'สัญญานะ..'
'ข้าสัญญา..แม้จะนานเพียงใด ข้าก็จะกลับมา...'
'แล้วข้าจะรอเจ้า แม้จะนานเพียงใด ข้าจะอยู่ที่นี่ ..ไม่เพียงข้า หากแต่ทุกคน ณ ที่นี้ จนกว่าจะถึงวันนั้น ทุกอย่างจะยังคงเดิม ดังเช่นวันนี้'
'แล้วเราจะพบกันอีก เชอริช'
หญิงสาวยืนส่งกองเกวียนที่ค่อยๆ เคลื่อนที่เข้าหาดวงตะวันจนลับตา
'กลับบ้านเถอะลูก'
มือเหี่ยวย่นของหญิงชราแตะบ่าหญิงสาวเบาๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะหันกลับมุ่งสู่บ้านไม้หลังที่อยู่ลึกสุดในหมู่บ้านเล็กๆ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่แยกย้ายกลับที่พำนักของตน แม้กองเกวียนนี้จะมีคนของหมู่บ้านเดินทางไปด้วยเพียงสี่คน หากมีคนที่ยืนรอส่งกว่ายี่สิบชีวิต เนื่องจากที่ตั้งซึ่งอยู่ใจกลางหุบเขาของหมู่บ้านทำให้หายากยิ่งที่จะมีกองเกวียนแวะผ่าน และยิ่งกองเกวียนนั้นไม่ใช่กองเกวียนสินค้าทั่วไป
กองเกวียนของทางการ...เจาะจงมาที่หมู่บ้านแห่งนี้โดยเฉพาะ เพื่อรับตัวผู้ใช้มนตราอันเป็นทรัพยากรล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง
กิจกรรมในหมู่บ้านเริ่มดำเนินไปตามเดิม หากต้องใช้เวลาพอสมควร กว่าที่คนในหมู่บ้านขนาดสิบหลังคาเรือนจะเริ่มชินกับบรรยากาศที่ขาดแหว่งไป ในหมู่บ้านขนาดเล็กที่ต้องป้องกันตนเองเช่นนี้ นอกจากทุกคนจะรู้จักสนิทสนมกันทั่วแล้ว สี่คนที่จากไปยังเป็นเรี่ยวแรงสำคัญของหมู่บ้านในการจัดการสัตว์ร้ายที่เฉียดมาใกล้ด้วยความที่เป็นผู้ใช้มนตรานั่นเอง
..........................................................................................
เดิมทีแล้วพวกเขาทั้งสี่ไม่ได้เป็นชนพื้นเพในหมู่บ้านแห่งนี้ สี่สหายเป็นนักเดินทางจากแดนไกล ท่องเที่ยวสำรวจขุนเขามามากมาย ท้ายสุดจึงหยุดลงที่นี่ด้วยชอบใจในที่ตั้งใจกลางหุบเขาผิดจากชุมชนทั่วไปที่มักอยู่ในที่ลุ่มแม่น้ำเดินทางไปมาสะดวก แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุด คงเป็นการที่ ไอโอ น้องเล็กของคณะตกหลุมรักสาวน้อยท้ายหมู่บ้านอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
เธอชื่อ เชอริช
หญิงสาวเป็นคนเงียบๆ ค่อนข้างเก็บตัว หากผู้ใหญ่ในหมู่บ้านทุกคนก็เอ็นดูเธอดีอยู่ ส่วนหนึ่งเพราะสงสารที่สาวน้อยต้องสูญเสียบิดาให้กับสัตว์ร้ายตั้งแต่วัยเยาว์ เชอริชจึงพยายามทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่เพื่อชดเชยให้มารดา ตามความคิดของเด็กหญิงในครั้งกระนั้น
ทั้งสองพบกันครั้งแรกหลังจากคณะของไอโอขอเข้าพักในหมู่บ้านได้คืนหนึ่ง
ไอโอตื่นก่อนตะวันจนเป็นเป็นนิสัย เขาจึงออกมาสูดอากาศโดยรอบหมู่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่ และได้พบเธอ
ภาพหญิงสาวหาบถังน้ำเต็มสองถังด้วยตัวคนเดียวช่างแปลกประหลาดในสายตาของเขา แม้งานบ้านจะเป็นงานของสตรี แต่การหาบน้ำซึ่งน้ำหนักไม่ใช่น้อยก็ควรเป็นหน้าที่ของบุรุษ เมื่อคิดได้ดังนั้นสุภาพบุรุษไฟแรงก็เดินเข้าไปอาสาช่วยทันที
'แม่นาง ให้ข้าช่วยเถิด บ้านท่านหลังไหน ข้าจะหาบน้ำไปส่งให้' เสียงทุ้มนุ่มของไอโอดังขึ้นเมื่อเขาเหลือระยะห่างเจอเธอประมาณสามก้าว ชายหนุ่มได้โอกาสสำรวจหญิงสาวเบื้องหน้าเล็กน้อย เธอเป็นคนรูปร่างสูง ดูแล้วน่าจะประมาณคิ้วของเขาได้ จัดว่าผิดจากหญิงสาวทั่วไปพอสมควร เพราะเขาเองก็อาจเรียกได้ว่าสูงกว่ามาตรฐานเล็กน้อย ใบหน้าเรียวรูปไข่เหลือบจ้องเขาด้วยความงุนงง ปอยผมสีเข้มระใบหน้าชื้นเหงื่อไม่อาจกลบความงามของเธอได้ นัยน์ตาสีขุ่นสะกดเขาให้มองอย่างหลงใหล หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง หญิงสาวจึงตั้งสติได้
'ไม่เป็นไร ขอบคุณ' คำสั้นๆ จำแนกอารมณ์ไม่ออกของร่างบางพร้อมกับการเดินเลี่ยงจากไปในทันทีทิ้งให้ไอโอ ยืนนิ่งจ้องความว่างเปล่าเบื้องหน้า กว่าจะรู้ว่ายังไม่ทันได้ทราบชื่อคนงาม หญิงสาวก็เดินไปลิบเสียแล้ว
จนยามสาย ไอโอจึงได้เจอเธออีกครั้งในตลาด สามหนุ่มที่เหลือเห็นท่าทางของน้องเล็กก็ลอบยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัย แวะเข้าไปทักทายซื้อของที่ร้านแผงติดกันเสียการใหญ่ ปล่อยเขาไปหาแม่ค้าสาวเพียงคนเดียว
'แม่นาง ..เรื่องเมื่อเช้า ข้าขอโทษท่าน'
'ขอโทษ ทำไม' เสียงเรียบๆ แบบคนประหยัดถ้อยคำทำให้ไอโอเร่งพูดต่อด้วยความเกร็ง
'ไม่ได้ตั้งใจ เอ่อ.. ทำให้ท่านตกใจ หรือจะรบกวนท่าน ...ข้าแค่อยากช่วย' ประโยคท้ายเสียงแผ่วด้วยคาดอารมณ์ของหญิงสาวไม่ออก สักพักหญิงสาวก็พยักหน้าเล็กน้อยให้เขา
บทสนทนาดำเนินต่อไปด้วยความเงียบ ปล่อยให้ไอโอที่ยังทำตัวไม่ถูกยืนค้างอยู่หน้าแผง ไม่นานก็ถูกชาวบ้านที่มาซื้อของดันหลบไปข้างๆ น่าแปลกที่การซื้อขายที่แผงของแม่ค้าคนสวยจะเป็นไปในลักษณะที่ลูกค้าเป็นผู้พูดอยู่ฝ่ายเดียว ชวนคุยบ้าง เล่าเรื่องบ้าง ต่อรองราคาบ้าง แล้วก็จากกันด้วยความชื่นมื่นโดยไม่มีเสียงแม่ค้าหลุดมาซักนิด
เกือบเที่ยง สินค้าของหญิงสาวก็หมดลง เมื่อหญิงสาวเริ่มเก็บหม้อว่างเปล่าที่เคยบรรจุอาหารไว้จนเต็มสี่ใบมาซ้อนกัน ไอโอที่ถูกสหายทิ้งเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้ามาหาเธออีกครั้ง
'แม่นาง เราคุยกันแล้ว ข้ายังไม่รู้ชื่อท่านเลย ข้าชื่อไอโอ ท่านล่ะ ชื่ออะไรหรือ'
'เชอริช' หญิงสาวตอบสั้นๆ ก่อนยกหม้อเดินกลับบ้าน ขณะที่ไอโอไม่แน่ใจว่าควรจะทำอะไรต่อดี -ตาม- หรือ -กลับไปหาเพื่อนๆ- กว่าจะตัดสินใจได้ หญิงสาวก็หายลับไปอีกครั้ง
หลังจากเสียเวลาไปอีกหลายวัน ไอโอจึงได้ไปที่บ้านของร่างบางทั้งๆที่หมู่บ้านก็มีบ้านอยู่แค่ไม่กี่หลัง จนเพื่อนๆทั้งเพื่อนเก่าที่เดินทางมาด้วยกันและเพื่อนใหม่ในหมู่บ้านพากันส่ายหน้า สาเหตุมันก็มาจากการที่เขาพบ (แอบตาม) เธอท่ามกลางฝูงนกนับร้อยตัวที่ลานดินนอกเขตหมู่บ้าน และเขาก็ได้พบความลับที่น่าประหลาดใจ ความลับที่ไม่มีใครรู้แม้แต่มารดาของเจ้าตัว ...เธอเองก็เป็นผู้ใช้มนตราเช่นกัน ผู้ใช้มนตราที่มีพรสวรรค์ด้านเสียง
อันที่จริง หญิงสาวไม่ได้ตั้งใจจะเก็บมันไว้เป็นความลับ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ตัวเธอก็ไม่ได้รู้เรื่องมากเท่าใดนักเกี่ยวกับมัน แค่รู้สึกผิดแปลกไปบ้างในเวลาพูดแต่ละครั้ง เธอจึงกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบพูดซักเท่าไร และอาการนั้นก็เกิดบ่อยครั้งขึ้นเมื่อได้พบกับพวกเขา
การเข้าไปสอนหลักเบื้องต้นและการใช้มนตราในตัวเธอ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความทรงจำเก้าปีเศษที่งดงาม
..........................................................................................
มนตราเป็นพรสวรรค์ เป็นสิ่งที่ทับซ้อนระหว่างความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ เราไม่สามารจุดไฟขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้ แต่เราสามารถโหมไฟให้ลามไปทั่วจากประกายไฟเพียงเล็กน้อยได้ นั่นคือพรสวรรค์แห่งเปลวเพลิง พรสวรรค์ของเขา
เสียงของชายหนุ่มยังคงก้องอยู่ในความทรงจำ เจ็ดปีกว่าแล้วที่กองเกวียนนั้นจากไป นักเดินทางกลุ่มย่อยหลายกลุ่มเดินทางแวะเวียนผ่านหมู่บ้านกลางหุบเขากลุ่ม แล้วกลุ่มเล่า พร้อมกับนำพาข่าวอันไม่น่าสบายใจ
-อาณาจักรใหญ่กำลังรวบรวมคน-
-ที่นี่ก็ดวยหรือ เห็นว่าผู้ใช้มนตราถูกเรียกตัวไปจากทุกหมู่บ้าน-
-มหาสงครามกำลังจะเกิด ค้าขายไม่ค่อยสะดวกแล้ว-
-สถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าเดินทางเลย ข้าเองก็เร่งจะกลับบ้าน-
....
-เห็นว่าตายเป็นแสน ฝั่งโน้นเขาเก่งกว่าทางเราหลายพันเท่า-
-อาณาจักรใหญ่ใกล้แพ้แล้วละ สงครามครั้งนี้แทบไม่มีใครเหลือรอด-
-คนของหมู่บ้านเจ้าหรือ ข้าว่าอย่าตั้งความหวังไว้เลย-
-ถ้ามีใครเหลือรอดคงกลับมาแล้วละ-
....
......
........
เขาไม่กลับมา
แม้แต่เพื่อนของเขาก็ไม่มีใครกลับมา
แต่ว่า... ไอโอสัญญากับข้าไว้
ข้าเองก็สัญญากับเขาไว้
..........................................................................................
เรือนผมสีดำเหลือบน้ำเงินพริ้วไหวตามสายลมยามใกล้รุ่ง ร่างสูงโปร่งยืนเหม่อมองไปยังขอบฟ้าทางทิศตะวันออก ไกลแสนไกลกว่าที่ดวงตาสีฟ้าขุ่นจะสามารถรับรู้ได้ จวบจนขอบฟ้าจับสีส้มทอง หญิงสาวจึงสูดลมหายใจลึก เปล่งเสียงกังวานใสสะกดทุกชีวิตในหุบเขาให้ตกอยู่ในห้วงแห่งนิทราอันไม่มีที่สิ้นสุดเช่นทุกวันที่ผ่านมาและต่อเนื่องไป
...จนกว่าจะถึงวันนั้น
.....ทุกอย่างจะยังคงเดิม
.......ดังเช่นคำมั่นที่ให้ไว้
แนะนำติชมได้นะ อยากพัฒนาฝีมือ -- ความเห็นส่วนตัวคือมันน่าเบื่อมาก..แต่งเองยังเบื่อเองแต่ไม่รู้จะแก้ยังไง พอดีว่าคิดตอนจบได้ก่อน แล้วค่อยจั่วหัว แล้วก็ร่างเนื้อ ...ไม่ถนัดบทแบบนี้เลยจริงๆ --
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น