คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 一日記 : Kasen Kanesada
一日記
“Kasen Kanesada”
ตลอดกาล...
เขาได้สัมผัสคำคำนี้มาอย่างยาวนาน จนคล้ายกับทุกสิ่งไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีจุดจบ ก็แค่ปล่อยเวลาให้ไหลไป ปล่อยให้ไหลไป ไม่ต้องสนใจสิ่งใดเหมือนอย่างยามจับพู่กันเขียนภาพหรือแต่งโคลงกลอน
แต่แม้ครอบครองตลอดกาลไว้ในกำมือ ก็ราวกับมันไม่มีความหมายใด
จนกระทั่ง...
“สำเร็จแล้ว”
“ยินดีที่ได้เจอนะ คะเซ็นคาเนะซาดะ”
ตอนนั้นเองที่ช่วงเวลาตลอดกาลมีความหมายขึ้นมา
จะดีเพียงใดถ้าหากว่า...
เขาชื่อคะเซ็นคาเนะซาดะ
เป็นอุจิกาตานะ...ถูกอัญเชิญวิญญาณออกมาโดยซานิวะ
เธอชื่อมาซามุเนะ ทาคาระ
เป็นซานิวะ อัญเชิญวิญญาณของเขาออกมาเป็นคนแรก
เธอไม่ใช่คนพูดมากนัก แต่ก็หนักแน่นและมีความมั่นใจในตัวเอง
กระนั้นเขาก็ยังจำได้ดี คำว่า “ยินดี” ที่เธอบอกเขาในคราแรก มันแฝงไว้ซึ่งความโล่งใจ เหมือนกับว่าความกังวลทั้งหมดจะสิ้นไปเพียงเพราะอัญเชิญวิญญาณของเขาออกมาได้ เขารู้สึกอย่างนั้น ดังนั้นจึงยินดีไปกับเธอแม้จะยังไม่รู้จักเจ้านายคนใหม่ดีนัก
หลังจากถูกอัญเชิญออกมาไม่นาน เธอก็ส่งเขาออกไปรบ
อาจเป็นเพราะครั้งแรก เพราะตัวคนเดียว หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ แม้จะชนะมาได้แต่ตัวเขาเองก็บาดเจ็บหนักเช่นกัน เมื่อกลับเรือนเธอจึงส่งเขาเข้าโรงซ่อมอย่างไม่ลังเล
“ไม่ต้องห่วง” เธอบอกพร้อมกับฝืนส่งยิ้มมั่นใจ “ครั้งหน้าจะไม่ให้เธอต้องบาดเจ็บอีก ฉันจะหาทหารให้ จะหาสหายร่วมรบมาให้ด้วย ดีไหมคะเซ็น?”
เขาย่อมต้องบอกว่าดี
ด้วยแม้เธอจะหยักยิ้มอย่างมั่นใจเป็นสัญญาณว่าทุกอย่างต้องสำเร็จ แต่ในดวงตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความกังวลอย่างยิ่ง
ไม่รู้ว่าจะหลงตนเกินไปหรือไม่ที่คิดว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะเขาบาดเจ็บกลับมา
แต่ถึงอย่างนั้น ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ไม่อยากเห็นความกังวลในดวงตาคู่นั้น อยากให้มันเต็มไปด้วยความยินดีเหมือนเมื่อแรกที่พบกันมากกว่า
ทำไมถึงปรารถนาเช่นนั้น?
มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? คนเราย่อมอยากมีความสุข อยากให้คนใกล้ตัวมีความสุข ส่วนเขาที่เป็นดาบ...ย่อมอยากให้เจ้านายมีความสุข
แม้ว่าสถานการณ์ที่นำพาพวกเขามาพบกันจะเลวร้าย มีเพียงการเผชิญหน้ากับศัตรูและสงครามก็ตามที
แล้วเธอก็ทำอย่างที่พูดจริงๆ ทั้งหากองทหาร และหาดาบเล่มใหม่มาอัญเชิญจิตวิญญาณเพื่อร่วมทัพกับเขา เมื่อส่งเขาไปรบ เธอจึงส่งยิ้มมั่นใจอันเป็นรอยยิ้มประจำตัวให้โดยไม่อวยพร แต่กำชับว่า “ห้ามแพ้กลับมาล่ะ”
เขาหัวเราะ “แน่นอน ท่านซานิวะ”
โฮริคาวะที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มกว้างรับคำและชูหมัดอย่างมุ่งมั่น “จะไม่แพ้แน่นอนครับ! เมื่อไรที่คาเนะซังมา คาเนะซังจะได้ภาคภูมิใจในตัวผม!”
เธอยิ้มเอ็นดู ยกมือขึ้นลูบหัวโฮริคาวะ “ฉันก็จะพยายามเหมือนกัน สัญญาเลย”
ซากุระที่เรือนโปรยปราย
มันคงเป็นภาพที่งดงามหากพวกเขาได้อยู่อย่างสงบสุข ไม่ต้องเทียวไปเทียวมารบเช่นนี้
แต่หากไม่มีสงครามแล้ว...ดาบอย่างพวกเขาจะยังมีประโยชน์อันใด
แล้วเธอกับเขา...คงไม่ต้องมาเจอกันใช่หรือไม่
เช่นนั้นแล้ว...มันคงจำเป็นต้องเป็นแบบนี้
เป็นภาพอันงดงามซึ่งมีฉากหลังคือสงคราม
“ไม่มีบาดแผลใช่ไหม?” เธอถามขณะจับตัวเขาหมุนไปมาเพื่อตรวจสอบ จากนั้นก็ยิ้มโล่งอก “ดีมาก” แล้วก็หันไปหาโฮริคาวะ “โฮริคาวะล่ะ?”
“สบายมาก ไม่บาดเจ็บเลยสักนิดครับ!”
“ดีแล้ว” ท่านซานิวะออกปากชมเชย “อิซึมิโนะคามิจะต้องภูมิใจแน่ๆ”
“เอ๋...คาเนะซัง...?” โฮริคาวะทวนออกมาเล็กน้อย ก่อนจะทำตาเป็นประกาย “จริงหรือครับท่านซานิวะ!?”
เจ้านายของพวกเขาหัวเราะอยู่ในลำคอน้อยๆ แล้วยิ้มเอ็นดู “หากไม่จริงจะพูดหรือ?” เธอว่า “เลี้ยงม้าอยู่กับมิดาเระน่ะ”
“งั้นผมจะไปช่วยอีกแรงนะครับ!” สิ้นคำก็พรวดพราดลุกออกไป เสียงวิ่งตึงตังไปตามพื้นไม้นั้นดังจนน่ากลัวว่านอกจากจะต้องใช้ทรัพยากรในการตีดาบแล้ว อาจจะต้องนำมาซ่อมพื้นด้วย
คะเซ็นยิ้ม เอ่ยถามผู้เป็นนาย “หมดวัตถุดิบไปเท่าใดกัน?”
“หมดมาก” เธอยอมรับ “แต่ก็ยังเหลือมากพอ” แล้วทวนปณิธานของตนเอง “กองทัพของเราต้องแข็งแกร่ง พวกเธอจะแข็งแกร่ง ฉันจะช่วยและพยายามอย่างเต็มที่”
“ท่านจะโอ๋ดาบมากเกินไปแล้ว” เขาบอก “ไม่ได้ใช้ศักยภาพที่แท้จริงนานๆ เข้าจะทื่อเอาได้นะ”
“ถึงท่าไม้ตายของเธอจะงดงามก็เถอะนะ คะเซ็น” ทาคาระพูดอย่างจริงจัง “แต่ถ้ามันแลกด้วยการเห็นเธอบาดเจ็บล่ะก็ เห็นเธอฆ่าศัตรูในดาบเดียวคงดีกว่า”
“นั่นเรียกว่าท่านหวังสูงแล้ว ท่านซานิวะ” คะเซ็นพูดยิ้มๆ แต่แล้วเขาก็ชะงัก “เดี๋ยว...ท่านไปเห็นท่าไม้ตายของผมตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
เธอนิ่งไป
“ท่านตามไปหรือ?”
เธอเม้มปาก แล้วพยักหน้า
“ทำไม? เมื่อไร?”
“ก็ทุกครั้ง...ฉันก็แค่ไปดู ทนรอที่เรือนเฉยๆ ไม่ได้น่ะ”
“ท่านไม่เห็นต้องแอบตาม ไปด้วยเลยก็ได้นี่”
“แบบนั้นก็ต้องอยู่กองหลัง ใช่ไหม? ต้องอยู่ในที่ที่มีคนคุ้มกันเพียงพอด้วยใช่ไหม? ฉันไม่ได้ต้องการแบบนั้น ไม่ต้องการให้พวกเธอห่วงหน้าพะวงหลังแบบนั้นเลยสักนิด” ไม่บ่อยนักที่เธอจะอธิบายยืดยาว แต่คะเซ็นก็ไม่ได้ถือเป็นโอกาสพิเศษ เพราะประเด็นที่พูดถึงนั้นออกจะน่ากังวลเสียมากกว่า “ฉันอยากให้ทัพมีประสิทธิภาพสูงสุดและอยากเห็นภาพนั้นด้วยสองตา เธอเข้าใจหรือเปล่า?”
แน่นอนว่าเขาเข้าใจ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้เธอทำอย่างนั้นอีก
“ถ้าอย่างนั้นต่อจากนี้...”
“ฉันจะไม่ตามไปอย่างเป็นทางการแล้วอยู่กองหลัง” เจ้านายของเขายืนกรานออกมาเองก่อนที่เขาจะพูดจบเสียอีก “แต่ถ้าหากมั่นใจแล้วว่าพวกเธอไม่น่าเป็นห่วง และจะไม่บาดเจ็บกลับมาทุกครั้ง ไม่สูญเสียทหารไปสักคน ฉันจะยอมรออยู่ที่เรือนนี่”
“แบบนั้นมัน...”
ไม่มีทางเป็นไปได้
หากบอกว่าไม่ให้บาดเจ็บกลับมา หากฝึกฝน ขัดเกลาทักษะให้มากเขาย่อมทำได้ แต่ครั้นไม่ให้เสียทหารไปสักคน...เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
“ฉันจะไปดูอิซึมิโนะคามิกับโฮริคาวะสักหน่อย โฮริคาวะตื่นเต้นออกขนาดนั้นพวกม้าอาจจะตื่นตามก็ได้” เธอตัดบท ก่อนจะเดินจากไปยังไม่วายกำชับว่า “แล้วฝากเรื่องมื้อเย็นด้วยนะคะเซ็น ให้ฉันลงมือเองฉันคงได้ส่งพวกเธอเข้าโรงซ่อมแน่ๆ”
คะเซ็นถอนหายใจ ท้ายสุดก็ทำใจและส่งยิ้มให้เธอ
“ทราบแล้ว”
นับแต่นั้น ยามออกรบเขาก็รู้สึกว่าตัวเองมีสมาธิน้อยลง แต่ดุเดือดมากขึ้น ลงมือหนักมากขึ้น
อิซึมิโนะคามิ โฮริคาวะ และมิดาเระไม่มีใครรู้ มีแต่เขาที่รู้...
รู้ว่าท่านซานิวะของพวกเขามองอยู่จากที่ใดสักแห่ง อยู่ใกล้ๆ นี้
บางทีอาจจะถูกศัตรูจับได้ บางทีอาจจะมีอันตราย
แต่ทุกที...เขาก็เห็นเธอปลอดภัยอยู่ทุกที กลับไปถึงเรือนก่อนพวกเขา ตรวจสอบอาการบาดเจ็บ และบางครั้งก็ดุก่อนจะส่งพวกเขาเข้าโรงซ่อม ทำเหมือนนั่งรออยู่แต่ในเรือน ที่จริงเขาก็น่าจะวางใจได้แล้ว
แต่กลางสมรภูมิเช่นนั้นไม่มีอะไรให้วางใจได้เลย
ยิ่งเธอไปอยู่มุมไหนก็ไม่รู้ ครั้นจะละออกจากการต่อสู้มามองหาร่องรอยแม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่ได้ พอการรบจบลงก็รู้ว่าเธอคงกลับไปแล้วแน่ๆ
บางทีเขาก็ลองคิดดู
เมื่อเขาถามในครั้งนั้น เธอมีสิทธิ์ที่จะเงียบ ไม่ตอบไปเสียเลยก็ได้ ตัดบทไปตั้งแต่แรกเลยก็ยังได้
แต่เธอบอกเขา ชี้แจงเหตุผลอีกยืดยาว
เขารู้ว่าเพราะเธอเชื่อใจ เพราะความผูกพันในฐานะที่เขาเป็นดาบเล่มแรกของเธอ
แต่บางที...อาจจะเป็นเพราะอย่างนี้หรือเปล่า...
เธอปรารถนากองทัพที่แข็งแกร่ง เพื่อที่พวกเขาจะไม่บาดเจ็บ เพื่อให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด
ดังนั้นจึงยอมให้เขารู้เรื่องนี้ ไม่ใช่เพื่อให้คอยมองหาในสนามรบ แต่เพื่อให้เผด็จศึกให้เร็วที่สุด เป็นการบังคับและดึงศักยภาพของเขาออกมาอย่างละมุนละม่อมที่สุด
ถ้าเช่นนั้นก็ย่อมได้
เพื่อเธอที่ร่วมสมรภูมิเดียวกัน แต่กลับมองไม่เห็นแม้เพียงเงา
เขาจะทำ จะบั่นคอศัตรูให้เร็วที่สุด ให้มากที่สุด นับสิบ นับร้อย เขาก็จะทำ ทำให้มากกว่าที่เคยทำมา
ท่านต้องการอย่างนี้ใช่หรือไม่...ท่านซานิวะ
วันหนึ่งที่อากาศแจ่มใส แดดและลมค่อนข้างดี ไม่ต้องออกไปรบ แถมยังไม่ถูกสั่งให้ไปทำนาหรือเลี้ยงม้า คะเซ็นจึงซักผ้าแล้วนำออกมาตาก อาจจะเหมือนทำงานแม่บ้าน แต่เขาก็มีความสุขดีกับการสะบัดผ้าพรึ่บแล้วพาดมันเข้ากับเชือกที่ขึงไว้เป็นราวตาก ที่จริงแล้วอยู่ตรงนี้ก็มองเห็นอิซึมิโนะคามิกับโฮริคาวะที่ทำนาอยู่ไกลๆ ได้ สองคนนั้นก็ดูท่าทางมีความสุขดี
อา...ถ้าไม่ต้องออกไปรบแบบนี้นานๆ คงจะดีไม่น้อย
“คะเซ็นซังขยันจัง” เสียงหัวเราะเล็กๆ ดังขึ้นจากทางด้านหลัง เขาหันไปส่งยิ้มให้กับมิดาเระผู้กำลังอุ้มแจกันดอกไม้ไว้
“นั่นอะไรน่ะมิดาเระคุง?”
“นี่น่ะเหรอ? ท่านซานิวะให้ผมมาน่ะ” มิดาเระยิ้มตอบแล้วยื่นแจกันให้เขาดูด้วยท่าทางน่ารัก “ท่านซานิวะจัดดอกไม้เองด้วยน้า~”
“หืม?” คะเซ็นส่งเสียงในลำคออย่างแปลกใจ ละจากการตากผ้าแล้วรับแจกันจากมิดาเระขึ้นมาดู ท่านซานิวะของเขาทำงานละเอียดอ่อนได้ไม่ดีสักอย่าง กระทั่งงานบ้านบางอย่างที่ไม่ต้องละเอียดลออนักก็ยังทำได้ไม่ดี และโดยปกติหากมีเวลาว่างเธอมักจะหารือกับช่างตีดาบ(และเริ่มปล่อยวางจากความคิดที่จะตีดาบที่แข็งแกร่ง มาเคี่ยวเข็ญให้พวกเขาแข็งแกร่งแทน)หรือไม่ก็อ่านตำราพิชัยยุทธ์ อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาจัดดอกไม้ใส่แจกันแล้วยกให้มิดาเระจึงฟังดูเหมือนเธอเดินสะดุดฮากามะล้มหัวฟาดชานเรือนแล้วสมองเสื่อมมากกว่า
แต่เมื่อดูแจกันในมือของมิดาเระชัดๆ เขาจึงเห็นว่าถึงท่านซานิวะจะนึกครึ้มอกครึ้มใจจัดดอกไม้ มันก็ยังเป็นการจัดดอกไม้ที่แปลกประหลาด ทุกอย่างดูขัดกันและไม่เข้าที่เข้าทางอยู่ดี
ก็สมเป็นเธอดีอยู่หรอก
แปะ!
ในตอนที่เขากำลังจะจัดแต่งดอกไม้ในแจกันให้เข้าที่เข้าทางและดูสวยงามตามนิสัย มิดาเระก็ตีมือเขาดังแปะแล้วแย่งแจกันไปอุ้มไว้เหมือนเดิม
“อันนี้ท่านซานิวะให้ผมมานะ ไม่เห็นต้องแก้ให้ดูสวยกว่าเดิมเลย” หนุ่มน้อยที่แลดูเหมือนสาวน้อยบอกเขาอย่างนั้น “ถ้าคะเซ็นซังเห็นตอนท่านซานิวะจัดดอกไม้ล่ะก็ ต่อให้เป็นแบบนี้แต่คะเซ็นซังจะอยากรักษามันไว้สุดชีวิตเลยล่ะ”
“อย่างนั้นหรือ?”
“อื้ม!” มิดาเระพยักหน้าหงึกหงัก “ถ้างั้นผมเอาแจกันไปเก็บก่อนนะ ตากผ้าสู้ๆ นะคะเซ็นซัง~!”
แล้วหนุ่มน้อยมีดพกประจำทัพก็เดินจากไป เขาก็หันไปตากผ้าต่อจนเสร็จ ยืนมองอิซึมิโนะคามิกับโฮริคาวะทำนากันต่ออีกสักหน่อย แล้วตัดสินใจเดินไปหาท่านซานิวะ
เธอยังคงนั่งจัดดอกไม้อยู่ และดูมีความสุขเป็นพิเศษ
แม้ไม่ได้มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าหรือดูมั่นใจอย่างเคย เพียงแค่ฮัมเพลง จัดดอกไม้ไปตามใจชอบ แต่ก็ดูมีความสุขและเพลิดเพลิน
เขาพอจะเข้าใจที่มิดาเระพูดขึ้นมาสักหน่อยแล้ว
“ท่านจัดดอกไม้ได้ดีกว่าคนที่เพิ่งจัดครั้งแรกนิดหน่อย” เขาส่งเสียงทักพร้อมเข้าไปนั่งอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะญี่ปุ่น
ท่านซานิวะหัวเราะในลำคอ เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ “ดีจริง นี่ฉันทำครั้งแรกเลยนะ”
“วันนี้เป็นวันพิเศษหรือ?”
“คงอย่างนั้น” เธอบอก “นานๆ ทีก็อยากจะทำอะไรสบายๆ บ้าง เหมือนเธอ...ถึงจะเป็นดาบ แต่ระหว่างรบกับตากผ้า ชอบอะไรมากกว่ากันล่ะคะเซ็น?”
“เลือกยากอยู่นะ” เขาบอก “งานบ้านนี่ถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่มีใครทำใช่ไหมล่ะ?”
ทาคาระหัวเราะ “ขอโทษด้วย เพียงแต่ถ้าเข้าไปช่วยก็คิดว่าอาจจะเป็นการทำให้เละเทะกว่าเดิมมากกว่า”
เขาบอกว่าไม่เป็นไร เธอก็ยิ้มแล้วก้มลงจัดดอกไม้ต่อ
“ท่านซานิวะ” เขาเรียก เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาก็เอ่ยถาม “ให้ผมสอนไหม?”
“ว่าแล้วเชียว” เธอกล่าว “ทำงานอย่างนี้เป็นทุกอย่างเลยสินะเธอน่ะ”
“การจัดดอกไม้ทำให้จิตใจสงบและว่าง เมื่อจิตนิ่งก็จะต่อสู้ได้ดี ท่านซานิวะ” คะเซ็นยิ้มแล้วขยับไปนั่งข้างเธอ เขาหยิบดอกไม้ขึ้น “ท่านดูนะ เวลาจัดดอกไม้ ท่านต้องมีแกนหลักสามส่วน...”
เขาค่อยๆ อธิบายไปทีละอย่าง ทำให้เธอดู
นอกจากจะเป็นเจ้านายที่ดี เธอก็เป็นนักเรียนที่ดีเช่นกัน ตั้งใจฟังและทำโดยไม่บ่นหรือทักท้วงอะไร ผ่านไปสักพักมิดาเระก็เข้ามานั่งเรียนด้วย หนุ่มน้อยมีดพกก็ตั้งใจเรียนเช่นกัน แต่บางส่วนไม่เข้าใจก็ถาม คะเซ็นก็ยินดีอธิบายให้ฟัง
เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
ดีเหลือเกิน...
ถ้าได้ทำอย่างนี้ทุกวันก็คงดีไม่ใช่น้อย
“ซานิวะ! ทำนาเสร็จแล้วนะ!” เสียงของอิซึมิโนะคามิดังขึ้นพร้อมกับที่เจ้าตัวเยี่ยมหน้าเข้ามา “นั่นทำอะไรกันอยู่น่ะ?”
“จัดดอกไม้น่ะ” ท่านซานิวะตอบ “มาจัดด้วยไหมอิซึมิโนะคามิ?”
“ไม่ล่ะ ฉันทำไม่เป็นหรอก ถ้าเป็นคะเซ็นล่ะว่าไปอย่าง” อิซึมิโนะคามิบอกปัด ที่จริงเพิ่งทำนาเสร็จเขาก็คงอยากพักสักหน่อย
“ท่านซานิวะน่ะจัดดอกไม้ให้ผมด้วยน้า~” มิดาเระพูดขึ้น
โฮริคาวะตาเป็นประกาย “จริงเหรอ?” แล้วก็หันไปหาอิซึมิโนะคามิที่เขาแสนเทิดทูน “คาเนะซัง! จัดให้ผมบ้างสิครับ! นะครับคาเนะซัง!”
“หา? อะไรของนายเนี่ย? ให้ซานิวะจัดให้สิ ฉันทำไม่เป็นสักหน่อย”
“ผมอยากได้จากคาเนะซังนี่ครับ!”
ทั้งคู่เถียงกันอยู่สักพัก และทำไปทำมาห้องเรียนจัดดอกไม้ของคะเซ็นก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกสองราย มันวุ่นวายเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วก็สนุกดี ท่านซานิวะดูมีความสุข มิดาเระ อิซึมิโนะคามิและโฮริคาวะก็เช่นกัน แน่นอนว่าตัวเขาเองก็ด้วย
ถ้าหากเราจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขเช่นนี้ต่อไปนานๆ จะเป็นไปได้ไหม ท่านซานิวะ
มีความสุขเช่นนี้ตลอดไป...
ตราบกาลนิรันดร์
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
และแล้วฟ้าก็ทนเสียงเรียกร้อง(ของตัวเอง #?)ไม่ไหว เอาบทแรกมาลงจนได้ค่ะ
แต่ถึงจะเรียกว่าบทแรก ฟ้าว่าควรเรียกมันว่าคะเซ็นสตอรี่มากกว่า (?) ที่จริงแล้วมันก็เป็นอะไรประมาณวันๆ ของเหล่าดาบฯ จริงๆ ค่ะ ไอ้พาร์ทเครียดๆ ช่วงต้นนั่นหลอกลวงมาก ของจริงคือท้ายตอนค่ะ #หัวเราะหนักมาก
อย่างที่ทุกคนเห็นค่ะ เพราะมันเป็นฟิคชนิดจบในตอน นี่ก็เลยไม่เชิงเป็นบทแรกสักเท่าไร
ตอนต่อไปทุกๆ ตอนก็จะเป็นอย่างนี้เลยค่ะ อารมณ์มันก็จะแปลกๆ แบบนี้เป๊ะๆ คาแร็กเตอร์ของหนุ่มดาบที่รักของทุกท่านจะหายวับไป... กราบขอประทานอภัยล่วงหน้านะคะ (_ _)
ส่วนเรื่องการเรียงลำดับนั้นฟ้ายังไม่แน่ใจ ทีแรกฟ้าตั้งใจว่าจะเวียนไปเรื่อยๆ เพื่อที่เรื่องราวของซานิวะท่านอื่นจะได้ไม่ต้องรอนาน (?) แต่หากฟ้าแต่งบทสองจบแล้วยังได้ไม่ครบ คาดว่าคงได้เอามาลงก่อนอีกค่--- #โดนเตะ
แล้วพบกันใหม่นะคะ!
。SYDNEY♔
ความคิดเห็น