Title : Pieces
Pairing : Sorey x Mikleo
PG-13
Smileman :)
'..........สเลย์!!!!!!'
นับตั้งแต่วันที่กรีดร้องเรียกชื่อนั้นออกไปจนสุดเสียง
และเห็นเจ้าของชื่อนั้นร่วงหล่นสู่เบื้องล่างของโลกไปกับตา
ตัวเขาที่ถูกส่งกลับมายังเบื้องบนได้แต่นั่งทรุดอยู่อย่างไร้เรี่ยวแรง
หัวใจราวกับถูกฉีกกระชากเป็นรูโหว่และแตกสลายลงตรงนั้น
สเลย์เป็นโลกทั้งใบของเขา.........
นับตั้งแต่วันที่ออกจากอิซึจิมา
และตอนนี้โลกทั้งใบของเขาถล่มลงตรงหน้า
ชิ้นส่วนขนาดใหญ่ยักษ์ที่คอยค้ำจุนตัวตนของเขาเอาไว้สูญหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่มาก่อน
ขอบตาร้อนผ่าวทว่ากลับไม่มีน้ำตาแม้ซักหยด..............
เพราะเขายังอยากจะเชื่อมั่น เชื่อมั่นในหัวใจที่แข็งแกร่งดวงนั้นให้ถึงที่สุด...
สเลย์จะต้องทำได้
..........ทว่ารอยแผลขนาดใหญ่ที่ก่อกำเนิดในตัวเขาเป็นของจริง
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นได้...
สิ่งที่ว่าสเลย์ไม่ได้อยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว
มิคุลิโอะไม่มั่นใจนักว่านั่งอยู่อย่างนั้นนานเท่าไหร่....
กระทั่งอลิชาหรือโรเซ่
ใครซักคนหรืออาจจะทั้งคู่ตะโกนออกมาว่าสเลย์ยังมีชีวิตอยู่.......
.......ยังมีชีวิต
คำสั้นๆ
คำนั้นราวกับมือคู่ใหญ่ที่โอบกอดร่างกายของเขาเอาไว้ และออกแรงฉุดดึงให้ลุกขึ้นยืน
เก็บโกยเศษซากของจิตใจที่แตกสลายนั้นขึ้นมาเพื่อรอคอยวันที่มันจะฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง....
ไม่ว่านานเพียงใดก็จะรอ........
ไม่ว่านานเพียงใด
เพื่อตามหาชิ้นส่วนที่สูญสลายไปนี้และเพื่อทำตามสิ่งที่สเลย์ได้ฝากฝังเอาไว้
เขาจะเชื่อมั่น เขาจะแข็งแกร่ง
เขาจะคอยเฝ้าคิดถึงทุกเรื่องราวในทุกๆ
ลมหายใจและจะเล่าขานตำนานของนักบุญให้แผ่ไกล.....
.....นักบุญคนนั้น
ที่เป็นเพื่อนของผมเอง......
เพราะนั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาทำได้
รออยู่นะสเลย์......
วันที่เราจะได้ออกท่องโลกใบนี้ไปด้วยกันตามที่เคยได้สัญญาเอาไว้.....
หลายปีผ่านไปมิคุลิโอะออกเดินทาง
เขาเฝ้าเที่ยวตามหาและเก็บเกี่ยวทุกเศษเสี้ยวของชีวิตเอาไว้ ท้องฟ้าสดใส
ลำธารใสกระจ่าง และอากาศบริสุทธิ์....
ทุกชิ้นส่วนของสเลย์ที่อยู่ในทุกสิ่งเหล่านั้น ค่อยๆ
เยียวยาจิตใจแตกร้าวขึ้นมาใหม่
ทุกสิ่งค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป
แต่ถึงอย่างนั้น.......
แม้ว่าเขาจะสามารถแย้มรอยยิ้มจากใจออกมาได้ก็ตาม
ทว่าก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป ชิ้นส่วนเล็กๆ
ที่จะสามารถเติมเต็มชีวิตของเขาได้อย่างสมบูรณ์
ชิ้นส่วนเล็กๆ
ที่เขารอคอยให้มันหวนกลับคืนมา........
'..... ที่ว่ามาเยี่ยมเนี่ย
จะใช่ฉันรึเปล่าน้า'
จวบจนวันที่เสียงนั้นถูกส่งผ่านมา.........
แก้วตาสีม่วงใสเบิกกว้าง
หัวใจเต้นระรัวล้นปรี่ด้วยความยินดี
"....สเลย์"
อยู่ที่ไหนกัน..... อยู่ที่ไหน
กระทั่งได้เห็นแผ่นหลังนั้น
แผ่นหลังอันคุ้นเคย
มีเพียงสเลย์ที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยซักนิด
ทุกอย่างยังคงเดิมราวกับว่าการลาจากพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เสื้อคลุมของนักบุญปลิวไสว
เส้นผมสีน้ำตาลเข้มขยับล้อสายลมแผ่ว คนตรงหน้าหันหลังกลับมา นัยน์ตาสีเขียวผินมอง
ยังคงเปี่ยมไปด้วยประกายซื่อตรงและความหวังแห่งชีวิต
สิ่งที่ขาดหายไป..........
ตอนนี้ได้กลับหวนคืนสู่เจ้าของของมันอีกครั้ง
สิ่งที่เติมเต็มโลกใบใหญ่ของเขาให้กลับมาสมบูรณ์
เขายิ้ม.............
เป็นรอยยิ้มที่เผยออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ และโดยไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ยคำใด
มิคุลิโอะสาวเท้ายาวๆ ตรงเข้าไป เอากำปั้นชนกับสเลย์อย่างที่เคยทำอยู่บ่อยๆ
......กลับมาแล้วจริงๆ
เพียงเท่านั้นก็ไม่มีสิ่งใดที่จะหยุดยั้งหยดน้ำซึ่งล้นปรี่ออกมาด้วยความยินดีจากหางตาได้
เขากล่าวเรียกชื่ออีกฝ่ายและโถมร่างเข้าสู่อ้อมแขนนั้น
"สเลย์........"
ทั้งสองคนเซหมุนไปเล็กน้อย
ก่อนที่ฝ่ามือนั้นจะโอบกอดตอบรับเข้าที่แผ่นหลัง
ส่งผ่านความอบอุ่นและความคิดถึงทั้งหมดตลอดเวลาที่ผ่านมาให้ใครอีกคน
คิดถึงนะสเลย์..... คิดถึง
ถ้อยคำที่ไม่ได้ส่งผ่านออกไปหากรับรู้ได้อย่างแน่นอนจากกระทำ
"ดีใจที่ได้เจอนะ"
จุดสิ้นสุด..........
ของการรอคอยอันแสนยาวนาน
"อึก.........."
มิคุลิโอะกอดคนตรงหน้าแน่นขึ้น........เนิ่นนาน
จนกระทั่งทั้งคู่ผละออกจากกัน มอบได้เพียงรอยยิ้มซึ่งสะท้อนความสุขยิ่งกว่าครั้งใดๆ
ออกมา
ทุกอย่างดูจะดำเนินไปด้วยดี
สเลย์สามารถชำระล้างเฮลดัลฟ์ได้สำเร็จ
"แล้วสเลย์จะเอายังไงต่อล่ะ"
"คิดว่าจะกลับอิซึจิน่ะ...
คุณปู่สบายดีรึเปล่า"
"คุณปู่สบายดีเสมอแหละ"
มิคุลิโอะทอดสายมองผืนฟ้ากว่างใหญ่
พลางคิดว่าช่างเป็นเวลาเนิ่นนานเหลือเกินที่เขาไม่ได้มานั่งพูดคุยเรื่อยเปื่อยและมองบรรยากาศรอบตัวแบบนี้กับสเลย์
"แต่ว่าก่อนหน้านั้นนะ"
เจ้าตัวว่าด้วยรอยยิ้ม
ก่อนจะหยิบบันทึกสวรรค์ออกมา
สิ่งที่บันทึกตำนานและเรื่องราวและทำให้พวกเขาก้าวมาถึงจุดนี้
"ใกล้ๆ ที่นี่มีโบราณสถานอยู่ล่ะ"
หน้าสมุดถูกเปิดไปยังหน้าที่มีรูปภาพของสถานที่ที่ว่านั่นอยู่
สเลย์กลับมาและสานต่อคำสัญญาที่ได้เคยให้ไว้ว่าจะออกสำรวจโลกใบนี้ไปด้วยกัน......
อา เพราะสเลย์ไม่เคยโกหก เรื่องนั้นเขารู้ดีที่สุด
"ครั้งนี้ผมก็คงต้องไปถึงก่อนแน่ๆ"
ราวกับได้ย้อนกลับไปในสมัยที่ยังเป็นเพียงแค่เด็กอีกครั้ง
แม้ว่าตอนนี้ตัวเขาจะสูงเกือบจะเท่าสเลย์แล้วก็ตามที
ดวงตาสองสีมองสบกัน
เชื่อมต่อกันโดยไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดๆ...
เพราะตัวตนของอีกฝ่ายต่างเป็นชิ้นส่วนหนึ่งของคนอีกคนอยู่ตั้งเนิ่นนานมาแล้ว
"งั้นเราไปพร้อมกันเลยแล้วกัน.......
พร้อมล่ะนะ"
รอยยิ้มกว้างระบายบนใบหน้า พร้อมกล่าวเอ่ยเรียกนามที่แท้จริงออกมา ความรู้สึกทั้งหมด พลังในกายที่ไหลเวียนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ส่งต่อซึ่งพลังและทุกสิ่งทุกอย่าง
สเลย์พุ่งตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า
สัมผัสอากาศและแสงแดดอันอบอุ่น ดวงตาสีเขียวไหวระริกอย่างยินดี........
และตะโกนออกมาจนสุดเสียง
นี่คือโลกอันสมบูรณ์แบบ
นี่คือโลกที่มีสเลย์อยู่..........................
"............ โลก!!!"
END.