ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ``คลังแสงบีเอพี。 ( Official。)

    ลำดับตอนที่ #39 : [ SF ] The Thief {BANGCHAN} : Intro

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 241
      0
      4 ต.ค. 57

    Intro

     

    บนโลกที่แสนกว้างใหญ่ใบนี้ถูกปกครองด้วยผู้นำ และมีกฎเกณฑ์ที่ทุกคนต้องปฏิบัติเพื่อความสงบสุข และผู้ที่คอยปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายและอบายมุขต่าง นั่นคือคือตำรวจ

    หากทุกวันนั้นช่างเป็นวันที่สงบสุข ไม่มีเรื่องราวร้ายๆ ไม่มีการปล้นที่ธนาคาร ไม่มีการจี้ชิงทรัพย์หรือการวิ่งราวตามท้องถนน ไม่มีการลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ และอีกมายมากที่ทำให้น่าปวดหัวมันก็คงจะดี

    ไม่ นี่ไม่ใช่ความฝันนี่คือโลกแห่งความเป็นจริง และเรื่องวุ่นวายมันเกินขึ้นได้ไม่มีวันหยุดหรอก

    นั่นมันน่ารำคาญไม่ใช่หรอ

    “เอ่อ สารวัตรครับสถานการณ์ด้านในค่อนข้างแย่ครับ”

    นัยน์ตาคมเหล่มองลูกน้องที่อยู่ทางด้านขวาของตัวเองแวบหนึ่งก่อนจะมองตรงไปยังสถานการณ์เบื้องหน้า

    ถ้าจะน่ารำคาญขนาดนี้ รู้แบบนี้ไปอยู่กองอื่นดีกว่า

    ได้แต่คิดในใจก่อนจะหันไปมองหน้าลูกน้องที่มารายงานสถานการณ์การปล้นธนาคารแห่งหนึ่งในเมืองหลวง คือจะให้พูดถึงคนปล้นคงจะต้องบอกว่า แม่งโง่ชิบหายเลยว่ะ

    “มีตัวประกันรึเปล่า”

    “บานเลยครับ” ลูกน้องตัวจ้อยกำลังจะอ้าปากพูดต่อ ก็ดันสบเข้าให้กับสายตาที่สื่อมาว่า กูไม่ใช่เพื่อนเล่นและนี่ก็ไม่ใช่เวลาที่มึงจะมาเล่น  งับลมเข้าปากก่อนจะพูดต่อ “ก็มีพนักงานหญิงสามคนครับ ที่เหลือแอบหนีทางด้านหลังได้หมดแล้วครับ”

    “มันต้องการอะไร”

    “อันนี้ยังไม่ทราบครับ ตะ..แต่ “ ยังไม่ทันที่ลูกน้องจะได้พูดอะไรต่อ ตำรวจหนุ่มก็เดินไปยังร้านกาแฟด้านข้างธนาคาร มือหนาคว้าเอาเก้าอี้หน้าร้านมานั่งอยู่ที่ทางเข้าหน้าธนาคารหน้าตาเฉย

    “ไปบอกมัน ว่าผมให้เวลา5นาที ทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่แล้วจะลดโทษให้ แต่ถ้ามันยังจะเอาเงินหรืออะไรก็ตามกลับออกมามันได้ไปนอนหนาวในคุกแน่”

    โอ้พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ แค่นี้ผมยังรู้สึกว่าหนาวจับใจเลยครับสารวัตร !

    ร่างโปร่งที่นั่งอยู่นิ่งๆท่ามกลางความวุ่นวาย เรียกได้ว่าเป็นจุดสนใจมากเลยทีเดียว ทั้งใบหน้าและการแต่งกาย ดูก็รู้ว่าเป็นคนมีชาติกูลหรือไม่ก็เป็นคนมีรสนิยมมากทีเดียว ใบหน้าที่ดูเหมือนว่าจะหงุดหงิดนั่นไม่ทำให้ความหล่อลดลงแต่อย่างใด

    นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลาว่าผ่านไปสามนาทีแล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ที่กำลังเคลื่อนไหวคือประชากรที่ให้ความสนอกสนใจกับเหตุการณ์นี้ ยิ่งมีคนมุงยิ่งให้ความสนใจทั้งๆที่ตรงหน้าทางเข้ามันไม่ได้มีอะไรเลย ผ้าม่านสีครีมบดบังทุกอย่างไม่ให้เห็นด้านใน แต่ก็มีตาดีพยายามส่องเข้าไป

    ช่างเป็นพวกที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านอะไรอย่างนี้

    หากลองมองไปทางซ้ายก็จะเห็นได้ว่ามีรถตำรวจจอดอยู่สองคัน ในนั้นมีตำรวจอาวุธครบมือพร้อมยิง ส่วนด้านขวาตึกที่เยื้องกับธนาคารแห่งนี้ชั้นสองมีสไนเปอร์คอยเตรียมเล็งเป่าหัวคนตุกติกและมีพิรุธ

    “หมดเวลา”

    เอ่ยออกมาเบาๆก่อนจะลุกเดินตรงไปยังประตูที่ปิดสนิท ดูท่าว่าการเจรจาจะไร้ผลเมื่อคนร้ายยังไม่สำนึกและปฏิเสธโอกาสที่เค้าให้ไป

    ปืนสั้นที่เหน็บไว้ข้างลำตัวถูกดึงขึ้นมาใช้ จากข้อมูลที่ได้จากลูกน้องที่น่ารำคาญบอกว่าคงเป็นการปล้นครั้งแรก แถมอาวุธก็เป็นแค่มีดปลอกผลไม้เท่านั้น อาวุธสีดำสนิทตรงจ่อไปยังผู้ร้ายที่กำลังเอามีดจ่อหญิงสาวสามคน

    ดูเหมือนว่าคนร้ายจะยังไม่รู้ตัว

    ดูจากรูปร่างและอาการตื่นตระหนกของคนร้ายแล้ว มั่นใจได้ว่าเป็นครั้งแรกจริงๆนั่นแหละ ผู้กองในชุดสูทสีดำธรรมดาเดินตรงเข้าไปหาคนร้ายก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำอันเป็นเอกลักษณ์

    “คุณนี่ไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลยนะครับ”

    “กะ..แกเป็นใคร แล้ว..แล้วเข้ามาทำไมวะ”

    “อ้อ เรื่องนั้นไม่ต้องรู้หรอกครับ แต่ตอนนี้ช่วยวางมีดลงด้วยครับ”

    สายตาที่นิ่งและว่างเปล่าเกินกว่าคนทั่วไปจะอ่านออก นัยน์ตาสีนิลกำลังสะกดให้คนที่กำลังจับจ้องมันราวกับกำลังตกหลุมดำมืด

    มือที่สั่นเทาค่อยๆลดมีดลง

    “คุณมีปัญหาอะไรบอกผมได้นะครับ อ่อ เชิญนั่งครับ” ท่าทีที่ดูสบายๆไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นทำให้หญิงสาวสามคนงงงวยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

    “แก ! อย่ามาทำเป็นพูดดีหน่อยเลย นี่แกจะมาหลอกให้ฉันตายใจใช่มั้ย”

    “ถ้าให้ตอบตามตรงก็ใช่ครับ นั่นเป็นวิธีที่ทำให้คุณและตัวประกันบาดเจ็บน้อยที่สุด”

    “ออกไป !!!” คนร้ายดูจะเริ่มสติแตกอีกแล้ว

    “นี่คุณ ..ผมจะบอกอะไรให้นะครับ “ สารวัตรตัวสูงก้าวเข้าใกล้กับคนร้ายหนึ่งก้าวก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมา “การที่คุณมาปล้นเนี่ยมันเป็นบาป”

    “ไม่เห็นเข้าใจเลย! อย่ามาพูดอะไรบ้าๆนะ!!!

    ถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้แก่มนุษย์ร่วมโลกที่ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้เลย

    “มันเป็นบาปนะครับ สิ่งที่คุณทำอยู่ คุณรู้มั้ยถ้าคุณปล้นเงินธนาคารจะมีผู้หญิงคนหนึ่งไม่สามารถมาถอนเงินได้ พอเธอถอนเงินไม่ได้เธอก็จะไม่มีเงิน พอเธอไม่มีเงินเธอก็ไม่มีเงินซื้อข้าวให้ลูก พอลูกของเธอก็ไม่มีข้าวกินลูกของเธอก็จะป่วย พอลูกของเธอป่วยลูกของเธอก็จะตาย พอลูกของเธอตายเธอก็เจ็บปวด พอเธอเจ็บปวดเธอจะขาดสติ พอเธอขาดสติเธอจะเที่ยวไปทำร้ายชาวบ้าน พอเธอทำร้ายชาวบ้านเธอจะโดนตำรวจจับ หลังจากนั้นเธอก็จะเข้าคุก พอเข้าคุกเธอก็จะคิดถึงลูก พอเธอคิดถึงลูกเธอก็จะตรอมใจตาย”

    ตำรวจหนุ่มสูดหายใจก่อนที่จะค่อยๆล้วงเอากุญแจมือออกจากกระเป๋ากางเกงอย่างแผ่วเบาที่สุด มือหนาค่อยๆคว้าเข้าที่ข้อมือของคนร้ายที่เหมือนตกอยู่ในสภาวะช็อกกับเรื่องที่พึ่งได้ยินไป

    กริ๊ก กริ๊ก

    เสียงล็อกของกุญแจเงินดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน

    “มัน ..มันร้ายแรง..ขนาดนั้นเลย”

    “ครับ”

    ตำรวจหนุ่มตอบรับสั้นๆก่อนจะเดินออกไปจากธนาคาร สาวเท้าไปยังรถบีเอ็มสีดำที่จอดอยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนน เหลือบมองลูกน้องที่วิ่งตามมายังรถของเค้าแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้รำคาญมากกว่าที่จะต้องไปพูดเรื่องยาวๆแบบเมื่อครู่นักหรอก

    “สารวัตรครับ เอาไงต่อครับ”

    “ก็เหมือนเดิม จิตแพทย์ รถพยาบาล อ้อ ผมล็อกกุญแจมือเค้าไว้แล้วนะช่วยค่าเชื้อแล้วส่งคืนผมด้วย” เอ่ยเรียบๆก่อนจะก้าวขึ้นรถและขับออกไป โดยที่ไม่ได้สนใจสีหน้าสุดอึ้งของลูกน้องเลยแม้แต่นิดเดียว

    นั่นก็แค่เรื่องน่ารำคาญประจำวัน

     

    “บังยงกุก เจ้านายเรียกแหน่ะ”

    การโผล่พรวดเข้ามาของเพื่อนร่วมงานนามว่าซิโค่สร้างเสียงถอนหายใจอันแสนเหนื่อยหน่ายจากร่างสูงที่กำลังอ่านเอกสารทางราชการอยู่

    เจ้าของชื่อ บังยงกุกลุกออกจากเก้าที่ตัวเดิมที่เค้านั่งติดกันรวมๆแล้วไม่ถึง2ชั่วโมง พยักหน้าเชิงรับรู้ให้เพื่อร่วมงานก่อนจะตรงไปยังห้องด้านในสุดทางเดินของปีกขวาชั้น5ที่เค้าทำงานอยู่ ความจริงแล้วเค้าควรจะอยู่ชั้นหนึ่งหรือไม่ก็ชั้นสองมากกว่าที่จะมาอยู่ชั้นเดียวกับหัวหน้าใหญ่แบบนี้ แต่ช่วยไม่ได้ที่หัวหน้าดันใจดีบอกให้ลูกน้องแต่ละคนเลือกห้องทำงานได้ บังยงกุกผู้ไม่เรื่องมากเลยได้ห้องทำงานที่อยู่ลึกสุดของทางปีกซ้ายชั้น5 ที่ไม่มีใครเลือกก็เพราะอยู่ห่างจากห้องอาหาร แถมยังอยู่ชั้นบนสุดอีกด้วย

    นั่นเรียกว่าปัญหาเรอะ

    บังยงกุกผู้ซึ่งไม่เคยนั่งเก้าอี้ติดกันถึง2ชั่วโมงสักครั้ง หยุดเคาะประตูบานใหญ่ก่อนจะได้ยินเสียงอนุญาตจึงเปิดเข้าไป ทำความเคารพเจ้าของห้องตามมารยาท ขายาวก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะที่มีเอกสารวางกองจนแทบจะท่วมหัวเจ้าของห้อง

    “ผมได้ข่าวมาว่าคุณจับขโมยเก่ง”

    “ครับ ?” คำถามที่ถามออกมาทำเอาคนถูกถามถึงกับเหวอไปเสี้ยวหนึ่ง ก่อนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกินขึ้น

    “อย่างพวกผู้ร้ายปล้นธนาคาร ปล้นรถอะไรทำนองนี้”

    “ถ้าท่านหมายถึงทำนองนั้นก็คงใช่ละมั้งครับ” ตาคมเสมองไปทางอื่นด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะกลับมามองผู้เป็นเจ้านายด้วยใบหน้านิ่ง

    “สนใจทำงานใหญ่มั้ย”

    “ ?”

    “พอดี สารวัตรคนเก่าทำแล้วไม่ค่อยคืบหน้าเลยอยากให้รุ่นใหม่ทำ”

    ใบหน้าที่มีริ้วรอยแห่งกาลเวลาแสดงออกถึงความมั่นใจและจริงจัง เอกสารชุดหนึ่งได้ถูกส่งให้คนตรงหน้าที่ยืนนิ่งรับไป

    ยงกุกรับมาก่อนจะกวาดตามองเอกสารที่หนาเท่าคัมภีร์สามนิ้ว ทุกหน้าพิมพ์ด้วยตัวหนังสือในตำนาน อังสนานิว สิบหกทุกบรรทัด แค่มองก็อยากจะอ้วก คนพิมพ์เอกสารนี่ไม่รู้จักฟอนต์อย่างอื่นรึยังไงกัน

    “อย่าพึ่งเบื่อล่ะ คุณต้องอ่านให้หมดเพราะนั่นคือข้อมูลทั้งหมดของงานที่คุณจะต้องสานต่อ”

    “นี่ผมรับงานแล้ว ?”

    “ใช่สิ นายรับไปแล้ว”

    วอทเดอะฟัค !?!?!

    “ผมให้เวลาคุณเรื่อยๆก็แล้วกันนะ แต่ช่วยรีบปิดคดีนี้หน่อยล่ะ มันยืดยาวมาเกือบสามปีแล้ว”

    สารวัตรหนุ่มได้แต่ยืนใบ้รับประทานก่อนสมองจะประมวลผลได้ว่าควรออกจากห้องไปสงบสติอารมณ์ก่อนจะเกิดคดีฆาตกรรมผู้บัญชาการ

    fu*k” สถบออกมาตามทางเดินกว้างที่ไม่มีใครเดินผ่าน ทั้งที่ใจจริงอยากจะตะโกนออกมาดังๆสักทีแต่ก็ทำไม่ได้ ทันทีที่ก้าวเข้าห้องส่วนตัวเอกสารที่หน้ากว่าสามนิ้วก็ปลิวว่อนไปทั่วห้องจากน้ำมือของเจ้าของห้อง

    นี่มันเรื่องเหี้ ยอะไรวะ

    ลิ้นชักโต๊ะถูกกระชากออกอย่างแรง ซองบุหรี่ที่แอบซ่อนเอาไว้ถูกหยิบขึ้นมาพร้อมๆกับอีกมือที่ล้วงไฟแช็กในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจุดสูบ ห้องนี้เป็นห้องทึบที่มีแต่เครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่ทำให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในห้องนี้ได้

    กลิ่นควันตลบไปทั่วห้องกว้าง ร่างสูงทรุดตัวนั่งลงบนโซฟากลางห้อง บุหรี่ตัวที่สองถูกจุดขึ้นมา มันหมดไปอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดก็เพื่อระบายความเครียด

    เมื่อสูบจนรู้สึกใจเย็นขึ้นมาบ้าง นัยน์ตาคมหันไปมองกระดาษที่กระจายอยู่ทั่วทุกบริเวณห้อง มือหนาเอื้อมไปหยิบแผ่นที่ตกอยู่ใกล้ตัวมากที่สุดขึ้นมาอ่าน

    ประโยคที่ย่อหน้าแรกทำให้ชวนอารมณ์ขัน ยิ่งอ่านประโยคต่อไปก็ยิ่งกระตุ้นต่อมหัวเราะ แต่ถึงกระนั้น ร่างสูงก็ไม่ได้หัวเราะออกมาแต่อย่างใด

    “แมวขโมยที่ไม่มีวันจับได้ หึ”

    หัวเราะขึ้นจมูกก่อนจะอัดสารนิโคตินเข้าปอดเสียยกใหญ่ ภายในหัวความคิดอันปราดเปรืองกำลังหมุนเล่น มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างนึกสนุก

    “ไม่มีอะไรที่ผมจับไม่ได้หรอกนะ”

     

     

    นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวเมื่อหนึ่งปีก่อน หนึ่งปีที่ชีวิตต้องพบเจอแต่เรื่องน่ารำคาญ การทำงานที่ห่วยแตกของลูกน้องที่ว่างเมื่อไหร่ก็พากันไปร้านเหล้า เมาเป็นหมาตื่นเช้ามาก็หลับกันเป็นแถว มันกำลังเปลี่ยนไป

    ในทางที่ดี ?








     

    -------------------------------------------------------------
    วู้ววววววววฮูววววววววว เปิดเรื่องสั้นใหม่แหละเตงงงงงงงง เรื่องนี้ไม่อยากจะสปอยไว้เลยว่าน่าจะแซ็บ !
    ก็ต้องรอดูต่อไปว่าสารวัตรบังจะเจอกับอะไรต่อไป ตื่นเต้นนนนจรุงงงงงงง  
    คิดแท็กไว้แล้วแหละ #หัวขโมยbc

    CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×