาเจ้าของตัวจริงก็อ่อนใจ

     

    เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ และตอนนั้นเขาเชื่อ..ว่าชานซองกำลังง่วงและหลับไปในที่สุดเหมือนเช่นตอนนี้ ตัวเขาเองก็ได้แต่คิด เรื่องของวันนี้ซ้ำไปซ้ำมา วนและเวียนไปซ้ำๆ ดวงตาเรียวเล็กจับจ้องใบหน้าคมหล่อของคนที่หลับอยู่น้อยๆ มองเสี้ยวหน้าที่อิงแอบหมอนนุ่มของเขา ยามนี้ชานซองดูเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่กำลังฝันหวาน

     

    เขากำลังตกหลุมรักใบหน้านั้น กำลังตกหลุ่มรักความป่าเถื่อนแต่หากก็มีความอ่อนโยนเล็กๆนั้นแฝงอยู่ในความรู้สึก และการกระทำ วันเวลาสั้นๆนั้นไม่ไใช่สิ่งที่วัดค่าของความรัก

     

    แต่สิ่งที่วัดมันคือความรู้สึกดีๆที่เขาอยากมอบให้อีกฝ่ายมากกว่า

     

    จุนโฮยื่นมือไปแต่เสี้ยวหน้าคมนั้นเบาๆ สัมผัสไปยังโครงหน้าคมช้าๆ ลูบมันเบามือที่สุด เพียงขอแค่ได้ลองสัมผัส แต่กลัวอีกคนจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน

     

    จุนโฮถอนใจเล็กๆ เขามีความกังวลมากมาย มากจนเกินความรู้สึกของตัวเองที่จะรับไหว..ความรักครั้งสำคัญ ความรักที่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว..เขาไม่ได้กลัวผิดหวังเพราะมันผิดมาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ที่กลัว..คือความเจ็บปวด เขาจะรับมันไหวไหมหากยังคงรักอีกฝ่าย ยังใกล้ชิดกันอยู่อย่างนี้

     

    ปากบางเม้มเข้าหากันน้อยๆ ชานซองมีอูยองอยู่แล้ว และเขาก็จะเป็นเพียงแค่คนที่ผ่านมา และผ่านไปเท่านั้นซินะ ไม่มีทางเป็นมากกว่านี้

     

    มือขาวปัดปลายผมยาวที่ละใบหน้าอีกคนออกเมื่อเห็นว่าคนที่นอนอยู่ทำท่าว่าจะรำคาญมันออกเบาๆ ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นและแสนจะอ่อนโยน

     

    ควับ…

     

    “เฮ้ย......!!!!!!”เจ้าตัวตกใจเล็กน้อย เมื่อคนที่นอนแล้วกลับเลื่อนตัวเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วก่อนจะเอาแขนที่แข็งแรงโอบรอบเอวเขาเอาไว้ ซุกใบหน้าที่ท้องราบของเขาราวกับหาที่สบาย เจ้าตัวจึงได้แต่ทำตัวนิ่งแขงอย่างนั้น รอจนอีกคนซุกไซร้หาที่เหมาะได้เสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน

     

    หากเพียงมันก็แค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น อีกคนจึงสงบลง เขาจึงได้แต่ถอนใจแรงออกมา เอามือลูบเบาๆที่กลุ่มผมสีเข้มนั้นด้วยแสนรัก

     

    “แล้วอย่างนี้ผมจะทำยังไงดีครับ ชานซองอา…”

     

    ********************************************************************************

     

    แล้วเช้าอีกวันก็วนกลับมาอีกครั้งให้ได้ทักทาย เช้านี้ดูท่าจะเป็นวันที่จุนโฮหนักใจมากถึงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ซิน่า..เพราะเมื่อคืนกว่าเขาจะจัดท่านอน กว่าจะหามุมได้ ก็เล่นเอานอนลำบากเพราะท่ามันบังคับ

     

    ก็ในเมื่อ…อีกคนเมื่ออีกคนกอดเขาเอาไว้ทั้งตัวอย่างนั้นจะให้ทำอย่างไร

     

    คร้านจะปลุกขึ้นมา..คงได้เป็นลูกสมุนพญายมสมใจ จะนั่งก็คงปวดหลังแน่นอนแถมนอนไม่ได้เสียด้วย หรือสุดท้ายจะแกะแขนอีกคนออกหรอ โหยเอาแชลงมางัดจะออกหรือเปล่าเถอะ

     

    เลยต้องปล่อยเลยตามเลยให้อีกคนกอดมาจนเช้านี่ล่ะ

     

    “คุณชานซอง…ตื่นได้แล้วครับ..คุณชานซอง…ตื่นเถอะ”จุนโฮเอามือไปสะกิดอีกฝ่ายเบาๆ หากมีหรือจะพอแรง ไม่มีการตอบโต้และขยับเลยแม้แต่น้อยนิด ขนาดผมยังไม่กระดิกเลย

     

    เจ้าตัวเลยได้แต่ถอนหายใจ ดีนะที่คนนอนคลายวงแขนออกบ้างแล้ว อต่หากมือที่เหนียวยิ่งกว่ากาวนั้นยังไม่ยิมหลุดออกจากกัน อย่างนี้เขาจะลุกออกมาอย่างไรได้ล่ะ

     

    “คุณชานซองครับ ตื่นเถอะนะ..”คนที่ทุลักทุเลยกตัวขึ้นมาได้พูดด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเก่า หวังว่าอีกคนจะไม่โมโหร้ายเมื่อยามตื่นเท่านั้น..

    และมันก็ดูเหมือนจะได้ผลกว่าที่คาดเอาไว้เยอะมาก เพราะตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มปรือตาขึ้นมามองบ้างแล้ว แต่กระนั้นก็ยังดูสะลึมสะลือ และแถมยังไม่ขอมละมืออกจากเขาเสียด้วย

    จุนโฮได้แต่นอนคว้ำตัวลุ้นว่าเมื่อไหร่อีกคนจะให้อิสระภาพเขาซะที ดวงตาเล็กจับจ้องใบหน้าราวกับถูกจับปั้นไม่วางตาแม้แต่น้อย

     

    หากความเป็นจริงแล้วแทนที่อีกคนจะปล่อย กลับเอามือใหญ่ กดหัวเขามาใกล้ก่อนจะประกบจูบแบบสายฟ้าแล่บแปลบเสียนี่กระไร ทำเอาตัวเขาตั้งตัวไม่ติดตกใจแทบตาเหลือก

     

    เขาไม่ใช้เดนทิสเต้นะ…ไม่มั่นใจในกลิ่นปากตอนเช้า

     

    “อื้อๆๆๆๆๆ”จุนโฮดิ้นไปมาพยายามออกแรงสู้เพียงแต่ แรงทั้งตัวเขายังสู้ฝ่ามือใหญ่ฝ่ามือเดียวกดตรงท้ายทอยเอาไว้ไม่ได้เลย ไม่ได้มีท่าทางจะกระดิกไปไหนเลยด้วยซ้ำ

     

    ลิ้นหนาเกี่ยวพันพัวไปรอบโพรงปากนิ้ม พยายามถ่ายเทให้ของเหลวในปากทั้งของเขาและอีกฝ่าย แตะต้องกันอย่างถนัดถนี่มากขึ้น หากเพราะมุมที่มันอยู่สูงจนเกินไป มือแกร่งจึงจับใบหน้าของอีกคนให้หันเล็กน้อย ปรับองศาให้เขาสามารถ เสพอาหารตรงหน้าได้ถนัดมากขึ้นกว่าเก่า

     

    น้ำลายสีใสไหลเอื่อยไปที่มุมปาก จนถึงปลานคางของจุนโฮน้อยๆ จนเขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นของใครกันแน่ระหว่างเขาหรือชานซอง หรือมันอาจเป็นของเราสองคน หากชานเองก็เร็วพอที่ ผละจูบออกมาเเค่เสี้ยววินาทีเดียว คนตัวโตตวัดปลายลิ้นตรงที่คางมนของอีกคน ในจุดที่เจ้าน้ำใสๆนั้นกำลังทิ้งตัว เก็บเกี่ยวมันก่อนจะเล็มเลียจนหมด ลากเลื่อนปลายลิ้นอุ่นตามแนวสันคาง ก่อนจะวกกลับมาประกบจูบต่ออีกครั้ง

     

    เป็นจูบที่ทำให้จุนโฮมึนงงไปหมด ในหัวนั้นมีแต่กิจกรรมตรงหน้าเท่านั้น เขารู้สึกเหรื่อยจนแทบหอบฮั่ก แต่ไม่รู้ทำไม เขาเองก็ไม่อยากละจากจุมพิตที่หวานล้ำและรันจวญใจเช่นนี้เลย

    ก่อนที่ชานซองจะพลิกตัวทาบทับอีกคนเอาไว้ และดันคนตัวเล็กกว่าให้หลังนิ่มนั้นสัมผัสกับที่นอนนุ่มไปแทน หากอีกคนกลับเอาแขนเรียวคล้องคออีกคนเอาไว้หลวมๆเช่นกัน ปล่อยให้มันเป็นจูบที่แสนยาวนาน

     

    ด้วยความไม่รู้ตัว ชานซองค่อยสอดมือไปตามแผ่นหลังบางเบาๆ ลูบไล้ไปตามเนื้อนวลที่เขาไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน ผิวเนียนดุจไหมนั้นทำให้เขาเผลอไผลไปอย่างเพลิดเพลิน

     

    หากคนโดนกระทำนี่ซิ สะดุ้งเฮือกขึ้นมาได้สติเพราะตกใจ มัวแต่เผลอไปกับจูบที่แสรยั่วเย้าที่คนตัวโตมอบให้เสีย จนต้องยกมือที่สั่นระริกอละไร้เรี่ยวแรงไปดันอกอีกคนไว้เบาๆ รู้ดีว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย

     

    หากชานซองเองก็เป็นฝ่ายปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระอย่างที่เจ้าตัวต้องการตั้งแต่แรกเหมือนกัน

     

    “ฉันยังไม่อิ่มเลย…”ชานซองพูดด้วยเสียงพร่ามองใบหน้าแดงซ่านและไร้เรี่ยวแรงของอีกคนด้วยสายตาสิเน่หาอย่างที่เจ้าตัวไม่เคยรู้เลย แม้กระทั้งตอนที่ทำอยู่ก็ไม่รู้เช่นกัน

     

    “ต…แต่คุณ..กินเยอะ…แล้ว..นะครับ”จุนโฮตอบเสียงอ่อย ในขณะที่เขาไม่กล้าสบดวงตาคมของอีกคนที่ยื่นเข้ามาใกล้

    “ขออีกนิดไม่ได้หรอ…อีกนิดเดียว..”เขาทำเสียงอ่อน ก้มลงกระซิบที่ข้างใบหูขาวของอีกคนน้อยๆ จนใบหูเล็กนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

     

    จุนโฮเม้มปากแน่น…ขบริมฝีปากที่บวมเจ่อจากการกระทำของอีกคนน้อยๆ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงอนุญาติ แน่ล่ะ..ใครจะไม่ใจอ่อน ก็ชานซองเคยมามุกนี้ที่ไหน..

     

    “แต่อย่าเยอะ..อื้อ!!”ยังไม่ทันจะร้องห้ามอีกคนว่าอย่าให้มันเยอะนัก เพราะตัวเขาอาจจะตายได้นั้น อีกคนก็คว้าเขาเข้ามาปิดปากเสียแล้วซิ

     

    ในความคิดของชานซองช่วงเวลานี้..เขาไม่ได้ยินเสียงของจุนโฮเลยซักนิด ไม่ใช่เพราะมันเงียบนะ…แต่เพราะ เขากำลังให้ความสนใจกับจูบหรรษาตรงหน้านี้มากกว่าอย่างอื่นเป็นไหน

     

    ไม่รู้…และไม่เข้าใจ แต่ที่แน่ๆมันหยุดไม่ได้และรู้สึกว่าต้องการมากขึ้นจริงๆ การได้จูบกับจุนโฮ มันทั้งหอมหวาน ราวกับกำลังกินดื่มน้ำผึ่งเดือนห้า ที่รสชาตินุ่มลึก และรสแรง เขาอยากเก็บเกี่ยว กลืนกินไปทุกอณูถ้าหากทั่วโพรงปากหวานนี้จะมอบมันให้เขาได้ ชานซองเองก็อยากจะทำ

     

    ยิ่งทำให้คนที่ระเริงไปกับมันนั้นก็ยิ่งชอบใจ ราวกับของแถมที่มาพร้อมอาหารอันโอชะนี้..

     

    …………………….

    ………………

    …….

     

    กว่าจะได้ไปอาบน้ำ..ก็ปาไปสายๆนู่น เพราะชานซองมัวแต่ปล้ำจะจูบกับจุนโฮอยู่นั้น จนอีกคนต้องบอกเขาไม่มีแรงเหลือจริงๆแล้ว ชานซองเลยได้ปล่อยเขาไปอาบน้ำหาอะไรใส่ท้องตัวเองนั้นล่ะ

     

    ใช่…ชานซองแทบสูบวิญาณเขาไปหมดเลยด้วยซ้ำ..

     

    “หน้านายนี่ดูซีดๆนะ..”ชานซองที่นั่งเคี้ยวไส้กรอดตุ้ยๆบอกอีกคนที่มองเขาตาเขียวปั๊ด

    “ก็เพราะใครล่่ะ ผมบอกว่าผมเหนื่อยเเล้ว ผมไม่แรงเหลือแล้วก็จะกินอยู่ได้!!”จุนโฮว่าเสียงแหลม ถึงแม้ว่าจูบจะดี แต่ถ้าจะเหนื่อยขนาดขอผ่านดีไหมล่ะ

     

    “อ้าว..กินทีก็ต้องให้อิ่มซิ”นี่ก็ว่าหน้าตาเฉย แถมไม่พอยังจิ้มเบคอนในจานเขาไปกินอีกแน่ะ กินของตัวเองหมดแล้วก็ละลานคนอื่นเขาต่อ นี่ว่าทำในปริมาณเยอะขนาดนั้นแล้วนะ

     

    กินเร็วอย่างกับพายุ

     

    “แต่เห็นใจผมบ้างซิ….”จุนโฮเลยต้องเปลี่ยนมากินไส้กรอกแทน เพราะโดนฉกคาปากขนาดนั้น จำต้องเสียสละ จะไปคีบออกมาจากปากก็ท่าจะจบไม่สวย

     

    ชานซองจึงได้แต่ยีกไหล่นั่งกินต่อ…โดยที่คุณเจ้าของห้องก็กินเงียบเช่นกัน พร้อมกับนั่งมองโทรทัศน์ไปด้วย แต่ความจริงในหัวเขากำลังคิดไปถึงเรื่องอื่นเรียบร้อยแล้ว

     

    เขากำลังชั่งใจ…ชั่งใจอย่างหนักว่าจะถามเรื่องของ….คนน่ารักคนนั้นดีไหม…คนที่ชื่ออูยอง และเขาควรจะถามอีกคนเรื่องที่ว่า…เขาจะย้ายออกจากนี้ไปอยู่กับคนที่ชื่ออูยองนั้นเมื่อไหร่ไหม

     

    แล้วเขาจะทนกับห้องที่แสนเงียบเหงานี้ได้หรือไม่นะ

     

    ชานซองหันมามองเสี้ยวหน้าอ่อนเยาว์ที่มองโทรทัศน์อย่างเหม่อลอย คงลืมไปว่าเขาคงได้ยินมันหมดแล้ว หากเขาก็เลือกที่จะเพิกเฉย ในเมื่ออีกคนไม่ถามจากปาก เขาก็จะไม่พูดออกมา

     

    แต่เชื่อเถอะ เดี๋ยวจุนโฮก็จะถาม และเขาจะเป็นคนที่หนักใจกับคำตอบเอง

     

    “คุณ…ชาน”

    “เรียกชานซองอย่างเดียวได้ไหม..”ชานซองพูดขัดขึ้นก่อนที่จุนโฮจะได้ถาม


    “ครับ???”จุนโฮขานรับอย่างสงสัย

    "ก่อนที่นายจะถาม ต่อไปนี้เรียกฉันว่า…ชานซองเฉยๆก็พอ…”ชานซองหันมามองใบหน้าอีกคนอย่างนิ่งๆ ก่อนจะย้ำเจตนารมย์นั้นชัดๆอีกครั้งหนึ่ง เผื่อเจ้าตัวจะได้ยินมันไม่ถนัดมากขึ้น

     

    *********************************************************************************** 

    TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×