ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บของ+ลับ

    ลำดับตอนที่ #24 : ซินเดอเรลล่า 'การิน'

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20
      0
      11 มิ.ย. 56

    ซินเดอเรล่า การิน




    “นี่ นังรินแกไปถูพื้นเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงแหลมดังขึ้นมาจากบ้านหลังหนึ่ง เด็กสาวผมสีแดงสดตวดกร้าวใส่เด็กหนุ่มที่นั่งเล่นตุ๊กตาอยู่ที่พื้น ใบหน้าหวานเงยขึ้นมามองเด็กสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยสีหน้าโกธรเกรี้ยว ก่อนที่จะหันไปสนใจตุ๊กตาในมือของตนเองต่อ

    “นี่ แกได้ยินที่ชั้นพูดไหมเนี่ย!” เด็กสาวผมแดงตวาดขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงแหลมจนแสบแก้วหู แต่เด็กสาว(?) ตรงหน้าก็ไม่มีทีว่าจะขยับเลยแม้แต่น้อย

    เสียงแหลมปรี๊ดขนาดโทรโข่งยังต้องอายแบบเนี่ย ไม่ได้ยินก็บ้าแล้วเจ๊...

    “มีอะไรหรือเอม ตะโกนซะดังทั่วบ้านเชียว?” เด็กสาวผมสีดำ ถักเปียสองข้างเดินมาหาพลางถาม เอมหันไปมองก่อนที่จะชี้นิ้วมาทางคนที่นั่งเล่นตุ๊กตาอยู่ที่พื้น

    “ก็นังรินน่ะสิ! มันไม่ยอมไปถูพื้นซักทีน่ะ นี!” ชี้หน้า พลางตะโกนอีกครั้ง ทำไมนีต้องเอามือปิดหู ก่อนจะหันไปยังตัวต้นเหตุที่ยังนั่งเล่นอยู่ที่พื้นแบบไม่ทุกข์ร้อนอะไร

    “นี่ ทำไมแกไปถูพื้นห่ะ?” นีเดินไปตรงหน้าของคนที่นั่งเล่นอยู่ พลางใช้มือจิกผมนุ่มของเด็กหนุ่ม ตรงหน้าขึ้นมา เด็กหนุ่มสบตาเข้ากับดวงตาของคนตรงหน้าที่จ้องมาเหมือนกับจะฆ่าเขาให้ได้ ก่อนที่ริมฝีปากอมชมพูจะเอ่ยประโยคนึงออกมา

    “ยัยพวกนกกระจอก ร้องอยู่ได้ น่ารำคาญ” ประโยคที่เอ่ยออกมาไม่สมกับน้ำตา ก่อนที่เด็กหนุ่มจะใช้มือของตนเองจิกไปที่มือขที่จิกผมตนเองอยู่ จนคนที่โดนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

    “โอ๊ย! นี่แกกล้าหยิกชั้นเหรอ!?” นีกุมมือของตนเองด้วยสีหน้าเจ็บปวด จ้องมองไปทางเด็กหนุ่มที่ยืนยิ้มหยิ่งผยอง ก่อนที่ร่างบาง จะเดินออกไปจากที่ตรงนี้ทันที

    “นี่! แกนังการิน! นี่แกกล้าทำกับพวกชั้นอย่างงี้เหรอ!?” เอมรีบไปคว้าจับแขนของคนที่กำลังจะเดินไป ก่อนจะชักกลับมา แต่ก็ต้องผงะเมื่อเห็นสีหน้าของอีกคนที่กำลังแสยะยิ้มอย่างน่าขนลุก

    “เอามือน่าขยะแขยงของแกออกไปซะ...แล้วก็..นี่ถือเป็นของขวัญสำหรับพวกแกสองคนละกัน...”เด็กหนุ่มหยิบตุ๊กตามาใส่ที่มือของเอมที่ชักสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อย ก่อนที่จะสะบัดแขนออก และรีบเดินไปยังห้องของตนเองทันที

    เอมทรุดตัวลง ก่อนที่นีจะเดินเข้ามาและพยุงให้ลุกขึ้น แต่ทั้งสองก็ต้องผงะกับสิ่งที่อยูมือของเอม...

    ตุ๊กตาวูดูที่กำลังแสยะยิ้มให้พวกเธอ ใบหน้าบิดเบี้ยวทั้ง หู จมูก ปาก สภาพของตุ๊กตาที่เหมือนถูกใครฉีกทึ้งมาจนไม่เป็นชิ้นเป็นอัน และของเหลวสีแดงสดที่ไดลย้อยลงมาจากบนหัวของตุ๊กตาหยดลงมาบนมือของพวกเธอ

    “คิคิ..” ตุ๊กตาหลุดหัวเราะออกมาน้อยๆ เด็กสาวทั้งสองหน้าตึงทันที ก่อนที่จะส่งเสียงร้องหวาดกลัวออกมาพร้อมกัน

    “กรี๊ดดดด!!


    ……………………………………………..


    ให้ตายซิ ยัยพวกนั้นน่าเบื่อชะมัด เจอเข้าไปถึงกับร้องเสียงหลงเลยนะ หื...สะใจชะมัด!

    หวัดดีชั้นขอแนะนำตัวสั้นๆละกันละกัน ชื่อ การิน หรือที่ยัยพวกข้างล่างเรียกว่า ริน จบ (สั้นไปป่ะลูก - -)

    ยัยพวกนั้นเป็นลูกของแม่เลี้ยงโรสที่มาแต่งงานกับพ่อชั้นน่ะสิ ตอนแรก็ตอแหลเก่งซะไม่มี แต่พอหลังจากพ่อของเขาตายไป พวกมันก็เริ่มเอาใหญ่ ให้ตายซิ ขอให้เขาอยู่แบบสงบๆ ไม่ได้บ้างหรือไงเนี่ย!

    การินเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอน ภายในห้องที่มืดมิดของเขาเต็มไปด้วยตุ๊กตารูปร่างน่ากลัว และของต่างๆที่เกี่ยวกับสารย์มืด การินมองรอบๆห้องของตน ก่อนที่จะหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทรา

     

    “ฮ้าว~ เช้าแล้วเหรอเนี่ย...”

    ร่างบางบางของการินยันตัวลุกขึ้นมาจากที่เตียงแสนนุ่มของตนเอง ร่างบางมองไปรอบห้องพยายามปรับสายตาให้เป็นปรกติ เขย่าหัวตนเองเพื่อให้ความง่วงงันหายไป การินเดินไปตรงหน้าต่างก่อนจะเปิดผ้าม่านสีเทาหม่นรับแสงแดดในยามเช้า

    “อาบน้ำดีกว่า”

    ร่างบางว่า ก่อนที่จะหยิบผ้าขนหนูเข้าไปในห้องน้ำทันที

     

    ตึกๆๆ

    ผมเดินลงมาจากบรรได้สูงของบ้าน ลงมายังชั้นล่าง ที่เงียบสงัด ไฟของชั้นล่างถูกปิดเอาไว้ บนโต๊ะกินข้าวมีกระดาษใบหนึ่งเขียนด้วยลายมือของแม่เลี้ยงน่ารำคาญของผมไว้


    ถึง การิน

    พวกชั้นจะออกไปซื้อของข้างนอก และไปร้านเสริมสวยต่อเลย วันนี้อาจจะไม่กลับบ้าน เพราะว่ามีงานเลี้ยงเต้นรำเลือกคู่ของพวกเจ้าชายในวัง ทั้ง 7 คน ดังนั้นเธอก็หาอะไรกินเองละกันนะ ในบ้านไม่มีอะไรมากหรอก นอกจากพวกอาหารกึ่งสำเร็จรูปน่ะนะ โฮะๆๆ

    จาก โรส


    พอได้อ่านนี่แล้วทำเอาผมอยากจะฆาตรกรรมหมกศพยัยแม่เลี้ยงนี่จริงๆ ให้ตาย...

    แต่ผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ นอกจากนั่งรอที่บ้านอย่างสงบๆ น่าเบื่อจริงๆเลยให้ตายซิ ว่าแต่เจ้าชายงั้นเหรอ...ถ้าจับพวกนั้นมาชำแหละ เอาไตไปขายคงได้ราคาดี อืม...อยากไปงานเลี้ยงจังแฮะ ถ้าไปแล้วไปลักพาตัวเจ้าชายพร้อมตัดไตไปขาย ส่วนอวัยวะส่วนอื่นๆมันจะขายได้มั๊ยนะ? หรือจะเอาพวกมันมาแล่เนื้อแล้วเอาเป็นอาหารว่างให้สุนัขแถวบ้านดีหว่า....

    ผมนั่งคิดไปเรื่อย แต่เมื่อท้องของตัวเองเริ่มประท้วงจึงต้องเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาอะไรกิน และแน่นอนว่าอย่างผมต้องได้อาหารเด็ดมาแน่ นั่นก็คือ...

    มาม่า!...

    รี่แหละอาหารต้นตำรับซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่หลายๆคนต้องยกนิ้วให้! นี่แหละอาหารเบสิคหากใครไม่เคยกินก็คงเชยเป็นแน่แท้...

    แน่นอนว่ามื้อเช้าของผมนี้ก็ต้องรับประทานมาม่าอาหารเบสิคของโลกเราต่อไป...




     

     

    ตอนนี้เริ่มเย็นแล้ว พระอาทิตย์ดูเหมือนจะใกล้ตกเต็มที ผมนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำหอมและเสื้อผ้าที่ยัยแม่เลี้ยงนั่นเอามาหมกไว้ ฉุนกึกจนอยากหาผ้าปิดปากมาเลย แต่มันก็ยังเอาไม่อยู่หรอกนะ...

    เฮ้อ...อยากไปงานเต้นรำจังแฮะ พวกเจ้าชายคงขายได้ราคาดีแน่ๆ(ยังไม่เลิกคิด)

    “อยากไปขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสียงหนึ่งดังขึ้น

    “ใครน่ะ!” เสียงหวานนั้นดังขึ้นมาข้างๆหูผมทำให้ผมต้องรีบลุกขึ้นมาหาเจ้าของเสียง แต่รอบด้านกลับไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่น้อย แต่เสียงนั้นก็ยังคงดังก้องอยู่ในหัวผม

    “ว่าไงล่ะ...อยากไปหรือเปล่า?” เสียงนั้นถามอีกครั้ง ด้วยความงุนงงบวกบ้าจี้(?) ผมจึงตอบกลับไป

    “ใช่ ชั้นอยากไป!” ผมตอบออกไป สิ้นเสียงของผม ก็ปรากฏร่างของหญิงสาวผมสีครีมตรงหน้า เธอมีใบหน้าสวยดุจดั่งเทพธิดา รูปร่างผอมบาง ผิวขาวเปล่งประกาย เธอใส่ชุดเหมือนกับพวกคุณหญิงคุณนายไฮโซสีฟ้า แต่ชุดนี้ดูเหมือนผ้าจะชั้นดีกว่าของพวกนั้นเยอะ รอยยิ้มสดสวยถูกส่งมาให้ผมอย่างไม่ปิดบัง

    แม่เจ้า...

    ใครวะ?

    “ถ้าเธอปรารถนาแบบนั้น ชั้นจะให้ตามที่เธอต้องการเอง” ยังไม่ทันได้พูดอะไร ร่างตรงหน้าก็พึมพำอะไรซักอย่างเบาๆ ก่อนที่ร่างกายของผมจะส่องแสงสว่าง ผิวที่เคยดำหมองคล้ำเพราะโดนแดดกลับมาขาวผ่อง รูปร่างที่ซุบผอมก็กลับมามีน้ำมีนวลขึ้นมา ใบหน้าถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสอางบางๆ ผมสีดำสนิทของผมก็ยาวลงมาถึงกลางหลัง ชุดเก่าๆโทรมที่เคยใส่อยู่ก็กลับกลายขึ้นมาเป็นชุดสีครีมขาวไข่มุก พร้อมรองเท้าแก้วสีใส

    ให้ตาย...ตอนนี้ผมเหมือนกับพวกลูกคุณหนูคุณนายจอมหยิ่งพวกนั้นแล้วซิ...

    “เอาล่ะ การิน เธอจะต้องกลับมาจากงานเลี้ยงนั่นก่อนเวลาเที่ยงคืน ไม่อย่างนั้นเธอจะกลับไปเป็นการินคนเดิมนะ” เธอพูดกลับผมก่อนที่จะยื่นของสิ่งหนึ่งมาให้

    เชือก...

    “นี่มันอะไร?” เอาเชือกมาให้ทำไมเนี่ย เอามาให้ผมผูกคอตายหรือไง

    “ก็เธอจะจับเจ้าชายไม่ใช่เหรอ? เอานี่ไปสิ ถ้าขายได้แล้วชั้นขอส่วนแบ่งซัก 50% นะ” เธอพูดพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัย

    ใครให้แม่นี่มารับบทนางฟ้าฟระ...

    “อืม ขอบใจ แล้วเธอชื่ออะไร?

    ผมเอ่ยถามชื่อด้วยมารยาทผู้ดีที่มี(น้อย) ยื่นมือไปรับเชือกฟางที่ดูแล้วน่าจะสามารถจับได้หลายคนอยู่ ว่าแต่ถุงดำล่ะ ของไม่ครบแบบนี้จะจับได้ยังไง

    “ชั้นชื่อ ลัลทริมา เรียกว่า ลัลเฉยๆก็ได้ งั้นชั้นจะเสกรถม้าให้เธอไปงานเต้นรำนะ”

    ลัลพูดก่อนจะท่องมนต์อะไรซักอย่างอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะพาผมออกมาข้างนอกบ้าน ข้างนอกมีรถม้ารูปทรงตุ๊กตาอาถารรพ์แนวนอน...เอิ่ม...คุณเธอตั้งใจเสกมาเพื่อผมโดยเฉพาะเลยใช่มั้ยเนี่ย ม้าแทนที่จะเป็นสีข่าวก้เป็นสีดำ แถมถ้าทางก็เอาเรื่องน่าดู

    ผมจะโดนสลัดตกจากรถก่อนไปถึงงานเต้นรำไหมวะ?...

    “เอาล่ะ ไปได้แล้ว เดี๋ยวจับพวกนั้นไม่ทันหรอก” ลัลพูด ก่อนที่จะดันผมให้ขึ้นรถม้า พอผมขึ้นมาม้าสีดำสองตัวข้างหน้าก็เริ่มวิ่ง ลัลโบกมือให้ผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเพราะกำลังจะได้เงิน...ผมพูดจริงๆนะ หน้าหล่อนตอนนี้มีอีกษรแปะอยู่ด้วยว่า เงิน น่ะ

    หวังว่าคงไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นหรอกนะ...



     

     

    “เราขอขอบคุณทุกท่านที่มางานในวันนี้ เรา...”

    เสียงตาแก่อายุคราว 50 กว่าๆ พูดบ่นไปเรื่อยในห้องโถงของราชวังที่อีกแน่นไปด้วยผู้คนอิลสตรีเพศหญิงมากมาย ทุกคนต่างยิ้มแย้มแจ่มใจ แต่งตัวอย่างเต็มที่ เพื่อให้เจ้าพวกนั้นเลือกตนเป็นคู่ครองในค่ำคืนนี้

    ใช่...ฟังไม่ผิดหรอก...ที่ผมใช้คำว่า พวก น่ะ...

    ในที่สุดหลังจากที่ผมเผชิญโชคมาได้จากรถม้านั่น ผมก็มาถึงงานเลี้ยงนี่จนได้ ในงานก็มีแต่พวกผู้หญิงส่งเสียงคุยโอ้อวดสรรพคุณตัวเองกันยกใหญ่จนน่าโมโห แต่ก็ยอมรับละนะว่าแต่ละคนก็สวยอย่างที่เขาว่าจริงๆ แต่นิสัยนี่ผมไม่อยากพูดถึงเลย...

    ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในโต๊ะอาหารที่มีอาหารวางเรียงรายเหมือนกับจะจัดให้ได้โนเสาร์กิน อะไรจะมากมายจนาดนี้ก็ไม่รู้ จัดมาซะเยอะ แต่อย่างน้อยมันก็ลาภปากผมล่ะ เพราะอยู่ในบ้านผมก็กินแต่บะหมี่อย่างเดียว

    “ง่ำๆๆ” ผมจัดการยัดเนื้อวัวชิ้นโตเข้าปาก ที่ผมมาที่นี่เพราะจับเจ้าชาย ดังนั้นผมไม่ต้องห่วงเรื่องภาพลักษณ์ของตัวเองหรอก แต่อย่างน้อยก็ขอกินให้อิ่มก่อนถือเป็นโบนัส อ๊ะ ตรงนั้นมีสัปปะรดด้วย แต่ทำไมสีชมพูอ่ะ เอ๊ะ หรือนั่นคือหัวคน ชิ เสียดายชะมัด(ไม่ค่อยตะกละเลยนะลูก - -)

    แถมผมยังต้องเพิ่มพละกำลังให้มากๆ เพราะว่าเจ้าชายนั่น มันมีถึง 7 คน! ไม่รู้พระราชานี่ไปฮึดมาจากไหน เอามาทำไมไม่รุ้ตั้งเจ็ดคน ดังนั้นผมจึงต้องเตรียมพลังเอาไว้ ว่าแล้วก็ยัดถุงดำกับเชือกให้มิดๆหน่อย เดี๋ยวมีใครเห็น

    “ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวละครับ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังทำให้ผมต้องหันไปมองตาม

    “นายเป็นใคร?

    คนที่เข้ามาทักผมคือ ผู้ชายผมสีดำ หน้าตาดูอ่อนโยนอบอุ่น ละจัดอยู่ได้ว่าหล่อลากทลายดิน เขาแต่งจัวด้วยชุดของพวกชั้นสูงสีขาวสะอาด คล้ายเหมือนพวกชุดของราชวงศ์  เขาตัวสูงกว่าผมเล้กน้อย ใบหน้าหล่อเหล่านั่นส่งรอยยิ้มใจดีมาให้ แล้วมันเป็นใครวะเนี่ย

    “ผมชื่อ โชติกาลครับ แล้วคุณล่ะ”

    “การิน” ผมตอบออกไปสั้นๆ ก่อนจะหันไปยัดอาหารใส่กระเพาะ(หลุมดำ)ของตนเองต่อ

    “ชื่อเพราะจังนะครับ”

    “ขอบคุณที่ชม”

    เอ๊ะ...รู้สึกเสียงมันไม่เหมือนเดิมแฮะ

    ด้วยความที่เป็นคนขี้สงสัย(บวกชอบสอดรู้สอดเห็น)จึงหันไปมอง ก็พบผู้ชายอีกคนหนึ่งที่หน้าตาก็ระดับหล่อลากทลายดินอีกคน

    หมอนี่มีผมสีแดงสดไปทั้งหัว รูปร่างสูงผอม ตัวสูงกว่าเจ้าโชติกาลนี่อีก  เสื้อผ้าก็เป็นสีขาวเหมือนพวกชั้นสูงอีกเช่นกัน และแน่นอนว่า...

    หน้าตาก็หล่อระดับโลกถล่มดินสลายอีกครา...

    “นายเป็นใครวะ”

    “ผม เชียร ครับ”

    ไอผมแดงแนะนำตัวพร้อมก้มหัวให้ผมอย่างสุภาพ แมร่งมารยาทดีเชียว แต่สู้ผมไม่ได้ร๊อก(เรอะ)

    “พวกนายมาทำอะไรแถวนี้เนี่ย”

    ก่อนที่ผมจะได้ทำอะไรก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้น

    และนั่น...ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมคิดว่า...

    ผมจะไม่หันมาหาเสียงหล่อๆแบบนี้อีกตลอดชีวิต

    บรุศอีกห้าที่เดินเข้ามา ทุกคนต่างใสชุดเหมือนเจ้าสองคนนี้ทั้งสิ้น แต่ละคนมีใบหน้าที่หล่อเหล่าขนาดภับพิบัติของชาติ และเท่าๆที่ผมดู...

    ทุกคนเหมือนจะมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง

    คนหนึ่ง ใส่หมวกแกถ้าทางไม่รุ้ว่าไปอดรนอนมาจากไหน ท่าทางของเขาดูง่วงซึมเหมือนจะหลับได้ตลอดเวลา แต่ทำไมแกยังหล่ออยู่อีกวะ(หมั่นไส้)

    คนที่สองเป็ชายผมสีขาว ท่าทางดูเป็นเหมือนพวกหล่อ ใจดีเหมือนเจ้าโชไม่มีผิด น่าหมั่นไส้ ทำไมตูเจอแต่คนดี

    คนที่สาม มีผมสีดำ และปลายสีขาวออกมา เขาดูเป็นคนดื้อรั้น คิ้วเข้มของเขาขมวดแน่น เหมใอนกำลังหงุดหงิด


    คนที่สี่ ชายผมสีขาว(อีกแล้ว) คนนี้ดูท่าทางเป็นพวกเจ้าระเบียบ ในมือของเขาถือนาฬิกาพก ใบหน้าหล่อเหลานั่นนิ่งเย็นชา

    คนที่ห้า ผู้ชายผมสีดำสนิท ท่าทางดูขี้เล่น และกวนประสาท(อยากตบสักเปรี้ยง) เขาถือหมวกทรงสูงสีดำใบหนึ่งอยู่ พร้อมกับนกพิราบที่ออกมาจากหมวก...

    พวกนี้มันเป็นใครวะเนี่ย?....

    “เดี๋ยวงานก็จะเริ่มแล้ว ทำไมพวกนายยังไม่ไปเตรียมตัวกันอีก?

    ผู้ชายที่ถือนาฬิกาพกเอ่ยขึ้ แววตาของหมอนั่นหยิ่งเสียจนหน้าหมั่นไส้ชวนอยากให้เข้าไปเสยด้วยรองเท้าแก้วสักที

    แต่ว่า หมอนี่พูดว่าเตรียมตัว หมายความว้ายังไงกัน...

    หรือว่า...เจ้าพวกนี้มันก็คิดอยากจะจับเจ้าชายไปขายเหมือนกับผมงั้นเรอะ!

    เวรละ ขืนให้เจ้าพวกนี้มาแย่งเหยื่อที่น่ารัก(?) ของผมไป งานนี้ผมก็มาเสียปล่าวน่ะสิ

    ยอมไม่ได้...ตูไม่ยอมเสียเอกราช(?) หรอกโว้ย

    “งั้นพวกผมไปก่อนนะครับ คุณการิน” โชพูดก่อนที่เจ้าพวกแก๊งลักพาตัว(ตั้งชื่อเอง)จะพากันเดินออกไป แต่อย่าหวังว่าผมจะยอม! ตูไม่ยอมหรอกโว้ย งานนี้มีตายไปข้าง

    “หยุด!” ผมเรียกให้พวกนั้นหยุด และแน่นอนตามหวัง พวกนั้นหยุดกึก แล้วหันมามองผมอย่างพร้อมเพรียง ผมรีบวิ่งเข้าไปหาพวกนั้นก่อนจะเริ่มการเจรจาสุมหัวทันที

    “พวกนาย ชั้นจะขอเจรจากับพวกนาย” งานนี้แบ่ง 3 : 4 โอเค๊!?

    “เจรจา?” เจ้าคนหัวหงอกขี้เก๊กพูดขึ้น

    “ใช่ ก็ที่มางานนี้พวกนายก็มีเป้าหมายเดียวกันชั้นไม่ใช่เรอะ ดังนั้น เจ้าชายน่ะ ต้องแบ่งกันสิ” ผมพูดด้วยเสียงหนักแน่น ทำให้พวกนั้นทั้ง 7 คนอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนที่แต่ละคนจะใช้ดวงตาเรียวพิจรณามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

    มองไมวะ!?

    ไม่พูดอะไรขอต่อเลยละกัน

    “ถึงเจ้าชายจะมี 7 คนก็เถอะ แต่อย่างน้อย มันก็น่าจะแบ่งกันได้เซ่ สรุปว่าชั้นกับพวกนาย ต่างฝ่ายต่างเอาไป คนละ 3 ส่วนอีกคน ค่อยจับชำแหละแยกส่วน แล้วแบ่งอวัยวะภายในที่พอเอาไปขายได้ทีหลัง โอเคไหม?” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและสีหน้าจริงจังอีกครา

    เมื่อผมพูดจบ สีหน้าของมันแต่ละครก็ดูแปลกไปถนัดตา บางคนก็เหมือนหนักใจ แต่บางคนก็เหมือนดูสนุกสนาน

    อะไรของพวกมันล่ะเนี่ย

    “แล้วเธอไม่อยากถูกเลือกจากเจ้าชายเหรอ?” คนที่ใส่หมวกแกะมีสีหน้าง่วงงุนถามขึ้น แกอดนอนมาหรือไง

    “ไม่ล่ะ พวกนั้นไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลยซักนิด นอกจากจะมีประโยชน์ตอนเอาไปประมูลในตลาดมืด แทบทุกวันนี้ชั้นก็แทบจะเสกประตูเข้าท้องพวกมันทุกวันอยู่รอมร่อแล้ว”

    เมื่อสิ้นคำพูดของผม สีหน้าของมันแต่ละคนก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาประทับ ยิ้มของแต่ละคนนั้นดูเจ้าเหล์และน่ากลัว สายตาของพวกมันแต่ละคนที่มองมายังผมดูเหมือนจะกินเข้าไปทั้งตัว

    “หึ...ก็ได้ พวกเราตกลง”

    “จริงเหรอ!

    “อือ แต่ต้องเป็นตอนที่เจ้าชายกำลังเต้นรำอยู่เท่านั้นนะ”

    “ทำไมล่ะ?

    “กเพราะจังหวะนรั้น เป็นตอนที่ทุกคนเปิดช่องว่างมากที่สุดน่ะสิ เธอต้องทำให้เจ้าชายเลือกเธอให้ได้ เข้าใจไหม”

    “อือ...โอเค”

    การเจรจาเสร็จสิ้น...

    หึหึ ทีนี้เงินกองโตก้มาอยู่ในมือผมแล้ว!!

    เตรียมรอได้เลยครับ เจ้าชายสุดที่รัก

    ว่าแต่...ผมจะทำยังไงให้เจ้าชายคนใดคนหนึ่งมันเลือกผมได้ล่ะเนี่ย?...





    ยังไม่จบนะ....

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×