ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Truth untold : แฟ้มลับคดีพิศวง

    ลำดับตอนที่ #2 : (II) The calm before the storm

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 63
      0
      25 พ.ย. 63

     

    "ส้มตำปูปลาร้าเนี่ยนะ ยัยบ้าเธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ"

    หมาป่าหนุ่มทำหน้าแหยแกในขณะที่เห็นอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ เพราะว่าเป็นหมาป่าจมูกจึงรับรู้กลิ่นได้ดีกว่าคนหลายเท่านั่นก็รวมไปถึงของกลิ่นแรงที่คนปกติว่าเหม็นเช่นกัน

    "กินไม่ได้ก็กินอย่างอื่นสิจะบ่นทำไม"

    อัยย์ซัดอาหารตรงหน้าเหมือนกับเสือผู้หิวโหยเมื่อออกจากการจำศีล เธอสั่งอาหารเผื่อเนโรเพราะคิดว่ามาสองคนกลัวจะกินไม่พอแต่เธอก็สั่งเพลินไปหน่อยรู้ตัวอีกทีก็มีอาหารเป็นสิบอย่างวางเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

    ร้านอาหารแห่งนี้ตกแต่งให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่ในบ้านเรือนไทยสมัยก่อน มีทั้งโคมระย้าและแสงไฟสลัวๆ มีรูปปั้นไม้แกะสลัก ตกแต่งหลากหลายแบบไม่ว่าจะเป็นสัตว์จากตำนานหิมพานต์หรือว่าพระพุทธรูปที่ตั้งอยู่หน้าทางเข้าของร้านพร้อมกลิ่นดอกมะลิอ่อนๆทำให้รู้สึกผ่อนคลายต่างจากบรรยากาศด้านนอกที่อึมครึมๆ 

    "อย่างอื่นที่เธอว่ามันคืออะไรละ" เนโรโอดครวญพร้อมกับเอาหน้าแนบโต๊ะ ไข่เจียวชะอม ผัดสะตอ ทุเรียน ขนุน และของกลิ่นแรงอีกมากมาย มากเสียจนแค่เขาเงยหน้าขึ้นไปมองก็ทำให้รู้สึกคลื่นไส้ได้แล้วมีเพียงอย่างเดียวที่เขาพอจะกินได้ก็คือน้ำเปล่าในตอนนี้สิ่งเดียวที่เจ้าหมาต้องการก็คือไก่ทอดร้อนๆสักน่องนึง

    "นี่....เนโร"

    "ห้ะ?"เนโรมองชายตาขึ้นมามองคนถามด้วยความสงสัย "มีอะไรเหรอ?"เขาตอบกลับไปถึงแม้เขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่เธอจะพูดนั้นไม่น่าใช่เรื่องที่มีประโยชน์

    "ช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวนายให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม" 

    อัยย์ถามคำถามใส่เขาในขณะมีปากก็ยังเคี้ยวข้าวไม่หยุด เนโรชะงักเมื่อได้ยินคำถาม

    "เธอจะอยากรู้ไปทำไมละมันไม่มีอะไรน่าสนใจซะหน่อย"หมาป่าหนุ่มเลี่ยงคำขอร้องของอัยย์อย่างไม่ใยดีพร้อมกับหลบสายตานั่นยิ่งทำให้หญิงสาวยิ่งมีความอยากรู้เพิ่มมากขึ้นไปอีก

    "แค่นี้ก็บอกไม่ได้"เจ้าตัวตัดพ้อพร้อมกับความรู้สึกนอยเล็กน้อย

    "เธอสิ เล่ามาก่อนว่าเธอฝันถึงอะไรกันแน่"

    เนโรยิงคำถามใส่หญิงสาวที่ไม่ทันตั้งตัวนั่นอย่างจังทำให้เธอสำลักข้าวที่กินเข้าไปจนเกือบได้เป็นผีเฝ้าร้านอาหารไทยแห่งนี้ไปแล้ว สภาพเธอดูจะไม่อยากจะพูดถึงมันสักเท่าไหร่ แต่ก่อนที่เนโรจะบอกว่าช่างมันเธอก็ตอบออกมาเสียแล้ว

    "ครอบครัวน่ะ" น้ำเสียงหม่นๆของเธอทำให้เนโรรู้สึกได้เลยว่าอัยย์นั้นรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

    "ไม่ได้ฝันถึงนานแล้วล่ะ...ตอนนี้ฉันจำเสียงของพ่อกับแม่จริงๆไม่ได้แล้วด้วยซ้ำไม่ได้เจอมานานเท่าไหร่แล้วนะ 7ปีเห็นจะได้"

    ท่าทีร่าเริงในตอนแรกของเธอหายวับไปราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่มาก่อนซึ่งนั่นทำให้เนโรรู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ไปจี้ปมคนอื่นเขา 

    ขอโทษยังไงดี เลี้ยงข้าวเหรอ?แต่ว่าจะเอาเงินที่ไหนหรือพาเธอไปเที่ยว? พาไปกินขนม?  ต้องทำยังไงนะเธอถึงจะรู้สึกดีขึ้นหมาป่าหนุ่มรู้สึกเลิ่กลั่กขึ้นทันทีที่อัยย์เปลี่ยนไปทันทีเหมือนกับทีวีโดนชักปลั๊กทำให้เขานั้นก็ปรับอารมณ์ไม่ทัน

    "เป็นอะไรเหรอ?"คำถามที่ยิงออกจากปากอัยย์ยิ่งทำให้เขารู้สึกลนลานเข้าไป ในขณะนี้หัวของเขาเต็มสมการการขอโทษอย่างไรให้ได้ผลลอยไปมาเต็มอยู่ในหัวไปหมดเหมือนฝูงผึ้งที่ตอมดอกไม้

    "ปะ..เปล่านิ"เขาตอบออกไปอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ดูยังไงมันก็มีพิรุธอยู่ดี

    "ใครเขาจะเชื่อกันย่ะ หูนายน่ะลู่ลงซะขนาดนั้นรู้สึกผิดละสิที่เห็นฉันรู้สึกไม่ดี" อัยย์เห็นแบบนี้แล้วก็หัวเราะขึ้น "นายน่ะก็น่ารักกับเขาเป็นเหมือนกันนิหน่า"หญิงสาวยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างพอใจที่ได้แกล้งหมาป่าหนุ่มนายนี้ดูเหมือนว่าการแสดงของเธอจะประสบผลสำเร็จเกินคาด 

    แต่ในขณะที่อัยย์กำลังพึงพอใจกับผลงานตัวเอง เนโรก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างทันที หางของเขาก็แกว่งไปมา หยุดสิวะไอหางงี่เง่า!เนโรคิดในใจ เขาบอกกับตัวเองว่าเขาไม่ได้ดีใจที่มีคนมาบอกว่าเขาน่ารักแต่ดูเหมือนร่างกายจะแสดงออกอีกทางนึง

    "เสร็จจากนี้จะไปไหนต่อ?"เนโรรีบหาเรื่องชวนคุยเพื่อให้ความเขินที่เขามีหายไป

    "คงเดินกลับสำนักงานแหละหรือนายอยากจะแวะที่ไหนเป็นพิเศษรึเปล่าล่ะ?"

    "ไม่ล่ะเดินกลับไปเลยก็ได้นี่ก็ใกล้จะมืดแล้วรีบกลับเถอะฉันไม่อยากอยู่ข้างนอกนาน นี่ก็เริ่มจะหนาวขึ้นแล้วด้วยรีบกลับเถอะข่าวพยากรณ์อากาศบอกว่าคืนนี้น่าจะมีพายุนะ" อัยย์ได้ยินเนโรบ่นแบบนี้จึงรู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นปกติแล้วเพราะหมาป่าหนุ่มรายนี้กลายร่างเป็นมนุษย์ลุงแล้วเรียบร้อย

    "ถ้างั้นตามใจนายเลยละกัน งั้นฉันไปจ่ายเงินก่อนละกันนายก็ออกไปรอข้างนอกร้านนะ"

    "อ่า"เนโรขานรับและรีบลุกขึ้นเดินออกไปหน้าร้าน ลมที่เริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวสักเท่าไหร่นักเพราะความชื้นทำให้ขนของเขาเหนอะหนะคงไม่มีใครอยากรู้สึกเหมือนกับตัวเองลงไม่จุ่มอยู่ในถังกาวหรอกน่ะ เนโรบ่นอยู่ภายใจเป็นหมื่นล้านคำเขาเป็นคนหัวเสียง่ายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว 

    “ปะ เสร็จละกลับกันเถอะ"หลังออกมาจากร้านอัยย์เดินนำหน้าเขากลับไปทางสำนักงานที่

    “นานเหลือเกินนะเธอเนี่ยกะอีแค่ไปจ่ายเงินเนี่ย”น้ำเสียงหน่ายๆของหมาป่าหนุ่มทำให้รู้สึกได้เลยว่าเขานั้นเบื่อที่จะรอเต็มทนแล้ว

    “หึ รอนิดหน่อยไม่เห็นจะเป็นไรเลยขี้บ่นจังเลยนะนายน่ะ”เธอพูดย้อนเขาไปแต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร ทั้งสองเดินผ่านไซต์กองสร้างที่มีพวกโทรลล์ทำงานก่อปูนอยู่และพวกยักษ์ที่กำลังตอกเสาเข็มของตัวตึก เมืองแห่งนี้มีหลากเผ่าพันธ์อาศัยอยู่ มนุษย์ เอลฟ์ ภูติ หรือสิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่พอจะพูดได้อยู๋บ้างเป็นมหานครเสรีที่ผู้คนหลั่งไหลเขามาตั้งถิ่นฐานหรือไม่ว่าจะเป็นนักแสวงโชคก็ต่างมุ่งหน้ามาที่นี่

    "มหานคร เร็กซาร์" หลายร้อยปีก่อน เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ พื้นที่มากกว่าหกสิบเปอร์เซ็นท์ของพื้นโลกกลายเป็นทะเลทราย ประเทศที่เคยมีในเมื่อก่อนสูญสลายจนหมด เหล่าผู้คนที่รอดชีวิตจากทั่วทุกมุมโลกจึงอพยพมาตั้งรกราก ที่แห่งนี้มีประชากรหลายล้านชีวิต เป็นเมืองติดชายฝั่งบนมหาทวีป มีการค้าขายและแลกเปลี่ยนวัตนธรรมกับเมืองต่างๆ เรือเดินสมุทรเข้ามานะที่แห่งนี้ไม่ขาดสายของที่ขนมาพร้อมกับเรือมีหลากสิ่งมากมายไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะชั้นเลิศสำหรับพวกคนรวย งานแกะสลักกับเทคนิคที่หายไปแล้วตามกาลเวลา ชีสนมแพะที่ว่ากันว่าใช้เวลาทำนานนำเข้าจากเมืองทางเหนือที่มีหิมะตกตลอดทั้งปี หรือแม้เศษซากของโบราณจากนครที่แอสลาตที่ว่ากันว่าสูญสลายไปเมื่อหลายพันปีก่อนต่อให้ไปถามว่าของชิ้นนี้มาได้อย่างไรพวกพ่อค้าก็คงตอบให้ไม่ได้ 

    ถ้าจะพูดว่าเมืองแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการค้าขายของโลกก็คงไม่เกินไปนัก แต่ไม่ใช่ว่าทุกที่จะมีวิวัฒนการเหมือนกับเมืองแห่งนี้ ผู้คนบางกลุ่มต่อต้านการใช้เครื่องจักรทำให้พวกเขานั้นยังใช้ชีวิตเหมือนสมัยก่อนไม่มีไฟฟ้า ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก 

    หากว่าสิ่งที่ทำให้เมืองนี้โดดเด่นคือการนำเวทย์มนต์และวิทยาศาสตร์ผนวกเข้าด้วยกันทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนสะดวกขึ้นมากขึ้นก่อเกิดเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า “มาเจีย” ถึงจะมีความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจะมากเพียงใดฉากหลังของเมืองแห่งนี้มีแต่ความเน่าเฟะ ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้มากกว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ก็เป็นชนชั้นแรงงานหาเช้ากินค่ำเท่านั้น จำนวนการเกิดอาชญากรรมก็มีสูงลิ่วกว่าเมืองอื่นๆ มีการเปิดการทดลองผิดกฎหมายมากมายโดยที่รัฐก็มีส่วนรู้เห็นเป็นใจและช่วยเหลือในการปิดข่าว 

    “ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรอ”เนโรเอ่ยขึ้นมาระหว่างเดินกลับเพื่อให้บรรยากาศไม่อึมครึมไปมากกว่านี้ การที่มากับหญิงสาวช่างจ้อผู้นี้จะมีเสียงของเธอชวนคุยตลอดทางแท้ๆแต่ครั้งนี้มันเงียบเกินไป

    “ห้ะ ขอโทษทีพอดีคิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะ”อัยย์ได้เพียงแต่ส่งยิ้มแห้งๆให้หมาป่าป่าหนุ่มพียงเท่านั้น 

    “นี่ไง มาถึงแล้ว”พวกเขาหยุดอยู่หน้าร้านกาแฟที่ตกแต่งด้วยสไตล์โบฮีเมียน ภายในร้านมีผ้าสีขาวห้อยพาดผ่านคานไม้ภายในตัวอาคาร และหลอดไฟสีส้มห้อยอยู่ตามจุดต่างๆ ของตกแต่งส่วนมากเป็นของโบราณ จักรยานเก่า ภาพวาดเหมือนสีน้ำมันแปลกๆที่มองกี่ทีก็รู้สึกขนลุก ดูจากสายตาแล้วจำนวนโต๊ะประมาณสิบเห็นจะได้ ส่วนมากเป็นโต๊ะไม้ มีดอกไม้เสียบแจกันประดับอยู่ทุกโต๊ะและภายในร้านมีการเปิดเพลงคลอๆทำให้บรรยากาศมีความผ่อนคลายเหมือนอยู่คนละโลกกับด้านนอกที่มีแต่ความอึมครึม  

    “กลับมากันแล้วเหรอ?” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งสวมเสื้อโค้ทสีเขียวถามในขณะที่ตัวของเขานั้นกำลังเช็ดถ้วยกาแฟอยู่

    “กลับมาแล้ว ค่าา” อัยย์ตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “วันนี้หัวหน้าเปิดร้านเร็วเหมือนกันนะคะเนี่ย”ชายหนุ่มยิ้มกริ่มๆ ไม่บ่อยนักที่ผู้ชายคนนี้จะเกิดอาการขยันลงมาเปิดร้านก่อน สองทุ่ม ส่วนมากที่เห็นก็มักจะเป็นช่วงดึกแล้ว

    “ขึ้นไปหาซินดี้ข้างบนสิ เหมือนว่าเธอมีเรื่องจะคุยกับพวกเธอ”เขารวบผมที่มีสีดำเหมือนนิลขึ้นและหันมาพูดกับอัยย์ด้วยน้ำเสียงเรียบๆมองหน้าของเธอผ่านแว่นตาทรงกลมไร้กรอบ

    “ค่ะ”ถึงแม้เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่เธอก็รู้สึกว่าไม่นานต่อจากนี้จะมีงานเข้าแน่ๆ 

    “นายด้วยนะ เนโร”เขาหันไปบอกกับหมาป่าหนุ่มผู้ยืนหาววอดๆอยู่ข้างๆอัยย์ 

    “รู้แล้วน่าไม่ต้องบอกหรอก”เขาตอบปัดๆไปให้หมดปัญหา แล้วจึงเดินขึ้นชั้นบนอย่างรวดเร็วตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือการได้โดดขึ้นไปนอนบนเตียงนุ่มๆพร้อมด้วยผ้าห่มอุ่นๆและขอเข้าเฝ้าพระอินทร์สักหน่อย

    "เดี๋ยวสิ รอกันหน่อยไม่ได้รึไง"อัยย์รีบวิ่งตามเนโรขึ้นไปข้างบน เธอเขายืนรออยู่ที่หัวบันได

    "มันง่วงมากขนาดนั้นเลยรึไง เมื่อกี้ยังไม่เห็นเป็นอะไรเลย"

    "เมื่อกี้ก็ส่วนเมื่อกี้สิ ตอนนี้ก็คือตอนนี้"เนโรตอบกลับอัยย์อย่างสั่วๆ

    "ให้มันได้อย่างงี้ สิ" อัยย์เริ่มหงุดหงิดกับการที่เธอโดนประชด แต่ด้วยความล้าจากการทำงานเมื่อคืนทำให้เธอไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเขาตอนนี้สักเท่าไหร่ พวกเธอทั้งสองเดินไปจนสุดโถงทางเดินซึ่งมีประตูไม้ตั้งอยู่ 

    อัยย์เดินรีบเดินเข้าไปเพื่อเปิดประตูหวังเพียงที่จะได้นอนหลับพักผ่อนอีกสักงีบ 

    "ระวัง!!" เนโรตะโกนดังลั่นพร้อมดึงตัวอัยย์ที่กำลังจะจับลูกบิดประตูให้ถอยห่างจากประตูและหมอบลงต่ำกับพื้น  

    ภายในชั่วพริบตาเดียวนั้น ทุกอย่างในสายตากลายเป็นสีขาวโพลน พร้อมเสียงดังกัมปนาส

     

           "ตู้มมมมมมมมมมม!!!!!!!!!"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     


     


     

     


     


     


     


     


     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×