ลูกเจ็บแม่ก็เจ็บ
เป็นความรักที่แม่มีให้แก่ลูกเสมอ
ผู้เข้าชมรวม
279
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
น้องหญิงอายุสิบเจ็ดปี เธอศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในตัวเมืองชลบุรี เธอมีหน้าตาที่สวยงาม รูปร่างเพรียวเหมือกับดารานางแบบอย่างไงอย่างนั้น เธอมีอารมณ์ขันเป็นคนร่าเริงสนุกสนาน และเธอยังยิ้มเก่งเสียด้วย จึงทำให้เธอมีเพื่อนมากมายทั้งเพื่อนชายและเพื่อนหญิง
เธอชอบเล่นกีฬาบาสเกตบอลเป็นอย่างมาก แต่ที่หน้าแปลกก็คือภายในห้องนอนของเธอเต็มไปด้วยรูปโปสเตอร์นักเตะหนุ่มทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเต็มผนังห้องทั้งสี่ด้านไม่เว้นแม้กระทั่งประตู
เธอเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย เธอต้องซ้อมหนักเพราะใกล้ถึงวันแข่งขันอีกไม่กี่วัน ต้องซ้อมตั้งแต่เช้าจนค่ำมืด กีฬาประเภทนี้ต้องส่งเสียง ต้องเต้นสุดฤทธิ์สุดเดช ต้องโยกย้ายส่ายสะโพก ต้องกระโดดตีหลังกา และที่สำคัญต้องพร้อมเพรียง สวยงาม ประกอบไปด้วยเสียงดนตรีที่คึกคัก ปลุกเล้าอารมณ์ให้เธอและเพื่อนร่วมทีมต้องเต้นให้เข้าจังหวะอย่างพร้อมเพรียงกัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากีฬานี้มีชื่อว่า อเมริกันเชียร์ลีดเดอร์
เมื่อกลางดึกวันที่สิบแปดเดือนมิถุนายนเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับเธอ ในขณะที่เธอกำลังซ้อมเชียร์ลีดเดอร์อยู่นั้น เธอกระโดดลอยตัวขึ้นสูงจากพื้นด้วยแรงส่งของเพื่อนที่โยนเธอขึ้นบนท้องฟ้าเหมือนกับนกที่กำลังโบยบินอย่างมีอิสระ ประกอบกับเสียงดนตรีเข้าจังหวะ เธอลอยอยู่บนท้องฟ้าด้วยท่วงท่าที่สวยงาม แต่ปรากฏว่าช่วงที่เธอตกใส่เพื่อนนั้นศรีษะของเธอฟาดเข้ากับหน้าอกของเพื่อนชายที่รอรับเธออยู่อย่างรุนแรง เธอหมดสติในทันที เพื่อนตกใจกันอย่างมากจึงนำตัวเธอส่งโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน
ขณะพ่อแม่ของน้องหญิงนั้นกำลังนอนหลับอย่างสนิทก็ต้องตกใจตื่นกลางดึก
กริ๊งๆๆๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกลางดึกของวันนั้น “สวัสดีครับ ที่นั้นบ้านหญิงหรือเปล่าครับ” เสียงเพื่อนโทรมาแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น พูดไม่รู้เรื่องราว
“ใช่ค่ะ บ้านหญิง แม่รับสายอยู่ค่ะ” แม่ตอบพร้อมแสดงตน
“แม่หรือครับ หญิงประสบอุบัติเหตุจากการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ ตอนนี้หญิงอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วครับ”
“แล้วตอนนี้หญิงเป็นอย่างไงบ้าง” แม่หญิงถามอย่างตกใจและเป็นห่วงลูกอย่างมาก
ทันใดนั้นทั้งพ่อและแม่ของน้องหญิงก็มาถึงโรงพยาบาลด้วยความตระโหนกตกใจ ทั้งคู่ต่างมุ่งหน้าไปที่ห้องของน้องหญิง เมื่อไปถึงหน้าห้องของน้องหญิง ต่างเต็มไปด้วยเพื่อนๆ ในกลุ่มเชียร์ลีดเดอร์ คณะอาจารย์ และนักข่าวสถานีต่างๆ ทุกคนใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เสียใจ น้ำตา ทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจกันพับนกกระดาษหลากหลายสีสันใส่ในกรงตาข่าย โดยข้อความที่ตัวนกเขียนว่า “รักและหว่งใย เป็นกำลังใจให้น้องหญิง”
แม่ได้เล่าให้กับนักข่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า “ก่อนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นได้นอนฝันร้าย ฝันเห็นมีรถลากโลงศพสีขาวมาจอดที่หน้าบ้าน โดยคนขับรถได้ตระโกนบอกว่า “เร็วๆหน่อยจะรีบไปที่วัดแล้ว” ทางแม่ก็ตอบกลับไปว่า “เดี๋ยวๆ มีลูกค้าอยู่ เดี๋ยวเอางานให้ลูกค้าก่อน” แม่น้องหญิงเอามือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าแล้วเล่าต่อว่า “แต่ชายคนขับรถก็ได้แต่บอกว่า “เร็วๆๆๆๆๆๆ” ก่อนที่รถจะลากโลงศพไป
เช้าวันรุ่งขึ้นแม่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คงเป็นฝันร้ายธรรมดาแต่ที่ผิดปรกติก็คือทุกวันแม่ต้องไปรับและส่งน้องหญิงอยู่เป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะดึกดื่นขนาดไหนแม่ก็ต้องไปแต่วันนี้น้องหญิงกับบอกแม่ว่าไม่ต้องไปส่งก็ได้ค่ะแม่ เดี๋ยวหญิงกลับบ้านเอง ไม่ต้องเป็นห่วงนะค่ะ
แต่แล้ว.....หญิงลูกรักของแม่ แม่รักลูกนะ รักลูกสุดชีวิต
ตลอดระยะเวลาที่น้องหญิงต้องรักษาตัว คุณหมอได้แจ้งให้แม่น้องหญิงทราบว่า “สภาพของเธอนั้นได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง อาการของเธอไม่ดีขึ้นเลยและหนักมากเหมือนกับเจ้าหญิงนิทรา เพราะสมองของเธอไม่สั่งการแล้ว ทุกวันหมอต้องเจาะสันหลังเข้าเส้นเลือดใหญ่และระบายลมออกทางปอด รวมทั้งการให้ยาเพื่อระงับการบวมของสมอง หมอจะขอดูอาการสักสองสามวันหากอาการยังไม่ดีขึ้น สมองยังไม่ตอบรับ หมอคงต้องขออนุญาตถอดเครื่องช่วยหายใจออก”
แม่น้องหญิงได้ฟังคุณหมอบอกอาการของลูกสาวตนเอง หากตีความหมายนั้นหมายถึง ความตาย เพราะเฉพาะนั้นในช่วงสองสามวันที่เหลือคุณแม่ต้องอยู่ใกล้ชิดลูกให้มากที่สุด
ทุกครั้งที่แม่น้องหญิงมาเยี่ยมต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมาน เมื่อเห็นลูกนอนแน่นิ่งไม่ได้สติ ใบหน้าลูกเต็มไปด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ช่วยชีวิตระโยงระยาง แต่ใบหน้าแม่เต็มไปด้วยน้ำตา และใจของแม่นั้นจะขาดล่อนๆ
สามวันผ่านไป
แล้ววันสุดท้ายก็มาถึง ที่คุณหมอจะต้องถอดเครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากสมองของน้องหญิงไม่มีปฎิกิริยาตอบสนองใดๆ
แม่น้องหญิงกับยืนยันว่าจะไม่ถอดเครื่องช่วยหายใจออก แม้หัวใจของผู้เป็นแม่จะสงสารลูกสาวเหลือเกินเพราะรู้ว่าลูกต้องเจ็บปวดทรมาน แต่หัวอกของผู้เป็นแม่อยากจะให้ลูกอยู่กับแม่นานๆ ทุกครั้งที่แม่เห็นสภาพลูกสาวนอนไม่ได้สติบนเตียง ทำให้หัวใจแม่ต้องทรมานและยิ่งตอนหมอเจาะสันหลังเข้าเส้นเลือดใหญ่เพื่อรักษาน้องหญิง ทำให้หัวใจแม่แทบขาดสลาย แม่รู้สึกเจ็บและทรมาน ถ้าเป็นไปได้อยากให้เป็นแม่เอง ความหวังนี้คงเป็นความหวังเดียวที่จะช่วยยืดเวลาให้แม่ได้อยู่กับลูกตราบนานเท่านาน
แม่น้องหญิงได้เดินเข้าไปข้างๆ เตียงของลูกสาวที่นอนไม่ได้สติ แม่ค่อยๆ เอามือลูบที่ศรีษะของน้องหญิง ด้วยน้ำตานองหน้าในใจที่แสนจะทุกข์ทรมาน แม่ค่อยๆ โอบกอดลูกด้วยความรักความห่วงใยตลอดเวลาที่แม่ได้โอบกอดน้องหญิง เธอพยายามกระซิบข้างหูลูกสาวว่า “ลูกจ๊ะ... แม่รักลูกนะ... ลูกรักแม่ไหม... แม่นะรักลูกสุดชีวิตของแม่”
ผลงานอื่นๆ ของ บุญพด เกิดชูช่วย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ บุญพด เกิดชูช่วย
ความคิดเห็น