ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CAT VS DOG มหาสงคราม..แมวปะทะหมา!

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่สาม : การรวมตัว

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 58








    บทที่สาม

    การรวมตัว

     

     

     

               

                ในยามเช้าอันแสนสดใสของแดนมนุษย์ ตามปรกติแล้วในดินแดนมนุษย์จะแบ่งออกเป็นหลายเขต หลายเมือง หลายอาณาจักรตามปรกติเหมือนดินแดนอื่นๆ โดยดินแดนศูนย์กลางซึ่งมีกองกำลังอัศวินหลวงหลักและพระราชวังอันเป็นที่ประทับขององค์ราชาก็คือเมืองหลวง ใจกลางดินแดนมนุษย์อย่าง “เอรันทา”

     

                ว่ากันว่าชื่อเมืองก็คือชื่อของราชินีผู้สามารถจบสงครามอันยาวนานระหว่างอาณาจักรดีอาร์และมาเรย์หรืออาณาจักรสุนัขและแมวได้นั่นเอง สงครามดำเนินมายาวนานหลายสิบปี...และก็มีหลากหลายคำถามว่าทำไมราชินีแห่งแดนมนุษย์ “เอรันทา” ถึงไม่ยอมหยุดมันเสียตั้งแต่แรก

     

                มีข่าวลือหนาหู..ว่านางโดนมนต์ดำของปีศาจร้ายจนทำให้หลับใหลไปนานนับสิบปี..พอตื่นขึ้นมาเมื่อนางรู้ว่าเกิดสงครามขึ้นหยุดยั้งมัน..บ้างก็ว่านางมีคนรักอื่นนอกจากราชาของทั้งสองอาณาจักร บ้างก็ว่านางคิดทรยศไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับสงครามของพวกเขา..แต่ก็ไม่มีใครล่วงรู้ความจริงเลยแม้แต่น้อย จนเวลาผ่านเลยมาหลายร้อยหลายพันปี หลังจากสงครามจบ ทุกอย่างก็กับเข้าสู่ความสงบสุขแม้ความขัดแย้งและความคิดเกลียดชังระหว่างประชากรของทั้งสองอาณาจักรจะยังไม่หายไปก็ตาม

     

                แต่ถึงกระนั้น ทั้งสองอาณาจักรก็ผลัดกันช่วยเหลือดินแดนมนุษย์ตามเจตนาขององค์ราชาแห่งสามอาณาจักร ทำให้ดินแดนมนุษย์รุ่งเรืองมาได้อย่างทุกวันนี้ ด้วยวิทนาการทางเวทย์มนต์ ความเจริญในด้านต่างๆส่งเสริมให้แดนมนุษย์ได้รับอิทธิพลความก้าวหน้ามาจากทั้งสองอาณาจักรด้วย

     

                ยกตัวอย่างเช่นเรือลอยฟ้าอันเกิดจากการประสานเวทย์ลมควบคู่กับน้ำและแสงจนมันสามารถข้ามมิติเพื่อไปยังสถานที่ต่างๆได้ โดยความลึกล้ำของเวทย์มนต์ก็ยังมีมากกว่านี้อีกมากมาย...

     

                มากมายจนอ่านไม่หมดเลยเว้ย

     

                ลูคัสคิดในใจก่อนขว้างหนังสือชีวประวัติยาวยืดจนขี้เกียจอ่านทิ้งไป โชคดีที่ในห้องนี้ไม่มีใครอื่นเนื่องจากเป็นห้องส่วนของเขาในโรงพักแรม หนังสือนั่นจึงทำได้แค่ไปกระแทกผนังและตกลงมาบนพื้นตามยัตถากรรมของมัน

     

                เพราะถ้าหากไปโดนหัวใครเข้าคงได้มีเรื่องยามเช้าฉลองกันบ้างละ

     

                “เฮ้อ...น่าเบื่อชะมัด” เจ้าสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสสี้ นอนยืดเส้นยืดสายบนเตียงของตนเองขณะเสกน้ำแข็งขึ้นมาเกาะรอบห้อง บวกกับที่ห้องนี้เป็นห้องความเย็นพิเศษเพื่อต้อนรับประชากรสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้โดยเฉพาะด้วยแล้วทำให้มันค่อนข้างจะเย็นมากทีเดียว

     

                ลูคัสนอนไปมาบนเตียงอย่างเคลิ้มๆ สัมผัสอากาศเย็นๆกระทบผิวกายแล้วรู้สึกไม่อยากจะลุกไปไหน

     

                “เย็น...” ลูคัสพึมพำ ใบหน้าแดงๆเคลิ้มๆ แต่สัมผัสกับความรู้สึกดีๆได้ไม่นานน้ำแข็งทั้งห้องก็พลันละลายลงไป อากาศเริ่มเปลี่ยนเป็นร้อนจนเจ้าไซบีเรียน ฮัสกี้ผุดลุกจากเตียงด้วยความตกใจ สายตาองไปทางผู้กระทำ ประตูถูกเปิดออกพร้อมร่างของชายผมสีฟ้าอันแสนคุ้นเคยในชุดอัศวิน..

     

                “ผมบอกแล้วนี่ครับ..ว่าให้คุณไปรายงานตัวข้างล่างของโรงแรม..ทำไมถึงไม่ยอมไปกันครับ เราจะเดินทางไปที่วังหลวงกันแล้วนะครับ..”

     

                ลูคัสแยกเคี้ยวใส่คนที่มาใหม่ “เจ้าบังอาจมาก! ข้ากำลังนอนอยู่นะเฟ้ย! ขอเวลาอีกสักชั่วโมงไม่ได้หรือไง!” ลูคัสขู่คนที่มาขัดเวลาสุขสบายของเขา

     

                องค์รักษ์ประจำราชอาณาจักรดีอาร์ยิ้มกว้างขึ้นอีก..ฉีกจนจะถึงใบหู..

     

                ลูคัสสะดุ้ง รู้สึกขนลุกตั้งแต่สันหลังยันหน้าผาก

     

                “จะตามมาดีๆ..หรืออยากให้ผมพาคุณไปครับ เด็กดื้อ?” เขาถามอีกครั้ง และจงใจเน้นคำว่าเด็กชัดๆ ลูคัสสั่นสู้ กระชากเสียงตอบ “ไม่ไปเว้ย!!

     

                “วินดี้...ช่วยไปจับเขามาทีสิครับ...” ดิแอนด์เรียกภูตสายลมออกมาจากนั้นมันก็เข้ารวบตัวของลูคัสแล้วพัดพาให้ร่างเพรียวลอยลงไปข้างล่างโดยไม่ถามความเห็นเจ้าของร่างเลยสักคำ ลูคัสถลึงตาพยายามดิ้นให้หลุดแต่ก็ไม่สามารถขยับได้ราวกับถูกอากาศรัดเอาไว้ “ปล่อยนะเฟ้ย! ปล่อยฉันเจ้าหมาบ้าดิแอนด์!!

     

                ดิแอนด์ทำหูทวนลมคล้ายไม่ได้ยินเสียงโวยวาย

     

                เขาเก็บหนังสือเวทย์เล็กๆลงกระเป๋า..ตามปรกติแล้วถ้าเป็นเวทย์ที่ตนเองถนัดเขาคงจะสามารถใช้ได้โดยเรียกเพียงแค่เอ่ยชื่อของเวทย์ แต่ถ้าเป็นเวทย์ระดับสูงอย่างการเรียกภูตอย่างเมื่อครู่ก็ต้องใช้หนังสือเวทย์เช่นกัน..แต่อย่างน้อยเขาก็พัฒนาได้จนท่องเวทย์ได้ในใจ..

     

                การท่องเวทย์ในใจเพื่อให้บังเกิดผลค่อนข้างจะทำได้ยาก เนื่องจากต้องแยกแยะสมาธิหลายอย่างจนอาจผิดพลาดได้ บางคนอาจท่องแล้วไม่เกิดอะไรขึ้นเลย หรือบางคนท่องแล้วอาจจะกลายเป็นเวทย์ผิดเพี้ยนไปจากที่ต้องการ ดังนั้นมันจึงต้องการการควบคุมและสมาธิอย่างสูงทีเดียว

     

                ดิแอนด์ค่อยๆเดินลงไปตาม ปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นใบหน้าอ่อนโยน ก่อนยิ้มให้ทุกคนข้างล่าง พร้อมแอบเหล่มองลูคัสซึ่งนอนหมอบอยู่บนพื้นเพราะโดนลมกดเอาไว้ จะแก้ก็ไม่ได้ ดิแอนด์จึงปลดเวทย์ให้เขา เมื่อเวทย์ลมนั้นหายไปเจ้าตัวก็ลุกขึ้นทำท่าจะโวย

     

                “ถ้าจะโวยวายละก็ คืนนี้ผมไม่ปล่อยคุณแน่ครับ”

     

                ลูคัสหน้าซีด..”ก..แก..อย่าบอกนะ..ว่าจะใช้วิธีป่าเถื่อนนั่นอีก!

     

                ดิแอนด์ยิ้มน่าขนลุก “นั่นสินะครับ..บางทีถ้าคุณต้องการมาก..ผมก็อาจจะใช้มันก็ได้นะ?

     

                ลูคัสตัวลีบ รีบหยุดปากทันใด ไม่วายยังแอบไปหลบหลังเนริมจนคนโดนใช้เป็นที่กำบังได้แต่มองหน้านิ่งๆ “เป็นอะไรหรือครับ?” ลูคัสส่ายหน้า” เงียบน่า”

     

                “หรือว่าพวกคุณจะมีอะไรบางอย่างกัน น่าสงสัยจัง บอกผมบ้างสิ” เนริมถามด้วยสายตาเป็นประกาย ลูคัสเริ่มรำคาญ เสียงเริ่มกระชากโฮกฮาก “ฉันบอกว่ารำคาญ เงียบซะ!

     

                “แต่ว่าคุณไม่ยอมบอกผมนี่..บอกมาสิครับ หรือว่าพวกคุณจะแอบไปทำอะไรกันจริงๆ?” เนริมยังคงถามอย่างไม่ลดละด้วยใบหน้านิ่งเฉย แต่คำถามมันคนละเรื่องกับหน้าเลย..ลูคัสกัดฟัน “เงียบ!!

     

                “คุณก็บอกผมมาก่อนสิ นี่ๆ มันเป็นเรื่องยังไงครับ หรือว่าพวกคุณจะขึ้นไปกินซาลาเปาหมูสับกันคืนนี้โดยไม่ชวนผม?

     

                “ฉันบอกให้แกเงียบเฟ้ยไอ้ร็อตไวเลอร์เฮงซวย!!

     

                “ลูคัส! วันนี้คุณจะเจอบทลงโทษข้อหาตะโกนใส่คุณเนริมอย่างไม่สุภาพครับ เมื่อกลับมาถึงโรงพักแรมกรุณามาพบผมที่ห้องด้วยครับ”

     

                ลูคัสหน้าซีด...อยากจะประท้วงแต่คุณองค์รักษ์ดันไม่สนใจเขาแล้วหันไปอธิบายเกี่ยวกับกำหนดการวันนี้กับคนอื่นๆเสียแล้ว ไซบีเรียนฮัสกี้ผมสีน้ำเงินได้แต่คอตก หูที่ดันโผล่มาโดยไม่รู้ตัวก็ตกไปตามๆกัน ฮันนี่ไม่ได้สนใจสภาพของคนคอตกเลยแม้แต่น้อยพร้อมกัดก้อนเนื้อคำโต ส่วนโยชิมองภาพนั้นด้วยสายตาเวทนา...

     

                ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้!

               

     



               

                อีธานหรือเอียนกำลังแต่งตัวตามปรกติและจัดของต่างๆอยู่ในห้องของตนเอง เมื่อวานมีกำหนดการส่งมาทางจดหมายเวทย์จากองค์รักษ์อาณาจักรมาเรย์ของพวกเขาว่ากำลังจะมาถึงในวันนี้และจะพาพวกเขาไปยังพระราชวังดินแดนมนุษย์ด้วย เอียนอ้าปากหาวหวอด ยามเช้าแบบนี้แสงมาส่องหน้าเขายิ่งรู้สึกรำคาญแปลกๆ หวังเพียงแค่ว่าวันนี้มันจะมีเรื่องอะไรน่าสนุกมากกว่าเอาแสงมาส่องหน้าเขา

     

                เอียนเดินไปเปิดผ้าม่าน ภาพเบื้องล่างคือตลาดอันแสนคึกคักและมีมนุษย์มากมายเดินจับจ่ายซื้อของกัน เขายิ้มบางๆ..

     

                ในทุกๆวันเขามักจะเจอผู้คนมากมาย หลังจากที่ตนเองถูกเลือกขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว และถูกคนจากพระราชวังมารับตัวเพื่อให้มาแย่งชิงมงกุฎหรือตำแหน่งราชาอะไรนั่น..เขาคิดว่าการที่จะต้องไปนั่งอยู่บนบังลังก์คอยสั่งการมันน่าเบื่อ...ถ้าหากจะต้องไปคอยนั่งอยู่เพียงคนเดียว เขาคงจะเบื่อยิ่งกว่าเดิม

     

                เขาเชื่อว่าในคนจำนวนมากนี่..จะต้องมีคนที่สามารถทำให้สนุกได้..

     

                ใบหูสีดำกระดิกไปมา ผมสีน้ำงินและใบหน้ายิ้มแย้มเจ้าเหล์ดูเป็นเอกลักษณ์ ร่างกายปราดเปรี่ยวดูคล่องตัวกับเสื้อยืดหลวมๆทางแนวนอนลายม่วงสลับดำมันเป็นสัญลักษณ์ของเอียนไปเสียแล้ว..

     

                เจ้าตัวยิ้มบางๆ ถ้าหากจะได้แกล้งใครสักคนหรือจับตาดูคนที่น่าสนุกมันก็คงจะดีไม่น้อย

     

                เมื่อใกล้ถึงเวลานัดเอียนก็เดินลงไปข้างล่าง แต่กลับไม่มีใครอยู่มีเพียงชายผมสีเทาแซมดำด้วยทรงผมดูฟูๆยาวๆ เอียนกระพริบตาปริบๆมองอีกฝ่ายด้วยความฉงน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าชายร่างบอบบางคนนั้นก็ค่อยๆหันมาทางเขา ใบหน้าติดสวยแถมยังเจาะหู เจาะปาก ดวงตาสีเทาเฉยชาจ้องมองไปยังเอียน การแต่งกายของเขาดูเซอร์ๆ แถมยังมีบรรยากาศนิ่งขรึมจนเอียนรู้สึกอึดอัด

     

                เอียนหรี่ตาจ้องมองอีกฝ่าย

     

     

                “เจ้าคือ อีธาน ฟีโอเร่..หนึ่งในผู้ถูกเลือกสินะ” ชายตรงหน้าเอ่ย เอียนชะงัก..อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเป็นใคร..ถ้างั้นก็หมายความว่า..?

     

                “คุณคือองค์รักษ์ของพวกเรา..?

     

                ชายผมสีเทาพยักหน้า

     

                ในที่สุดองค์รักษ์ที่รอคอยมานอนก็มาถึง แต่เขากลับไม่ชอบใจเท่าไร ไม่ค่อยตกใจเท่าไรด้วย ออกจะผิดหวังด้วยซ้ำ เอียนรู้สึกไม่ถูกกับบรรยากาศเครียดๆเอาเสียเลย..ชักอยากจะหนีไปที่ไหนสักแห่งหรือหาผู้ร่วมชะตากรรมด้วย ในตอนแรกเขาอุตส่าคิดภาพว่าอยากจะแกล้งองค์รักษ์ของอาณาจักรตนเองแล้วเชียว..

     

                แต่แบบนี้..ท่าจะเล่นด้วยยาก..

     

                “นี่ๆคุณองค์รักษ์ คุณมาช้าจังเลยนะ หรือว่าแอบใช้เวลาพวกนั้นไปแต่งตัวให้ได้ขนาดนี้กัน?” แมวอาชีร่าขี้แกล้งถามออกไปด้วยรอยยิ้ม หากแต่..

     

                เขากลับได้รับสายตาคมๆดุๆ พร้อมใบหน้านิ่งเฉยและบรรยากาศมาคุอีกเท่าตัวกลับมาแทน

     

                “ที่ข้ามาช้าเพราะติดธุระ ไม่มีเวลาไปทำเรื่องไร้สาระเหมือนคนอย่างเจ้าหรอก”

     

                ถูกต่อว่าไปจนเอียนตัวแข็งทื่อ..เหมือนถูกจี้ใจดำ ถูกด่ากลับมาเต็มๆ คนๆนี้ไม่คิดจะรับมุขหรือความสนุกรอบตัวบ้างเลยหรืออย่างไรกัน...สาบานว่าถ้ามีถังกะละมังอยู่แถวๆนี้เอียนก็พร้อมจะมุดตัวเข้าไปทันทีแม้ว่าตัวเขาจะใหญ่กว่ากะละมังกี่ร้อยกี่พันเท่าก็ตาม

     

                จากนั้นเขาก็พยายามจะสื่อสารกับองค์รักษ์ของตนเองอย่างสุดความสามารถเพื่อเพิ่มมิตรสัมพันธ์อันดีงามในเผ่าพันธุ์ของตนเอง แต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็น

     

                “อย่ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง”

     

                “นั่นมันเรื่องส่วนตัวของข้า”

     

                “..........”

     

                อันสุดท้ายนั่นคือเงียบ..เมิน ไม่สนใจจะตอบอะไรเขาเลย..

     

                เอียนกุมขมับ การชวนคุยเรื่องสนุกๆไม่ได้ผลเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ตลอดระยะเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงที่ชวนคุยมา ไม่ได้ทำให้สีหน้านิ่งเรียบของเจ้าตัวหายไปเลยแม้แต่น้อย กลับกัน มันทวีคูณความน่ากลัวขึ้นกว่าเดิมหลายร้อยเท่าจนหางสีดำๆของเอียนเลียบกลับหายไปหมดแล้ว!

     

                เจ้าแมวอาชีร่าได้แต่ปลงตก ไม่คิดจะทักอะไรอีกเป็นครั้งที่สอง เคมีเข้ากันไม่ได้สุดๆคงจะไม่มีโอกาสชวนคุยอย่างอื่นหรอก..

     

                แต่ก่อนจะได้หมดอาลัยตายอยาก เสียงเรียบๆของอีกฝ่ายก็ถามขึ้นมา

     

                “เมื่อไรสองคนนั้นจะลงมาข้างล่าง..เราไม่มีเวลาแล้วนะ” องค์รักษ์หนุ่มถาม พวกเขามายืนรอหน้าเคาท์เตอร์เกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววของผู้ถูกเลือกเสียที

     

                “สองคนนั้นคงจะทำธุระส่วนตัวอยู่ละมั้งครับ” เขาตอบไปซื่อๆยิ้มๆตามแบบปรกติ...

     

                พริบตาเดียวเอียนก็ขนลุกเมื่อเจอสายตาคมๆตวัดมาอีกครั้ง

     

                “ข้าไม่มีเวลามากขนาดนั้น..ถ้าจะเรื่องมากเรื่องการแต่งตัวนักก็ไม่มีสิทธิ์มาเป็นผู้ถูกเลือก...ข้าจะไปหาพวกมัน..นำทางไป!

     

                เอียนรู้สึกเหมือนโลกจะถล่ม ดินจะสลาย ทำไมต้องเป็นเขาด้วย!

     

                อยากจะหนี...หนีไปจากบรรยากาศมาคุนี่! เพราะยัยสองคนนั้นนั่นแหละที่ไม่ยอมลงมาตั้งแต่แรก!

     

                แม้จะขัดใจแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องยอมพาไป เอียนพาองค์รักษ์หนุ่มเดินมาถึงห้องของสองสาว ได้ยินเสียงโวยวายดังออกมาจากห้องนิดหน่อย ก่อนเอียนจะได้เคาะประตูตามมารยาท องค์รักษ์ผมสีเทากลับใช้เท้าถีบประตูพังลงไปโดยไม่สนใจมารยาทหรือการเคาะประตูก่อนเลยแม้แต่น้อย

     

                ให้ตายเถอะพระเจ้าแมวเหมียว!

     

                “นี่เจ้าทำบ้าอะไร! บังอาจบุกรุกเข้ามาในห้องของผู้หญิงมันเสียมารยาทนะรู้ไหม!!” เสียงแหลมๆตวาดใส่ทันทีเมื่อเห็นว่าคนไร้มารยาทดันถีบประตูเข้ามา อนาสตาเซียกำลังหวีผมอยู่ มือของเธอชะงักค้างทันทีเมื่อรู้สึกตัวว่าประตูพัง ผมสีบลอนด์ของเจ้าหล่อนดูยุ่งเหยิง นัยย์ตาสองสีก็ดูโกธรเกรี้ยว ไม่มีเวลามาให้อึ้งเนื่องจากความขุ่นเคืองมันมีมากกว่าหากแต่ตัวการของปัญหากลับไม่ได้สนใจเรื่องนี้

     

                “ข้า อาร์คิลัส เทมพ์ จากนี้ข้าจะมาเป็นองค์รักษ์เพื่อช่วยเหลือพวกเจ้าในการแข่งขัน” พูดสั้นๆก่อนเดินไปทางห้องนอนราวกับรู้ว่าเจ้าแมวอีกตัวอยู่ที่ไหน

     

                อนาสตาเซียอ้าปากค้าง นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!..

     

                “เดี๋ยวสิเอียน! นี่มันหมายความว่ายังไง!

     

                เมื่อหันไปโวยกับองค์รักษ์หน้าตายไม่ได้ เธอจึงโวยวายกับคนหน้าซีดๆอย่างเอียนแทน

     

                ถามผม..แล้วผมจะรู้ไหมเล่า!

     

                “ผมไม่รู้หรอก...ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นองค์รักษ์ของพวกเราน่ะ..”

     

                รู้แค่นั้นแหละ..ในเมื่อถึงจะพยายามล้วงข้อมูลหรือถามความเป็นมาเจ้าตัวก็ไม่คิดจะบอกเลยนี่ จะถามเอาอะไรจากเขา ในเมื่อเขาเองก็พึ่งจะโดนสายตาเย็นๆนั่นมาเหมือนกันจนสภาพจิตใจเสียหายไปหายลูกแล้วนะ!

     

                ปึง! โครม!

     

                “ลุกได้แล้ว นอนขี้เซาอยู่ได้ ถ้าหากพวกเราสายด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ ข้าจะตัดหัวเจ้าแล้วเอาไปโยนลงปล่องภูเขาไฟในเขตหวงห้ามซะ!

     

                เสียงขู่กรรโชกพร้อมเสียงข้าวของตกแตก ของหล่นกระจายราวกับเกิดสงครามขึ้นในห้องนอนของพวกเธอ เสียงงัวเงียของคุรันดังขึ้นราวกับว่ารำคาญการกระทำรุนแรงนั้น จนสุดท้ายเสียงก็ดังมาอีกสักพักและเงียบไป...ก่อนร่างของแม่สาวแมวทะเลทรายจะถูกโยนออกมาข้างนอกพร้อมหมอนข้าง เจ้าตัวยังอุตส่าถไหลตัวลงไปนอนบนพื้นอีกรอบกับหมอนข้างสุดที่รักอีกด้วย

     

                เอียนมองภาพนั้นด้วยแววตาละเหี่ยใจสุดขีดกับเหตุการ์ณที่ยากจะรับมือ

     

                องค์รักษ์ผมสีเทาเดินออกมาจากห้องพร้อมกอดอก แววตาดุๆนั่นมองคุรันเล็กน้อยก่อนจะเหล่มามองมาทางเขาและมองไปทางอนาสตาเซีย “ชักช้า..แบบนี้จะไปชนะพวกสุนัขน่ารงเกียจพวกนั้นได้ยังไง”

     

                “นี่อย่ามาพูดดูถูกกันนะยะ! หัดมีมารยาทการเข้าสังคมซะบ้างสิ! อีกอย่างเจ้าจะมายุ่งอะไรด้วยกัน!” อนาสตาเซียตวาดกลับบ้าง ดูท่าเจ้าหล่อนจะหวีผมเสร็จเรียบร้อยถึงลุกขึ้นมายืนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาแข็งกร้าว

     

                พอกันที..เธอละไม่ชอบคนแบบนี้เอาเสียเลย

     

                “คร่อก..ฟี้..”

     

                “แล้วยัยคุรัน! ยัยแมวบ้า! รีบลุกขึ้นมาได้แล้ว เจ้าอยากจะสายจริงๆหรือยังไง!

     

     ให้ตายเถอะ ไม่ว่าอะไรก็ดูขัดใจไปหมดเลย อนาสตาเซียกัดฟัน คิดว่าวันนี้อุตส่าจะตื่นเช้าๆสบายๆเพื่อขึ้นมาหวีผมแต่งตัว แต่ดันเจอองค์รักษ์ป่าเถื่อนเล่นให้โมโหเอาอีกต่างหากทำให้อารมณ์ของเธอพุ่งสูง ค่าความโกธรเต็มร้อยในยามเช้าอีกต่างหาก เอียนกระเถิบถอยห่าง

     

    ขอเชิญทะเลาะกันให้สบายเถอะ..เขามันพวกรักสันติ!

     

    อย่างน้อยที่สุดก็ขอนั่งดูสงครามจากตรงนี้แล้วกัน

     

    อาร์คิลัสส่ายหัวน้อยๆ “น่าเบื่อ..เอาเป็นว่ารีบแต่งตัวได้แล้ว ข้าจะลงไปรอที่เคาน์เตอร์ด้านล่าง..และถ้าในอีกครึ่งชั่วโมงยังไม่มีใครลงไปถึง...”

     

    “ข้าจะเด็ดหัวพวกเจ้าทีละคนแน่”

     

    “คิดว่าข้าจะกลัวเหรอ! แน่จริงก็กลับมาสิยะ! กลับมาสู้กันสิ! เอียน ปล่อยข้า!” อนาสตาเซียโวยวายทันทีพยายามจะไล่ตามร่างของอาร์คิลัส แต่เอียนก็ดึงตัวเอาไว้ก่อน เขาก็ไม่ได้ห่วงยัยแมวจอมโวยวายนี่เท่าไรหรอก แต่ถ้ามันเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ เขานี่แหละที่จะหนีตายไม่ทันเพราะโรงแรมบ้านี่มันคงจะถล่มลงมาเพราะฝีมือเจ้าสองคนนี้แน่!

     

    “ง่วงจังเลย..ขออีกห้านาที..”

     

    เอียนมองเพื่อสาวที่นอนอยู่บนพื้น...

     

    แล้วถอนหายใจ

     

    “ทำไมข้าจะต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย..

     

     

     


     

                เกวนรู้สึกว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่น่ากลัวที่สุดตั้งแต่ที่เขาเข้ามาทำงาน และรับหน้าที่ในฐานะ หัวหน้าพ่อบ้าน

               

    ไม่เพียงแต่ด้านซ้ายเท่านั้นที่น่ากลัว ด้านขวาก็ยิ่งทำให้รู้สึกสยองไปได้หลายเท่าตัว

               

    “เกวน..เราขอชาเพิ่มอีก..เร็วๆด้วย..” องค์หญิงแห่งแดนมนุษย์เอ่ยด้วยสายตาคมกริบระวห่างนั่งอยู่บนเก้าอี้หรูหรากลางห้องโถงใหญ่ซึ่งมีโต๊ะตัวยาวอยู่เพื่อสำหรับการประชุมโดยเฉพาะ..เพียงแต่ในยามนี้ก็มีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้นในห้อง

     

                ใช่..สามคน..

     

                “ฮะๆๆ น่าสนุกจังเลยน้า..โอ๊ะ..น่ารักจังเลยนะ..แต่แบบนี้มันจะทำให้ดูอ่อนด้อยเกินนะครับ..หึหึหึ”

     

                นี่แหละ..สาเหตุที่ทำให้ขนของคุณหัวหน้าพ่อบ้านลุกเกรียวมากที่สุด

     

                “เอ่อ..ท่านครูส..”

     

                “อ๊ะ เรื่องชาไม่ต้องหรอก ขอบคุณนะ” เจ้าของชื่อยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ขัดกับการกระทำลิบลับ บนมือของครูสกำลังถือเข็มฉีดยาพร้อมมีด กรรไกร และอื่นๆอีกมากบนโต๊ะ เขากำลังกรีดผิวเนื้อของเจ้าดอกไม้ขยับได้จนมันหวีดร้องพยายามดิ้นให้หลุด แต่ด้วยเข็มเวทย์มนต์ที่ปักตามกิ่ง หรือใบไม้ของมันทำให้มันไม่สามารถขยับไปไหนได้ เสียงหัวเราะน่าขนลุกทำให้เอียนเหงื่อตก มือแอบสั่นไปหมด..

     

                ทำไมข้าต้องมาอยู่ท่ามกลางคนพวกนี้ด้วย พระบิดา!

     

                แม้ตอนแรกเขาตั้งใจจะลาป่วยก็ตาม แต่ด้วยความเป็นคนมีระเบียบทำให้เขาไม่สามารถำอย่างนั้นได้ แม้ใจจะไม่อยากแต่ร่างกายก็ดันขยับไปแล้ว เขาไม่ใช่คนดีที่จะต้องมานั่งรับภาระอยู่ท่ามกลางบุคคลอันตราย และพยายามทำตัวให้นิ่งๆไว้มากที่สุด แต่เสียงหัวเราะจากคนผมสีเทาก็ยังตามมาหลอกหลอน

     

                นิ่งไว้..เกวน..นิ่งไว้

     

                ยิ่งมองไปทางองค์หญิงปีศาจแห่งแดนมนุษย์แล้วก็ยิ่งหวาดผวา..

               

    สองคนนี้มันก็ตัวอันตรายไม่ต่างกัน..

     

                ครูส บาสเตียน หมอหนุ่มอัจฉริยะที่ได้รับการกล่าวขานว่าเขาคือสุดยอดอัจฉริยะในรอบหลายร้อยปี แม้จะยังหนุ่มแน่นแต่ก็มีผลงานการรักษาทางการแพทย์ หรือแม้แต่ยาสมุนไพรหายากชนิดต่างๆที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ต่างก็มาจากฝีมือของเขาทั้งสิ้น ถ้าหากได้ฟังเพียงแค่นั้นเกวนจะรู้สึกภูมิใจและนับถือในตัวชายผู้นี้มาก ถ้าเขาไม่บังเอิญไม่เจอเรื่องหนึ่งเข้าเสียก่อน..

     

                เรื่องนั้น..ก็คือเรื่องเมื่อหลายเดือนก่อน

               

    เขาไปเจออีกฝ่าย..กำลังนั่งชำแหละสัตว์ประหลาดหลายร้อยตัวจนเลือดสาดกระเซ็นเต็มห้อง!

     

                เกวนสาบานว่าไม่ได้ตาฝาก ไม่ได้ตาเบลอ ตัวเขาไม่ได้ผิดปรกติอะไร แต่หมอหนุ่มหล่อโรคจิตข้างๆกายนี่สิผิด ผิดมากด้วย! แค่เห็นใบหน้ายิ้มๆกำลังหัวเราะและควงเข็มฉีดยาไปมา เกวนก็ขนลุก พยายามหลีกหนีให้ได้มากที่สุดแต่ก็ไม่ทันการทุกครั้ง บางครั้งถ้าหนีไม่พ้นหมอโรคจิตคนนี้มักจะนำของประหลาดๆมาให้เขาเสมอ

     

                อย่างเช่นสัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนตุ๊กแกผสมกับกระต่าย และสามารถเต้นบัลเลต์ได้...

     

                ไม่จะอย่างไรก็ตาม..เกวนก็ยังรู้สึกขนลุกกับคนๆนี้ไม่หายอยู่ดี..

     

                ส่วนผู้หญิงอีกคนข้างๆเขา..องค์หญิงปีศาจ เวริซิก้า รอวซ์เซินต์..

     

                แม้นามสกุลจะสกุลเดียวกับองค์ชายเวนเซนต์ผู้แสนอ่อนโยนแถมยังทำอะไรไม่ค่อยจะเป็นคนนั้นก็ตาม แต่นิสัยกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เจ้าหล่อนมีความน่ากลัวแถมยังเจ้าเหล์จนแม้แต่เขายังแอบขนลุก ไม่ว่าเกวนจะทำอะไรหรือคิดอะไรเธอก็เหมือนจะรู้ไปหมดทุกอย่าง มีเหตุการ์ณครั้งนึงที่หัวหน้าอัศวินลาป่วยทำให้กองอัศวินพากันไม่ฝึกซ้อม..

     

                นางจึงไปช่วยแก้ไข...โดยการโยนสัตว์ประหลาดมากมายไปให้พวกอัศวินสู้ในลานประลอง..จนสุดท้ายก็บาดเจ็บกันไประนาว โดยนางให้เหตุผลว่า “เพื่อการฝึกที่ยากขึ้นสมกับเป็นอัศวินแห่งราชอาณาจักรเอรันทา

     

                เกวนอยากจะถามคนอื่นๆว่า จะมีใครอยากจะมาแลกเปลี่ยนตำแหน่งกับเขาบ้าง..แต่พอลองคิดดูดิๆใครจะอยากได้ตำแหน่งสุดน่ากลัวแบบนี้กันละ

     

                พ่อบ้านหนุ่มถอนหายใจ

     


                “เจ้าดูแปลกๆนะเกวน หัดทำหน้าให้มันดีขึ้นหน่อย” เวริซิก้าเอ่ยเตือน “ขอประทานโทษครับ” เกวนเอ่ยเสียงเรียบๆอย่างปรกติ

     

                ตอนนี้พวกเขากำลังรอคนจากทั้งสองอาณาจักรอยู่ แม้จะเป็นการคัดเลือกยิ่งใหญ่แต่เพราะองค์หญิงเวริซิก้าอ้างว่านี่เป็นแค่การรวมตัวไม่ใช่งานพิธีแต่งตั้งดังนั้นให้มีคนรองรับเพียงเท่านี้ก็พอ แถมเธอยังไม่ชอบความวุ่นวายด้วย สาเหตุนั้นทำให้เหล่าอัศวินและขุนนางคนอื่นๆต่างถูกไล่ไปทำงานหมดจนเหลือเพียงแค่พวกเขาสามคนตามความต้องการของเธอ

     

                เกวนไม่อยากจะมายืนอยู่ตรงนี้เลย...ไม่อยากจริงๆนะ..

     

                “นี่ๆองค์หญิงครับ ผมคิดอะไรขึ้นมาได้น่ะ” เสียงร่าเริงของครูสดังขึ้นบอกองค์หญิงน้อยซึ่งกำลังจิบชาอยู่ เธอวางถ้วยชาลง “มีอะไร”

     

                “คุณบอกว่าผมจะสามารถเลือกใครก็ได้ใช่ไหมครับ..เห็นว่าทางนั้นจะมีองค์รักษ์มาด้วย จะผิดไหมถ้าผมอาจจะเลือกองค์รักษ์ของพวกเขามาด้วย?” ครูสเอ่ยถามแกมขออนุญาติ เวริซิก้ายิ้มมุมปาก “ไม่ผิดนี่ เราอนุญาติ ขอแค่เจ้าตัดกำลังพวกมันไปได้ เราก็ไม่คิดจะห้าม”

     

    เมื่อได้ยินทำให้ครูสยิ้มก่อนจะหันมาทางเกวน..เจ้าตัวสะดุ้ง “แล้วเจ้าละเกวน..สนใจไหม..มาเป็นหนูท..”

     

    ไม่..อย่าพูด! ไม่อ๊าว!

     

    “องค์หญิงเวริซิก้าขอรับ คณะเดินทางจากทั้งสองอาณาจักรมาถึงแล้วขอรับ!

     

    อัศวินนายหนึ่งวิ่งเข้ามาหน้าประตูห้องโถงก่อนโค้งคำนับและรายงานทำให้ครูสหยุดการทาบทามเกวน เวริซิก้าหัวเราะเบาๆ “ให้พวกเขาเข้ามา”

     


    ทหารนายนั้นรับคำสั่ง ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้านับหลายคู่กำลังดังมาตามทางเดิน บ่งบอกว่าเหล่าคนที่รอคอยกำลังมาถึงแล้ว ครูสรีบนั่งตัวตรงเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดของตนเองและวางท่าทางนิ่งขรึม ส่วนเกวนก็เก็บถ้วยชาลงไปบนรถเข็น เวริซก้าก็นั่งดื่มชาตามปรกติและวางแก้วชาลงบนโต๊ะรอดูหน้าตาของสิ่งที่เธอรอชมมานาน

               

                เสียงทะเลาะโวยวายดังขึ้นมาพร้อมคนเก้าคนจากทั้งสองอาณาจักรกำลังย่างก้าวเข้ามาในห้องโถง หูและหางนั้นบ่งบอกสัญลักษณ์ของความเป็นเผ่าพันธุ์ของตน เวริซิก้าลอบยิ้มส่วนใบหน้าของเกวนก็ยังคงตีสีหน้านิ่งเรียบ ครูสมองน้องหมาและน้องแมวแต่ละตัวก่อนจะยิ้มบางๆ ถ้าหากยิ้มได้มากกว่านี้เขาคงจะยิ้มไปแล้ว แต่ก็ต้องเก็บอาการและรักษามาดสุขุมของตนเองเอาไว้

               

                ฉากประทับใจเกิดขึ้นได้ไม่นาน เสียงแหลมๆของอนาสตาเซียก็เอ่ยขึ้น “เหม็นสาปกลิ่นหมาสกปรกแถวนี้จริง”

               

    น้องหมาทั้งห้าตัวหันขวับไปในทันที ลูคัสกัดฟันกรอดตั้งใจจะตวาดตอกกลับไปแต่โยชิกลับมาห้ามเอาไว้ กอดอกยืนมองแมวสาวพันธุ์เทอร์คิชแองโกล่าด้วยแววตาราวกับมองคนที่ต่ำต้อยกว่า “ก็ยังดีกว่าแมวตาสองสีไม่สมประกอบบางตัวก็แล้วกัน แมวพวกนี้นอกจากจะนิสัยแย่แล้ว ก็ยังอุตส่าพูดจาไร้มารยาทในสถานที่แบบนี้อีก ช่างไม่รู้กาลเทศะเอาซะเลย”

     

                อนาสตาเซียกัดฟันกรอด แต่ก่อนจะได้เอ่ยปากเสียงเย็นๆกลับขัดขึ้นมา “พวกสุนัขตัวเหม็นที่ไม่รู้จักแม้แต่การระงับอารมณ์น่ะ ไม่มีสิทธิ์พูดหรอกนะ” ก่อนจะปรายตามองไปทางลูคัสซึ่งถูกดิแอนด์จับตัวเอาไว้

     

                อาร์ลิคัสนั่นเอง..อนาสตาเซียแอบอึ้งเล็กน้อย แต่ดูท่าแล้วอีกฝ่ายจะเกลียดชังสุนัขเหล่านี้เช่นกันก็ถือว่าเธอมีเพื่อนร่วมอดมการ์ณ

     

                ฮันนี่เขี้ยวเนื้อในปากอย่างไม่คิดจะสนใจบรรยากาศอึดอัด แต่พอเห็นสายตาเหยียดหยามของอนาสเตาเซียแล้วเธอก็ยิ้ม “มีแมวแก่อยู่แถวนี้ด้วย ขมวดคิ้วเป็นปมเลย”

     

                “นี่หล่อนว่าใครยะ!” เมื่อได้ยินคำว่า “ยัยแก่”ทำให้แมวสาวผมสีบลอนด์โวยใส่ทันที คุรันเข้าไปดึงตัวแม่แมวสาวเอาไว้โดยพูดเสียงงัวเงีย “น่าเบื่อจังเลย...อีกอย่างถ้าทำอะไรตอนนี้..เราจะโดนไล่ออกไปนะ”

     

                เมื่อถูกพูดเช่นนั้นทำให้อนาสตาเซียยอมหยุดแต่ก็ยังอารมณ์เสียอยู่ดี เนริมมองแม่แมวสาวนิ่งๆ..ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองทางเอียน แล้วทำหน้านิ่งแต่คิ้วขมวดราวกับจับเจอจุดผิดในตัวของอีกฝ่าย “ไม่ทราบว่า...คุณเป็นพนักงานร้านอาหารที่ผมเคยกินแล้วเบี้ยวไว้คราวนั้นหรือเปล่าครับ?

     

                เอียนทำหน้างงๆ ชี้มาทางตนเองก่อจะยิ้มใสซื่อ “พูดอะไรน่ะครับ ผมเป็นคู่แข่งของคุณนะ”

     

                “อะไรนะ? คุณเป็นคู่แข็ง? คุณแข็งตัวเหรอครับ..พวกแมวสามารถทำให้ตัวเองเป็นก้อนน้ำแข็งได้ด้วยเหรอ..”เนริมพึมพำทำท่าราวกับตกใจและไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เอียนได้แต่สับสนมากขึ้นไปอีก

     

                “ไม่ใช่..ผมพูดว่าคู่แข่ง

     

                “อะไรนะ!? เป็นคู่เข่ง!? เข่งปลา!? อ๋อ..รู้แล้ว แมวชอบกินปลา!

     

                “ไม่ใช่คู่เข่ง ผมบอกว่าคู่แข่ง! เป็นศัตรู!

     

                “หา..! ที่แท้พวกแมวก็ชอบกินสตูเนื้อ!?

     

                “ไม่ใช่! มันไม่เกี่ยวกับสตู! หมายความว่าเราเป็นคนไม่ถูกกัน!

     

                “ไม่ถูกกีดกัน..? ก็ดีแล้วนี่ครับ ทำไมคุณอยากให้คนอื่นมากีดกันตัวเองออกจากสังคมละครับ มันเหงานะ?

     

    “โอ๊ย พอกันที!!

     

                ฉากการทะเลาะแบบแปลกๆทำให้สายตาหลายคู่ยิ่งมองก็ยิ่งละเหี่ยใจ ส่วนทางด้านอีกคู่ที่ดูจะมาคุก็คือแม่สาวไซบีเรียนฮัสกี้อย่างฮันนี่ และแมวสาวทะเลทรายอย่างคุรันซึ่งกำลังจ้องกันตาเป็นมัน ฮันนี่ยิ้มบางๆ ส่วนคุรันก็หาวหวอดแต่สายตาก็คมกริบไม่แพ้กัน..

     

                สงครามทางสายตา..

     

                โยชิเชิดหน้ามองอนาสตาเซีย ส่วนเจ้าหล่อนกำลังมองมาเช่นกัน อีกหน้านาทีคงไม่พ้นได้มีการปะทะกันเป็นแน่..

                                                                                                                            

                ส่วนทางด้านองค์รักษ์..ดิแอนด์กำลังมองอาร์ลิคัสซึ่งเป็นองค์รักษ์จากอาณาจักรแมวอยู่..ทั้งสองสายตาสบกัน ก่อนเอ่ยคำพูดขึ้นเรียบๆ

     

                “ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่าครับ?” ดิแอนด์ถามด้วยแววตาดูใสซื่อ

     

                “ไม่มีอะไร..ก็แค่เห็นหน้าสุนัขสกปรกแล้วอยากจะอ้วก” อาร์ลิคัสว่าพลางมองอย่างเหยียดหยาม

     

                “แหมๆ...แล้วที่ผมมองดูคุณอยู่แบบนี้..ผมก็ไม่ต่างจากคุณหรอกครับ...แมวที่มองคนอื่นต่ำต้อยโดยไม่รู้เลย..ว่าตนเองนั้นต่ำต้อยกว่าแค่ไหน..”

     

                ตู!!

     

                ไม่ทันขาดคำสงครามก็เริ่มขึ้นจนได้ ฮันนี่ถือค้อนยักษ์ของตนเองไว้ในมือก่อนทุบลงบนพื้นอย่างแรงสร้างรอยร้าวเอาไว้ คุรันกระโดดหลบไปได้ด้วยแววตานิ่งเรียบ ฮันนี่พองแก้ม “แมวน่ารังเกียจอย่างเธอน่ะ..ฮันนี่เกลียดที่สุดเลยละ!” เด็กสาวผมสีเงินเอ่ย คุรันเอียงคอ “ฉันก็เกลียดเธอไม่ต่างกัน”

     

                คุรันหยิบมีดออกมาจากระเป๋าเตรียมต่อสู้กับแม่สาวถือค้อนยักษ์ตรงหน้า

     

                ส่วนคู่อื่นๆก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่คนประสาทไม่กลับอย่างเนริมกลับคุยกับเอียนได้อย่างถูกคอ(?)กว่าคู่อื่นๆนัก..ลูคัสจ้องมองคนอื่นๆ..ทุกคนต่างมีคู่ให้ทะเลาะด้วย เขามองซ้ายมองขวาไม่รู้ว่าควจจะไปช่วยใครดี..จนเหมือนได้รับสายตาชวนน่าขนลุก..เขาค่อยๆหันไปสบกับนัยย์ตาสีเขียวของชายคนนึงซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้คาดว่าน่าจะเป็นคนของเมืองมนุษย์..

     

                ไม่รู้ว่าทำไม..สัญชาตญาณในตัวของเขาถึงบอกว่า..คนๆนี้อันตราย..

     

                ขาของเขาค่อยๆก้าวถอยหลังหนีไปทีละนิด

     

                “เดี๋ยวสิครับ คุณชื่ออะไรหรือครับ?” ไม่ทันขาดคำ ครูสก็ผุดลุกจากเก้าอี้และก้าวเข้ามาหา องค์หญิงเวริซิก้าเหล่มองลูคัสแล้วยิ้ม ส่วนเกวนก็ถอนหายใจ..

     

                นี่..นี่มันเรื่องอะไรน่ะ..

     

                เจ้าหมาพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ได้แต่มองรอบๆอย่างหวาดระแวง และที่กลัวมากที่สุดก็คือไอใบหน้ายิ้มๆจากคนเบื้องหน้าเขานี่แหละ..ทำไมต้องมองแบบนั้นกัน!?

     

                สัญชาตญาณในตัวบอกให้หนี แต่ก็หนีไม่ทันเมื่อชายหนุ่มผมสีเทาเดินเข้ามาหาและรวบมือของเขาเอาไว้และกุมแน่น “คุณเนี่ยสมบูรณ์แบบครับ..!

     

                “ห..หา?

     

                “หนาต้าน่ารัก แถมยังดูไม่มีใครสนใจ โดดเดี่ยว ต่อให้หายตัวไปก็คงไม่มีคนห่วง ดูแล้วน่าแกล้งสนุก แถมยังท่าทางการตอบสนองก็ดีเยี่ยม น่าชื่นชมมากครับ!

     

     

                “ด..เดี๋ยวสิฟะ อะไรของแก!

     

                “องค์หญิงเวริซิก้า ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะเอาคนนี้ครับ!” ครูสหันบอกองค์หญิงแห่งแดนมนุษย์ด้วยแววตาดีใจเต็มเปี่ยม ลูคัสสับสน เขาทำอะไรไม่ถูก องค์หญิงน้อยยิ้มบางๆ “ถือว่านำไปคนนึงให้มันเท่าเทียมสินะ..ไม่สนใจคนอื่นอีกหรือ?

     

                ดูเหมือนว่าคนอื่นๆจะไม่ได้สนใจบทสทธนาเพราะกำลังมีสงครามหย่อมๆเกิดขึ้นในห้อง แต่ที่มันไม่กระทบมาโดนพวกเธอก็เพราะมีเวทย์ป้องกันบางๆขององค์หญิงคุ้มกันเอาไว้อยู่ แต่สภาพห้องที่ไม่ถูกคุ้มกันน่ะ เละไปแล้วเกือบครึ่ง จนน่ากังวลว่าอาจจะได้มีการบูรณะปราสาทใหม่ในเร็ววัน

     

                “ไม่หรอกครับ..ถ้าผมอยากได้อีกจะมาเอานะครับ เท่านี้ละครับ” พูดยิ้มๆไม่สนใจลูคัสเลยแม้แต่น้อย เจ้าน้องหมาผมสีน้ำเงินหม่นกำลังสับสน ดวงตาฉายแววสงสัยสุดขีด “นี่ๆ แกพูดบ้าอะไรวะ?

     

                ครูสตบบ่าลูคัส “ก็..เรื่องที่คุณจะมาเป็นเหยื่อของผมครับ”

     

                “หา!? นี่แกหมายความว่าอะไร!?

     

                “ก็หมายความว่าผมจะเสียบคุณด้วยเข็มฉีดยาของผม ทำให้คุณเป็นเหยื่อของผม ทำให้คุณกรีดร้องออกมา จริงสิ ผมอยากจะทดสอบคุณด้วยละครับว่าสุนัขจะน่ารักขนาดไหนกันเชียว...ถ้าหากทดสอบการต่อสู้ของคุณก็คงจะน่าสนุกไม่น้อย จะว่าคนแบบคุณน่าจะเหมาะกับบททดสอดนัมเบอร์ D นะครับ มันคงจะสนุกมากแน่ๆ ฮะๆๆ แค่คิดผมก็อดใจไม่ไหวแล้ว ถ้าหากผมใส่เจ้านั่นไปบนแขนขาตามร่างกายของคุณมันคงจะมีอะไรบางอย่างออกมาแน่ๆ ผมอยากเล่นจะแย่อยู่แล้ว น่าสนใจจริงๆ!

     

                โอ้...มายเดียร์ ลูคัสอยากจะร้อง

     

                ความรู้สึกขนลุกซู่ออกมากลืนกินไปทั่วทั้งตัว

     

                “ก..แก..ขยะแขยงโว!!

     

                ทำไมวันนี้เขาถึงซวยแบบนี้กัน!?

     

                องค์หญิงเวริซิก้ามองภาพฉากการปะทะด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เธอมองสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้ผู้ตกเป็นเหยื่อและพยายามตีแขนตีขาเอาตัวรอดจากการเกาะกุมของคนตัวสูงอย่างครูส แต่สุดท้ายก็ไปไหนไม่รอดอยู่ดีจนเรี่ยวแรงหมดไปแล้ว ลืมไปว่าเธอได้ให้มนต์ผนึกพลังสุนัขกับครูสเอาไว้ เนื่องจากมนต์นี้ได้มาจากองค์ราชาแห่งสามอาณาจักร

     

                ใช่..องค์ราชาแห่งสามอาณาจักรที่บัดนี้ยังไม่เคยปรากฎตัวออกมาจากนอกปราสาทลอยฟ้าลอยแม้แต่น้อย

     

                ราชาแห่งสามอาณาจักรจะมีการคัดเลือกทุกๆห้าร้อยปี โดยห้าร้อยปีที่แล้วว่ากันว่าตัวราชานั้นเป็นคนรักสันโดษและเลือกที่จะอยู่บนปราสาทลอยฟ้าแต่เพียงผู้เดียว เธอไม่เคยขึ้นไปเลย ได้แต่เห็นมันลอยอยู่บนฟ้าเท่านั้น ไม่มีใครกล้าเข้าไปจะมีก็แค่สารจากองค์ราชาแห่งสามอาณาจักรส่งมาเพื่อปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น มันไม่มีปัญหาอะไรถ้าตัวองค์ราชาผู้ลึกลับยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่จึงไม่มีใครคิดจะขึ้นไปหา

     

                เวริซิก้าไม่คิดจะสนใจเท่าไรนัก เมื่อเห็นว่าเรื่องทุกอย่างพอจะเข้าที่ดีแล้ว ครูสก็เลือกคนมาแล้วเธอก็เอ่ยเสียงเบากับพ่อบ้านข้างกาย ”หยุดพวกเขาเสีย..แค่หยุดก็พอ” เกวนรับคำ เขารับคำสั่งก่อนเดินไปยังเบื้องหน้าของพวกแมวและสุนัขที่กำลังทะเลาะกันอยู่นอกเขตเกราะคุ้มกัน

     

                วุ่นวายกันเสียจริง

     

                ขวานด้ามยาวถูกเรียกออกมา ก่อนจะฟาดฟันลงไปบนพื้นจนเกราะเวทย์มนต์แตกสลาย รอยแตกร้าวผ่าพื้นห้องกลายเป็นสองซีกในพริบตาสร้างแรงสะเทือนให้คนที่กำลังทะเลาะกันทรงตัวไม่อยู่ องค์หญิงเวริซิก้ามองการกระทำของพ่อบ้านหนุ่มพลางแกว่งเท้าไปมาราวกับรอดูเรื่องสนุกๆ

     

                “กรุณาหยุดความวุ่นวายไว้เท่านี้ครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทต่อองค์หญิงเวริซิก้าไปมากกว่านี้”

     

                เกวนเอ่ยเสียงเรียบ คนจากทั้งสองอาณาจักรมองเขาเป็นตาเดียวก่อนอนาสตาเซียจะหรี่ตาลง “แต่พวกข้า..”

     

                “ไม่มีแต่ครับ สิ่งที่พวกคุณทำถือเป็นการเสียมารยาท ถ้าหากคิดจะไม่ฟังคำตักเตือน ทางเราจะตัดสิทธิ์ในการเป็นผู้ถูกเลือกอย่างไม่มีข้อโต้แย้งครับ”

               

    คำตัดสินเด็ดขาดทำให้ทุกคนหยุดการต่อสู้ลง ดิแอนด์ยิ้มบางๆส่วนอาร์ลิคัสก็สบัดหน้าหนีไปทางอื่น ฮันนี่พองแก้มและเก็บอาวุธของตนเองลงเช่นเดียวกับคุรันที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก โยชิผู้เถียงฝีปากกับอนาตาเซียก่อนหน้านี้ก็แอบมองแมวสาวแกมหัวเราะแกมสมน้ำหน้าไปในตัว แม้แต่เนริมและเอียนก็หยุดพูดและมามองทางพ่อบ้านหนุ่มซึ่งกำลังเก็บอาวุธ ครูสเองก็ฉุดตัวขอลูคัสให้มานั่งบนตักโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของเจ้าตัว เมื่อเห็นว่าเหตุการ์ณสงบลงเกวนโค้งคำนับให้กับทุกคนและผายมือไปทางโต๊ะ

     

    “ถ้าหากอยู่ในความสงบแล้ว...ก็เชิญทุกท่านครับ”

               

    ท่าทาง..มันคงจะวุ่นวายขึ้นแล้วสิ..

     

     




     


     ----------------------------------------------


         มาช้าไปหน่อยต้องขอโทษนะคะ ทั้งๆที่คิดว่าจะไม่ให้เกินสองวันแท้ๆ..

    เนื่องจากอาทิตย์หน้าไรท์จะเรียนเป็นอาทิตย์สุดท้ายและปิดเทอมแล้ว..อาจาร์ยทั้งหลายเลยจัดการสอบสุดน่ารักไว้ค่ะ(?)

    #ทรมาน ฮรืออออ

    ในตอนนี้ผู้โชคร้ายที่สุดคงไม่พ้นเอียนกับลูคัส...ไรท์ไม่ได้ตั้งใจจะจริงๆนะคะ ก็แค่อยากแกล้งเฉยๆ(?)

    เจอกันตอนหน้าค่า!








               

     

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×