คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chepter7: มันเกิดอะไรกับหัวใจ
HUNZ talk
ผมค่อยๆ วางร่างสูงโปร่งลงบนเตียงนอนหนานุ่มอย่างช้าๆ ใบหน้าไร้เดียงสาซีดเซียวจนผมอดห่วงไม่ได้ ผมเอื้อมมือไล้นิ้วไปตามแนวผมหนานุ่มอย่างแผ่วเบาเพื่อเช็ดเหงื่อเม็ดโตที่ผุดบนหน้าผากเพราะพิษไข้ นึกเจ็บใจตัวเองที่ปล่อยให้แกงส้มต้องป่วยแบบนี้ ผมน่าจะทำอะไรเพื่อแกงส้มได้มากกว่าที่เป็นอยู่
“พี่ขอโทษ...แกงส้มพี่ขอโทษ” ผมเอ่ยคำขอโทษด้วยเสียงที่แหบพร่าเพราะความแค้นใจตัวเอง น้ำตาไหลออกมาช้าๆ ผมไม่เคยนึกเกลียดตัวเองเท่านี้มาก่อน แค่ดูแลคนที่เรา “รัก” ผมยังทำไม่ได้... ความรักของผมมันช่างด้อยค่ายิ่งนัก ทั้งที่รัก...แต่ก็เป็นเพียงความรักที่อ่อนแอและเขลาขลาด ผมยกมือปาดน้ำตารวดเร็วเพราะกลัวว่าร่างที่นอนหลับใหลจะฟื้นตื่นมาเห็น แต่หัวใจของผมนั้นกำลังหลั่งน้ำตาออกมาอย่างสุกทน
“หนาว....แม่ครับ ผมหนาว” แกงส้มร้องออกมาเบาๆ น้ำเสียงดูหวาดกลัวราวกับกำลังเผชิญฝันร้ายในห้วงนิทรา ผมก้าวขาไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนหนาจากในตู้มาเช็ดร่างที่หนาวสั่น แต่คงเป็นเพราะตากฝนเสื้อผ้าแกงส้มจึงเปียกชุ่มไปทั้งชุด ผมมองใบหน้าไร้เดียงสาอย่างชั่งใจ หากผมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมกลัวว่าถ้าฟื้นขึ้นมาเจ้าตัวจะไม่พอใจและพาลจะไม่คุยกับผม แต่ถ้าไม่เปลี่ยนผมว่าแกงส้มคงต้องแย่แน่ๆ เมื่อนึกว่าตัวเองจะเปลื้องผ้าของหนุ่มน้อยที่นอนเหยียดอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกแปลกๆก็พุ่งขึ้นมาจากซอกลึกของหัวใจ ใบหน้าผมร้อนผ่าวเพราะจินตนาการที่ไปไกลมากกว่าสิ่งที่ควรจะทำ ผมนั่งลงบนเตียงข้างๆแกงส้ม ประคองร่างขึ้นมา วางใบหน้าอ่อนซบลงที่อกของผมซึ่งก้อนเนื้อข้างในเต้นไม่เป็นจังหวะ ผมพยายามไม่มองใบหน้านั้นที่สั่นหัวใจจนควบคุมไม่อยู่ แกงส้ม...แค่นอนนิ่งๆก็ทารุณหัวใจของพี่เหลือเกิน ผมปลดกระดุมออกที่เม็ด มือสั่นเทาน้อยๆ ยากที่จะควบคุมเพราะร่างที่หายใจเบาๆที่อยู่ในวงแขน จนสุดท้ายผมก็ถอดเสื้อสำเร็จ เมื่อมองท่อนล่างนั้น...ทำเอาหัวใจผมแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ผมต้องทำ...หวังว่าแกงส้มจะเข้าใจนะ ผมเอาผ้าห่มคลุมร่างก่อนแล้วค่อยจัดการถอดกางเกงอย่างระมัดระวัง ใบหน้าผมร้อนผ่าวเพราะความเขินอาย ความรู้สึกนี้มันตื่นเต้นมากกว่าที่ผมต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าคนอื่นเสียอีก.....
และแล้วทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ในที่สุดผมก็ฝ่าด่านทดสอบการหักห้ามใจที่โหดร้ายที่สุดมาได้ ผมมองแกงส้มในชุดนอนที่ผมเป็นคนลงมือเปลี่ยนกับมือตัวเองอย่างภูมิใจ... ราวกับว่าแกงส้มเป็นสมบัติล่ำค่าของตัวผมเอง ผมรู้ตัวว่าตัวเองถึงเวลาขับรถกลับบ้านคุณหญิงป้าเพื่อรอรับคุณหนูตั้งแต่เช้าได้แล้ว แกงส้มอยู่ในที่ที่ปลอดภัยไม่มีอะไรน่าห่วง.... แต่การเดินหันหลังจากร่างที่ผมสุดแสนห่วงหานี้มันยากเย็นเสียเหลือเกิน ผมจึงเลือกที่จะทำตามหัวใจตัวเองสักครั้ง อย่างน้อยวันก็จะเป็นช่วงเวลาที่แสนดีให้ผมได้คิดถึงยามที่ต้องห่างร้างคนๆนี้ที่เป็นดั่งหัวใจ
ผมก้มลงจูบที่หน้าผากเนียนอย่างแผ่วเบา แล้วลากริมฝีปากลงมาผ่านระหว่างคิ้ว จมูก อย่างเชื่องช้า ก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนเรียวปากหวานนั้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมเบียดร่างตัวเองกับแกงส้มอย่างแนบชิด ท่อนขาของผมกดทับท่อนขานุ่มของแกงส้ม ผมกวาดลิ้นรุกล้ำเพื่อลิ้มรสความหวานที่แสนละมุนในริมฝีปาก ถึงแม้ว่าแกงส้มจะไม่ได้สติตื่นฟื้นขึ้นมา แต่ก็มีครวญครางเล็กๆออกจากลำคอเพราะการตอบสนองตามธรรมชาติ ผมลูบไล้ฝ่ามือเข้าไปใต้เสื้อนอนผืนบาง ร่างร้อนจากพิษไข้กลับน่าหลงใหลอย่างประหลาด ลมหายใจร้อนๆปะทะใบหน้าที่ดื่มด่ำรสลิ้นของแกงส้ม ผมถอนริมฝีปากช้าๆอย่างอาวรณ์ ใบหน้าอ่อนใสนั้น มีความไร้เดียงสาเป็นอาวุธที่เย้ายวนหัวใจของผมเหลือเกิน ผมไม่อยากเอามือละจะร่างนี้เลยสักวินาที แต่หากไม่หยุดตอนนี้การกระทำทุกอย่างมันจะการรุกล้ำอย่างไม่น่าให้อภัย โดยเฉพาะคนอย่างผม....ที่ไม่มีสิทธิยืนหยัดเรียกร้อง....เพื่อเลือกคำว่า “รัก” ได้
แสงแดดจากหน้าต่างส่องลอดออกมาทำให้ผมต้องขยับร่างตื่น แม้จะซุกกายภายใต้หนานุ่มน่าสบายแต่ผมก็ปวดร้าวไปทั่วร่าง ยิ่งบวกกับการปวดหัวแทบระเบิดแล้ว...ผมไม่อยากตื่นขึ้นมาเลยจริงๆ และเรื่องราวเมื่อคืนก็ค่อยๆย้อนกลับสู่ความทรงจำ ผมลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตกใจ.... เมื่อคืนผมถูกปล่อยให้นอนข้างนอกนี่หว่า แล้วตอนนี้เข้ามาอยู่ในห้องของตัวเองได้ยังไงกัน หรือว่าเป็นเพราะนายผีดิบนั้นมาช่วยเรา!!!
“บ้าไปแล้วแกงส้ม....ไปคิดถึงเค้าทำไมกัน เค้าจะมาช่วยเราได้ยังไง---” ผมพูดเตือนสติตัวเองออกมาดังๆหลังจากคิดเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
“พูดอะไรคนเดียว---เป็นอะไรมากรึเปล่า???” เสียงทุ้มนั้นทำเอาผมสะดุ้งโหยง ผมหันไปหาต้นเสียงก็เห็นร่างสูงนั่งเหยียดขาสบายตรงที่โซฟาตัวยาว ในมือมีหนังสือเล่มบางอยู่ ใบหน้านั้นมีร่องรอยความอิดโรยแต่กลับมาแววตาสดใสทอประกายมาให้เห็นซึ่งนั่นส่งให้ใบหน้านั้นดูน่าหลงใหลมากขึ้น
“มาอยู่ในห้องผมได้ไงเนี่ย???” ผมแกล้งโวยวายกลบเกลื่อนที่ทำอะไรบ้าบอดูประสาทให้เค้าเห็น
“นี่...พูดจาดีๆกับคนที่เค้าช่วยลากนายขึ้นมาห้องบนห้องนี้ได้มั้ย???” รอยยิ้มอ่อนหวานที่ขัดกับคำพูดกวนๆ มันดูจริงใจจนมีความคิดดีๆแวบเข้ามาในหัวผม ยิ่งถ้าเค้าเป็นคนที่ลากผมขึ้นมาจริงๆ ผมควรต้องขอบคุณเค้าด้วยซ้ำไป
“คุณมาช่วยผมได้ยังไง???” แต่ผมก็ยังไม่ยอมเอ่ยคำ “ขอบคุณ” ง่ายๆเพราะกลัวเสียเชิง
“พรหมลิขิตมั้ง???”
“อะไรนะ!!!” ผมได้ยินคำนั้นเต็มสองหูแต่กระนั้นก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเค้าพูดคำนั้นมาพร้อมกับใบหน้าเขินอาย แต่ก็ไม่ได้คำตอบอีกครั้ง... นายฮั่นเดินเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ ผมกระชับผ้าห่มขึ้นมาราวกับว่านี่เป็นโล่ที่จะปกป้องผมการกรงเล็บเสือหนุ่มวัยกลัดมันที่ย่างสามขุมเข้ามา
“ไหนดูสิ...ตัวหายร้อนรึยัง” แต่ร่างสูงสง่านั้นกลับโน้มเอามือแตะหน้าผากอย่างอ่อนโยน ผมช้อนตาสบตามองกับสายตาคมกล้านั้น ความรู้สึกแปลกๆก็เกิดขึ้นมา ผมรู้สึกเหมือนถูกสายตานั้นหลอมร่างกายจนแทบละลายลงตรงนี้ หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ ฝ่ามือที่วางทาบทับผมหน้าผากค่อยๆเลื่อนมาเชยคางอย่างช้าๆ ผมเห็นใบหน้านั้นชัดขึ้น ชัดขึ้นเรื่อยๆ จนตกอย่างตกในภาวะเงียบงัน ริมฝีปากทั้งสองประกบกันแนบชิด ความอ่อนหวานส่งผ่านจากรอยจูบนั้นสู่หัวใจ ทุกอย่างบนโลกหยุดนิ่ง การที่คนเราเอาริมฝีปากมาแตะกันมันทำให้หัวใจของผมเต้นระรัวได้เพียงนี้เชียวเหรอ??? มันเกิดอะไรกับหัวใจผม.... ทำไมเราถึงเชิดหน้ารับจูบนั้นอย่างเต็มใจ ทำไมเราถึงไม่อยากให้โลกเคลื่อนไหวอีกครั้ง.... ทำไมหัวใจผมถึงอิ่มเอมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแบบนี้ ทำไมทุกอย่างๆที่ผมรู้สึกถึงเกิดขึ้นกับผู้ชายคนนี้...ผู้ชายที่ชื่อ “ฮั่น”
HUNZ talk
“ปัง!!!” เสียงปิดประตูดังสนั่น ผมผละร่างจากแกงส้มอย่างหุนหันก่อนจะกระแทกปิดประตูห้องตัวเองแล้วทรุดตัวลงอย่างหมดแรง.... ทำไมถึงเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ แกงส้ม...อย่ารักพี่นะ อย่ารักพี่เลย พี่ทำอะไรลงไปนะ---ความเจ็บช้ำถาโถมเข้ามาอย่างท่วมทัน ผมร้องไห้โฮออกมาอย่างลืมอาย ทันทีที่แกงส้มตอบสนองรสจูบนั้น... ผมสัมผัสถึงความอ่อนไหวในจิตใจที่บอบบาง ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมอิ่มเอมยิ่งนักแต่... ผมไม่ต้องการ หากแกงส้มรักผมเพียงเสี้ยวเศษของหัวใจ...ความทุกข์ทนก็ย่อมตามมาอย่างที่ยากจะหลีกเลี่ยง และสิ่งที่ผมภาวนาไม่อยากให้เกิดขึ้น...ผมไม่อยากให้แกงส้มมาคาดหวังในตัวผม คนที่ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะทำเพื่อความต้องการของหัวใจตัวเอง คนที่ปล่อยชีวิตให้อยู่ในเงื้อมมือของคนอื่นไปแล้ว..... ผมขอโทษ...ผมจะไม่ทำตามหัวใจตัวเองอีกแล้ว ได้โปรดสวรรค์...ได้โปรดทำร้ายหัวใจผมเพียงคนเดียว แกงส้มจะต้องมีความสุข แกงส้มต้องเดินผ่านคนอย่างผมไปเพื่อความสดใสในวันข้างหน้า...อย่าวางหัวใจไว้กับคนที่ไร้ค่าอย่างพี่เลย
ร้องไห้ทำไมกัน---น้ำตาอย่าไหลออกมาแบบนี้สิ เราไม่ใช่คนอ่อนแอสักหน่อย... มันก็แค่การแกล้งอย่างที่เค้าเคยทำมาแล้ว อย่าอ่อนไหวกับใบหน้าทรงเสน่ห์ของชายหนุ่มที่สุดแสนจะโหดร้ายคนนั้น หัวใจเป็นของเรา เราต้องควบคุมมันให้อยู่ การที่เค้าทิ้งเราไว้ทั้งที่จูบเราอย่างแสนหวานนั้นเป็นเพียงความทารุณที่เค้าอยากจะดัดนิสัยที่เราไปก้าวร้าวท้าทายอำนาจเค้าก็เท่านั้น แต่ถึงพร่ำคิดเตือนตัวเองอย่างนั้น...แต่น้ำตาก็ยังไม่หยุดไหล ผมไม่ได้คิดอะไรกับคนพรรค์นั้น...ท่องเอาไว้ เราไม่ได้รู้สึกอะไรเพียงแค่เศษใจก็ไม่มี!!!
ผมตัดสินจะทำตัวเข้มแข็งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะไม่มีวันทำตัวอ่อนไหวให้เค้าได้สะใจ และจะไม่มีญาติดีเพราะหลงกลจากการกระทำที่แสแสร้งของนายผีดิบนั้นอีกเป็นอันขาด!!!ทั้งที่หลงคิดว่าเค้าดีกับเราแล้วแท้ๆ แกงส้ม...นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “อย่างวางใจคน” ผมปาดน้ำตาก่อนจะยันกายที่ไร้เรี่ยวแรงเข้าไปในห้องน้ำ ให้สายน้ำจากฝักบัวชะล้างรอยจูบจากคนไร้หัวใจคนนั้นและความเจ็บช้ำที่เกิดขึ้นมาในหัวใจ ทุกอย่างต้องเป็นปกติ... เราจะต้องไม่อ่อนแอ เรื่องแค่นี้ต้องจัดการหัวใจตัวเองให้ได้ ชีวิตต้องเจอเรื่องราวร้ายๆทุกคน
ผมหายใจเข้าลึกๆอยู่หน้าประตู ก่อนจะเปิดออกมาเผชิญความจริง ทุกคนพร้อมกันที่โต๊ะอาหาร ขาดแต่เจ้านายตัวน้อยที่ก้าวผ่านประตูมาหลังผมเพียงไม่กี่นาที
“พี่ฮั่น....ทิ้งสมายล์ไว้อย่างนั้นได้ยังไง” ดูเหมือนเจ้านายสาวคนไม่เห็นว่ามีคนอีกหลายคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น จึงแผดเสียงแหลมอย่างหัวเสีย นายผีดิบก้มหน้าไม่โต้ตอบ
“พี่ขอโทษครับคุณหนู พอดีมีธุระสำคัญต้องจัดการ แล้วบังเอิญมันดึกมากแล้วลยไม่ได้บอกคุณหนู” นายผีดิบบอกอย่างใจเย็น แต่คำที่สะดุดใจคือคำว่า “ธุระสำคัญ” หมายถึงเรางั้นเหรอ???... ไม่หรอก อย่าคิดเข้าข้างตัวเองอีกเลย ผมก้มหน้ามองมือตัวเองพยายามทำความคิดให้ว่างเปล่า
“อะไรมันจะสำคัญกว่าสมายล์...พี่ฮั่นทำเกินไปแล้ว” คุณหนูสมายล์ยังคงแผดเสียงซึ่งไม่น่ามองนักเมื่ออยู่ในชุดนักเรียน ผมเข้าใจแล้วว่าทำไม คนทั่วไปจึงเรียกเธอว่า “คุณหนูปิศาจ” ผมเพิ่งเห็นด้านนี้ของเธอชัดก็คราวนี้ ดูเหมือนเธอจะให้ความสำคัญกับนายผีดิบซะจนเกินกว่าจะเป็นเจ้านายกับลูกน้องทั่วๆไป เมื่อนึกแบบนี้ หัวใจก็สั่นๆ อึดอัดเหมือนกำลังหายใจไม่ออก
“บางทีพี่ก็ต้องการหลุดจากแรงกดดันบ้าง!!! ....ขอโทษนะ พี่รู้สึกไม่ค่อยสบาย ให้คนรถไปส่งที่โรงเรียนนะครับวันนี้” หลังจากระเบิดคำพูดออกมาอย่างที่ไม่มีคาดคิด ร่างสูงก็ก้าวฉับๆ เดินกลับไปทางห้องนอนส่วนตัว เจนจิรามีรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก ส่วนคุณหนูก็ยืนนิ่งราวกับรูปปั้น คงเพราะตกใจกับเสียงที่ดังและเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ของชายหนุ่มเต็มวัยคนนั้น
“คุณหนูคะ” เจนจิราทอดเสียงหวานราวกับเห็นอกเห็นใจยิ่งนัก ผมส่ายหน้าน้อยๆ กับความปากไม่ตรงกับใจของมนุษย์ แต่สิ่งที่ตอบแทนก็สาสมเช่นเดียวกัน เมื่อคุณหนูตวัดสายตาวาวอย่างไม่พอใจ ก่อนสะบัดหน้าเดินออกจากบ้านไป
HUNZ talk
ผมไม่เคยแม้แต่จะพูดจาเสียงดังกับคุณหนู แต่ครั้งนี้ผมทนไม่ไม่ไหวกับความกดดันที่กระแทกเข้ามาอย่างไม่ปราณี แค่การต้องห้ามใจตัวเองมันก็เหนื่อยพอแล้ว... ผมขอพักใจอยู่เงียบๆคนเดียวก่อนจะละทิ้งหัวใจตัวเองเพื่อก้าวเดินตามทางที่มีคุณหนูเป็นผู้ชักใยชีวิต
เสียงเปิดประตูตรงข้ามห้อง ทำให้ผมหลุดออกจากความคิดที่หมกมุ่นกับตัวเอง แค่เพียงผนังบางๆที่กั้นหัวใจเราทั้งสองไว้เอา ผมจะไม่ยอมให้เรื่องราวมันลุกลามใหญ่โต จนทำให้แกงส้มต้องเดือดร้อน ในเมื่อทุกอย่างมันเริ่มต้นที่ใจผม ก็ควรเป็นผมที่ต้องจบเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง
แกงส้ม....ขอบคุณที่เกิดมาเพื่อให้พี่ได้รัก ขอบคุณที่ทำคืนวันที่หม่นหมองกลับฟื้นมีชีวิตอีกครั้ง แค่ช่วงเวลาสั้นๆ พี่ก็จะจดจำมันไปจนวินาทีสุดท้ายของลมหายใจ จากนี้ไป...พี่จะไม่ทำตามหัวใจตัวเองอีกแล้ว ดูแลตัวเองให้ดีนะ พี่ไม่อาจจะกางปีกปกป้องอย่างที่ทำได้อีก.... พี่อาจจะทำให้แกงส้มต้องเสียใจเพราะความเมินเฉย แต่ฟ้าคงรับรู้ใช่มั้ยว่า.... ผมเจ็บปวดกับเรื่องราวเหล่านี้แค่ไหน หัวใจผมจะค่อยๆแตกสลายไปช้าๆ เพราะผมรู้ว่าสักวันแกงส้มคงเกลียดผม แต่นั้นมันก็ดีกว่า... ดีกว่าที่แกงส้มจะมารักคนอย่างผม ปล่อยให้พี่ตายในดินแดนที่อ้างว้างอย่างโดดเดี่ยวดีเสียกว่าจะดึงรั้งคนที่พี่รักสุดหัวใจตกลึกด่ำดิ่งในความรักที่หมดทางด้วยกัน....
ปล. ขอโทษที่อัพช้านะจ๊ะ แต่ทุกอย่างเริ่มเข้าที่แล้ว ยังไงก็จะพยายามอัพให้เร็วที่สุด แต่ที่แน่นอนคือจะทำให้ดี เพื่อให้รีดได้อ่านในสิ่งที่ดีๆที่สุดเท่าที่ความสามารถของไรต์จะให้ได้จ้า ^^ อย่าลืมเม้นเพื่อเป็นกำลังใจให้กันนะจ๊ะ
ความคิดเห็น