ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ล่าสมบัติบรรพกาล

    ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ -- ทางเรือที่สาบสูญ (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 75
      0
      23 เม.ย. 56

     

    ผืนน้ำแหวกเป็นทางด้วยสันหัวเรือที่กรีดผ่า ฟองขาวละเอียดไหลขนาบข้างตัวเรือ ม้วนลูกคลื่นเป็นเกลียวเล็กๆ ไปทางเบื้องหลังก่อนสลายตัวทิ้งหายไปกับท้องทะเล

                “ได้ข่าวไม่ค่อยสู้ดีนักที่โอเดียนี่ปินตู” ชายผู้เป็นหัวหน้าคณะนักแสวงบุญของเรือลำนี้เอ่ยถามด้วยภาษาสเปนน้ำเสียงแข็งๆ ชื่อของเขาคือฟรานซิส ซาเวียร์ ใบหน้านั้นกร้านแดดลมแต่ยังเห็นแววของสีผิวที่ขาวอย่างชาวยุโรป ภายใต้หนวดเคราที่ครึมเข้ม บุคลิกนั้นกลับอ่อนโยนกว่าที่เห็น คนผู้นี้มีภารกิจในการเดินทางจากยุโรปมายังดินแดนไกล เพื่อเผยแพร่คำสั่งสอนเกี่ยวกับพระเจ้า สำรวจดินแดนใหม่ๆ หาทรัพยากรอันมีค่าและติดต่อการค้าขายกับประเทศทั้งหลายที่ค้นพบ และเหนืออื่นใดนอกไปจากภารกิจ คนผู้นี่หาได้ต่างจากปินตูไม่ นั่นคือความทะยานอยากในการผจญภัยและสร้างชื่อไว้ในประวัติศาสตร์

                “ใช่แล้วล่ะซาวี่” ปินตูตอบ เขาเรียกซาเวียร์ด้วยชื่อเล่นนี้เสมอนับตั้งแต่ได้รู้จักกันที่มะละกา และร่วมผจญภัยเดินทางไปจนถึงญี่ปุ่นด้วยกัน สองคนนี้สนิทสนมจนถึงขั้นซาเวียร์เอ่ยปากหยิบยืมเงินทองจากปินตูไปจำนวนไม่น้อยอยู่ครั้งหนึ่ง ซาเวียร์บอกว่าเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับงานสำคัญชิ้นหนึ่ง

                “ข้าได้ข่าวว่าทางราชินีลอบปลงพระชนม์องค์กษัตริย์ จริงหรืออย่างไร?” ซาเวียร์ถาม

                “เท่าที่ทางวังในบอกมาเห็นว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น”

                “กษัติย์ไชยราชานั้นอ่อนแอยิ่งนัก สวมควรแล้วล่ะ แต่การที่จะนำพาสยามให้ผ่านพ้นวิกฤติสงครามหลังจากนี้ท่าทางจะยาก ข้าได้ข่าวว่ากองทัพพะโคนั้นแข็งแกร่ง มีทัพกำลังพล กองทัพช้างและม้า แล้วก็มีอาวุธปืนที่มีอานุภาพมาก” ซาเวียร์ให้ความเห็น ซึ่งในมุมมองของปินตูนั้นมันถูกต้องเกือบทั้งหมด เว้นแต่เรื่องอาวุธปืนเท่านั้นที่เขาไม่แน่ใจว่าจริงหรือไม่ เพราะข่าวที่แว่วมาคือมีกองทหารฮอลันดากับอังกฤษเข้าไปดำเนินการบางอย่างในเรื่องนี้

                “แต่กองทัพสยามก็มีกองพันปืนที่ได้รับความร่วมมือจากโปรตุเกสไม่ใช่เหรอ?” ซาเวียร์พูดโดยแอบจงใจว่ากระทบคนที่คุยด้วยหรือเปล่าก็ไม่อาจจะรู้

                “อาวุธนั้นต่อให้ดีแต่ไม่มีผู้ควบคุมที่ใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ มันก็ไม่มีค่าอันใดหรอกนะซาวี่” ปินตูตอบอย่างถ่อมตัว

                ขณะที่บทสนทนาระหว่างสองนักแสวงบุญดำเนินไปเรื่อยๆ ตัวเรือก็แล่นอย่างสม่ำเสมอห่างจากฝั่งแผ่นดินในระยะไม่ไกลมากนัก ตามคำสั่งของซาเวียร์ผู้เป็นหัวหน้าเรือ มุ่งหน้าทิศตะวันออกเฉียงใต้สู่ทะเลโคชิน

                บนแนวแผ่นดินไกลลิบตา สายตาหนึ่งจับจ้องธงเรือผืนใหญ่ของซาเวียร์ผ่านกล้องส่องทางไกลตาเดียว ชายผู้นี้แสยะยิ้มเห็นฟันเขี้ยวสีทองตัดกันอย่างมากมายกับซี่ฟันเหลืองคล้ำข้างๆ มุมปากของเขามีรอยบาดแผลกรีดยาวไปทางใบหูเป็นร่องลึก เขาหันไปพยักหน้าเป็นสัญญาณกับชายแก่หน้าตาเหี้ยมคนหนึ่ง ชายคนนั้นยกกระจกเงาแผ่นเล็กๆ ขึ้นสะท้อนแสงตะวัน กระจกนั้นส่องแสงวับวาวที่เมื่อขยับข้อมือเล็กน้อย ใช่—มันคือสัญญาณบอกรหัสอย่างใดอย่างหนึ่ง

                ชั่วครู่เดียวเรือของซาเวียร์ก็จอดทอดสมอ ท่ามกลางความสงสัยของปินตูและคนเรืออีกไม่น้อย เด็กกลาสีเรือปีนเสากระโดงขึ้นไปอย่างคล่องแคล่วอย่างกับไต่อยู่บนพื้น เจ้าหนูนั่นปลดใบเรือลงหนึ่งชุดจากสามชุดใบที่ใช้ อีกสองชุดใบถูกสาวเชือกรั้งขึ้นไปไม่ให้รับลม เรือหยุดนิ่งสนิทและยอดกระโดงถูกชักธงขนาดเล็กสีเขียวขึ้นไป

    เกิดอะไรขึ้น?

    ไม่ทันที่ความแปลกใจจะแปลกเปลี่ยนไป ปินตูก็พบว่ามีคนตะโกนบอกการปรากฏตัวของเรือใบอย่างสำเภาจีนลำหนึ่งแล่นเข้ามาในระยะสายตา ก่อนที่จะเกิดการแตกตื่นโกลาหลหย่อมๆ ขึ้น หัวหน้าคนงานในแต่ละส่วนของเรือได้ควบคุมคนของตนไว้ในความสงบ

    “เกิดอะไรขึ้นหรือซาวี่?” ปินตูถามด้วยอยากรู้สถานการณ์

    “ข้ามีธุรกิจนิดหน่อยที่นี่ รอก่อนแล้วกันเดี๋ยวข้าจะเล่าแก่ท่านในภายหลัง เรื่องนี้เรายังมีเวลาคุยกันอีกนาน” ซาเวียร์ยิ่งตอบยิ่งทำให้ปินตูสงสัย

    เรือลำนั้นลอยลำนิ่งอยู่ห่างไปในระยะพายเรือไม่กี่อึดใจ เป็นซาเวียร์ที่ลงเรือลำเล็กพร้อมลูกน้องเรือเป็นฝีพายอีกสามคนไปกับเขาด้วย ปินตูเกาะกาบเรือพิจารณาเรือลำนู้นอย่างครุ่นคิด เขาเห็นลักษณะของเรือแล้วไม่ผิดแผกไปจากเรือของพวกฮอลันดา แต่ตอนนี้ฮอลันดากับสเปนแทบจะเห็นกันในทะเลไม่ได้ ต้องเกิดการยิงปะทะกันเสียทุกครั้งไป ดังนั้นการนี้ของฟรานซิส ซาเวียร์กับผู้บังคับการเรือฮอลันดานั่นย่อมไม่ใช่เรื่องปกติวิสัย

    ฟรานซิส ซาเวียร์ย้อนกลับมาที่เรืออีกครั้งหลังผ่านไปราวสี่ชั่วโมง ใบหน้าของเขาดูขึงเครียด พร้อมกับไม่พูดไม่จาอะไรเลย แม้แต่กับลูกน้องสนิทผู้เป็นเหมือนมือขวาและมือซ้ายของเขา กลับมาถึงเรือได้ก็รี่ตรงไปห้องพักของตัวเอง

    สิบนาทีหรือนานกว่านั้น ปินตูเห็นเจ้าลูกน้องคนหนึ่งวิ่งเหยาะๆไปที่หน้าห้องนั้น มันพยักหน้าหงึกหงักแล้วก็ถลาแล่นมาหาเขา

    “ท่านปินตู นายท่านซาเวียร์เชิญท่านให้ปรึกษาหารือที่ห้อง” เจ้าลูกน้องคนนั้นบอก

    ..........๑๑..........

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×