ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภูตอเวจี

    ลำดับตอนที่ #42 : งาน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.73K
      75
      24 เม.ย. 56

                    บุญคุณคำแม้สั้นแต่กลับต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะตอบแทน แม้ตอบแทนแล้วคำว่าบุญคุณยังไม่แน่ว่าจะหมดไป เช่นนี้คนเราจึงมักสร้างบุญคุณแม้ไม่ได้สิ่งใดตอบแทนทันทีแต่บุญคุณอย่างไรสร้างไว้ย่อมไม่เสียเปล่า

     

                คิดสร้างบุญคุณยังต้องดูเวลาทั้งยังต้องดูการกระทำ ฮุ่ยซิงความจริงใคร่อยากรู้ว่าทั้งห้าเก็บของสิ่งใด ทว่าหากฮุ่ยซิงยินยอมให้หลินเยี่ยหลานถูกกระทำบุญคุณของมันย่อมหมดค่าไปแล้ว

                 ฮุ่ยซิงยามนี้หน้าผากประดับไว้ด้วยหยดเหงื่อ ลุกขึ้นยืนอย่างแช่มช้าความจริงความเคลื่อนไหวของมันดูไปธรรมดานักแต่กลับทำให้ชายร่างเตี้ยถึงกับหุบยิ้มไป ชายที่ชินชากับทุกสิ่งหากจะทำให้หน้ามันเปลี่ยนสีต้องทำให้มันประหลาดใจ

                ยามนี้ชายร่างเตี้ยประหลาดใจแล้วทั้งยังประหลาดใจมากที่สุด “ท่านลุกขึ้นไหว” คำถามนี้ความจริงควรใช้ถามคนแก่เฒ่าถึงจะสมควร ยิ่งมันเห็นกับตาว่าฮุ่ยซิงลุกขึ้นมันยิ่งไม่ควรถาม แต่เรื่องนี้น่ากลัวเกินไปมันอย่างไรก็ไม่ยินยอมรับไหว

                ฮุ่ยซิงยังยืนนิ่งไม่ปฏิเสธและไม่ยอมรับทั้งนี้เพราะมันไม่จำเป็น การกระทำของมันนับว่าตอบคำมากพอแล้ว ฮุ่ยซิงค่อย ๆ ก้าวอย่างเชื่องช้าขว้างระหว่างโต๊ะของมันกับกลุ่มชายฉกรรจ์ โต๊ะที่มันนั่งเป็นมุมของร้านพอดี เช่นนี้ฮุ่ยซิงจึงขว้างพวกมันไว้ทั้งหมด

    สุกรยักษ์นั้นเห็นกำลังขวัญฮุ่ยซิงกล้าแข็งถึงเพียงนี้สองขาคล้ายอ่อนแรงก้าวถอยยาว ๆ ออกไป ชายร่างเล็กเห็นดังนั้นต้องพิจารณาฮุ่ยซิงอีกที

    ใบหน้าของมันคลายความสงสัยแล้วทั้งยังปรบมือดัง ๆ “ท่านนี้นับว่าฉลาดยิ่งนักทั้งกำลังขวัญยังกล้าแข็งยิ่งกว่า”

    มือข้างซ้ายของฮุ่ยซิงกำกระเบื้องไว้อันหนึ่งแต่ความจริงไม่อาจเรียกว่ากำเพราะกระเบื้องแผ่นนั้นแทงทะลุมือมัน ไม่เพียงชายร่างเล็กเห็นคนบนโต๊ะก็เห็นเช่นเดียวกัน พวกมันแค้นใจเหตุใดไม่มีกำลังขวัญเช่นฮุ่ยซิง

    โลหิตร้อนระอุกระตุ้นผู้คนได้ดีนักยิ่งเป็นโลหิตที่ไหลออกจากกายยิ่งร้อนแรง โลหิตของฮุ่ยซิงก็กระตุ้นขวัญของมันได้ไม่เบา “ขอเพียงพวกท่านจากไปยังคงรักษาชีวิตไว้เถอะ”

    “หากท่านก้าวได้มากกว่านั้นข้าพเจ้าจะนับถือท่านจากใจจริง” ฮุ่ยซิงไม่ก้าวออกเพราะรู้ว่าตนเองไม่มีกำลังจะก้าวออกไป แต่มันยังคงเยือกเย็นกำลังขวัญยังไม่เสื่อมถอย

    “ข้าพเจ้าไม่ก้าวออกไปแต่สองมือยังสามารถฆ่าคน” ฮุ่ยซิงกล้าวาจาเพียงเท่านั้นก่อนจะเม้มปากสนิทเป็นอันว่าจะไม่กล่าววาจาใด สุกรยักษ์นั้นเมื่อเห็นฮุ่ยซิงบาดเจ็บทั้งยังไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดมันยิ่งรู้สึกละอาย

    มันละอายที่ตัวเองถอยออกมา คนเราเมื่อเกิดความละอายมักทำหลายสิ่งอย่าง บางก็หนีหน้า บางก็นิ่งเฉยและมีไม่น้อยที่กำจัดต้นต่อของความละอาย สุกรยักษ์ก็คิดจะกำจัดต้นต่อนี้เช่นกัน

    ร่างของมันถาโถมออกไปแล้วสองหมัดกำแน่นทุบลงไปยังฮุ่ยซิง ฮุ่ยซิงก็กำหมัดแล้วเช่นกันแต่สุกรยักษ์นั้นกลับไม่แยแส นี้อาจเป็นความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตมัน ทั้งยังเป็นความผิดพลาดครั้งสุดท้าย

    สุกรยักษ์ตัวนี้ไม่มีอาวุธไม่แน่เพราะอาวุธอาจไม่จำเป็นสำหรับมัน มือของมันยังใหญ่กว่าหัวคน มือที่ใหญ่เช่นนี้สามารถทุบศิลาให้แยกออกจากกัน เกราะป้องกันมันก็ไม่มีร่างกายของมันแม้ใหญ่ไปบ้างเชื่องช้าไปมาก แต่ก็มีประโยชน์ของมันร่างกายของมันต่อให้ถูกกระถ่างศิลาหล่นทับยังไม่เป็นไร

    แล้วหมัดของฮุ่ยซิงเล็กเช่นนั้นขนาดร่างของมันยังเล็กกว่ากระถ่างศิลา คิดเพียงเท่านี้มันก็ยิ้มขึ้น ยิ้มอย่างยินดียิ่ง ทั้งยังเป็นยิ้มสุดท้ายของชีวิตมัน หมัดของฮุ่ยซิงไม่ต้องเล่นลวดลายเพียงพุ่งตรงไปก็กระทบถูกร่างมัน

    มันคิดมันของฮุ่ยซิงไม่เจ็บปวดเลย ทั้งยังแทบไม่รู้สึกว่าถูกต่อย หมัดของฮุ่ยซิงแม้ถึงก่อนแต่ไม่สร้างความเจ็บปวดแก่มัน แม้สักนิดก็ไม่มี แต่หมัดของมันห่างจากหัวของฮุ่ยซิงไม่ถึงคืบ ขอเพียงหมัดนี้กระทบร่างของฮุ่ยซิงก็ต้องแหลกเหลวไป

    หมัดนี้กระทบแล้ว แต่หมัดคล้ายไร้เรี่ยวแรงจึงแฉลบผ่านฮุ่ยซิงไป มันคิดเท่าใดล้วนไม่เข้าใจเหตุใดหมัดตนจึงไม่สามารถฆ่าคน แต่ความเจ็บปวดบัดนี้แล่นสู่ร่างมัน มันเจ็บหน้าอกแทบตาย

    คนเราเมื่อเจ็บปวดมักนำมือไปสัมผัสจุดนั้น มือคนคล้ายมีมนต์วิเศษแม้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดแต่ยังสามารถบรรเทา เช่นนี้เมื่อผู้คนเจ็บปวดมักเอามือลูบบริเวณนั้น สุกรยักษ์เจ็บหน้าอกแทบตายกลับไม่กระทำ ไม่ใช่มันไม่อยากกระทำแต่ไม่สามารถกระทำ

    เรี่ยวแรงจะยกแขนมันยังไม่มี ยามนี้มันล้มลงแล้วหงายหลังล้มลง โลหิตสด ๆ พุ่งฉีดออกจากปากราวกับน้ำพู่สายหนึ่ง นัยน์ตายังเบิกค้างคล้ายไม่เข้าใจ

    ฮุ่ยซิงยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับแม้เพียงก้าวเดียว ทั้งยังไม่เอ่ยคำปากยังคงเม้มปิดสนิท บางครั้งความเงียบยังน่ากลัวกว่าคำพูดใด ๆ

    ชายร่างเตี้ยยามนี้สีหน้าบิดเบี้ยวยิ่งนักมันถึงกับไม่เชื่อว่ามีเรื่องเช่นนี้จริง มันไม่รู้ว่าหมัดของฮุ่ยซิงรวดเร็วเพียงใดทั้งนี้เพราะมันไม่อาจเห็นเมื่อสุกรนั้นคิดฆ่าฮุ่ยซิงร่างของมันก็บดบังฮุ่ยซิง แม้ไม่อาจทราบความเร็วของมันแต่ความรุนแรงนั้นเป็นที่ประจักษ์แล้ว

    “พวกเจ้าเข้าไปฆ่ามัน” วาจาของมันความจริงเป็นดั่งคำศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่ามันสั่งอะไรชายเหล่านี้ล้วนทำตาม เพราะความน่ากลัวของมัน แต่ยามนี้หมัดของฮุ่ยซิงยังน่ากลัวกว่ามัน เช่นนี้ชายฉกรรจ์จึงไม่มีใครทำตาม

    “มันมีแรงไม่มากแล้ว หากใครฆ่ามันได้ข้าจะตบรางวัลอย่างงาม ทั้งยังบอกหัวหน้าให้เลื่อนยศมันด้วย” เสียดายความโลภยังมีมากกว่าความกลัว หลายคนขยับแล้วชายฉกรรจ์หลายคนพุ่งเข้าไป ฮุ่ยซิงที่ยืนอยู่ความจริงเคยคล้ายมัจจุราชแต่ยามนี้กลับเหมือนกองเงินกองทองกองหนึ่ง

     คนเราสามารถตายเพราะความโลภคำนี้นับว่าไม่ผิดนัก ยามนี้ต่อให้ฮุ่ยซิงอยากก้าวเดินก็ไม่มีที่ให้มันก้าวเดิม พื้นที่รอบกายที่เคยว่างเปล่ายามนี้กลับสุมไว้ด้วยศพของชายฉกรรจ์

    ชายร่างเตี้ยยามนี้ค่อยเข้าใจว่าหมัดของฮุ่ยซิงไม่เพียงแรงแต่ยังเร็ว เร็วยิ่งกว่าหมัดของผู้ใดที่มันเคยพบเห็น แต่ไม่แน่ไม่อาจใช้คำว่าเห็นเพราะจนถึงตอนนี้มันยังไม่เห็นว่าหมัดของฮุ่ยซิงต่อยออกอย่างไร

    ลูกน้องรอบตัวจากหลายสิบตอนนี้ไม่เหลือสักคน ส่วนมากล้วนนอนทอดร่างอยู่ข้างกายฮุ่ยซิง ที่ยังมีสติบัดนี้ก็หนีหายไปเสียแล้ว

    ต่อให้คนเราชินชากับความเจ็บปวดเพียงใด ก็ไม่สามารถชินชาต่อการสูญเสียยิ่งเป็นการสูญเสียสิ่งที่มันสร้างมาทั้งชีวิตด้วยแล้ว ชายร่างเตี้ยผู้นี้ก็เช่นกันถ้ามันถอยตอนนี้ยังสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ แต่หากถอยไปมันยังมีชีวิตหรือ

                ใช่แล้วหากชายร่างเตี้ยผู้นี้ถอยไปทุกสิ่งที่มันสร้างมาอย่างยากลำบากก็พร้อมที่จะจากมันไป ชีวิตที่ต้องถูกเหยียดหยาม ชีวิตที่ถูกจ้องมองจากที่สูงกว่าโดยไม่สามารถทำอะไร ชีวิตเช่นนั้นนับเป็นชีวิตหรือ

                คำตอบของมันคือไม่ ร่างของมันทะยานออกอย่างรวดเร็วข้อดีของคนตัวเล็กย่อมเป็นความปราดเปรียว ทว่าหมัดของฮุ่ยซิงก็รวดเร็วเช่นกัน “หมัดที่ดี”

                มันพูดเพียงเท่านั้นก็สำรอกเลือดกองใหญ่ออกมา ยามนี้โรงเตี๋ยมแห่งนี้นับว่าถูกย้อมด้วยเลือดของผู้คนไม่น้อยจริง ๆ ฮุ่ยซิงก็สำรอกเลือดออกมากองหนึ่งเช่นกัน คนมากหลายกลุ้มรุมหากท่านถูกผูกมัดขาไว้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องถูกต่อยตี

                ยิ่งพวกมันถือมีดดาบยิ่งไม่อาจหลบพ้น เสื้อผ้าที่เก่าขาดของฮุ่ยซิงยามนี้ยังมีรอยขาดมากกว่าแต่เก่า ร่างที่เคยตั้งตรงส่ายโงนเงนไปมา ทว่ายังไม่ล้มลงร่างของมันสิ้นเรี่ยวแรงแต่ประกายในดวงตายังคงกล้าแข็ง

                ยามนี้ไม่ว่าพูดใดก็ล้วนไม่เอ่ยคำ พวกมันล้วนสำนึกในฮุ่ยซิงแต่แม้แต่เอ่ยคำขอบคุณพวกมันยังไม่อาจเอ่ยออก เพราะพวกมันรู้เพียงแค่คำขอบคุณไม่อาจบรรยายความรู้สึกของพวกมัน ยิ่งไม่สามารถตอบแทนการกระทำของฮุ่ยซิง

                ฮุ่ยซิงยังยืนอยู่ยืนอยู่ค่อนวัน ต่อให้มีคนเข้ามาในโรงเตี๋ยมเพียงเห็นสภาพของโรงเตี๋ยมก็แทบอาเจียนยิ่งเห็นฮุ่ยซิงที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตตรงนั้นพวกมันล้วนวิ่งหนีไป

                “พักผ่อนเถอะ” เป็นมือหนึ่งที่เข้ามาประคองฮุ่ยซิงเป็นมือของหลีเสี่ยวหลง ฮุ่ยซิงไม่พูดกระไรเพียงถามคำเดียวว่า “ไม่เป็นไรใช่ไหม”

                พูดเพียงเท่านี้มันก็สลบไป กลุ่มสำนักคุ้มภัยยามนี้ไม่อาจควบคุมน้ำตาอีกต่อไป ยิ่งหลีเสี่ยวหลงมันรู้สึกถึงน้ำร้อนระอุในดวงตาที่ปริล้นออกมา คนผู้หนึ่งเพียงท่านเลี้ยงข้าวมันมื้อเดียวจะมีสักกี่คนทีจริงใจต่อท่านถึงเพียงนี้ โง่งมถึงเพียงนี้

                หลีเสี่ยวหลงบอกได้คำเดียวชั่วชีวิตมันพบพานเพียงบุคคลเดียวคือฮุ่ยซิง ทั้งหมดล้วนรู้สึกว่าติดหนี้รายใหญ่ หนี้สิ้นที่พวกมันไม่อาจชดใช้ หนี้ชีวิต

                ฮุ่ยซิงตื่นมีอีกทีกลับพบว่าเช้าแล้ว นอนหลับอยู่ในห้องหับที่ดูดียิ่งนัก เสื้อผ้าได้ถูกผลัดเปลี่ยนเรียบร้อย มันลุกขึ้นมองทอดออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับรอยยิ้มราวกับภูตพราย

                เพราะเจ้าน่าสนใจถึงเพียงนี้เราถึงหักใจฆ่าเจ้าไม่ลงเป็นเทียนป้าอ๋องที่เอ่ยขึ้น ชั่วชีวิตมันไม่เคยพบเจอบุคคลเช่นฮุ่ยซิง

                มีอันใดน่าสนใจฮุ่ยซิงตอบอย่างเนิบนาบในใจยังคงคิดถึงสิ่งอื่นอยู่

                เจ้าไม่ได้ถูกพิษ ยิ่งสามารถฆ่าคนพวกนั้นง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ

                หากข้าทำเช่นนั้นพวกมันคงคิดว่าได้พบเจอยอดยุทธผู้หนึ่งช่วยเหลือ ไม่รู้สึกติดค้างข้ามากมายเท่าใดนัก ใยมิใช่ขาดทุน ช่วยเหลือคนทั้งทีอย่างน้อยต้องให้ได้กำไร

                เช่นนี้ข้าจึงว่าเจ้าน่าสนใจยิ่ง หากเป็นผู้อื่นช่วยเหลือคนต้องกระทำสุดกำลังหรือไม่มันก็ไม่เหลือบแลช่วยเหลือ คนที่ช่วยเหลือคนแล้วคิดเช่นเจ้าคาดว่ามีไม่มาก

                “ท่านฮุ่ยซิง” เสียงเคาะประตูขึ้นสองสามครา ก่อนจะเป็นหลีเสี่ยวหลงที่เปิดเข้ามาพร้อมกับชายอีกคนหนึ่ง ถ้าฮุ่ยซิงจำไม่ผิดชายผู้นี้เรียกหาว่าเสี่ยวเปา ได้ยินว่ามันเป็นถึงกับหัวหน้าสายคุ้มสายหนึ่งของสำนักประกันภัย แต่เท่าที่ฮุ่ยซิงดูแล้วคนผู้นี้มีฝีมือแต่กลับอ่อนประสบการณ์ คาดว่าคงมีสัมพันธ์อันใดกับเจ้าสำนักประกันภัย

                “ขอบคุณที่ดูแล” ฮุ่ยซิงชิงกล่าวคำขอบคุณไม่ปล่อยให้พวกมันได้เอ่ยถึง ยิ่งสร้างกระแสวามอึดอัดสายหนึ่งขึ้น คำพูดนี้ความจริงสมควรเป็นพวกมันกล่าวออก แต่ฮุ่ยซิงกลับชิงกล่าวก่อนทั้งนี้เพราะคำขอบคุณที่อยู่ในใจยังมีค่ามากกว่าที่เปล่งออกมา

                “ข้าพเจ้าหิวแล้วหวังว่ายังพอมีอาหารหลงเหลือบาง” ฮุ่ยซิงยิ้มพลางลูบไปที่หน้าท้องของตน ก่อนจะเป็นหลีเสี่ยวหลงที่หัวเราะออกมาก่อนจะโอบไหล่ฮุ่ยซิง

                “ตามข้ามาไม่เพียงมีอาหารยังมีสุรา ทั้งยังต้องดีที่สุดด้วย” หลีเสี่ยวหลงยิ่งรู้จักฮุ่ยซิงคล้ายยิ่งถูกชะตา

                “ข้าต้องการหางานทำ” อยู่ ๆ ฮุ่ยซิงก็พูดขึ้นมาในขณะที่มันกำลังดื่มกิน หน้าตาของคนในโต๊ะล้วนแปลกไปเพราะความจริงชาวยุทธแทบไม่เคยนึกถึงเรื่องงาน ยิ่งยังเยาว์วัยยิ่งไม่นึกถึง เงินสำหรับพวกมันคล้ายสิ่งที่เสกสร้างมาเองเมื่อแบมือออกก็พบเงิน

                ความจริงชาวยุทธมักมุ่งมั่นให้บุตรหลานฝึกปรือฝีมือล้วนเพื่อหน้าตา เพราะหากคนเราเก่งกาจมีหน้าตาเงินย่อมติดตามมาเอง แต่เด็กน้อยเหล่านี้ล้วนไม่เข้าใจคิดว่าเงินไม่สำคัญที่สำคัญคือวิชาฝีมือเช่นนี้มันจึงแทบทุ่มเท่ทั้งชีวิตให้มรรคาบู้

                 ความสำคัญของเงินสำหรับเด็กน้อยพวกนี้กลับไม่เข้าใจ คนเราหากไม่เคยขาดแขลนถึงที่สุดหิวโหยถึงที่สุดย่อมยังไม่เห็นค่าของเงิน ฮุ่ยซิงก็ไม่คิดอธิบายให้พวกมันเข้าใจเพราะเรื่องพวกนี้ความจริงควรรู้ด้วยตนเอง “ข้าเพิ่งเข้าเมืองหลวงครั้งแรกความจริงเลยอยากจะเดินทางเพื่อชมดูว่าสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างไรแต่หากเดินทางเองก็เกรงว่าจะหลงทาง”

                ข้อความนี้ของฮุ่ยซิงแม้ไม่กล่าวตรง ๆ แต่ก็ชวนให้ผู้คนคิด งานที่สามารถเดินทางไปทั่วแผ่นดินหากไม่ใช่งานขนส่งแล้วยังมีงานใด แน่นอนเสี่ยวเปาก็คิดได้เช่นกัน “เช่นนั้นมาทำงานกับวพวกเราไหมอย่างน้อยก็กลับสำนักเกราะทองคำของเราด้วยกันรับรองข้าจะแนะนำเจ้ากับเจ้าสำนักอย่างดีเลยอย่างน้อยให้ข้าได้ตอบแทนบ้างเถอะ”

                เสี่ยวเปาเสนอน้ำใจทั้งยังเป็นน้ำใจที่ฮุ่ยซิงต้องการ สำนักประกันอันดับหนึ่งของแผ่นดินดูไปกํนับว่าเป็นที่น่าสนใจไม่น้อย

                คนเราเกิดมาย่อมต้องการสร้างชื่อเสียงให้ตนสักครั้งในชีวิต ยิ่งยามนี้รูปลักษณ์ที่แปลกไปของมันไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอีกต่อไป เช่นนี้ฮุ่ยซิงจึงต้องการสร้างชื่อเสียงให้กับตนสักครั้งหนึ่ง

                วิธีที่จะสร้างชื่อเสียงให้คนสักคนก่อนอื่นมันต้องรู้จักคนที่มีชื่อเสียง สำนักประกันภัยเกราะทองคำก็นับว่าเป็นสำนักประกันที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ไม่เพียงมีชื่อเสียงแต่ยังมีข่าวสาร ฮุ่ยซิงคิดเพียงเท่านี้ก็เกิดรอยยิ้มผุดพรายขึ้น

                “ถ้าเช่นนั้นต้องรบกวนพวกท่านแล้ว”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×