ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4 เทพอารักษ์
4.
“ทีนี้นายเชื่อหรือยังว่านายนะ ตายแล้ว”
เด็กนั่นเด็กบนระเบียงห้องก่อนกระดิกเท้าอย่างสบายใจ
“นายช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังได้มั๊ย” ท่าทีผมอ่อนลงไปมาก อาจเป็น
เพราะผมคงไม่มีทางเลือกที่จะเชื่อไปมากกว่านี้แล้ว
“นายฆ่าตัวตาย เมื่อสามวันก่อน ดวงจิตของนายเร่ร่อนอยู่สามวัน ก่อนจะกลับ
มายังที่ที่ความทรงจำสุดท้ายของนายนั่นคือ ที่นี่ ซึ่งมันควรจะเป็นคุกของนายใน
อนาคต” เด็กนั่นเงียบไปครู่หนึ่ง
“อันที่จริงนายจะต้องทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่จนกว่าวาระการดับสูญทั้งกายหยาบและ
กายทิพย์ของนายจะมาถึง นายถึงจะไปสู่นรกภูมิเพราะกรรมที่นายได้ทำนั้นบาป
หนักมาก” ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก นี่ยังทรมานไม่พออีกเหรอ
“อย่างนี้ชาติหน้าฉันมิต้องฆ่าตัวตายต่อๆไปเป็นห้าร้อยชาติเลยเหรอ” ผมพูดสี
หน้าสำนึกผิด
“อย่าบ้าไปหน่อยเลย มันเป็นเพียงความเชื่อที่สืบๆกันมาน่ะ ไม่ใช่ความจริงอัน
เป็นสากลหรอก คนโบราณท่านเพียงระบุไว้คร่าวๆเพื่อให้เห็นความน่ากลัวของ
การฆ่าตัวตาย ว่ามีผลให้จิตใจอ่อนแอและต้องปลิดชีพตนเองอีกครั้งแล้วครั้ง
เล่า ถ้าเป็นกฎตายตัวว่าฆ่าตัวตายหนึ่งครั้งต้องฆ่าตัวตายซ้ำอีก ๕๐๐ หน อย่าง
นี้ไม่ต้องแปลว่านายต้องเอา ๕๐๐ คูณเข้าไปในการฆ่าตัวตายแต่ละครั้งไม่มีที่
สิ้นสุดหรอกเหรอ” เด็กนั่นพูดแววตาภาคภูมิใจที่เห็นว่าผมนั้นโง่เขลาเสียเต็ม
ประดา
“แต่โชคยังดีที่นายได้ทำบุญไว้อย่างหนึ่ง”
“ทำอะไร” ผมถามเมื่อได้ยินคำว่าโชคยังดี
“นายได้เคยช่วยนกตัวหนึ่งตอนที่นายยังเป็นเด็ก แล้วบังเอิ๊ญ” เด็กนั่นทำเสียง
สูง “นกตัวนั้นดันเป็นนกตัวโปรดของท่านเสียด้วย”
“ ท่าน เหรอ” ผมสงสัย นี่มันอะไรกัน โลกหลังความตายหรือว่าโลกของมาเฟีย
กันแน่
“ใช่ ความดีความชอบของนายจึงส่งผลให้นายไม่ต้องรับทุกข์ทรมานในห้อง
นี้”
เด็กนั่นยิ้มเยาะ
“จริงเหรอ มีแบบนี้ในโลกของนายด้วยเหรอ” ผมทำหน้าดีใจครั้งแรกในรอบสาม
สี่วันที่ผ่านมา
“โลกของนายเป็นอย่างไร โลกของฉันก็ไม่ต่างกันนักหรอก บางครั้งเราก็เดาใจ
ท่านไม่ถูกหรอก แต่อย่าเพิ่งดีใจไป ท่านมีข้อแม้” สายตาของเด็กนั่นเจ้าเล่ห์
เหมือนแมวในการ์ตูน Tom and Jerry
“ข้อแม้อะไร”
“ท่านให้โอกาสนายแก้ตัว นายจะต้องทำให้ร่างนี้” เด็กนั่นดีดนิ้วครั้งหนึ่ง ภาพ
จอมอร์นิเตอร์ก็ปรากฏขึ้น
จอมอร์นิเตอร์ก็ปรากฏขึ้น
“โห ไฮเทคนะนี่” ผมยิ้ม
“โลกฉันกับโลกนายก็ไม่ต่างกันหรอก หรือบางทีโลกของฉันอาจล้ำสมัยกว่า
โลกของนายด้วยซ้ำ” เด็กนั่นหัวเราะเหมือนกับเด็กที่กำลังอวดของเล่นชิ้นโปรด
“นายต้องกลับไปช่วยคนคนนี้ไม่ให้เขาฆ่าตัวตาย” ทันใดนั้นร่างของชายหนุ่มก็
ปรากฏขึ้นในจอภาพ ผมเดินเข้าไปดูใกล้ๆ จ้องภาพนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย
“นั้นมันฉันนิ” ผมตกใจเมื่อเห็นคนที่อยู่ในจอนั้นคือตัวเอง
เด็กนั่นยิ้มไม่ตอบอะไร
“นายมีเวลาจำกัดที่จะทำภารกิจนี้ ถ้านายทำได้นายจะ............................”
“ฉันจะได้กลับไปมีชีวิตอีกครั้งใช่มั๊ย” ผมพูดแทรกขึ้นมา แววตากลับมามีความ
หวังอีกครั้ง
เด็กนั่นเว้นจังหวะ ทำหน้าเหมือนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
“แล้วถ้าฉันทำไม่ได้หล่ะ” ผมรีบถามต่ออย่างใจจดใจจ่อ
“นายจะต้องรับกรรมที่นายก่อ ซึ่งกรรมนั้นน่ากลัวเกินกว่าที่นายจะคาดคิด และ
หลังจากนั้นนายจะต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ต้องเริ่มต้นสะสมบุญบารมีเพื่อ
เกิดเป็นมนุษย์ใหม่ ” เสียงหัวเราะร่าของเด็กนั่นทำให้ผมนึกกลัวขึ้นมามากกว่า
ที่ควรจะเป็นเสียอีก
“นายไม่รู้หรอกว่า มันนานแค่ไหนกว่าจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ บางที พอนาย
สะสมบุญได้ถึงเกณฑ์กำหนด นายอาจไม่ได้เห็นโลกใบนี้อีกเลยก็เป็นได้”
“ไม่มีทางเลือกอื่นอีกเหรอ” ผมถามอ้อมแอ้ม
“มี”
“อะไร”
“อีกทางเลือกก็คือนายจะต้องอยู่ที่นี่ ห้องนี้ รับกรรมที่นายก่อจนกว่าจะถึงเวลาที่
ดวงจิตหมดวาระ แล้วนายก็จะได้ตีตั๋วเที่ยวเดียวไปรับกรรมต่อในนรก อูย ฉัน
นะ แทบไม่อยากให้นายคิดเลยว่านายจะเจออะไรในนั้นบ้าง หลังจากนายจบ
หลักสูตรในนรกแล้วนายก็กลับไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานต่อไป” พูดเหมือนเป็น
เรื่องตลก
“แล้วมันต่างกันตรงไหน” ผมตัดพ้อ ก่อนจะเดินมานั่งใกล้ๆเด็กนั่น
“ในระหว่างที่นายอยู่ในการปฏิบัติภาระกิจนั้น นายจะอยู่ห่างจากร่างนั้นได้ไม่
เกิน 500 เมตรไม่งั้นดวงจิตนายจะแตกดับ อีกอย่างห้ามนายใช้อิทธิฤทธิ์ซึ่งอัน
ที่จริงแล้ว นายไม่มี” เด็กนั่นหัวเราะชอบใจ
“นายจะสามารถเข้าสิงร่างนั้นได้เพียงแค่สามครั้ง เพราะฉะนั้นจำไว้ว่า ใช้ใน
ยามจำเป็นเท่านั้น” เสียงลมพัดใบสนดังโหยหวนเป็นระยะๆ ผมนั่งฟังเด็กนั่นพูด
อย่างว่าง่าย ไม่มีขัดขืน เพราะตอนนี้รู้แล้วว่า ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว
“เข้าใจแล้วนะ” เด็กนั่นกระโดดลงมาจากระเบียง อันที่จริงถ้าเป็นคนปกติแทบ
จะยกขาขึ้นไม่ได้อยู่แล้วเพราะระเบียงเตี้ยแค่ระดับเอว แต่สำหรับเด็กนั่น
“ยิ้มอะไร” เด็กนั่นมองผมด้วยสายตาเหมือนรู้ทัน ผมนึกขึ้นได้ว่ายังไม่รู้จักชื่อ
เสียงเรียงนามเด็กนั่นเลย
“นายชื่ออะไร” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“บุญมี” เด็กนั่นพูดก่อนจะหลบสายตาลงต่ำ
“บุญมี” ผมกลั้นหัวเราะ จนเผลอพ่นลมออกทางปาก
“คนเมื่อกี้ก็ชื่อบุญโชค พวกนายมีแต่คนชื่อบุญเหรอ” ผมถาม
“ใช่ ส่วนใหญ่ พวกเราจะมีชื่อบุญนำหน้าก็เหมือนคนจีนที่มีแซ่ซ้ำๆกันนั่น
แหละ เทพที่มาเป็นเทพประจำตัวมนุษย์ถือเป็นผู้มีบุญ เพราะพวกนายกว่าจะมา
เกิดเป็นมนุษย์ได้นั้นลำบากกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก” บุญมีกระโดดขึ้นไป
นั่งที่ระเบียงอีกครั้ง ผมกลัวจริงๆว่าจะหงายหลังหล่นลงไป
“พวกเราจึงมีทั้งชื่อ บุญโชค บุญช่วย บุญสร้าง บุญสม บุญ....”
“พอๆฉันเชื่อแล้ว” ผมขัดเมื่อเห็นท่าว่าจะยาว
“แต่ฉันสิ บุญมี แต่กรรมบังที่ดันจับฉลากได้เป็นเทพอารักษ์มนุษย์ที่ไม่รู้จักคุณ
ค่าของชีวิตอย่างนาย” บุญมีมองออกไปนอกระเบียง
“เออ ถามหน่อยสิ ทำไมชั้นถึงฆ่าตัวตาย”ผมถาม
“ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะความโง่ของนายไง” เด็กนั่นตอบ
“เมื่อถึงเวลานายจะรู้เองว่าทำไม” แล้วร่างของเด็กนั่นก็หายวับไปกับตา แต่จะ
หายไปอย่างนี้ได้อย่างไรในเมื่อผมยังมีปัญหาอีกมากมายที่ยังสงสัย
“บุญมี บุญมี กลับมาก่อนอย่าเพิ่งไป ฉันยังถามนายไม่จบ” ผมตะโกนมองไป
รอบๆห้อง
“ฉันมีเวลาให้นายมาทั้งชีวิตนายแล้ว แต่นายไม่สนใจเอง คราวนี้ตาฉันบ้าง
หล่ะ”
เด็กนั่นหัวเราะเสียงก้องดังไปทั่วห้องจนผมอดนึกสงสัยไม่ได้ว่า ผู้คนที่ยังมีชีวิต
อยู่ข้างๆจะได้ยินเสียงนั่นบ้างหรือปล่าว
“แล้วฉันจะทำยังไงต่อไป”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น