ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภูตอเวจี

    ลำดับตอนที่ #28 : เหมันต์พรากวิญญาณ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.77K
      57
      12 ม.ค. 56

              “ฝ่ามือเหมันต์พรากวิญญาณ” เสียงอุทานดังขึ้นจากเหล่าชาวยุทธที่ชมการประลอง วิชาฝีมือไม่มีผู้ใดไม่รู้จักวิชาที่สร้างชื่อเสียงสูงสุดให้แก่หวางกงชี่จ้าวตำหนักเหมันต์ผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของยุทธภพ พลังฝีมือของหวางหลินเสวี่ยนับว่ายากแท้หยั่งถึงยิ่งนักถึงกับสำเร็จสุดยอดวิชาของบิดาของตนได้ในวัยเพียงเท่านี้

     

     

                ฝ่ามือของหวางหลินเสวี่ยยิ่งเข้าใกล้ยิ่งสว่างเรืองรองพุ่งตรงเข้าหาร่างฮุ่ยซิงราวกับต้องการพรากวิญญาณ ฝ่ามือของนางสัมผัสเข้าที่หน้าอกของฮุ่ยซิงอากาศค่อย ๆ บีบรวมตัวกันกลายเป็นแผ่นใสบางแพร่กระจายจากฝ่ามือนางสู่ร่างของฮุ่ยซิง จากแผ่นใสบางเริ่มเกาะตัวหนาราวกับก้อนน้ำแข็งลุกลามไปทั่วร่างกายของฮุ่ยซิง

                ความตายคำนี้พุดขึ้นในหัวของฮุ่ยซิงพร้อม ๆ กับความหนาวเหน็บราวชำแรกผ่านร่างของฮุ่ยซิงเข้าสู่จิตใจของมันที่ค่อย ๆ กร่อนกินจิตใจของมันอย่างช้า ๆ ทั่วร่างของฮุ่ยซิงถูกแช่แข็งด้วยน้ำแข็งหนาร่างกายของมันเริ่มด้านชาไม่รู้สึกกระไรแต่กระนั้นความหนาวเย็นก็ยังแทรกซึมผ่านเข้ามาในจิตใจมันอย่างตลอด ฝ่ามือเหมันต์พรากวิญญาณค่อย ๆ สังหารผู้คนทั้งยังช่วงชิงจิตวิญญาณแห่งความมีชีวิตไปอย่างแช่มช้า นับว่าเป็นวิชาฝีมือที่โหดร้ายยิ่งนัก

              นี้อาจนับเป็นช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของฮุ่ยซิง เรื่องราวที่ผ่านมาถูกประดั่งเข้ามาในสมอง นับว่ามันโง่งมยิ่งนักคิดลองเชิงวิชาของตำหนักเหมันต์โดยคิดปิดบังวิชาของตนเองแต่บัดนี้ทุกอย่างกลับสายเกินการณ์ แม้มีสิ่งใดอยู่มันล้วนมิอาจใช้ออก ความแค้นที่หวังจะชำระกลับกลายเป็นเพียงอากาศธาตุ คิดเช่นนี้มันยิ่งแค้นขึ้นยิ่งกว่าเดิมมิใช่แค้นผู้ใดแต่เป็นแค้นต่อตนเองที่โง่เขลา

                พลังเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของฮุ่ยซิงแม้จะไม่ใช่น้ำเสียงตวาดแต่กลับชัดเจนยิ่งนักทั้งดุดันและทรงอำนาจราวกับท้าวพญายมที่กำหนดได้แม้ความตายของวิญญาณ นี้อาจเรียกเป็นประสาทสัมผัสสุดท้ายของชีวิตเลอะเลือนและแจ่มชัดเช่นนี้ แม้จะไม่อาจรู้ว่าเป็นเสียงของผู้ใดแต่คำกล่าวนี้กลับเป็นสิ่งที่ฮุ่ยซิงต้องการที่สุดในเวลาเช่นนี้

                พลัง วาจาเดิมกล่าวขึ้นอีกครั้งราวกับจุดเชื้อไฟแห่งชีวิตของฮุ่ยซิง ความหนาวเหน็บในจิตใจมันถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นแผ่กระจายจากภายในสู่ภายนอก จิตใจที่ถูกกัดกินกลับประทุขึ้นราวกับเปลวเพลิงที่ไม่มีวันมอดดับ ประสาทสัมผัสทั้งหมดของฮุ่ยซิงถูกเรียกกลับคืนมาชีวิตที่กำลังจะจากไปได้ย้อนกลับมาหาฮุ่ยซิงอีกครั้งหนึ่ง

                หวางหลินเสวี่ยไม่เคยคิดว่าจะมียอดยุทธรุ่นเดียวกับตนที่สามารถรับมือตนได้ถึงเพียงนี้ ฮุ่ยซิงนับเป็นคู่ประลองที่นางใฝ่หามาเนิ่นนานยิ่งนัก แต่ชื่อเสียงของตำหนักเหมันต์มิอาจถูกทำให้มัวหมองเมื่อสู้แล้วต้องลงมืออย่างสุดกำลัง พรากชีวิตของผู้ที่อาจเป็นคู่ประลองที่เหมาะสมกับตนที่สุดไปอย่างไม่เต็มใจ

                สัมผัสร่างกายอันเย็นเยือกของฮุ่ยซิงค่อย ๆ ส่งผ่านมือนางมาอย่างช้า ๆ นางมิได้ยกมือออกจากร่างฮุ่ยซิงโดยหวังจะสัมผัสความรู้สึกของบุคคลผู้นี้จนวินาทีสุดท้ายของชีวิตมัน สัมผัสที่บ่งบอกถึงร่างอันไร้ชีวิตซึมซาบผ่านมือนางอย่างชัดเจน ความรู้สึกอันคุ้นเคยที่นางเคยสัมผัสก่อนจะเป็นความแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบผ่านในชีวิต
                ร่างกายของฮุ่ยซิงราวกับลุกไหม้น้ำแข็งที่ล้อมรอบร่างพลันระเหยขึ้นเกิดเป็นหมอกควันตระการตา นัยน์ตาของหวางหลินเสวี่ยเลิกขึ้นตกใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หมอกควันล้อมรอบลานประลองก่อนจะหายไปเห็นรนัยน์ตาของฮุ่ยซิงที่ท่อประกายลี้ลับ

     

                ร้อนความร้อนที่ส่งผ่านจากร่างของฮุ่ยซิงมายังนางไหลผ่านมือสองข้างสู่ร่างกายนางทั้งรุนแรงและโหมกระหนำราวกับไฟป่าที่ไม่มีวันวอด แม้จะใช้ตำหนักเหมันต์เข้าต้านทานกลับไม่สามารถทนท้านต่อความร้อนที่ส่งผ่านฮุ่ยซิงมันโหมกระหน่ำลุกลามราวกับไม่มีสิ้นสุดเปลวเพลิงที่ไม่มีวันวอดดับเปลวเพลิงที่ที่เผาไหม้ร้อนแรงดั่งเปลวเพลิงจากขุมนรก ความร้อนที่ไม่อาจพบเจอไม่แม้แต่จะจิตนการว่าเปลวเพลิงเช่นนี้จะปรากฏอยู่บนโลกแห่งหน้าเปลวเพลิงแห่งความตายที่กำลังเผาผลาญอยู่ตรงหน้านาง

                แววตาของฮุ่ยซิงท่อประกายสีแดงส้มสุกสว่างดั่งดวงอาทิตย์ ฮุ่ยซิงเวลานี้ดั่งดวงตะวันที่อวตารลงสู่พื้นดิน มือของฮุ่ยซิงเอื้อมหานางอย่างแช่มช้าสีของฝ่ามือนั้นกลายเป็นสีแดงสดอย่างที่นางไม่เคยพบเจอนางชักมือกลับแต่มือข้างนั้นกลับติดตามนางราวกับไม่ต้องการแยกจากฝ่ามือของทูตแห่งความตายที่จะมาทวงถามชีวิตจากนาง เวลานั้นจิตใจของนางสั่นไหวอย่างรุนแรงสัมผัสที่ไม่เคยพบผ่าน สัมผัสของความกลัว

                ชับพลันเพียงช่วงหนึ่งฝ่ามือแสงสีแดงสุสว่างพลันหายไปนัยน์ตาของฮุ่ยซิงกลับมาเป็นสีดำสนิทอีกครา ฝ่ามือของฮุ่ยซิงที่สัมผัสกับร่างนางกลับสัมผัสเพียงแผ่วเบาก่อนฮุ่ยซิงจะดีดทะยานร่างออกจากลานประลองอย่างรวดเร็ว ร่างของฮุ่ยซิงหายไปจากลานประลองราวกับที่แห่งนั้นไม่เคยมีชายผู้หนึ่งที่ประลองกับหวางหลินเสวี่ยอย่างสูสี

                หวางหลินเสวี่ยยิ้มขึ้นราวกับพอใจอะไรบางอย่าง แต่ธิดาหิมะยังคงไว้ซึ่งความเย็นชาตบเท้าคราหนึ่งก็ส่งร่างล่องลอยไปอย่างงดงามพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่อาจมีผู้ใดพบเห็น

     

                หลังจากร่างของฮุ่ยซิงและหวางหลินเสวี่ยหายลับไปจากลานประลองราวกับสติที่หลุดลอยของผู้ชมถูกเรียกกลับคืน  เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นในฉับพลันทุกผู้คนต่างกล่าวถึงหวางหลินเสวี่ยที่สามารถสำเร็จสุดยอดวิชาตั้งแต่เยาว์วัย พวกมันล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธต่างต้องการจะสำเร็จสุดยอดวิชาด้วยกันทั้งนั้นความรู้สึกที่เกิดกับหวางหลินเสวี่ยจึงเป็นทั้งความชื่นชมและอิจฉาในขณะเดียวกัน

                “เจ้าหนุ่มนั้นเป็นเสือสุ่มมังกรหมอบโดยแท้สามารถต่อกรกับธิดาน้ำแข็งได้ถึงเพียงนี้”

                “เจ้าว่ากระไรหากมิใช่แม่นางหวางหลินเสวี่ยยั้งมือไว้ไมตรีบัดนี้มันคงเป็นได้เพียงน้ำแข็งก้อนหนึ่งเท่านั้น พวกเจ้ามิเห็นหรอกหรือทันทีที่แม่นางหวางปลดพลังมันก็วิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต คนเช่นนี้หรือเป็นยอดยุทธ” วาจานี้กล่าวออกจากชาวยุทธผู้หนึ่งทุกคนโดยรอบล้วนเห็นเป็นเช่นเดียวกัน พื้นฐานของมนุษย์ล้วนไม่เคยเปลี่ยนแปลงหากเป็นไปได้ย่อมไม่อยากยอมรับว่ามีผู้เหนือกว่าตนยิ่งเป็นเส้นทางสายเดียวกันหากเหยียบย่ำได้ย่อมซ้ำเติมเข้าไปอีก แต่จะมีผู้ใดล่วงรู้นอกจากหวางหลินเสวี่ยเอง

                “กลับมาแล้ว กลับมาแล้ว” เสียงอันสั่นเทาดังจากร่างของชายชราผู้หนึ่งที่ทรุดร่างอยู่บนพื้นดินอย่างไร้เรี่ยวแรง แววตานั้นฝ่ามือนั้นเหมือนเหลือเกินเหมือนจนมิอาจแยกออกความทรงจำของอดีตอันแสนยาวนานที่ถูกปิดตายไว้อย่างแน่นหนาย้อนหวนคืนกลับมา อดีตสีแดงฉานที่มันอยากลืมเลื่อน

                เหล่าชาวยุทธต่างค่อย ๆ เดินทางออกจากลานประลองเรื่องราวมากมายที่มันสามารถกลับไปเล่าให้ผู้ที่มิได้มาฟังเพื่อให้พวกมันสำนึกตัวว่าเสียโอกาสที่มิอาจหาได้อีกครั้งในชีวิตไปเสียแล้ว ทั้งสุดยอดฝีมือรุ่นเยาว์คนใหม่อย่างตี๋หลานและที่ขาดไม่ได้เรื่องที่น่าตื่นตะลึงแบบความสำเร็จของหวางหลินเสวี่ยที่สามารถสำเร็จสุดยอดวิชาประจำสำนัก

                นับว่าเป็นวันโชคดีของเจ้ามือพนันบัดนี้ตาเฒ่าพนันไม่เหลือแม้แต่เรี่ยวแรงจะไปขึ้นเงินที่มันควรจะได้และแน่นอนเจ้ามือพนันที่ดีเมื่อลูกค้ารายใหญ่หายไปไม่มาขึ้นเงินเช่นนี้มันย่อมต้องรีบหลบหนีหายไป

                “กลับมาแล้ว กลับมาแล้ว” ตาเฒ่าพนันยังคงพรำเพ้อโดยไม่มีใครสนใจมัน จวบจนกระทั้งคลื่นมนุษย์ได้จากไปแล้วมีมือข้างหนึ่งมาฉุดตัวมันลุกขึ้นยืนที่แท้เป็นตาเฒ่าตามังกรนั้นเอง

                “มิได้มีผู้ใดกลับมาหรอกสหายข้า”

                “เจ้ามิเห็นหรือข้าเห็นเต็มสองตาของข้าอย่างชัดเจนยิ่งนัก”

                “หนุ่มน้อยผู้นั้นหยุดมือไว้ได้ในจังหวะสุดท้ายนับว่ายังมีความหวังอยู่ไม่น้อย” เฒ่าตามังกรกล่าวกับเฒ่าพนันก่อนจะพยุ่งตัวมันไว้และพาเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ บัดนี้เวทีประลองเหลือเพียงฝุ่นควันเพียงเท่านั้นส่วนเนื้อหาของมันก็ถูกแต่งเติมจากเหล่าชาวยุทธจนมิอาจทราบความได้

                ฮุ่ยซิงเวลานี้สับสนกับตัวเองอยู่ไม่น้อยความรู้สึกราวกับเทพอสูรเมื่อครู่ยังติดอยู่ในสัมผัสของเขาอยู่ นับว่าเป็นโชคดีของฮุ่ยซิงที่รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ แม้จะไม่เข้าใจมากนักแต่ดูเหมือนภูตอเวจีจะช่วยชีวิตของเขาไว้ได้อย่างทันท่วงทีทั้งยังต้องการช่วงชิงชีวิตของหวางหลินเสวี่ย หากเขาครองสติตนเองไม่ทันแผนการที่วางไว้คงพังไม่มีชิ้นดี

                เราต้องเก่งขึ้นกว่านี้นี้เป็นความคิดของฮุ่ยซิงในขณะนั้นหากเขาปล่อยให้ความคลั่งเข้าครอบงำไม่รู้ว่าวันไหนเขาจะพลาดพลั้งทำลายแผนการของตัวเอง ระหว่างนั้นเองมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะเป็นตี๋หลานที่หลบรอดจากฝูงชนมาได้

                “แต่งตัวเสียเราจะไปกินข้าวกัน” ฮุ่ยซิงกล่าวขึ้นก่อนจะเดินนำตี๋หลานออกไปก่อน คราวนี้ฮุ่ยซิงอยู่ในมาดของคุณชายเจ้าสำราญที่มีเงินเหลือใช้ทั้งยังมีนัยน์ตาที่กลอกไปมาราวกับสงสัยในทุกสิ่ง ตี๋หลานยังคงไว้ซึ่งความน่าเกรงขามเช่นเดิมซึ่งฮุ่ยซิงว่าก็ดีอยู่แล้ว

                “เสี่ยวเอ้อจัดโต๊ะให้ข้าหน่อย ขอที่มองเห็นรอบ ๆ ได้แล้วอย่าลืมนำชาชั้นเลิศมาบริการข้าด้วย” ฮุ่ยซิงโบกพัดในมือคราหนึ่งสั่งการเสี่ยวเอ้อน้อยราวกับนี้เป็นบ้านของตนเอง ที่นั่งของฮุ่ยซิงจัดว่ามองเห็นทุกอย่างได้อย่างแท้จริงมันนั่งอยู่บนชั้นบนสุดของร้านค่อยดูผู้คนที่สัญจรไปมาอย่างสนอกสนใจ

                ตั้งแต่ตี๋หลานมาถึงเมืองต้าตูรู้สึกเหมือนฮุ่ยซิงจะเปลี่ยนไปมากมายเหลือเกินจนตัวตี๋หลานเองไม่อาจตามทัน บัดเดียวเป็นเช่นนี้บัดเดียวเป็นเช่นนั้นจนแม้แต่ตัวมันเองยังไม่อาจมั่นใจว่าตนรู้จักฮุ่ยซิงตัวจริงหรือไม่ แต่ก่อนที่มันจะคิดอะไรมากไปกว่านี้เป็นฮุ่ยซิงที่ลุกขึ้นยืนพร้อมกับบอกกับมันว่าได้เวลาแล้ว

                ยามทิวาราตรีของเมืองต้าตูนั้นนับว่ามีแสงสีอยู่ไม่น้อยทั้งหอโคมแดงที่ประดับประดาด้วยสิ่งสวยงามและสาวงามจากหอที่เข้ามาทักทายมันราวกับรู้จักกันมานาน ฮุ่ยซิงทำตัวเป็นคุณชายมือเติบจับโน้นจับนี้เหล่าสาว ๆ พร้อมกับยัดเงินให้ไปเป็นการตอบแทนซึ่งเงินที่ได้นั้นนับว่ามากพอที่จะหยุดทำงานคืนนี้ได้เลย ใช้เวลาเพียงไม่นานทั่วร่างฮุ่ยซิงก็เต็มไปด้วยกลิ่นเครื่องหอมของเหล่าสาวงามจากหอโคมแดงจนมิอาจแยกกลิ่นได้ว่ามาจากผู้ใดบ้าง

                “เจ้ารออยู่ด้านหน้านี้ละ” ฮุ่ยซิงหันกลับมากล่าวกับตี๋หลานเมื่อทั้งสองมาถึงสำนักใหญ่สำนักหนึ่งที่เขียนป้ายติดไว้ว่าสำนักเมฆา เรื่องราวทุกสิ่งล้วนหาได้จากสำนักเมฆาตลอดเวลาที่ผ่านมาล้วนไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน ข่าวของสำนักเมฆานับว่าลึกล้ำยิ่งนักแต่ก็มีราคาที่แพงสูงลิ่วจนหากมิใช่เศรษฐีที่มีเงินมากล้นย่อมไม่สามารถซื้อข่าวของสำนักเมฆา

                “ข้าต้องการรู้ข่าวทุกอย่างของราชสำนักตง” ฮุ่ยซิงกล่าวพร้อมกับนำทองมากมายเทลงมาจนมิอาจนับได้ ผู้ที่ต้อนรับฮุ่ยซิงรีบเก็บทองเหล่านั้นไว้ก่อนจะโค้งให้มันจนแทบสุดตัว

                “เชิญทางนี้เลยขอรับคุณชาย” ฮุ่ยซิงเพียงยิ้มขึ้นที่มุมปากพลางลูบทองคำในมือเบา ๆ สหายผู้นี้มิเคยทำให้เขาผิดหวังเลยจริง ๆ

    .......................................................................................................................
    สวัสดีครับเพื่อน ๆ นักอ่านทุกท่านผมลองปรับตัวนิยายดูอยากรู้ว่าอ่านง่ายขึ้นไหมครั

    ตอบคุณJeffkunครับ(ตอบไปในคอมเม้นแล้วแต่กลัวไม่เห็น)คือเป็นฮุ่ยซิงครับผม
    คุณArturiaขอบคุณมากครับที่ติดตามถึงขนาดนี้ดีใจมาก ๆ เลย ^^(เขียนเสร็จกำลังจะอัพเห็นคอมเม้นพอดี)
    หากมีคำถามข้อใจอะไรสามารถถามได้เต็มที่เลยนะครับถ้ามีคำถามไหนตอบได้คนเขียนจะรีบตอบทันที
    ขอบคุณคุณpiwutมากจริง ๆ ขอรับที่ช่วยให้ผมมองเห็นจุดที่ขาดไปในผลงานของตัวเอง ส่วนตัวผมเน้นรายละเอียดของฮุ่ยซิงมากจนเกินไปทำให้พลาดรายละเอียดในตัวละครอื่น ๆ จะรีบพยายามปรับปรุงในจุดนี้ให้มากขอรับ
    และขอบคุณแฟน ๆ ทุกท่านที่ติดตามผลงานของกระผม ช่วงนี้ผลงานขอผมค่อนข้างอัพไม่เป็นเวลาครับเนื่องจากอยู่ในช่วงสอบถ้าช่วงไหนมีไอเดียถึงจะเขียนออกมาเลยอาจทำให้อัพล่าช้าต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×