ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Reborn] ซื่อบื้อ (Hibari x oc)

    ลำดับตอนที่ #6 : ซื่อบื้อ|04

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.41K
      334
      12 เม.ย. 66

    ซื่อบื้อ
    Show no fear, for you are an assassin

    เช้าวันหยุดแสนสงบ ของซาวาดะ สึนะโยชิ ได้ถูกทำลายลงด้วยเสียงปืนที่ดังลั่น"โอยยย ให้ตายเถอะ วันหยุดทั้งทีขอนอนแบบสงบๆบ้างได้มั้ยเนี่ย...... หืม?" เขาลุกขึ้นมาอย่างหงุดหงิด แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นร่างของใครบางคนอยู่ที่ปลายเตียง "ข..โขมยนี่นา!!...เฮ้ย! ห้องโดนค้นกระจัดกระจายเลยอ่ะ" สึนะว่าพลางมองไปรอบๆห้อง 
    ก่อนจะสะดุ้งโหยง เมื่อชายปริศนาเคลื่อนที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ "อ้ากกก!! ม..ไม่นะไม่ อย่าเข้ามานะ อย่าฆ่าฉัน!!---เอ๋?"

    เขาหยุดร้อง เมื่อเห็นว่าจู่ๆร่างของชายคนนั้นก็ล้มตึงลงบนเตียง สึนะค่อยๆพลิกตัวคนตรงหน้าอย่างระมัดระวัง แล้วก็ต้องตกใจอีกรอบ ล..เลือดนี่!! ตายแล้วงั้นหรอ เขาคิดอย่างวิตก ชายคนนี้นอนตาค้าง แถมตรงหน้าอกก็มีรอยเลือดซึมออกมา 
    "เอาจนได้สินะ" ไฟในห้องถูกเปิด พร้อมกับครูพิเศษของเขาเดินเข้ามา รีบอร์นมีสีหน้าที่ดูเคร่งเครียด จนตัวสึนะแอบกังวล "พูดอะไรของแกน่ะห๊ะ" จบประโยคนี้ รีบอร์นก็ยิ้มออกมา "สัญชาตญาณการป้องกันตัวของนาย....ทำให้พรสวรรค์นักฆ่าตื่นขึ้น!" 

    เด็กชายผุดลุกผุดนั่งขึ้นมาทันที "ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลยเว้ย! ผู้ชายคนนี้น่ะโดนใครก็ไม่รู้เอาปืนยิง....." เสียงของเขาค่อยๆถูกกลืนหายไป เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือตัวเอง... "สึนะเป็นคนเอาปืนยิงเขาเอง" รีบอร์นพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผิดกับคนถือปืนที่ลนลานใหญ่แล้ว "นี่จำไม่ได้จริงๆเหรอ นายเป็นคนแย่งปืนของฉันไปยิงเองเลยนะ"

    สถานการณ์เหมือนจะวุ่นวายกว่าเดิม เมื่อเบียงกี้โผล่มาร่วมแสดงความยินดีให้เขาด้วย "แล้วจะดีใจกันทำไมเนี่ย!!" สึนะโวยวาย ก่อนจะหน้าซีดอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของเด็กผู้หญิงดังจากหน้าห้อง "คุณสึนะดูนี่สิคะ...ละครของงานวัฒนธรรมน่ะ ฮารุได้รับบทเป็นเรือสำราญด้วยน้า!" ร่างบางของเด็กสาวผมน้ำตาลหางม้า โผล่มาในชุดประหลาดๆ มีเรือขนาดใหญ่ติดอยู่ที่กลางลำตัว แถมยังมีโคมห้อยระโยงระยาง

    "ฮาฮิ! คุณสึนะก็ซ้อมละครอยู่หรอคะ โห..สมจริงสุดๆเลย" ฮารุพูดด้วยความไม่รู้ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างของผู้ชายนอนอยู่ "ไม่ใช่หรอก...ฉันเผลอฆ่าคนไปแล้วจริงๆ" เจ้าของทรงผมฟูฟ่องราวกับสิงโตเอ่ยขึ้นเบาๆ ถึงจะไม่รู้ว่าโดนแกล้งหรือเปล่า แต่หลักฐานคามือขนาดนี้ ก็คงมีแต่ต้องยอมรับสถานเดียว "หา!?" เด็กหญิงร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะพยายามถอดชุดเรือด้วยความทุลักทุเล ในหน้าของเธอซีดเผือดตามฝ่ายชายไปด้วย

    "แกมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ!" แล้วทั้งสองก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นแสนคุ้น "แหม... วันนี้ฉันไม่มีซ้อมนี่นา ก็เลยไม่มีอะไรทำเหมือนนายนั่นแหละ" เสียงนั้นไม่ได้มีแค่หนึ่ง แต่มีถึงสองคน! น..นั่นมันเสียงของโกคุเดระกับยามาโมโตะนี่นา!! แย่แล้วสิ.. สึนะคิดอย่างลนลาน รวมไปถึงฮารุด้วย เมื่อเสียงทะเลาะกันของทั้งคู่ เข้ามาใกล้กับประตูห้องเรื่อยๆ

    "เฮ้ย! แกว่าใครไม่มีอะไรทำฟะ อย่าเอาฉันไปเหมารวมกับแกนะเว้ย!!"

    "ก็ตะกี้นี้ยังเห็นนายพ่นควันปุ๋ยๆที่สวนสาธารณะ พร้อมกับบ่นให้นกพิราบฟังว่า 'ว่างจัง' อยู่เลยนี่นา"

    "หาาา! นี่แกเห็นด้วยเรอะ"

    สุดท้ายประตูก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มทั้งสองคน "ไงสึนะ" ยามาโมโตะทักทายด้วยรอยยิ้มเหมือนอย่างเคย "อรุณสวัสดิ์ครับรุ่นที่สิบ ขอรบกวนด้วยนะครับ" โกคุเดระเองก็ยิ้มแย้มเช่นกัน เพียงแต่มือของเขากำลังกระชากคอเสื้อหนุ่มนักกีฬาอยู่ "หืม? อะไรกันเนี่ย ห้องรกขนาดนี้" ทั้งคู่หยุดตีกันแล้วหันมาสนใจสภาพห้องที่เละเทะราวกับมีพายุเข้า

    "ชีวิตฉัน...จบสิ้นแล้ววว!!" สึนะร้องออกมาทั้งน้ำตา "ฉันคงต้องไปมอบตัวแล้วสินะ!" จากนั้น  ฮารุก็ร้องไห้โฮตามเด็กชายไปด้วย "ฮารุจอรอจนกว่าคุณสึนะจะออกจากคุกค่ะ!....จะเขียนจดหมายส่งให้เยอะๆเลยด้วยย" สองหนุ่มสาวพากันร้องไห้ออกมา ผิดกับโกคุเดระและยามาโมโตะ ที่ยังคงหน้าเหวออยู่
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    "ใจเย็นๆก่อนเถอะ...ยังไม่แน่ใจว่านายเป็นคนทำสักหน่อย"  ร่างสูงของนักกีฬาพูดปลอบใจ  "นั่นสิครับ เจ้าหมอนี่มันตายแน่หรอ" ตามมาด้วยหนุ่มอิตาลีตำแหน่งมือขวา ที่รีบพูดให้บอสของตัวเองใจเย็นลง "ก..ก็เลือดมันนองเลยนี่นา" สึนะพูดเสียงแผ่วด้วยความไม่แน่ใจ ดังนั้นโกคุเดระจึงได้ทำหน้าที่มือขวาที่ดี โดยการ....

    "เฮ้ย!! ถ้าไม่ลุกขึ้นมาจะเอาบุหรี่จิ้มนะเว้ย!" โดยการขู่แถมยื่นบุหรี่ไปใกล้ๆหน้าศพ "โกคุเดระคุง ไปทำอะไรอย่างนั้นเล่า!" เด็กหนุ่มผู้โชคร้ายโวยวาย ก่อนที่ทุกคนจะตกใจ เมื่อเห็นว่าศพมันแอบขยับเล็กน้อย ตอนที่ขี้เถ้าบุหรี่หล่นใส่หน้า
    "ข..ขยับแล้ว"

    "ยังไม่ตายจริงๆหรอเนี่ย"

    "ฮาฮิ! ต..ต้องเรียกรถพยาบาลแล้วค่ะ"

    ทั้งสี่คนพากันลนลาน จนกระทั่งรีบอร์นที่ยืนดูอยู่นานพูดขึ้นมา "ไม่ต้องหรอก...ฉันเรียกหมอมาแล้ว" ร่างเล็กพูดพร้อมรอยยิ้ม หากเป็นคนอื่นก็คงไม่คิดอะไร แต่สำหรับซาวาดะ สึนะโยชิ ผู้ที่รู้สันดาน--- รู้ลึกถึงนิสัยที่แท้จริงจากเจ้าเด็กชุดสูทนี่ เขาขอบอกได้เลยว่า 
    ไม่ น่า ไว้ ใจ

    "ด็อกเตอร์ชามาลไงล่า" พูดด้วยน้ำเสียงอันสดใส พลางลากชายคนหนึ่งมาด้วย เมาแอ๋เลยนี่หว่า! จะไหวมั้ยเนี่ย เด็กชายคิดเมื่อเห็นสภาพของคนที่นอนอยู่บนพื้น หน้าแดงก่ำแถมกลิ่นเหล้าหึ่งขนาดนี้ เมาชัดๆ  "หมอนี่มัน.." โกคุเดระพึมพำเบาๆ ทำให้ยามาโมโตะต้องหันไปถามว่า "รู้จักหรอ"

    จากนั้นโกคุเดระก็เล่าให้ฟังว่า ด็อกเตอร์ชามาลเคยเป็นหมอประจำคฤหาสน์ของเขา เวลาเจอหน้ากันทีไรก็จะควงสาวไม่ซ้ำหน้า แล้วพอโกคุเดระถาม เขาก็แถว่าเป็นน้องสาวตลอด "ตอนเด็กฉันเลยหลงเชื่อว่ามันมีน้องสาวถึง62คน!" เด็กหนุ่มพูดด้วยความเจ็บใจ แต่นั่นทำให้คนที่สูงที่สุดในกลุ่มหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

    "รีบๆมาดูคนไข้เถอะครับ" สึนะบอกกับหมอพลางชี้ไปที่ร่างของผู้ชาย "เออใช่..มีคนป่วยใกล้ตายอยู่สินะ ไหนๆ" ด็อกเตอร์ชามาลลุกขึ้นมา แต่แทนที่จะไปตรวจคนไข้ เขากลับเดินไปจับหน้าอกของฮารุที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในห้องซะงั้น "กรี๊ดดด!! ทำบ้าอะไรของคุณน่ะ!" ดังนั้นเขาจึงถูกหมัดสาวน้อยชกเข้าอย่างแรง "คนเจ็บน่ะ มันคนนี้ต่างหากล่ะ" เด็กชายชี้ไปที่ร่างที่กองอยู่บนพื้น แต่อีกฝ่ายทำเพียงชายตามอง "จะต้องให้พูดอีกกี่ครั้งถึงจะเข้าใจ...บอกแล้วไงว่าฉันไม่รักษาผู้ชาย"

    พอเขาพูดจบ รีบอร์นก็โพล่งขึ้นมาว่า "จะว่าไปก็จริงแฮะ" พูดแบบนี้แสดงว่ารู้อยู่แล้ว แต่ก็ยังจะพามาอีก นั่นทำให้สึนะโวยวายยกใหญ่ "หมอนี่ยังทุเรศเหมือนเดิมเลย" โกคุเดระบ่นด้วยสีหน้าขยะแขยง ความทรงจำที่ด็อกเตอร์ชามาลควงผู้หญิงแบบไม่ซ้ำหน้ายังคงติดอยู่ในหัว "ฮะๆ ฉันว่าตลกดีออก" ส่วนยามาโมโตะก็ยังเห็นเป็นเรื่องสนุกเหมือนเคย

    ก็อกก็อก
    เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ทำให้ทุกคนหันไปสนใจประตูบานนั้น ค..ใครกันน่ะ.. พวกเขาคิด เหงื่อเริ่มไหลไปตามกรอบหน้า ถ้าหากเป็นคุณแม่ของสึนะ ก็ยังพอแถให้เชื่อได้ แต่ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็.. แล้วประตูก็ถูกเปิดออก คนที่เข้ามาใหม่ก็คือ.. "สึบากิจัง!"

    สึบากิ ยูกะ ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้างุนงง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาต้องตกใจกันขนาดนั้นด้วย "อรุณสวัสดื์.." เธอกล่าวทักทายเบาๆ ยังไงซะก็รู้จักกันแล้ว จะคุยด้วยสักหน่อยก็คงไม่เสียหาย อีกอย่างเธอจะได้ไม่ดูหยิ่งเกินไปด้วย "ว่าแต่...สึบากิจังมีธุระอะไรหรอ" เจ้าของห้องถามด้วยความเลิ่กลั่ก "อ๋อใช่.. สมุดการบ้านวิชาภาษาอังกฤษของฉันที่นายขอไปลอกน่ะ เมื่อไหร่จะคืนสักที ฉันต้องเอาไปส่งวันจันทร์นี้แล้วนะ" สึบากิบอก น้ำเสียงของเธอดูเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อย ผิดกับสึนะที่หน้าซีดอีกรอบ เพราะว่าเขายังทำ(ลอก)การบ้านไม่เสร็จเลยน่ะสิ 

    "สาวน้อยน่ารัก!" ชามาลผู้ซึ่งหน้าม่อและหัวงู เมื่อเห็นเด็กสาวอย่างสึบากิ ก็รีบพุ่งเข้ามาหมายจะทำอะไรไม่อาจทราบได้  แต่โชคดีที่เธอเบี่ยงตัวหลบได้ทัน ทำให้เจ้าคนหื่นวิ่งไปชนกำแพงทันที เจ้าของเรือนผมสีช็อกโกแลตหันกลับมาสนใจในห้องต่อ แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างของผู้ชายที่นอนอยู่ตรงพื้น "นั่นใครน่ะ" 

    เมื่อเลื่อนไปมองตามที่นิ้วของเธอกำลังชี้อยู่ ก็จะพบว่านั่นคือศพที่พวกเขากำลังวุ่นวายอยู่นั่นเอง ขณะที่สึนะกำลังคิดหาข้ออ้างมาแถอยู่นั้น ฮารุก็แทรกขึ้นมา "แง!! คุณสึนะของฮารุฆ่าคนไปแล้วค่ะ แต่ฮารุก็จะคิดถึงคุณสึนะเสมอนะคะ!" เด็กหญิงผมหางม้าร้องออกมาทั้งน้ำตา อ้าก!!! เธอจะไปบอกเขาทำไมเล่า!! สึนะคิดอย่างหวาดผวา รวมถึงคนอื่นๆก็ด้วย พวกเขามองไปที่สึบากิเพื่อดูปฏิกิริยา

    ร่างบางไม่ได้แสดงสีหน้าหรือพูดอะไร เธอเพียงแค่หยิบมือถือออกมากด "ทำอะไรน่ะสึบากิจัง" ยามาโมโตะถาม สึบากิเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย "ก็แจ้งตำรวจไง.." เธอว่าพลางกลับไปกดโทรศัพท์ต่อ และประโยคพูดนั้นก็ทำให้ตัวต้นเรื่องอย่างสึนะโยชิโวยวายเสียงดัง "ด..ด..ด..เดี๋ยวก่อน!! อย่าพึ่งแจ้งตำรวจนะ คือว่า..เอ่อ... ย..ยังไม่แน่ใจเลยนะว่าเขาตายหรือยัง.....ใช่มั้ยครับ ด็อกเตอร์ชามาล" ในช่วงท้ายเขาได้หันไปถามหมอเพียงคนเดียวในห้องนี้ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์

    "อือ ถ้าม่านตาเบิดโพลง หยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้นล่ะก็ ถือว่าเดี้ยงแน่นอน100%" ชามาลพูดขณะที่ลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล เมื่อได้ยินดังนั้น พวกเขาจึงทำการทดสอบว่าผู้ชายตรงพื้นตายหรือยัง "ม่านตาเบิกอ้าซ่าเลยค่ะ"  ฮารุที่ก้มลงไปมองพูดขึ้น "หยุดหายใจ นิ่งสนิท" ตามมาด้วยยามาโมโตะที่เอาแผ่นกระดาษไปอังที่จมูก "ส่วนหัวใจ..." ปิดท้ายด้วยโกคุเดระที่กำลังฟังเสียงหัวใจอยู่ แต่ว่า

    "ขี้เกียจเต้นไปซะแล้วล่ะ" นั่นหมายถึง... ชายผู้โชคร้ายตรงนี้ได้ตายไปแล้วจริงๆ ทุกคนพากันทำหน้าพะอืดพะอม "สงสัยจะตายตอนที่ฉันมัวทำบ้าบออยู่ล่ะมั้ง...เป็นศพแล้วก็ไม่เกี่ยวกับฉันล่ะ บาย" ผู้เป็นหมอโบกมือลาก่อนจะเดินออกไป โดยไม่สนใจเสียงตะโกนด่าไล่หลัง "คราวนี้แจ้งตำรวจได้แล้วสินะ" สึบากิที่ยืนดูอยู่ว่าพลางเอาโทรศัพท์ออกมาอีกรอบ

    "ว้าย!" ยังไม่ทันได้ทำอะไร เธอก็ร้องออกมาเสียงหลง เพราะตอนนี้เธอถูกสองหนุ่มอย่างโกคุเดระและยามาโมโตล็อคแขนเอาไว้ทั้งสองข้าง ส่วนมือถือของเธอก็ร่วงไปอยู่ที่พื้นไปแล้ว "sorryนะคะสึบากิจัง แต่ฮารุจำเป็นต้องทำค่ะ เพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ของคุณสึนะ" เด็กสาวทรงผมหางม้าพูด พร้อมกับค่อยๆเอาเทปมาปิดปากของสึบากิ

    "โอ๊ยย!ไม่ไหวแล้ว นี่ฉันฆ่าคนจริงๆหรอเนี่ย!!" สึนะโวยวายด้วยความสิ้นหวัง อนาคตของเขาคงจะจบสิ้นลงแล้ว แอบเห็นใจสึบากิเล็กน้อยที่กำลังถูกมัดมืออย่างทุลักทุเล แต่ว่าเขาไม่อยากโดนตำรวจมาลากตัวไปสักเท่าไหร่ "สำหรับเหตการณ์แบบนี้ ฉันเรียกอีกคนมาแล้วล่ะ" เด็กชายหันไปหาครูพิเศษที่พูดขึ้นมา ในใจลึกๆก็แอบคาดหวังเล็กน้อยว่าเจ้าเด็กตรงหน้าจะช่วยอะไรได้ จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ ท่าทางจะคันใหญ่เสียด้วย ระหว่างที่กำลังสงสัยอยู่นั้น ร่างของใครบางคนก็กระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง

    "ไง"

    ฮิบาริ เคียวยะ คือคนที่พึ่งขับมอเตอร์ไซค์และกระโดดเข้ามาในห้อง ทุกๆคนตกใจกับการมาของเขาเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจท่าทางเหล่านั้นสักนิด "วันนี้ไม่ได้มาสนุกกับพวกนายหรอกนะ---หืม" ฮิบาริมองไปรอบห้อง ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นคนที่คุ้นหน้า เด็กสาวที่เป็นผู้ช่วยชั่วคราวของเขา กำลังถูกมัดแถมยังโดนปิดปากไว้ด้วย ปกติแล้วเขาจะไม่แยแสใครเลย แต่ไม่รู้ทำไมคราวนี้ เขาถึงรู้สึกหงุดหงิดชอบกล

    ด้วยความที่จู่ๆฮิบาริก็ปล่อยรังสีกดดันออกมา ทำให้สึนะทั้งตกใจและแปลกใจ ทำไมอยู่ๆก็โมโหล่ะเนี่ย เขามองตามหัวหน้ากรรมการคุมกฏที่เดินไปทางสึบากิ "หลบไป!" เด็กหนุ่มบอกกับทั้งสามที่เป็นคนมัดร่างบางเอาไว้ เมื่อเห็นว่าพวกสัตว์กินพืชหลบทางให้แล้ว เขาก็แก้มัดให้กับเจ้าของดวงตาสีน้ำเงินเข้มทันที

    "ฉันมาเพื่อสร้างบุญคุณกับเจ้าหนูโดยเฉพาะ เรียกว่าการแลกเปลี่ยนก็ได้" หลังจากที่แก้มัดเสร็จ ฮิบาริก็เดินไปทางศพที่นอนอยู่ "อืม" ดวงตาเรียวคมมองสำรวจร่างของชายนิรนาม ก่อนจะยกเท้าขึ้นมาเหยียบที่ศพ "ไม่เลวนี่! ยิงเข้าหัวใจนัดเดียวจอด" เขาพูดด้วยใบหน้าแสยะยิ้ม ถึงจะฟังดูเป็นคำชมก็เถอะ แต่สำหรับสึนะแล้วมันช่างน่ากลัวเหลือเกิน

    "อื้อ! ฉันเอาศพนี่ไปกำจัดให้ก็ได้" ฮิบาริพูด  "เฮ้ย!! นายพูดอะไรน่ะ" ทำให้สึนะถึงกับตกใจและร้องออกมา "ก็เขาจะกำจัดศพทิ้งให้เหมือนว่าไม่มีการฆาตกรรมเกิดขึ้นไง" รีบอร์นอธิบายเพิ่มเติม ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด "เดี๋ยวผมจะส่งพวกกรรมการคุมกฎมาจัดการให้ อ้อแล้วก็..." เจ้าของเส้นผมสีดำขึ้นไปยืนที่หน้าต่างอีกรอบ เพื่อเตรียมจะกระโดดออกไป เขาหันกลับเข้ามาในห้อง "คุณสึบากิ ช่วยตามผมออกไปด้วย ผมมีงานให้คุณทำ" พูดจบเขาก็กระโดดออกไป ส่วนเด็กสาวที่ถูกเรียกนั้น ก็ลุกขึ้นเก็บของ บอกลาพวกเขาเล็กน้อยแล้ววิ่งตามฮิบาริไป สักพักก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซต์ เป็นสัญญาณว่าทั้งสองไม่ได้อยู่ที่หน้าบ้านแล้ว
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    หลังจากที่วุ่นวายกับศพมานาน สุดท้ายก็เฉลยว่าเขาเป็นคนของวองโกเล่(อีกแล้ว) มีความสามารถในการแกล้งตายเป็นอย่างดี ถึงขั้นทำให้หัวใจหยุดเต้นเลยทีเดียว เขามาเพื่อแกล้งรุ่นที่สิบอย่างสึนะโดยเฉพาะ คงต้องขอบคุณโกคุเดระที่จุดระเบิดออกมา ทำให้ผู้ชายคนนี้ต้องลุกขึ้น และโป๊ะแตกในที่สุด แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย(ถ้าไม่นับสภาพห้องที่เละเทะกว่าเดิม) ถือว่าเรื่องก็จบลงด้วยดีแล้วกัน





    ทีนี้...เราไปดูฝั่งของสึบากิกับฮิบาริกัน..




    บรรยากาศยามเย็นในเมืองนามิโมริค่อนข้างสวยงาม ท้องฟ้าที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีส้ม และอากาศที่เย็นตัวลง.. ณ บนถนนอันไร้ซึ่งผู้คน มีรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเท่ารถตำรวจอยู่คันหนึ่ง เจ้าของรถคันนั้นก็คือ หัวหน้ากรรมการคุมกฎ หรืออีกตำแหน่งหนึ่ง หัวหน้านักเลงประจำเมือง ฮิบาริ เคียวยะขับรถมอเตอร์ไซค์โดยที่ไม่มีใบขับขี่ เพราะกฏหมายทำอะไรเขาไม่ได้ ขนาดตำรวจยังกลัวเลย

    ไม่ใช่แค่ฮิบาริที่ขับรถอยู่ ข้างหลังของเขาก็มีร่างบางของหญิงสาว นั่งซ้อนท้ายมาด้วย เรือนผมยาวสีดาร์คช็อคโกแลตปลิวไปตามสายลม นัยน์ตากลมโตสีแพนโทนช้อนขึ้นมองร่างสูง "เอ่อ..รุ่นพี่คะ" เธอเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบมานาน ถึงแม้ว่าจะไม่มีเสียงตอบกลับ แต่สึบากิ ยูกะก็เชื่อว่าอีกฝ่ายฟังอยู่ "ไหนรุ่นพี่บอกว่า จะให้ฉันทำงานไม่ใช่หรอคะ.. นี่เราขับรถวนไปมาหลายรอบแล้วนะคะ"

    ทันใดนั้น รถก็เบรกอย่างกระทันหัน จนหัวของเด็กสาวกระแทกเข้าที่แผ่นหลังคนด้านหน้าอย่างแรง ฮิบาริหันหลังมา ดวงตาของทั้งสองประสานกัน แต่คิดว่าพวกเขาจะเกิดอาการเขินมั้ย?...ไม่ ไม่มีใครเขินหรือใจเต้นกับเหตุการณ์นี้หรอก "งานที่ว่าก็คือขับรถรอบเมือง และคอยดูว่ามีสัตว์กินพืชตัวไหนมันก่อเรื่องหรือเปล่า.... คุณมีปัญหาหรอ?" เขาถามด้วยเสียงเย็นๆ ทำให้สึบากิส่ายหน้าเบาๆ ว่าแต่ทำไมต้องให้เรามาด้วยล่ะ..
    ปกติแล้วฮิบาริ เคียวยะ ไม่ค่อยจะเอารถออกมาขี่สักเท่าไหร่ เขาชอบที่จะเดินตรวจรอบเมืองมากกว่า แต่วันนี้เขารู้สึกว่าพิเศษกว่าปกติ มันทำให้เขารู้สึกว่า....

    ขับรถรอบเมือง....ก็ดีไปอีกแบบ..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×