[แฟนฟิควันเด็ก มอมเมาเยาวชน]- เด็กหญิงไม้ใกล้ฝั่ง - - [แฟนฟิควันเด็ก มอมเมาเยาวชน]- เด็กหญิงไม้ใกล้ฝั่ง - นิยาย [แฟนฟิควันเด็ก มอมเมาเยาวชน]- เด็กหญิงไม้ใกล้ฝั่ง - : Dek-D.com - Writer

    [แฟนฟิควันเด็ก มอมเมาเยาวชน]- เด็กหญิงไม้ใกล้ฝั่ง -

    แฟนฟิคเรื่องนี้ผมได้แรงบัลดาลใจมาจาก "เบนจามิน บัตตัน" ซึ่งแต่งโดยหยิบเอา คาแรคเตอร์ของเรื่อง มาดัดแปลงใส่ใน เหตุการณ์วันเด็กของบ้านเราครับ ผิดพลาดอย่างไรขออภัยไว้ ณ ที่นี้

    ผู้เข้าชมรวม

    747

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    747

    ความคิดเห็น


    14

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ม.ค. 53 / 01:55 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
     ตั้งแต่เมื่อท่านยังเด็กและเติบโตมาจนถึงปัจจุปัน คงจะมีหลายๆคนถาม

    พวกท่านว่า โตขึ้นอยากจะเป็นอะไร , มีความฝันอย่างไร จนเวลาเลย

    ผ่านเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ท่านก็คงยังจะเจอคำถามแบบเดิมๆอีกว่า หากกลับ

    ไปเป็นเด็กได้อีกครั้งหนึ่ง ท่านจะกลับไปแก้ไขสิ่งใดในอดีต?

    ข้าพเจ้าคิดว่าคำถามเหล่านี้คงไม่มีผลแน่หากท่านมีชีวิตในวัยเด็กที่

    เหมือนกับตัวละครที่ผมกำลังจะถ่ายทอดออกมา  ชีวิตของท่านจะเป็น

    อย่างไรเมื่อ " ท่านเกิดมาแล้วอายุของท่าน กำลังเดินถอยหลัง "
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                                แฟนฟิคมอมเมาเยาวชนเรื่อง

                         ยายน้อย เด็กหญิงไม้ใกล้ฝั่ง

                         [ให้เสียงภาษาไทยโดย พันธมิตร]

       

       

       

      เช้าตรู่วันหนึ่งภายในพื้นที่ด้านนอกของทำเนียบรัฐบาล  มันเป็นเช้าที่อากาศดีมากที่สุดนับตั้งแต่เข้าสู่ศักราชใหม่

      เจ้าหน้าที่ที่ควรจะหยุดพักผ่อนในช่วงวันหยุด   กลับออกจากบ้านของตนเดินทางมายังทำเนียบ

       

      เพื่อที่จะเตรียมงานอะไรบางอย่าง ทุกคนเมื่อมาถึงก็ต่างลงมือทำงานหน้าที่ของตนโดยไม่ปล่อยให้เวลาอันมีค่าผ่านไปแข่งกับแสงแดดที่เริ่มส่องแสงแรงขึ้น  จนแทบจะขับไล่ความรู้สึกเย็นสบาย ของอากาศวันหยุดยามเช้าในเมืองกรุงไปเสียจนเกือบหมดสิ้น

       

       

            อาคารรับรองภายนอกของทำเนียบรัฐบาล ถูกแตกแต่งประดับประดาไปด้วยริบบิ้นสีสันต่างๆ ลูกโป่งหลายหลากสีนับสิบใบถูกนำมัดรวมกันจนใหญ่ราวกับบอลลูนขนาดยักษ์

       

      มีเวทีขนาดเล็กถูกสร้างขึ้นมาอย่างชั่วคราว ฉากหลังของเวทีเป็นภาพวาดตัวการ์ตูนหลากหลายตัวละคร พร้อมแต่งแต้มด้วยสีสันจนเป็นที่สวยสะดุดตา    หากใครทำงานของตนเสร็จ ก็จะรีบไปช่วยงานของคนอื่นในทันที

       

       เจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งกำลังช่วยกันลำเลียงขนม และเครื่องดื่มจำนวนมากออกมาจากท้ายรถขนส่ง

      ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งก็กำลังขะมักเขม้น กับการตกแต่งบริเวณทางเข้าของอาคารับรองภายนอก

       

       

         หากถ้าพวกท่านมองทำเนียบรัฐบาลในขณะนี้จากทางด้านนอก สภาพอาคารเก่าแก่ที่ผ่านแดดฝนมานานหลายสิบปี กลับถูกเนรมิตขึ้นใหม่   ให้เป็นเหมือนกับปราสาทที่สวยงามอย่างในนิยายแฟนตาซี ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของเจ้าหน้าที่ทุกๆคน

       

       

      วันนี้ไม่มีข่าวใหญ่เรื่องการเมือง ไม่มีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ไม่มีการปฏิวัติ ไม่มีการรัฐประหาร หรือไม่มีแม้กระทั่งการกลับมาของผู้ที่เคยมีอำนาจเมื่อครั้งก่อน

       

      แปดนาฬิกาเศษ ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ ต่างหลั่งไหลกันมายังหน้าทำเนียบรัฐบาลจนแน่นขนัด  มีทั้งสื่อจากต่างประเทศในประเทศ บุคคลที่มีตำแหน่งสำคัญต่างๆ ดารา นักร้อง    ตลอดไปจน นักท่องเที่ยวอีกจำนวนมาก

       

      ทุกคนกำลังรอการมาของนายกรัฐมนตรีด้วยความใจจดใจจ่อ  ในขณะนี้บรรดาเหล่านักข่าว ต่างแยกย้ายกันเพื่อทำหน้าที่รายงานเหตุการณ์อยู่ทั่วบริเวณงาน  ให้ท่านผู้ชมทางบ้านที่ไม่มีโอกาสได้เดินทางมาเยือนยังทำเนียบแห่งนี้ได้มีส่วนรวมกับงานสำคัญงานแรกของปีนั่นคือ " งานวันเด็กแห่งชาติ "

       

      ไม่นานนักรถประจำตำแหน่งของนายกฯก็แล่นผ่านเข้ามาในหน้าบริเวณงาน เมื่อลงมาจากรถ นายกฯไม่ยอมให้เสียเวลาเลยสักนิด แม้กระทั่งจะหันไปดื่มนํ้าเพื่อดับกระหาย  ท่านเดินมุ่งมายังหน้าปรัมพิธี พร้อมกล่าวทักทายกับประชาชนทุกคนที่มารอท่านมาเกือบค่อนชั่วโมง

       

       หลังกล่าวเปิดงาน ท่านนายกได้หยิบยกเอาประเด็นความสำคัญของเยาวชนว่า เราต้องผลักดันให้เป็นวาระของชาติ ตลอดจนต้องหยิบยื่นโอกาสในการศึกษาให้เท่าเทียมและทั่วถึงทั้งประเทศ

       

        เมื่อเวลาผ่านไปจนกระทั่งนายกฯกล่าวจบ  ต่อมาก็จะเป็นช่วงที่เรียกได้ว่าเป็น "ไฮไลท์"ของงาน  อย่างที่เข้าใจครับท่านผู้อ่าน นั่นคือการที่ตัวแทนเยาวชนในส่วนต่างๆ จะได้รับอนุญาตให้สัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีแบบตัวต่อตัว

       

       ตัวแทนเยาวชนจากภาคส่วนต่างๆ ถูกเรียกขึ้นมาทีละคน  บ้างก็มาจากโรงเรียนชั้นนำ บ้างก็เป็นนักกีฬาที่ทำชื่อเสียงให้ประเทศ เด็กบางคนถึงกับอายหน้าแดง ลืมบทสัมภาษณ์ที่ท่องมาอย่างดีเพื่อสัมภาษณ์นายก

       

      แต่ที่เป็นสีสันที่สุดก็คงจะเป็นเยาวชนที่ต้องการให้ท่านนายก ร่างกฎหมายให้มีการเขียนนิยายNCได้อย่างมีอิสระ กับ เด็กชายดามาติค ที่แสดงละครใบ้ล้อเลียนการใช้ภาษาวิบัติกับเด็กที่ชอบอ่านนิยายNC  เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้อย่างสนุกสนาน จนแทบทำให้ลืมอากาศที่ร้อนอบอ้าวในเวลานั้นเลยทีเดียว

       

        เยาวชนหลายคนผลัดกันขึ้นถามปัญหาต่อนายก เด็กบางคนมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่เกินตัว

      ถามตอบปัญหาของบ้านเมืองได้อย่างฉะฉาน จนผู้ใหญ่บางคนอายก็ยังมี เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่ง...

       

      "ต่อไปเป็นคนสุดท้ายแล้วครับ ขอเชิญ ยายน้อย ก้าวออกมาด้านหน้าได้เลย" สิ้นเสียงของพิธีกรในงาน  หญิงชราร่างแคระ ก็ค่อยๆเดินลากเท้าอย่างช้าๆ แหวกเหล่าบรรดาเด็กๆที่มาร่วมงาน โดยที่มีเจ้าหน้าที่สองคนช่วยพยุงยายน้อยเอาไว้เพื่อไม่ให้ล้ม

       

      ท่ามกลางเสียงซุบซิบของคนที่เข้าร่วมงาน เพราะเข้าใจว่ายายแกคงมาให้นายกฯช่วยตามหาลูกหลานที่พัดพรากไปเป็นแน่

       

      หญิงชราคนนี้เป็นใคร? ยังไม่ถึงวันผู้สูงอายุไม่ใช่หรือ?  แล้วเหตุใดเธอจึงมีสิทธิเข้ามาร่วมงานในวันเด็กได้เพื่อที่จะร้องเรียนปัญหาเดือดร้อนส่วนตัวโดยไม่ถูกกาลเทศะ

       

       "ยายน้อย"เกิดที่จังหวัดทางภาคเหนือของประเทศ พ่อแม่มีอาชีพผู้ใช้แรงงานแต่ด้วยที่สองสามีภรรยาเป็นคนขยัน ประหยัด ทำให้มีฐานะดีขึ้นในไม่ช้า เมื่อพร้อมคนทั้งสองจึงตกลงใจที่จะมีบุตรคนแรก

       

      แต่อนิจจาเหมือนสวรรค์เล่นตลก บุตรสาวคนแรกของทั้งคู่ ถือกำเนิดขึ้นมาโดยผิดแปลกไปจากมนุษย์ทั่วไปนั่นคือ มีร่างกายที่เหยี่ยวย่นราวคนแก่อายุ 90 ปี ทั้งระบบประสาทสัมผัส กล้ามเนื้อ กระดูก ไขข้อ คณะแพทย์พยาบาลที่ทำการรักษาจึงเรียกชื่อเด็กประหลาดคนนี้ว่า  "ยายน้อย"

       

      ยายน้อย ต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลกว่า 2ปี โดยใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา อีก 5 ปีให้หลังจึงจะออกมาพักฟื้นที่บ้านได้  ผลการตรวจจากแพทย์ระบุว่า "ยายน้อย" เกิดมาในสภาพที่ชราตั้งแต่แรก

      และเมื่อเวลาผ่านไป ยายน้อย จะค่อยๆ อ่อนวัยและสาวขึ้นเรื่อยๆ นั่นหมายถึง "อายุของยายน้อย กำลังเดินถอยหลัง’’ 

        ยายน้อยแต่งกายในชุดพื้นบ้าน สวมเสื้อลายดอกสีขาวตัดกับพื้นสีชมพู นุ่งผ้าซิ่นสีกรมท่าที่แม่ของเธอถักทอขึ้นมาด้วยมือ ใบหน้าของยายน้อยเล็กเรียว ผมสีดอกเลากับคิ้วขึ้นบางเป็นหย่อมๆ ดวงตาอันฝ้าฟางถูกบดบังด้วยแว่นตาที่หนาเตอะ

       

       เมื่อเจ้าหน้าที่นำเก้าอี้มาจัดวางให้ยายน้อยและท่านนายกฯได้นั่งเพื่อทำการสนทนากัน  ยายน้อยก็เป็นฝ่ายยิงคำถามใส่ท่านนายกฯก่อนเป็นชุดๆ เสียจนไม่มีจังหวะให้ได้พักหายใจ

       

      "ท่านนายกฯชอบกินอะไรค่ะ","ท่านนายกฯชอบอ่านการ์ตูนเรื่องอะไร" ,"ท่านนายกฯชอบภาพยนตร์เรื่องไหนมากที่สุด","ท่านนายกฯอยากไปเที่ยวที่ไหน" ฯลฯ...

       

      มันเป็นคำถามที่แปลกมากในงานวันเด็ก ในขณะที่เด็กสวนใหญ่ในงานมักจะถามว่า "ท่านนายกฯมีนโยบายจะแก้ปัญหาการศึกษา แก้ปัญหาเศรษฐกิจ หรือทำให้คนไทยที่แตกความสามัคคีกลับมาคืนดีกันอย่างไร

       

      แต่ยายน้อยกลับถามในคำถามที่เปรียบเสมือนหนึ่งว่ากำลัง"ผูกมิตร"กับเพื่อนใหม่ของเธออยู่ ปัญหาข้อพิพาทต่างๆไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นในระหว่างการสนทนาของคนทั้งคู่

       

      ยายน้อยถามนายกฯในสิ่งที่ตนอยากรู้เท่านั้น และมันก็เป็นไม่ผิดที่จะถาม  เนื่องจากมันเป็นคำถามที่สมกับวัยของเธอ ถึงร่างกายเธอจะชรากว่าทุกๆคนในงานก็ตามที

       

       "แล้วยายน้อยมีเรื่องอะไรที่จะขอนายกฯไหมครับ" นายกฯถามกลับในขณะที่ยายน้อยกำลัง ยกแก้วนํ้าขึ้นมาดื่ม เพราะเหนื่อยจากการเป็นฝ่ายถามอยู่คนเดียว เธอไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ เมื่อเธอดื่มนํ้าเสร็จ ยายน้อยล้วงเอากระดาษใบเล็กที่พับจนยับยู่ยี่ออกมาจากกระเป๋า 

       

       

      จากนั้นยายน้อยคลี่มันออกอย่างช้าๆ ขยับแว่นตาแล้วจึงเริ่มอ่านมันด้วยนํ้าเสียงที่แหบพร่า ให้นายกฯฟัง

        

       เนื้อความในจดหมายเป็นเรื่องของ"บินหลา"เด็กชายในจังหวัดทางภาคใต้ ยายน้อยรู้จักกับบินหลา ในขณะที่เธอรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลผ่านทางจดหมายให้กำลังใจ บินหลาเล่าเรื่องความทุกข์ของตนจากเหตุการณ์ความไม่สงบ เขาเสียพ่อที่เป็นอาสาสมัครในเหตุความรุนแรง ไม่ได้เรียนหนังสือ

        ต้องทำงานช่วยแม่และเลี้ยงน้องชายอีกคน บินหลาเล่าถึงความหวาดกลัวทุกครั้งที่มีการยิงปะทะกัน หรือเมื่อมีเสียงระเบิด

       

      ใน ปล.ลงท้ายเขาฝากว่าถ้ายายน้อยมีโอกาสได้เจอนายกฯในวันเด็ก เขามีสิ่งหนึ่งที่จะขอเพื่อเป็นของขวัญในวันเด็กนี้  ยายน้อยหยุดอ่านชั่วขณะ เพื่อพักหายใจ ก่อนที่อ่านต่อว่า บินหลาต้องการอะไรในวันเด็ก

       

      บินหลาบอกว่า เขาแค่ต้องการให้วันเด็กปีนี้ ที่บ้านเกิดของเขา อย่าให้มีเสียงปืน เสียงระเบิด ตลอดจนเสียงร้องรํ่าไห้ของผู้เสียชีวิตเลย แค่สักวัน...สักวันเดียวก็เกินพอ

       

       นั่นคือเรื่องที่ยายน้อยขอกับนายกฯ ส่วนนายกฯก็รับปากแล้วว่าจะช่วยเหลือครอบครัวเยาวชนทุกคนที่กำลังประสบปัญหาความยากลำบากอยู่ทางภาคใต้อย่างเร่งด่วน ยายน้อยยกแขนข้างซ้ายอันผอมลีบของเธอ  ขึ้นมาพร้อมกับยื่นนิ้วก้อยไปยังนายกฯ  ทำสัญญาเกี่ยวก้อยกันด้วยปากเปล่า

       

       ไม่มีการบันทึกเป็นตัวอักษร ไม่มีทั้งแบบแผนนโยบาย มีแค่ผู้คนที่เข้ามาร่วมงานเท่านั้นที่เป็นสักขีพยานให้กับยายน้อย

       

      จวบจนเกือบได้เวลาสิ้นสุดของงาน ท่านนายกฯถ่ายภาพร่วมกับเยาวชนทุกคนที่เข้าร่วม และเมื่อถึงพิธีปิดนายกฯจะเป็นคนกล่าวให้คำอวยพรแก่เยาวชนทุกๆคน  แต่ปีนี้เรามีแขกพิเศษมาร่วมงานด้วย ทางเจ้าหน้าที่จึงเปลี่ยนกำหนดการกะทันหัน

       โดยให้ยายน้อยทำหน้าที่กล่าวปิดงานแทน ส่วนตัวนายกฯเองจะลงไปนั่งรวมกับพวกเด็กเพื่อรอรับคำอวยพรจากยายน้อย

       

       เมื่อถึงเวลาอันสมควร ยายน้อยถูกอุ้มมานั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่หนานุ่มบนเวที ทั้งกล้องถ่ายภาพและกล้องโทรทัศน์กว่าร้อยตัว โฟกัสภาพไปที่ยายน้อย พร้อมจับจ้องว่ายายน้อยจะกล่าวอะไรออกมากจากจากปากของเธอให้คนทั้งประเทศได้รับชม

       

      ภายในสถาวะอันกดดัน แต่ยายน้อยกลับใจเย็น และดูนิ่งสงบ เธอสูดหายใจเข้าอย่างช้าๆก่อนที่จะกล่าวอวยพรผ่านนํ้าเสียงที่แหบแห้งแก่เยาวชนทั่วประเทศว่า

       

      "เมื่อใดก็ตามที่พวกเพื่อนๆเข้าสู่ช่วงเทศกาลแห่งความสุข  จะมีคนมากมายอวยพรแก่พวกเธอว่า ขอให้เธอจงมีความสุขยิ่งๆขึ้นไป และให้พบเจอกับเรื่องดีๆทั้งในการเรียนและชีวิตส่วนตัว

       

      แต่แทบจะไม่มีใครเลย ที่จะคอยบอกให้พวกเธอเตรียมรับมือกับทุกๆสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  ไม่ว่าจะดีหรือร้ายได้อย่างมีสติ    ไม่มีเลย..."

       

      " วันนี้ฉันมาในฐานะของเด็กที่ไม่ได้มีความสุขทั้งในวันเด็กหรือวันธรรมดา และฉันก็เชื่อว่าเด็กที่ประสบชะตากรรมยิ่งกว่าฉันคงมีมาก จนฉันไม่สามารถนับได้ และจะยิ่งมีมากขึ้นอีกเรื่อยๆ "

      ขอบคุณมากที่รับฟังค่ะ  ฉันพูดจบแล้ว

       

      ทุกคนที่นั่งฟังเงียบ ไม่มีใครกล้าปรบมือ ทุกคนยอมรับว่ามันจริง มีเด็กนับล้านๆคนที่ปีนี้เขาไม่ได้มีความสุขอย่างที่มันควรจะเป็น  แค่พวกเขาไม่ได้มาร่วมงานไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มี

       

       จนกระทั่งงานเลิก บรรดานักข่าวต่างพากันมาห้อมล้อมเพื่อขอสัมภาษณ์ยายน้อยเป็นการใหญ่  มีรายการโทรทัศน์หลายรายการต้องการตัวยายน้อยไปสัมภาษณ์สดออกอากาศ ซึ่งรายการทอล์คโชว์ของช่อง 4 ที่เป็นรายการใหญ่และมีเรทติ้งผู้ชมสูงเป็นอันดับ 1 ก็ได้สิทธิพิเศษนั้น

       

       ภายหลังจากยายน้อยกลับจากงานวันเด็กในช่วงเช้า กินอาหารและนอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ จนได้เวลารถจากรายการทอล์คโชว์จะมารับ

       

      ในช่วงคํ่า ยายน้อยนั่งรถตู้โดยสารปรับอากาศเย็นฉํ่า เพลิดเพลินกับทัศนียภาพเมืองหลวงอันแสนศิวิไลซ์ในยามคํ่า ซึ่งยายน้อยไม่เคยเห็นมันมาก่อนในชีวิต

       

       เมื่อเข้ามาถึงห้องส่ง ทีมงานพายายน้อยเดินเข้ามาท่ามกลางผู้ชมนับร้อยที่ทราบว่าวันนี้ ยายน้อยจะมาออกรายการที่นี้เพื่อมารอชม  เมื่อได้เวลา  พิธีกรสาวหน้าตาสละสวยของรายการ กล่าวเชิญยายน้อยออกมาในฐานะแขกคนพิเศษคนแรกของปีในรายการนี้

       

      ตลอดเวลาเกือบๆ 2ชั่วโมง ผู้ชมในห้องส่งได้มีโอกาสสอบถามข้อสงสัยต่างๆ กับยายน้อยทั้งในเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน มุมมอง ทัศนคติต่างๆ ตลอดจนเรื่องของร่างกายที่มันไม่สัมพันธ์กับอายุ

      ได้อย่างสนุกสนานด้วยกันทั้งสองฝ่าย

       

      มันคงเป็นเรื่องแปลกที่เด็กคนหนึ่งเกิดมาในสภาพร่างกายของคนที่กำลังจะลาจากโลก ได้ยินเสียงร้องไห้ของการจากลา แทนที่จะได้ยินเสียงโห่ร้องยินดีของการเริ่มต้นถือกำเนิด

       

       

      เนื่องจากตอนที่ ยายน้อยพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล เธออยู่ร่วมกับบรรดาคนชราที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบปี และทุกคนที่อยู่ในนี้ทุกคนยกเว้นเธอกำลังรอวาระสุดท้ายของชีวิตเดินทางมาถึง

       

        บางคนก็มีลูกหลานมากมายมาดูใจจนวินาทีสุดท้าย  บางคนก็ไม่มีญาติพี่น้องมาเหลียวแลจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต  กว่า 8 ปีในโรงพยาบาล วัยเด็กของยายน้อยเรียนรู้ที่จะปล่อยวางกับชีวิตก่อนที่จะ หัดคลาด หัดเดิน หรือหัดพูดออกเสียง

       

        ก่อนจะปิดเบรครายการ พิธีกรสาวสวยของเรา บอกกับยายน้อยว่า เธอช่างน่าอิจฉาที่จริงๆที่ เมื่อเวลาผ่านไป ยายน้อยจะอายุน้อยลงและสาวขึ้น  ในขณะที่พิธีกรเองกลับจะต้องแก่ลง และสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดของหญิงสาวนั่นคือ "ความงาม"ไป

       

       แต่ยายน้อยตอบแก่พิธีกรสาวนั้นว่า "ชีวิตของหนูไม่เหมือนคนอื่นตรงที่เวลาเดินถอยหลัง ในขณะคนทั่วๆไปชีวิตจะต้องเดินไปข้างหน้า  หนูจะอ่อนวัยขึ้น ในขณะที่คุณชราภาพลง  แต่นั่นหมายความว่า

       

      กับทุกๆคนที่หนูผูกพันด้วย หนูทำได้แค่นั่งมองพวกเขาค่อยๆเสื่อมสลายและตายจากหนูไปทีละคน โดยที่ตัวหนูเองกลับค่อยๆมีชีวิตที่เติมเต็มขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าหนูต้องการแบบนั้นหรือ? "

       

      เป็นแบบนี้แล้วทำไมยายน้อยถึงไม่ดูเศร้า หรือ ท้อแท้ในชีวิตบ้างเลยล่ะค่ะ  ผู้ชมคนหนึ่งตะโกนถามเสียดังลั่นโดยไม่ต้องพึ่งไมค์

       

      "เพราะชีวิตมีช่วงเวลาของมันค่ะ  หนูเข้าใจว่าในชีวิตๆของทุกคนตั้งแต่วัยเด็กขึ้นไปต้องมีพบ มีจาก มีพรากและก็มีเจอ  หนูคิดว่าไม่มีใครที่สามารถได้ไปในแบบ"ทั้งชีวิต"ว่าแต่คนเลยสิ่งของ

      มันก็ยังมีช่วงเวลาของมันที่หมดอายุ    เหมือนวัยของเรา ซึ่งคุณจะยอมรับมันได้ในระดับไหนว่ามันถึงเวลา"

       

                                  ------------จบบริบูรณ์-------------

       

              แฟนฟิคเรื่องนี้หลอกให้ท่านเชื่อว่า เมื่อครั้งที่เรายังเด็ก เราจะคิดว่าเมื่อเติบโตขึ้น เราอยากจะทำแบบนั้นแบบนี้ แต่ไม่เคยคิดว่าในขณะที่ท่านยังเด็กอยู่ ท่านได้ทำอะไรลงไปบ้าง

       

                                                                 แต่เมื่อเราโตขึ้น เรากลับอยากย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง และมีคนจำนวนมากอยากกลับไปแก้ไข เรื่องบางอย่างในวัยเด็ก 

       

                                         มันคือสิ่งที่ตอนเด็กท่านไม่ได้ทำ กับสิงที่ตอนเป็นผู้ใหญ่ท่านไม่สามารถทำได้

       

        ดังนั้นใครที่อยู่ในวัยเด็ก จงใช้ชีวิตให้สมวัย  และเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราโตขึ้นได้อย่างมีสติ

       

       ส่วนคนที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่ จงอย่าละทิ้งความเป็นเด็ก   ในขณะเดียวกันก็จงเรียนรู้ที่จะเข้าใจในช่วงเวลาของตน             

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×