นอนกรน ภัยใกล้ตัวอย่ามองข้าม อาจถึง - นอนกรน ภัยใกล้ตัวอย่ามองข้าม อาจถึง นิยาย นอนกรน ภัยใกล้ตัวอย่ามองข้าม อาจถึง : Dek-D.com - Writer

    นอนกรน ภัยใกล้ตัวอย่ามองข้าม อาจถึง

    นอนกรน ภัยใกล้ตัวอย่ามองข้าม อาจถึง

    ผู้เข้าชมรวม

    445

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    445

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 มี.ค. 50 / 15:51 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      นอนกรน ภัยใกล้ตัวอย่ามองข้าม อาจถึงตาย

       
                 ผศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ให้ความรู้ว่า Sleep apnea เป็นภาวะความผิดปกติอย่างหนึ่งของการหายใจที่เกิดขึ้นในระหว่างการนอนหลับ หรือที่เรียกว่า ภาวะการนอนกรน

                การนอนกรนแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
       
                1.ภาวะนอนกรนธรรมดา สาเหตุมาจากกล่องเสียงหย่อนยาน จนกระทั่งไปอุดกั้นทางเดินหายใจ ทำให้หายใจไม่สะดวก และมีเสียงดังเวลานอนหลับ ภาวะดังกล่าวจะไม่มีอาการบ่งชี้ใดๆ แต่จะมีผลกระทบต่อคนข้างเคียง เกิดความรำคาญใจ ไม่อยากอยู่ใกล้ และ 
                2.ภาวะนอนกรนอันตราย เกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณลำคอหย่อนตัวระหว่างช่วงการหลับจึงไปอุดทางเดินอากาศ กล้ามเนื้อที่มีการหย่อนตัวนี้ ได้แก่ กล้ามเนื้อของเพดานอ่อน โคนลิ้น และลิ้นไก่ ซึ่งเมื่อไปอุดกั้นทางเดินอากาศจะทำให้การหายใจต้องใช้แรงเอาชนะมาก เกิดเสียงดัง และนำไปสู่การหยุดหายใจในที่สุด ในบางรายภาวะนอนกรนยังทำให้เกิดโรคต่างๆ อาทิ โรคหลอดเลือดสมอง หัวใจขาดเลือด ฯลฯ

                ผศ.นพ.ปารยะยังให้ความรู้ถึงสถานการณ์ผู้ประสบปัญหาการนอนกรนว่า ปัจจุบันพบบ่อยขึ้น ในต่างประเทศมีรายงานว่า ร้อยละ 5-10 ของประชากรทั่วไปมีปัญหาการนอนกรน พบมากในอายุตั้งแต่ 30-35 ปี โดยเพศชายสูงถึงร้อยละ 4 และเพศหญิงร้อยละ 2 สำหรับประเทศไทยแม้จะสามารถให้การวินิจฉัยผู้ป่วยได้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีตัวเลขความชุกที่แน่นอน สำหรับอาการทั่วไป ในผู้ที่ประสบปัญหานอนกรนทั่วไป จะไม่แสดงอาการใดๆ แต่ในผู้ที่ประสบปัญหานอนกรนอันตราย อาการทั่วไปจะง่วงมากผิดปกติในช่วงกลางวัน อ่อนเพลีย และสมรรถภาพทางเพศลดลง กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ คือ คนที่มีน้ำหนักเกิน เนื่องจากไขมันจะสะสมมากบริเวณรอบคอทำให้หายใจลำบาก 
                
                สำหรับการรักษาในปัจจุบันมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละราย อาทิ หากอาการไม่มาก แพทย์จะให้ทำการปรับปรุงพฤติกรรมเสี่ยง ได้แก่ การลดน้ำหนักตัว รวมถึงการออกกำลังกายที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยานอนหลับก่อนเข้านอน รวมทั้งยาที่ทำให้มีอาการง่วง พยายามนอนตะแคงหรือท่าที่ทำให้อาการลดลง งดสูบบุหรี่ หากอาการไม่ดีขึ้น แพทย์จะให้ใช้เครื่องช่วยสร้างแรงดันบวกในทางเดินอากาศ และหากอาการยังไม่ดีก็ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

                "ในอดีตมีความเชื่อว่าคนที่ป่วยด้วยโรคใหลตายอาจมีความสัมพันธ์กับภาวะนอนกรน" ผศ.นพ.ปารยะกล่าว

               สำหรับโรคใหลตาย เคยโด่งดังเมื่อหลายปีก่อน เพราะเคยปรากฏว่ามีคนงานไทยในสิงคโปร์ป่วยด้วยโรคใหลตายจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ความเชื่อดังกล่าวจะสัมพันธ์กับภาวะนอนกรนหรือไม่ ยังต้องรอพิสูจน์ทางการแพทย์ต่อไป

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×