วิถีเทพอสูรอาชญา - นิยาย วิถีเทพอสูรอาชญา : Dek-D.com - Writer
×

    วิถีเทพอสูรอาชญา

    เขาถูกจองจำ ตัดสินประหารทั้งที่บริสุทธิ์ แต่เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลับพบว่าตนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 15 ปีก่อน สิ่งที่เขาจะลงมือทำนั่นคือ...

    ผู้เข้าชมรวม

    84

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    84

    ผู้เข้าชมรวม


    84

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    5
    จำนวนตอน :  3 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  23 ก.ย. 67 / 20:00 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูรายการอีบุ๊กทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ชื่อนิยาย : 범죄의 신
    ผู้แต่ง : Han Yeoul,한여울
    แนวนิยาย : Action, Comedy, Drama, Fantasy, Mystery, Psychological, School Life, seinen, supernatural
    ประเภท : นิยายเกาหลี
    สถานะ : แต่งจบแล้ว 164 ตอน
    ผู้แปล : ตราราชัน เพจนิยายแปลออนไลน์ฟรี

    ซอแทฮยอก ชายผู้ถูกจองจำหลังจากถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม

    และถูกตัดสินโทษประหารโดยไม่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้

    แต่เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตนเองย้อนเวลากลับไปเมื่อ 15 ปีก่อน!
     

    บทนำ

    “ถะถะถะโถถถถถ…ฝ่าบาทซอแทฮยอก ข้าต้องขออภัยที่พาท่านมายังสถานที่อันต่ำต้อยเช่นนี้”
    แทฮยอกหรี่ตาและจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาคมกริบ
    ไอ้สารเลว...
    เขาเรียกแทฮยอกด้วยคำแบบนี้อยู่เสมอ มันแสลงที่ใช้กันในคุก

    นักโทษที่ถูกจำคุกน้อยกว่าสามปีจะถูกเรียกว่า ‘สามัญชน’ ส่วนคนที่ได้รับโทษมากกว่าสิบปีถูกเรียกว่า ‘ท่านขุนนาง’ ส่วนนักโทษที่ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตนั้นจะถูกเรียกว่า ‘ฝ่าบาท’

    แน่นอนว่าชื่อพวกนี้ไม่ใช่ชื่อที่ให้ด้วยความเคารพ มันเป็นคำที่เต็มไปด้วยการดูหมิ่นและเย้ยหยัน
    “อืม”

    ซอแทฮยอกนั่งลงบนเก้าอี้กลางห้อง เขาเป็นนักโทษเพียงไม่กี่คนที่ไม่เคยรู้สึกหมดอาลัยตายอยากต่อหน้าเหล่าผู้คุม

    “ฝ่าบาทไม่มีอะไรจะกล่าวหรือ? อยากลองดื่มกาแฟที่ข้ามีเหลืออยู่นี่สักหน่อยไหม?”
    แทฮยอกหยิบแก้วขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมด
    “ขอบใจ”
    “ฝ่าบาทยังคงเป็นผ่อนคลายเช่นเคย นี่ผ่านไปแล้วสิบปีอย่างนั้นหรือ? น้ำตาข้าแทบไหลเมื่อคิดว่าจะไม่ได้เห็นท่านอีกแล้ว”
    “……”

    “ใช่แล้ว วันนั้นมาถึงแล้ว มันจะมาถึงในอีกหนึ่งสัปดาห์”

    ม่านนัยน์ของแทฮยอกสั่นไหวอย่างรุนแรง เสียงครางแผ่วเบาหลุดออกมาจากปากที่ปิดแน่นมาตลอดสิบปี กระทั่งตัวเขาคิดว่าตนตายด้านไปแล้ว

    “ฏีการ้องขอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนายไม่มีความหมายแล้ว กระทั่งทนายของก็หนีไปแล้วด้วย …”

    “ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น”
    ผู้คุมยื่นกระดาษชุดหนึ่งให้แทฮยอก
    “อะไร?”
    “เขียนรายการอาหารที่นายอยากกินในคืนสุดท้ายลงไป อยากพบใครก็เขียน ๆ ลงไปด้วย”

    มันคือหนังสือคำขอที่เรียกว่าอาหารมื้อสุดท้ายและการเข้าเยี่ยมครั้งสุดท้าย
    แทฮยอกนิ่งเงียบไปราวหนึ่งนาที ในหัวเริ่มคิดถึงเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ กรอกข้อมูลลงในเอกสารตรงหน้า

    “โฮ้...แกงกิมจิ? ทำไมไม่รู้จักเลือกอาหารที่หรูหรากว่านี้ล่ะ”
    “นี่เป็นเมนูโปรดของน้องฉัน”
    “แล้วยังไม่ใส่หมูอีก? ออร์เดอร์ประหลาดจริง อยากบอกให้รู้ว่าจน ว่างั้น ?... โอ้ นี่พูดแทงใจดำเข้าแล้วสินะ ?”
    “……”

    “ฮ่าฮ่า ได้ ได้ เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว นายคงกระสับกระส่ายไม่น้อยสินะ นี่เป็นการประหารครั้งแรกในรอบ 30 ปี คงต้องขออภัยในความไม่ช่ำชองเสียแล้ว”

    แทฮยอกนิ่งไป
    เขาถูกใส่ร้าย…
    เขาถูกใส่ร้ายทั้งยังถูกจองจำ และตอนนี้เขากำลังต้องรับโทษประหารทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลย

    จู่ๆผู้คุมก็เกิดความคิดประหลาดชวนให้นึกขันขึ้นมา

    “โอ้ นึกได้แล้ว ๆ นักโทษที่ถูกจำคุกตลอดชีวิตจะถูกขนานนามว่า ‘ราชันอาชญา’ ใช่ไหม แล้วนักโทษที่จะถูกประหารล่ะ? ควรเรียกว่า ‘เทพอสูร’ เลยดีไหม? ฮ่าฮ่า! อีกหนึ่งสัปดาห์ ฝ่าบาทซอแทฮยอกจะได้ขึ้นแท่นเป็นเทพอสูรอาชญาแล้ว! ขอจงทรงพระเจริญ ฮ่าฮ่าฮ่า”

    ภายในห้องที่ผู้คุมเดินจากไป แทฮยอกส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น

    …………………

    หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

    ดูเหมือนว่าชื่อของเขาจะขึ้นหน้าทีวีบ่อยกว่าดาราเสียอีก

    การที่ระบบโทษประหารชีวิตเพิ่งถูกนำกลับมาใช้หลังจากผ่านไป 30 ปีนั้นย่อมไม่แปลกที่ผู้คนทั้งประเทศจะให้ความสนใจ

    แม้องค์กรสิทธิมนุษยชนออกมาประท้วงอยู่หน้าเรือนจำทุกวัน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

    แทฮยอกนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องเยี่ยม

    จิตใจของเขาสงบลงแล้วทำใจยอมรับชะตากรรมของตนได้ เขาเพียงกำลังรอคอยน้องชายและพี่สาวที่เขาเขียนในคำขอครั้งสุดท้ายให้เข้ามาเยี่ยม ผ่านมากว่าหนึ่งปีแล้วสินะที่เขาไม่ได้พบหน้ากัน

    เขาควรชวนคุยเรื่องอะไรดี ? เขาอยากขอบคุณน้องชายที่เชื่อในความบริสุทธิ์ของเขาจนถึงที่สุด

    อยากขอบคุณพี่สาวที่ทำหน้าที่แม่ดูแลพวกเขามาตลอดนับแต่พ่อแม่เสียชีวิตไปเมื่อครั้งพวกเขายังเด็ก ยามนี้พี่มีความสุขดีหรือไม่?

    แทฮยอกมองดูนาฬิกาบนผนัง แกงกิมจิบนโต๊ะเย็นชืดไปแล้ว

    ‘ปัง’

    แทฮยอกพยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู

    “……”

    เขาลืมสิ่งที่ตั้งใจจะพูดทันทีเมื่อเห็นผู้ที่เดินเข้ามา

    “อา…ฝ่าบาท ข้าไม่ใช่คนที่ท่านตั้งตารออยู่สินะ ต้องขอพระราชทานอภัยจริง ๆ”

    เป็นผู้คุมที่เขาคุ้นเคย

    ชายคนนั้นเดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ในห้องเยี่ยม

    “ไง ดูไม่สบายใจเลยนะที่ได้พบกัน”

    แทฮยอกไม่ปฏิเสธ

    “ครอบครัวของนาย คือ ซอแทมินกับซอฮารัน ใช่ไหม? นายคงไม่ได้พบหน้าพวกเขาแล้ว”

    “อย่างนั้นหรือ?”

    พวกเขาตัดสินใจตัดหางปล่อยวัดเขาแล้วสินะ?

    แม้ไม่ได้พบหน้าครอบครัวเป็นครั้งสุดท้ายก็ช่างเถิด

    ‘ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกัน แม้ฉันจะไม่อาจลบล้างมลทินได้’ เขาเพียงอยากเอ่ยประโยคนี้

    ใช่แล้ว

    ทว่า เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว...

    มันคงจะดีที่สุดถ้าพวกเขามองว่า ซอแทฮยอก ผู้นี้ไม่เคยมีตัวตนมาตั้งแต่แรก

    คิดได้เช่นนั้น ซอแทฮยอกก็นึกอธิษฐาน ขอให้ครอบครัวของเขาได้ใช้ชีวิตที่มีความสุขตลอดไป และเขาก็พอใจกับการคิดเช่นนี้

    แต่แล้วผู้คุมกลับแสยะยิ้ม

    “ซอฮารัน พี่ของนาง เพิ่งฆ่าตัวตายไปเมื่อเดือนที่แล้ว”

    “หา?”

    “ตกใจงั้นรึ ? อันที่จริงก็ไม่เห็นจะน่าตกใจเลย คนในครอบครัวเป็นฆาตกรที่พวกสื่อพากันพูดถึงอยู่ทุกวัน พวกผู้สื่อข่าวคอยล้อมหน้าล้อมหลังครอบครัวอยู่ตลอดเวลา ก็นะ บังเอิญเกิดความผิดพลาดเล็กน้อยเซ็นเซ่อร์ภาพดันไม่ทำงาน ภาพเลยหลุดออกไป เพื่อนร่วมงานของเธอเห็นหน้าเธอไปเต็มๆ อา...คงไม่ต้องถามล่ะนะว่าเป็นอย่างไร เธอก็ถูกไล่ออกจากที่ทำงานน่ะสิ เห็นว่ามีหนี้กองโตเลยทีเดียวไม่ใช่รึ ส่วนไอ้พวกทรัพย์สินที่เหลืออยู่ก็หมดไปกับธุรกิจแชร์ลูกโซ่แล้ว สุดท้ายแล้ว…”

    แค็ก แค็ก!

    ผู้คุมทำท่าทางยกมือขึ้นบีบคอตัวเอง

    “ไม่จริง ! ทำไมพี่ถึงทำแบบนั้น?”

    “ส่วนน้องชายของนายน่ะรึ ? ซอแทมิน ใช่มั้ย? เรียนเก่งดีนี่ ไม่เหมือนบางคนแถวนี้ เห็นว่าสอบติดมหาวิทยาลัยกฎหมาย ตั้งใจเรียนออกมาหวังจะช่วยพี่สินะ ก็น่าเสียดายอีกนั่นล่ะ ดันไปถูกจับได้ตอนกำลังหาหลักฐานจากพวกนักการเมืองกับบริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เงียบกริบ หายตัวไปอีกคน มันคงนึกว่าตัวเองเป็นนักสืบล่ะมั้ง ก็น่าจะรู้ ไม่น่าประเมินตัวเองสูงเกินไปเล้ย”

    “……”

    “ถ้าให้ฉันเดานะ ป่านนี้คงถูกโบกปูนยัดใส่ถังน้ำมันแช่อยู่ใต้ก้นแม่น้ำเหลืองไปแล้วมั้ง ป่านนี้คงไปนั่งทำคดีให้ยมบาลแล้วละมั้ง ?”

    ปึ้ง !

    แทฮยอกทุบโต๊ะเสียงดังลั่น

    แกงกิมจิที่เตรียมไว้อย่างดีกระเด็นกระจาย ห้องเยี่ยมนักโทษแลดูยุ่งเหยิงยิ่งกว่าเดิม

    “อย่ามาโกหก เจ้าคนสารเลว! นี่นายเสียสติไปแล้วใช่มั้ย ! เมื่อกี้ว่าไงนะ? พี่สาวของฉันฆ่าตัวตายหลัง ทั้งยังหมดตัวไปกับแชร์ลูกโซ่งั้นรึ ? คิดว่าฉันโง่พอจะเชื่อเรื่องพวกนี้งั้นรึ ! แทมินพยายามช่วยฉันก็เลยโดนหางเลขไปด้วยงั้นรึ ? อย่ามาตลก! ฉันจะฆ่าแก!”

    ผู้คุมนั่งหัวเราะจนตัวงอ

    “ฮ่าฮ่าฮ่า! ฝ่าบาทซอแทฮยอก เมื่อกี้ว่ายังไงนะ ? จะฆ่าฉัน ? น้ำหน้าอย่างนายเนี่ยนะ ? กระทั่งมดตัวนึงก็ยังไม่เคยฆ่าเนี่ยนะ ? ขำว่ะ”

    มันเป็นคำกล่าวที่ถูกต้อง

    และนั่นเองที่ทำให้ แทฮยอกเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

    จนถึงตอนนี้ เขาคิดว่านี่เป็นผู้คุมที่เขารู้จักมานาน 10 ปี แต่ไม่ใช่ ชายตรงหน้าไม่ใช่ผู้คุมคนนั้น ทั้งก็ไม่ควรเป็นผู้คุมในเรือนจำแห่งนี้ด้วย ไม่มีทางที่ผู้คุมเรือนจำจะรู้รายละเอียดมากมายเช่นนี้ ทำไมเขาถึงไม่เฉลียวใจเลย

    “...แก แกไม่ใช่ผู้คุม”

    “ก็ใช่ แล้วฉันเป็นใครกันล่ะ?”

    ผู้คุมหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง

    หากแต่เมื่อแทฮยอกได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้นก็กลับส่งเสียงร้องลั่น

    “อ๊ากกก!”

    ในเบ้าตาที่ควรมีลูกตา กลับกลวงโบ๋ว่างเปล่า

    ปากของมันฉีกถึงใบหู และของเหลวสีแดงไหลลงมาตามคางทุกครั้งที่มันอ้าปากหัวเราะ

    มันแสยะยิ้มแล้วพูดว่า

    “ฉันมีข้อเสนอดีๆที่นายได้ยินแล้วจะต้องตื่นเต้นจนน้ำลายยืด อยากฟังไหมล่ะ ?”


     

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น