ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักร้าว ในเงามาร

    ลำดับตอนที่ #9 : Chepter8: คนเห็นแก่ตัว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.01K
      2
      7 ต.ค. 55


                   

    HUNZ talk

    ผมหลบในห้องหนึ่งวันเต็มๆ ซึ่งก็ไม่มีใครมารบกวนเพราะรู้ว่า... สภาวะอารมณ์ของผมมันไม่ปกติ หลังจากที่เสียงดังกับคุณหนู คงไม่มีอะไรที่ตัวผมจะทำไม่ได้อีกแล้ว ผมเดินไปที่ห้องของคุณหนูเคาะลงไปที่ประตู

    “เข้ามา...” น้ำเสียงนั้นห้วน บ่งบอกถึงความหัวเสียเล็กในน้ำเสียงหวาน ผมเปิดประตูเข้าช้าๆ คุณหนูเบิกตากว้างเมื่อมองเห็นผม ก่อนจะปราดตัวเข้ากอดผมไว้แน่น

    “พี่ฮั่น....” เสียงสั่นเทาทำให้ผมหยุดความคิดที่จะดึงร่างบางเล็กนั้นออกจากตัว ผมวางมือลงแผ่นหลังบางนั้นอย่างอ่อนโยน แต่ความคิดกลับล่องลอยไปหาครูสอนเปียโนหน้าหวาน หากในอ้อมกอดนี้เป็นแกงส้ม...ผมคงจะมีความสุขมากกว่านี้

    “สมายล์ขอโทษ...พี่ฮั่นอย่าโกรธสมายล์เลยนะ ต่อไปนี้สมายล์จะเชื่อฟังพี่ฮั่นทุกอย่าง” เสียงสะอื้นร่ำไห้ทำให้ผมต้องกระชับกอดคุณหนูไว้แน่น แต่สายตากลับกวาดมองไปรอบๆอย่างอ่อนแรง โลกทั้งลงก็สลายลงไปอีกครั้งเมื่อสายตาผมปะทะกับร่างสูงโปร่งยืนหน้าประตูห้องที่ผมเปิดทิ้งไว้ สายตานั้นดูผิดหวังระคนเสียใจก่อนสาวก้าวจะเดินออกไปจากสายตาผม ผมอยากจะถลาวิ่งตามร่างสูงนั้นไป... แต่ก็รู้ว่าไม่มีช่องว่างให้กับการทำตามใจตัวเองอีกแล้ว ในเมื่อชีวิตมันเลือกไม่ได้ผมก็จะน้อมรับไว้ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม แต่แกงส้ม...จะไม่มีวันต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้ ต้องมีความสุขนะ....หัวใจของพี่

     

    เข้าใจแล้ว.... เราควรจะรู้ตั้งนานแล้วนะ ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงมองไม่อออกนะ ความจริงผู้ชายคนนั้นเค้ามีเจ้าของแล้วต่างหาก ผมยิ้มเยาะในความโง่เขลาของตัวเองที่มีใจคิดหวั่นไหวไปตามการกระทำของคนๆนั้น ภาพทุกๆอย่างค่อยๆย้อนกลับมา รสจูบที่แสนหวานกลับกลายเป็นร่องรอยบาดแผลที่ซาตานรูปงามฝากเอาไว้ หัวใจผมเต้นแผ่วเบาราวจะขาดใจลงตรงนี้ ผมไม่อยากเสียใจ....เพราะการที่ผมต้องต้องเจ็บปวดเพราะเรื่องแบบนี้ มันหมายความว่า ผม...อ่อนไหวจนถึงจุดไม่น่าให้อภัย ไม่อีกแล้วจากนี้ไป ผมจะไม่มีน้ำตาให้กับความรูสึกบ้าๆ แบบนั้นอีก

    “อ้าว....ครูมายืนที่นี่ทำไม ไปรอที่โต๊ะได้แล้ว” ป้านวลร้องมาจากด้านหลัง ผมรีบปาดน้ำตาเพื่อไม่ให้ป้านวลเห็น

    “แล้วทำไมหน้าแดงๆ ไม่สบายรึเปล่า....” ป้านวลตีความใบหน้าที่แดงจากการ้องไห้เป็นอย่างอื่น พร้อมแสดงความห่วงใย ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

    “ไม่ครับ....แค่เพลียๆ” ผมตอบพร้อมฝืนส่งยิ้มกลับไป แต่ป้านวลขมวดคิ้วมองอย่างครุ่นคิด

    “ป้าขอโทษนะ...ที่เมื่อก่อนป้ามองคุณครูผิดไป ขอบคุณที่ช่วยป้านะ” ป้านวลพูดออกมาในที่สุด ผมยิ้มรับอย่างเข้าใจ แต่ตอนนี้ผมเหนื่อยจริงๆ แค่อยู่นิ่งมันก็เหมือนพลังงานหายวับไปจากร่างกาย ผมแค่อยากพักผ่อน... อยากออกไปจากที่ตรงนี้สักครู่

    “ป้าครับ....ถ้าวันจะลาออกไปข้างนอกวันนี้ ผมต้องไปบอกใครครับ”

    “คุณฮั่นจ๊ะ---คุณฮั่นดูแลทุกอย่างในบ้านหลังนี้” คำตอบนั้นทำเอาผมหัวใจหล่นวูบ หากจะหนีคนๆนั้น ผมก็ต้องไปบอกคนที่ผมต้องการจะหนีเหรอ??? ทำไมทุกอย่างในชีวิตผมถึงต้องดึงดูดไปหาคนๆนั้นด้วยนะ หรือว่าฟ้าจงใจจะแกล้งผมกันแน่...

    ผมไม่ไปทานอาหารเช้า โดยให้เหตุผลว่าไม่ค่อยหิว ทั้งที่ท้องเรียกร้องอาหารดังครืดคราด แต่ผมยอมกระเพาะทะลุ ดีกว่าต้องไปนั่งปั้นหน้านั่งร่วมโต๊ะกับคนที่ผมไม่อยากมองหน้า ยิ่งได้เห็นภาพนั้น...มันยิ่งเจ็บในใจลึกๆ เค้ารักกันมาตั้งเท่าไหร่... เรามันก็แค่ของเล่นที่ทำให้เค้าสนุกไปวันๆ เท่านั้น!!!

    พอสายๆ วันหายใจลึกๆ ก่อนที่เคาะประตูห้องทำงานที่มีประตูโออ่าสมฐานะ คน “รู้ใจ” ของเด็กสาวผู้มีสมบัติล้นฟ้ามหาศาล ผมแอบสมเพชตัวเองอยู่ในใจที่คิดแขวะคู่รักคู่นี้...

    “เข้ามาได้” เสียงทุ้มร้องออกมาอย่างราบเรียบ ผมบิดลูกบิดเปิดเข้าไปช้าๆ สายตาคมเข้มตวัดมอง มือที่เซ็นเอกสารชะงักไปเพียงเสี้ยวนาที ก่อนร่างสูงจะก้มหน้าที่เอกสารบนโต๊ะ ผมรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกที่ลำคอกับการกระทำที่เฉยเมินนั้น

    “มีอะไร” น้ำเสียงเย็นชายิ่งตอกย้ำถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ในเมื่อเค้าไม่แม้แต่ที่จะมองหน้าผมแล้วหัวใจผมจะไปแยแสเค้าทำไม ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จซะ เมื่อได้ครบสามเดือน...ทุกอย่างก็จบลงแล้ว อดทนไว้นะ...แกงส้ม

    “ผมจะขอออกไปข้างนอก” ผมจึงร้องบอกออกไปอย่างเฉยชาเช่นเดียวกัน

    “จะกลับมาค้างที่นี่รึเปล่า???” ใบหน้าหล่อสมบูรณ์แบบดูไม่ยินดียินร้ายกับผมที่ยืนอยู่ตรงหน้าสักนิด

    “กลับแต่คงดึกหน่อย” ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าจะไปไหน...แต่ผมก็บอกออกไปแบบนั้น มันคือการเรียกร้องความสนใจใช่มั้ย??? แต่เปล่าประโยชน์ร่างนั้นไม่ได้สะท้านกับคำพูดของเราเลยสักนิด

    “ได้----แล้วชั้นจะสั่งยามรอเปิดประตูให้” คำพูดนั้นเป็นเหมือนคำตอบรับและการส่งสัญญาณว่าให้ออกจากห้องไปได้แล้ว ผมอยากจะเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อเชิ้ตตัวงามที่ถูกรีดเป็นอย่างดีนั้นแล้วกระแทกหมัดลงบนใบหน้าหล่อใสนั้นให้สมกับความแค้นที่พลุ่งพล่านอยู่ในอก การกระทำของเค้าทำให้ผมรู้สึกตัวเองไม่มีค่าเลยสักนิด ผมแค่อยากจะถามเค้าว่าที่ทำกับผมแบบนั้นเพราะอะไร ผมทำอะไรผิดนักหนาถึงมาทำร้ายกันแบบนี้ ถึงผมจะไม่รวยล้นฟ้าเหมือนคนรักของเค้าแต่ผมก็มีหัวใจ...หัวใจที่เจ็บปวดเป็นไม่ต่างกัน แต่ผมก็เลือกที่จะเดินออกมาเงียบๆ อย่างพ่ายแพ้....

     

    HUNZ talk

    ผมมองนาฬิกาสลับการชะเง้อมองหน้าต่างที่มองเห็นทางเดินยาวตรงสู่ตัวบ้าน นี่มันก็สี่ทุ่มกว่าแล้วนะ ทำไมแกงส้มยังไม่กลับมาอีก รู้แบบนี้ผมจะไม่ยอมให้แกงส้มออกไปเป็นอันขาด... แต่ก็นั่นแหละ ผมมีสิทธิ์อะไรไปก้าวก่ายชีวิตของแกงส้ม ในเมื่อผมเลือกที่จะทำตัวทำร้ายแกงส้มแบบนั้น เพียงแค่การสนทนาสั้นๆของเราสองคนเมื่อเช้า ผมสัมผัสถึงความเจ็บปวดลึกๆของแกงส้ม.... แต่แกงส้มจะรู้บ้างมั้ยว่า...หัวใจผมมันแทบจะไม่เหลือชิ้นดี ทั้งที่อยากเข้าไปกอดเพื่อปลอบใจในความช้ำแต่ที่ผมทำคือการตอกย้ำความเจ็บปวดในหัวใจของเด็กหนุ่มไร้เดียงสาที่อยู่ตรงหน้า ความรัก...ช่างไม่ปราณีหัวใจใครเลยจริงๆ ผมตัดสินใจหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะต่อสายไปหาแกงส้ม เพราะทนไม่ไหวความเป็นห่วงมันล้นอกจนแทบหายใจไม่ออก

    “ฮัลโหล...” เสียงทุ้มหวานที่รับสายหลังจากรอนานจนคิดว่าแกงส้มจะไม่กดรับซะแล้ว

    “นี่---นายอยู่ที่ไหนเนี่ย” ผมรีบถามจนกลายเป็นเหมือนตะคอก เพราะได้ยินเสียงโหวกเหวกเหมือนอยู่ในร้านอะไรสักอย่าง ผมรู้สึกหัวใจร้อนรนขึ้นมาในทันใด

    “วันนี้ผมไม่กลับ...คุณไม่ต้องรอ” เสียงราบเรียบนั้นทำกระแทกความรู้สึกผมเป็นที่สุด

    “แก้วไอ่แกงจะหมดแล้ว เติมๆๆ” เสียงใครสักคนลอยเข้ามาในโทรศัพท์ แค่นั้นผมก็รู้ทันทีว่าแกงส้มอยู่ในร้านประเภทไหน ยิ่งทำให้ผมนั่งไม่ติด หัวใจร้อนรนราวกับตกอยู่ในกองเพลิง

    “นายกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ----โธ่เว้ย....บอกมาว่าอยู่ที่ไหนชั้นจะไปรับเอง” ผมหัวเสียขึ้นมาทันที ผมไม่อยากให้แกงส้มเข้าใกล้ใคร ยิ่งเวลาเมามันยิ่งอันตราย ใบหน้าไร้เดียงสากับประวัติดีเยี่ยมมันบ่งบอกว่าระดับในการเข้าสังคมกลางคืนเป็นอย่างดี แกงส้มก็คือ “ลูกกวาง” ที่หลงเข้าไปในฝูงหมาป่าดีๆนี่เอง

    “นี่มันไม่ใช่เวลางาน...กรุณาให้เกียรติเคารพสิทธิส่วนบุคคลด้วย” น้ำเสียงไม่พอใจนั้นตวัดห้วน ผมอยากจะหายตัวไปลากตัวเด็กดื้อคนนี้กลับมาซะให้รู้แล้วรู้รอด

    “พรุ่งนี้คุณหนูจะเรียนเปียโน...นายควรจะมากลับเตรียมตัว” ผมยกเรื่องงานเอามาอ้าง

    “กว่าคุณหนูของคุณจะกลับมาจากโรงเรียนก็เย็นแล้ว... ผมสามารถรับผิดชอบตัวเองได้ คุณไม่ต้องเสียเวลามาห่วงเรื่องงานของผมหรอก” น้ำเสียงกระด้างหากแต่มีความน้อยใจปะปนออกมาไม่น้อยของแกงส้ม มันทำให้ผมแทบบ้า.... พี่เป็นห่วงเราต่างหากแกงส้ม อย่าทำให้พี่เหมือนคนบ้าแบบนี้เลย

    “อยู่ที่ไหน---บอกชั้นมาเดี๋ยวนี้นะ” ผมโวยวายอย่างสุดทน แต่สายก็ถูกตัดไป ผมโทรกลับก็ไม่สามารถติดต่อได้ ความร้อนใจแผดเผาอารมณ์ขึ้นอย่างทวีคูณ ผมเดินกระวนกระวายอยู่ในห้อง และสุดท้ายก็ตัดสินกดเบอร์ฉุกเฉิน

    “พี่...นี่ผมฮั่นเองนะ” ผมแนะนำตัวก่อนบอกจุดประสงค์ในการโทรไปกลางดึก

    “เออว่าไง---มีเรื่องร้อนอีกแล้วละสิ” เสียงนั้นตอบกลับมาอย่างรู้ใจ

    “พี่ช่วยตามหาคนหนึ่งคนให้ผมหน่อย” ผมบอกออกไปช้าๆ

    “ได้---ส่งรูปมาเลย แล้วด่วนแค่ไหน”

    “ที่สุด---ภายในสองชั่วโมง” ว่าแล้วผมก็กดส่งรูปแกงส้มไปทันที ก่อนวางสายไป ถึงจะรู้ดีว่าผมจะได้ในสิ่งที่ผมสั่งการไป แต่ความร้อนใจก็ยังไม่หายไปสักที ทั้งโมโหตัวเองที่ปล่อยให้แกงส้มออกไปแบบนั้น ยิ่งได้ยินว่าไม่กลับผมยิ่งร้อนรนเหมือนคนบ้า ทั้งโกรธตัวเองที่ไม่ยอมปล่อยวางหัวใจตัวเองสักที...อยากปล่อยให้แกงส้มโบยบินตามทาง แต่สิ่งที่ผมทำมันตรงกันข้าม ผมไม่อาจจะปล่อยมือจากแกงส้มได้จริงๆ!!!

    ผมขับรถออกไปกลางดึกโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ความใส่ใจทั้งหมดเพ่งตรงไปที่แกงส้ม... คิดอะไรอยู่นะถึงทำแบบนี้ลงไป แล้วพี่จะเลิกรักเราได้ยังไงกันถ้าจิตใจต้องมาพะว้าพะวังกับเราแบบนี้ ผมจอดรถในร้านเหล้าแบบเปิดโล่ง เสียงดนตรีสดดังจากไกล ผมสาวก้าวออกจากรถตรงดิ่งไปในร้านทันที เมื่อเข้าไปในร้านผมกวาดสายตามองหาร่างสูงโปร่งที่ทำให้ผมร้อนใจ และผมก็เห็นแกงส้มนั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่มุมร้าน แกงส้มตวัดสายตาหันมาเห็นผมเช่นเดียวกัน แกงส้มลุกขึ้นเดินหนี ร่างสูงนั้นเซน้อยๆแต่พอประคองร่างตัวเองไปได้ ผมรีบสาวก้าวอย่างรีบเร่งตามแกงส้มไปทันที แกงส้มเดินเร็วๆ ออกจากตัวร้านไปทางห้องน้ำที่แยกออกมาโดยต้องเดินผ่านสวนขนาดใหญ่ ผมถลาตัวไปคว้าแขนแกงส้มไว้ แกงส้มพยายามสะบัดออก สายตาไม่พอใจฉายวาบจากตาคู่สวยคู่นั้น

    “เดินหนีชั้นทำไม” ไม่รู้ว่าความเกรี้ยวกราดมาจากไหน ผมถึงพูดเสียงดังกับร่างสูงโปร่งนั้น

    “เรื่องของผม คุณอย่ามายุ่งกับผม” ถึงแม้น้ำเสียงจะไม่อ้อแอ้แต่ผมก็รู้ว่าแกงส้มเมาไม่น้อยเลย

    “กลับบ้านได้แล้ว” ผมอ่อนเสียงลง เมื่อเห็นว่าแกงส้มคงไม่ยอมง่ายๆหากผมพูดด้วยอารมณ์ แต่แกงส้มส่ายหน้าซ้ำๆ  พยายามจะดิ้นรนออกห่างจากผม ผมจึงรวบร่างนั้นไว้แนบอก อีกแล้ว....ที่ควบคุมหัวใจตัวเองไม่ได้

    “ปล่อย...ผมบอกให้ปล่อยไง คุณกลับไปคนรักของคุณเลยไป---ปล่อย....” แกงส้มร้องไห้ออกมา มือก็ปัดแขนผมที่โอบรัดไว้แน่น แต่ไม่มีทาง...ผมจะไม่ปล่อยแกงส้มในยามที่แกงส้มมีน้ำตาเป็นอันขาด

    “อย่ามาทำแบบนี้กับผมนะ---คุณมันคนใจร้าย คุณมันเห็นแก่ตัว” ถึงแม้ถ้อยคำที่พรั่งพรูออกมาจากปากจะเป็นการตัดพ้อต่อว่า แต่มันไม่ได้ทำให้ผมนึกโกรธเลยแม้แต่น้อย... คนอย่างผม แค่นี้มันยังไม่สาสมกับสิ่งที่ผมทำ คนขี้ขลาดไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง ได้แต่หลบภายใต้หน้ากากแห่งความเย็นชา จนทำร้ายคนที่ผมรักอย่างไม่น่าให้อภัย

    “ด่าพี่เลย...เอาให้สะใจ แต่อยากให้รู้ไว้อย่าง....หัวใจพี่มันเจ็บไปหมดแล้ว” ผมพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา ไม่รู้ว่าร่างที่อยู่ในอ้อมอกจะได้ยินหรือไม่ น้ำตาผมไหลออกมาช้าๆ ผมเจ็บ...ที่ต้องทำแบบนี้ ไม่ว่าทางไหนมันจะเจ็บปวดทั้งนั้น แต่อย่าให้แกงส้มต้องทรมานเลย ผมขอรับมันไว้เอง....ความเจ็บปวดทั้งหมดให้มาลงที่ผม ผมจูบลงไปที่ซอกคอหอมกรุ่นอย่างแผ่วเบา แกงส้มนิ่งลงและดูเหมือนว่าจะรับรู้สัมผัสที่ผมส่งผ่านความรักไปตามริมฝีปากนั้น ผมดันร่างสูงโปร่งเข้าไปอยู่ในมุมลับในสวน หลังแกงส้มพิงกับต้นไม้ใหญ่ ผมเบียดร่างให้แนบกับแกงส้มด้วยความโหยหา ซอกคอหอมหวานทำให้ผมไม่อาจตัดใจยกริมฝีปากขึ้นได้ กลิ่นแอลกอฮอล์บางๆผสมกับน้ำหอมกลิ่นประจำตัวแกงส้มช่างเย้ายวนอย่างน่าประหลาด ผมสอดมือเข้าไปในเสื้อไล้ไปตามร่างกายท่อนบนของแกงส้ม เสียงครางในลำคอของแกงส้มดังกว่าที่เคย คงเพราะฤทธิ์ของน้ำเมาที่ทำให้ร่างกายตอบสนองได้เร่าร้อนยิ่งกว่าเคย ผมลากริมฝีปากมาหยุดลงที่เรียวปากอิ่มน่าสัมผัส แกงส้มขบริมฝีปากผมเบาๆ เป็นครั้งแรกที่แกงส้มรุกล้ำเข้าไปสัมผัสเรียวลิ้นของผม ผมตื่นตัวเต็มที่ เบียดท่อนขาบนร่างแกงส้มอย่างมีความหมาย และดูเหมือนแกงส้มจะเปิดรับการกระทำนั้นอย่างเต็มใจ จังหวะจูบเร่าร้อนและรุนแรงกว่าที่ผ่านมา ผมถอนริมฝีปากและซุกไซร้ไปตามเสื้อที่ผมปลดกระดุมไปทีละเม็ด ผมโน้มขบหวังสร้างความเป็นเจ้าของที่กลางอกแกงส้ม สายตาผมพร่ามัวไปหมด ผมแค่ต้องการแกงส้ม...อยากจะเป็นทุกๆอย่างของร่างสูงโปร่งที่หลับตาพริ้มเย้ายวนอยู่ตรงหน้า เสียงครางครวญจากแกงส้มมันกระตุ้นความโหยหาให้มากยิ่งทวีคูณ ผม...อยากเป็นคนๆนั้น คนที่เป็นเจ้าของแกงส้มทั้งหัวใจและร่างกาย ผมนั่งลงตรงหน้าค่อยปลดเข็มขัดแกงส้มอย่างช้า แกงส้มก้มมองอย่างเขินอายแต่ตาหวานเยิ้มคู่นั้น...ส่งบอกความต้องการว่าเราทั้งสอง....กระหายรสรักที่มากกว่าตอนนี้ 

    แต่...เมื่อมือถือผมดังขึ้นทุกอย่างก็ดับวูบลงทันที ผมล้วงมือถือออกจากกระเป๋ากางเกง “คุณหนู” คือชื่อที่แสดงบนหน้าจอ ผมเลือกที่จะไม่รับ....ถึงแม้จะรู้ว่าทุกอย่างมันพังหมดแล้ว แกงส้มจัดการเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่เรียบร้อย น้ำตาไหลออกมาช้าๆ ผมเอื้อมมือเพื่อที่จะขจัดร่องรอยความเสียใจออกจากใบหน้าอ่อนหวานอันเป็นที่รัก แต่แกงส้มปัดมือผมก่อนจะเดินจากไปทันที ผมได้แต่มองร่างสูงที่ห่างไปอย่างหมดหวัง ผมทำทุกอย่างให้มันแย่ลง.... แกงส้ม พี่ขอโทษ.... ผมควรจะหักห้ามใจจากความต้องการของตัวเอง ผมไม่ไหวแล้ว....ร่างกายหมดแรงจนสิ้น ผมทรุดตัวพิงกับต้นไม้ร้องไห้ออกมาหมดท่า มันพังหมด....ด้วยน้ำมือผมเพียงคนเดียว ทั้งหัวใจของผมและหัวใจแกงส้มมันร้าวรานไปพร้อมๆกัน เจ็บเหมือนๆกันแต่ไม่มีทางที่จะเข้าใจกัน ทุกอย่างในหัวใจของผมเป็นของแกงส้มคนเดียวเท่านั้น แต่จะมีมั้ย???... วันที่แกงส้มจะได้รับรู้ ว่าสิ่งที่พี่ต้องทำมันไม่ใช่สิ่งที่หัวใจพี่ต้องการ หวังว่าสักวันก่อนหมดลมหายใจ สักครั้งที่พี่จะได้กระซิบบอกคำว่า “รัก” ข้างๆหู คนที่พี่แสนรัก....รักจนหมดทั้งหัวใจ

     

    ปล. อย่าใจร้อนกันนักนะ เดี๋ยวอะไรๆก็ดีขึ้นเอง (มั้ง) ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะจ๊ะ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้กันด้วยการเม้นเยอะๆ ต่อไปนะจ๊ะ ^^ เค้ารอพวกตัวเองอยู่น้า55555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×