ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 ผมยังไม่ตาย...ใช่ไหม
3.
“ใครจะได้ยินกันเล่า”
เสียงแหลมเล็กดังขึ้นก้องอยู่ภายในห้อง ผมละความพยายามจากการร้องให้คน
ช่วย มาตามหาต้นตอของเสียง
เสียงแหลมเล็กดังขึ้นก้องอยู่ภายในห้อง ผมละความพยายามจากการร้องให้คน
ช่วย มาตามหาต้นตอของเสียง
“ใคร” ผมหันไปมองรอบๆห้องที่มืดสนิท มีเพียงแสงจันทร์สีนวลกระจ่างตาเท่า
นั้นที่เล็ดลอดผ่านบานเกร็ดเข้ามา
“ใคร” ผมถามอีกครั้งและคิดว่าจะไม่ถามเป็นครั้งที่สามแน่นอน เพราะตอนนี้
อะไรๆที่แปลกประหลาดคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นกับชีวิตผมได้ทั้งนั้น หากจะมีเสียง
เด็กผีที่ไหนมาเรียกอีก ก็คงไม่แปลกไปมากกว่านี้แล้ว
“ไม่มีใครได้ยินเสียงนายหรอก นอกจากฉัน” เสียงเล็กๆคล้ายเสียงเด็กผู้ชาย
ดังขึ้นที่มุมห้องใกล้ระเบียง ไม่สิที่เตียงนอนมากกว่า หรือว่าจะมาจากในห้องน้ำ
“ฉันอยู่นี่” ผมหันไปมองระดับสายตาตามเสียงนั้น
“นี่ เดี๋ยวโดน” เสียงนั้นอยู่ใต้จมูกนี่เอง ผมก้มลงไปมอง พลันผงะหงายหลังถอย
ออกมา
สิ่งที่ผมเห็นคือเด็กชาย ไม่สิ ผู้ใหญ่ เอ หรือเด็ก เอาเป็นว่า ร่างนั้นแคระแกร็น
ราวกับเด็กอายุหกขวบ แต่มีหน้าตาราวกับเด็กวัยรุ่นตอนปลายๆ
“นายเป็นอะไร เอ้ย เป็นใคร” ผมละล่ำละลักถามด้วยความตกใจ ถึงเรื่องราว
เหนือความคาดหมายจะเกิดขึ้นกับผมหลายต่อหลายครั้งในช่วงนี้ แต่ก็ไม่ได้ทำ
ให้ผมชินชา
“ฉันคือนาย นายคือฉัน” ร่างของเด็กนั่นกอดอกตอบ
“อะไรนะ” ผมงงกับคำตอบนั้น
“ชั้นคือส่วนหนึ่งของนาย” เด็กนั่นกระโดดขึ้นไปนั่งกอดอกบนเตียงนอน
“แต่นายมันไม่รักดี”
“ช่วยอธิบายให้มันยาวกว่านี้หน่อยได้มั๊ย” ความสงสัยทำให้ผมลืมกลัว
“ฉันคือส่วนหนึ่งของนาย เป็นเทวดาที่คอยปกป้องนาย” เด็กนั่นทำหน้าเอือม
ระอาก่อนจะสั่นหัว
“แต่นายมันไม่รักดี” ผมทำหน้าสงสัย
“เทวดาองค์อื่นๆเค้ามีมนุษย์รักดีที่อยู่ในความดูแล แต่นายมันไม่ได้เรื่อง ขี้แพ้
ลูกแหง่ แถมยังขี้กลัวสารพัด”
“นี่ ไอ้เตี้ย ถ้าจะมาด่ากันน่ะนะ ต่อยกันดีกว่า” ผมชักเดือด
“แหมทีอย่างนี้ล่ะกล้าขึ้นมาเชียว” เด็กนั่นทำหน้าเย้ยหยัน ผมไม่รู้ว่าเด็กนั่นพูด
ถึงอะไร รู้แต่ว่าเขากำลังดูถูกผมอยู่
“นายรู้มั๊ย เทวดาองค์อื่นที่มีอายุขัยเท่ากับฉันนั้น เค้าเติบโต แข็งแรงกันไปถึง
ไหนต่อไหน ดูอย่างบุญโชคสิ ปีกของเขาสองข้างกว้างจนโอบตัวเองมิด
แล้ว เพราะมนุษย์ที่เค้าดูแลอยู่นั่นนะ ชอบทำบุญ สวดมนต์ ทำแต่สิ่งดีๆ แต่ดู
ฉันสิ” ผมพินิจพิจารณาเด็กนั่นอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
ร่างเล็กๆนั้นผอมจนเห็นซี่โครงที่เรียงกันเป็นซี่ๆ เขาใส่เสื้อผ้าที่เก่ามอซอ
กางเกงขายาวก็ขาดรุ่งริ่ง ผมสีดำที่ยาวรุงรังจนเกือบปิดดวงตาที่อิดโรย ด้าน
หลังมีติ่งอะไรเล็กๆอยู่สองอันกระดุกกระดิกไปมา
“นี่ จ้องพอหรือยัง”
“ทำไมนายเหมือนเด็กอนาถา”
สิ้นคำถามนั้น สีหน้าอันเรียบเฉยของเด็กคนนั้นเปลี่ยนไปเป็นอารมณ์เกรี้ยว
กราดทันที สายตาแข็งกร้าวจ้องเขม็งมาที่ผม ก่อนจะสะบัดมือที่ผอมจนเกรงว่า
ถ้าสะบัดแรงข้อมือนั้นอาจหักเป็นสองท่อนก็เป็นได้มาที่ผม ทันใดนั้นหมอนใบ
โตที่ผมใช้หนุนก็กระเด็นมาตามแรงเหวี่ยงของมือพุ่งเข้าหาผมอย่างแรงจนผม
ต้องเอามือบังหน้า แต่ผมกลับไม่รู้สึกอะไรเลย
“เพราะใครหล่ะ” เด็กนั่นพูดเมื่อเห็นว่าหมอนนั่นไม่ได้ทำให้ผมเจ็บปวดแต่อย่าง
ใด สีหน้าที่แข็งกร้าวเมื่อครู่ก็ค่อยๆอ่อนลงจนดูเหมือนจะร้องไห้ เด็กนั่นกำลัง
จะร้องไห้
“อ้าว เอ่อ ขอโทษ” ผมนั่งลงใกล้ร่างนั้น ตอนนี้ความกลัวหายไปหมดแล้ว
“เพราะนายนั่นแหละ” เสียงเด็กนั่นสะอื้นน้อยๆ
“เพราะฉันนี่นะ” ผมยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี
“ใช่สิ ตอนนายเป็นมนุษย์......”
“ตอนนี้ฉันก็ยังเป็นอยู่ “ ผมแทรกขึ้นมา เด็กนั่นมองผมด้วยสายตาสังเวช
“นี่นายยังไม่เข้าใจอีกหรือ”
“เข้าใจเรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่นายหมดวาระการเป็นมนุษย์แล้วนะสิ ร่างของนายแตกดับไปแล้ว”
“นายพูดอะไรของนาย” ผมจ้องหน้าเด็กนั่น สิ่งที่ผมกลัวซึ่งฝังอยู่ในก้นบึ้งของ
หัวใจกำลังจะถูกเด็กนั่นขุดออกมา
“นายน่ะ ตายไปแล้ว ด้วยฝีมือของนายเอง” เด็กคนนั้นหยุดพูด เสียงลมฤดู
หนาวพัดผ่านต้นสนใกล้ๆดังหวิวๆ
หนาวพัดผ่านต้นสนใกล้ๆดังหวิวๆ
“นายฆ่าตัวตาย ฉันช่วยนายไม่ได้ เพราะฉันไม่มีบารมีพอ กายหยาบของนาย
แตกดับไปแล้วทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา ดวงจิตของนายจึงไม่สามารถไปไหนได้ คืน
นั้นที่นายเห็นว่านายกำลังหลงทางอยู่ในหมู่เมฆน่ะ หากเป็นวิญญาณอื่นที่ดับ
สลายตามปกติน่ะ จะเห็นแม่น้ำที่ทอดยาวกั้นขวาง และหากข้ามแม่น้ำสายนั้นไป
นายก็จะเจอกับทางแยกสองทางที่จะพานายไปสวรรค์หรือนรก แต่นายยังไป
ไหนไม่ได้”
ผมนิ่งอึ้งราวกับก้อนหินที่โดนน้ำเซาะทีละน้อยๆ
“นายมันบาปหนานัก นายรู้มั๊ย มือที่ดึงนายลงมานั่นก็เป็นมือฉันเอง อันที่จริง
นายจะต้องติดอยู่ในห้องนี้จนกว่าจะถึงวาระตายของดวงจิตนายจริงๆ นายถึงจะ
หลุดพ้นจากห้องนี้เพื่อไปรับกรรม”
แต่ในกรณีนี้......”
อาการนิ่งที่เกิดขึ้นกับผมไม่ใช่อาการนิ่งเพราะยอมรับฟัง แต่เป็นอาการช๊อค ซึ่ง
ตอนนี้ผมได้สติแล้ว
“ไม่จริง ไม่จริง ฉันยังไม่ตาย ไม่จริง” ผมตะโกนร้องสุดเสียง เสียงกรีดร้องที่
ร่ำไห้อยู่ในใจ ส่งผ่านลำคอจนต้องตะโกนออกมาทางปาก
“ไม่จริง” ผมวิ่งไปที่ประตู พยายามเปิดประตูออกไปเพื่อหนีจากที่ที่อยู่ตรงนี้ หนี
จากเด็กคนนี้และความเป็นจริงนี้ด้วย
เด็กนั่นสั่นหัวอย่างเอือมระอาก่อนจะเดินมาที่ผม
“นายจะออกแรงเปิดประตูให้เสียเวลาทำไม” ว่าแล้วเด็กนั่นก็ผลักผมสุดแรง จน
ผมนึกว่าต้องชนเข้ากับประตูอย่างจังแน่นอน แต่เปล่าเลย ร่างของผมกลับทะลุ
ผ่านประตูนั่นไปอย่างง่ายดาย ผมรู้สึกเหมือนร่างกายแตกออกเป็นกลุ่มควัน
ระหว่างที่ผ่านประตูนั่นไป
“ทีนี้เชื่อรึยังว่านายตายแล้ว” เด็กนั่นมาโผล่ที่ข้างๆผม ผมยืนสั่นหัวรับไม่ได้กับ
สิ่งที่เกิดขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้น
“นายนี่มันดื้อด้านไม่เปลี่ยน” สิ้นเสียงนั้นผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกกระชากอย่าง
แรงจากด้านล่าง
“วืด” แว๊บเดียวร่างของผมก็มาโผล่ที่ห้องห้องหนึ่ง
“ขอโทษครับขอโทษ” ผมรีบยกมือไหว้ยกใหญ่ เพราะภาพที่เห็นคือผู้ชายคนที่
ผมเจอเมื่อคืนวานกำลังแก้ผ้าล่อนจ้อนอยู่บนเตียงโดยมีเสียงหญิงสาวอาบน้ำ
อยู่ในห้องน้ำ
ผมเจอเมื่อคืนวานกำลังแก้ผ้าล่อนจ้อนอยู่บนเตียงโดยมีเสียงหญิงสาวอาบน้ำ
อยู่ในห้องน้ำ
“เขาไม่เห็นนายหรอก อย่าบ้าไปหน่อยเลย ” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเด็กนั่นโผล่
หน้าลงมาจากเพดาน
“พาชั้นกลับไปเดี๋ยวนี้นะ”
“ทีนี้เชื่อรึยังล่ะ มนุษย์ธรรมดาที่ไหนจะทำแบบนายได้ ” เด็กนั่นทำหน้าท้าทาย
ก่อนจะหายไป ผมยืนหันซ้ายหันขวาทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้ผมกลัวหมอนี่มากกว่า
กลัวเด็กนั่นเสียแล้ว
“เอาไงดี” ผมคิด ก่อนจะลองกระโดดขึ้นลงเผื่อว่าร่างจะหลุดหรือลอยขึ้นไป แต่
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย สุดท้ายผมจึงตัดสินใจเปิดประตูห้องหมอนั่น ก่อนเดินออก
ไปอย่างหน้าตาเฉยโดยไม่ลืมปิดประตูให้อย่างเบามือ เสียงหมอนั่นตะโกนร้อง
ตามหลัง
“ผีหลอก!!!!!”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น