ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 ปล่อยผมออกไป
2.
“ไม่น่าเลย เห็นเขาว่ายังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ”
“นั่นนะสิ คนสมัยนี่ คิดสั้นกันง่ายๆนะ”
“ใช่ เห็นเขาว่า เฮี้ยนไม่ใช่เล่นนะ”
“บ้าน่า อย่าพูดอะไรตอนนี้สิวะ โบราณเค้าถือ”
“ก็มันจริงๆ นี่เมื่อคืนเห็นว่ามีคนเจอ”
“บอกว่าอย่าพูดไง เดี๋ยวก็เจอดีหรอก”
“จริงๆนะเว้ย มีคนได้ยินเสียงเปิดก๊อกน้ำ เสียงปิดเปิดประตู เสียงเดินลากเท้า
ตอนตีหนึ่ง”
“ถ้าขืนมึงยังพูดอีกนะ กูจะให้มึงไปขนคนเดียว”
“เค้าว่า เดินทั้งคืนเลยนะเว้ย เดินไปเดินมา แล้วแถมพอมีคนขึ้นมาดูนะเว้ย กลับ
ไม่พบอะไร แต่เค้าว่าเค้ารู้สึกว่ามีอะไรวนเวียนอยู่ใกล้ๆเค้า บรื๋อ ขนลุกว่ะ สงสัย
ยังไม่รู้ว่าตัวเองตายไปแล้ว”
“พอๆ มึงไปคนเดียวเลย กูไม่ไปด้วยแล้ว”
“น่ากูล้อเล่น ไม่พูดแล้ว ไปเหอะรีบขนให้เสร็จ เดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน”
เสียงผู้ชายสองคนปลุกผมให้ตื่นจากการหลับลึก ผมยังตกใจไม่หาย ไอ้
หมอนั่นทำเอาอกสั่นขวัญแขวน เมื่อคืนตอนเกือบตีสี่ ผมมีอาการประหลาดเกิด
ขึ้นกับตัวเอง อยู่ดีๆผมก็เจ็บแปลบที่หัวใจ เหมือนมีประจุไฟฟ้าแสนโวลล์วิ่ง
ผ่าน จนทำเอาผมสะดุ้ง แล้วก็หายไป สักพักมันเริ่มเจ็บที่หน้าอก ไหลมาตาม
แขนทั้งสองข้าง วิ่งขึ้นไปยังสมองและวิ่งลงไปยังปลายเท้า พลังงานเหล่านั้น
เหมือนกับพยายามวิ่งหาทางออกมาจากร่างกายของผม มันพยายามดันออกมา
ทางลูกตาจนตาผมแดงเหมือนเลือดนก พยายามดันออกมาตามผิวหนัง ลำคอ
ผมโป่งพอง นิ้วมือบวม หน้าบวม ผมรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะถูกฉีกออกเป็น
ชิ้นๆ มันเจ็บปวดจนบรรยายไม่ถูก ผมลงไปดิ้นพร่านอยู่กับพื้นเหมือนไก่ถูก
เชือดคออย่างทุรนทุราย เหงื่อแตก น้ำลายฟูมปาก สักพักนึงผมเริ่มรู้สึกได้ถึง
เปลวไฟที่อยู่ในตัวผม มันเป็นเปลวไฟกองเล็กๆที่คุอยู่ในหัวใจ ผมรู้สึกได้ เปลว
ไฟกองนั้นค่อยๆลุกโชนขึ้น ก่อนจะไหม้ลามเลียออกไปตามส่วนต่างๆของร่าง
กายจนในที่สุด
หมอนั่นทำเอาอกสั่นขวัญแขวน เมื่อคืนตอนเกือบตีสี่ ผมมีอาการประหลาดเกิด
ขึ้นกับตัวเอง อยู่ดีๆผมก็เจ็บแปลบที่หัวใจ เหมือนมีประจุไฟฟ้าแสนโวลล์วิ่ง
ผ่าน จนทำเอาผมสะดุ้ง แล้วก็หายไป สักพักมันเริ่มเจ็บที่หน้าอก ไหลมาตาม
แขนทั้งสองข้าง วิ่งขึ้นไปยังสมองและวิ่งลงไปยังปลายเท้า พลังงานเหล่านั้น
เหมือนกับพยายามวิ่งหาทางออกมาจากร่างกายของผม มันพยายามดันออกมา
ทางลูกตาจนตาผมแดงเหมือนเลือดนก พยายามดันออกมาตามผิวหนัง ลำคอ
ผมโป่งพอง นิ้วมือบวม หน้าบวม ผมรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะถูกฉีกออกเป็น
ชิ้นๆ มันเจ็บปวดจนบรรยายไม่ถูก ผมลงไปดิ้นพร่านอยู่กับพื้นเหมือนไก่ถูก
เชือดคออย่างทุรนทุราย เหงื่อแตก น้ำลายฟูมปาก สักพักนึงผมเริ่มรู้สึกได้ถึง
เปลวไฟที่อยู่ในตัวผม มันเป็นเปลวไฟกองเล็กๆที่คุอยู่ในหัวใจ ผมรู้สึกได้ เปลว
ไฟกองนั้นค่อยๆลุกโชนขึ้น ก่อนจะไหม้ลามเลียออกไปตามส่วนต่างๆของร่าง
กายจนในที่สุด
“พรึบ” ไฟลุกโหมท่วมตัวผม เสียงของเปลวไฟที่สะบัดไปมาตามแรงลมยัง
ก้องอยู่ในหูผมไม่เคยจางหาย กลิ่นไฟร้อนแรงลามเข้าไปในจมูก ผมร้อง
โหยหวน ดีดดิ้นไปมาอย่างหมดหวัง
มันยาวนานมากผมคงต้องเหลือแต่กองขี้เถ้าแน่ๆ ไฟไหม้ไปนานจากที่เคย
เจ็บปวดจนผมกรีดร้องจนไม่เป็นเสียงผู้เสียงคน เสียงผมเริ่มเบาๆลงๆ ร่างกาย
ผมเริ่มไม่มีความรู้สึก มันชามาจากปลายเท้า จนสุดท้ายผมก็หมดสติไป ตื่น
มาอีกทีก็พบตัวเองนอนอยู่ในสภาพที่เหงื่อท่วมตัว มันน่าสยดสยองเกินกว่าที่
ใครจะคาดคิด มันคือฝันใช่ไหม แล้วมันเป็นฝันชนิดไหนกัน ให้ตายผมก็ไม่ขอ
ฝันแบบเมื่อคืนนี้อีกแล้ว
เจ็บปวดจนผมกรีดร้องจนไม่เป็นเสียงผู้เสียงคน เสียงผมเริ่มเบาๆลงๆ ร่างกาย
ผมเริ่มไม่มีความรู้สึก มันชามาจากปลายเท้า จนสุดท้ายผมก็หมดสติไป ตื่น
มาอีกทีก็พบตัวเองนอนอยู่ในสภาพที่เหงื่อท่วมตัว มันน่าสยดสยองเกินกว่าที่
ใครจะคาดคิด มันคือฝันใช่ไหม แล้วมันเป็นฝันชนิดไหนกัน ให้ตายผมก็ไม่ขอ
ฝันแบบเมื่อคืนนี้อีกแล้ว
ผมพลิกตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน อยากออกไปข้างนอก แต่ไม่รู้จะออกไปไหน
มันไม่มีจุดหมาย มันไม่รู้ว่าข้างนอกมีอะไร เป็นอย่างไร
“ห้องนี้แหละ” เสียงผู้ชายสองคนเมื่อกี้ดังอยู่หน้าห้องผม ผมลุกขึ้นนั่งด้วย
ความตกใจ อะไรอีกวะเนี๊ยะ เสียงไขกุญแจห้องดังกริ๊ก
“ขโมย” ผมกระโดดผลุงลงจากเตียง หันซ้ายแลขวา เห็นตู้เสื้อผ้าเปิดอยู่
“โห แม่งกลิ่น” เสียงผู้ชายคนนึงพูด
“เอาน่า รีบๆขนของออกไปให้หมดเถอะ กูเสียวสันหลังยังไงไม่รู้” แน่ละสิ มา
ขโมยของห้องคนอื่นจะไม่ให้เสียวได้ยังไง ผมคิด แล้วทั้งคู่ก็เดินสำรวจห้องผม
ราวกับตัวเองเป็นเจ้าของห้อง ผมนั่งตัวสั่นเกร็งอยู่ในตู้เสื้อผ้า ภาวนาขออย่าให้
พวกมันเจอ
สองคนนั้นเปิดลิ้นชักผมหยิบของทุกอย่างใส่ลังที่เตรียมมา พวกมันโยน
ของอย่างไม่อิหนังขังขอบ ทีวี ตู้เย็น ถูกพวกมันยกเก็บไปหมด ที่นี่ไม่มียามหรือ
ใครที่นึกสงสัยเลยหรือไง
ใจนึงผมอยากจะตะโกนให้คนช่วย แต่อีกใจของพวกนี้ไม่ตายก็หาใหม่ได้
ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดก่อนดีที่สุด ของชิ้นแล้วชิ้นเล่า ถูกยกไปวางไว้หน้า
ห้อง ผมแง้มประตูตู้เสื้อผ้า มองพวกมันขนของอย่างร้อนรน ใจผมก็สั่นระรัวราว
กับจะหลุดออกจากหน้าอก
“เมื่อไหร่จะออกไปเสียที” ผมคิดในใจ มือที่กำไว้แน่นนั้นเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
แล้วสิ่งที่ผมกลัวก็มาถึง พวกนั้นขนของออกไปจนหมด เหลือที่เดียวที่ยังไม่ได้
เอาไปนั่นคือ
“เสื้อผ้านะ อย่าเอาไปเลย” เสียงชายคนที่ยืนปาดเหงื่อพูด ผมใจชื้นขึ้นมา
ทันที
“ไม่ได้เว้ย เค้าจ้างให้ขนให้หมด ก็ต้องให้หมด มาเถอะนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว”
ผมหน้าซีด ต้องตายแน่ๆคราวนี้ ร่างของผมสั่นเทิ้มด้วยความกลัว อยากหายตัว
ได้ หรือไม่ก็ขอให้ตัวเองลีบเล็กเท่าลูกเหม็นที่แขวนอยู่ก็ยังดี
ชายคนที่พูดเดินมาที่ตู้เสื้อผ้า ลมหายใจผมติดขัด ขยับชิดเข้าไปทีละนิดละนิด
จนติดผนังตู้ เมื่อเห็นว่าไม่มีทีไปแล้วผมก็เริ่มร้องไห้
“ได้ยินเสียงอะไรมั๊ยวะ” เสียงคนที่ห้ามคนแรกบอก ทำให้อีกคนหยุด หรือพวก
มันจะได้ยินผมร้องไห้ ผมเอามืออุดปากตัวเองทันที
“ไม่เห็นจะได้ยินอะไร กลัวจนขี้ขึ้นสมองแล้วมึง” แล้วชายคนนั้นก็เดินตรงเข้า
มา มือของเข้าจับประตูตู้เสื้อผ้า ก่อนจะกระชากมันออกมาอย่างแรง
“ปัง!!”
“อย่า อย่า อย่า” ผมร้องเสียงหลงดังลั่นด้วยความกลัว มือปัดป่ายไปมาจนเสื้อ
ผ้า กระเด็นร่วงลงมา ชายคนนั้นยืนตะลึงด้วยความตกใจ
“อย่า อย่า อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา” ผมตะโกนสุดเสียง มือกระชากเสื้อปาใส่ชาย
คนนั้น ส่วนเท้าก็ถีบตู้เสียงดังปังๆจนตู้โงนเงนไปมา
“เฮ้ย อะไรกันวะนี่” ชายคนที่ยืนอยู่ร้อง
“ผะ ผะ ผะ ผี สิวะ อยู่ไม่ได้แล้วเว้ย” โจรที่อยู่ข้างหลังวิ่งออกไปอย่างลนลาน
ส่วนอีกคนยืนตะลึงอ้าปากค้างอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า
“ไปสิวะ จะยืนให้มันหักคอเหรอไง ไป” โจรที่วิ่งออกไปแล้ววิ่งกลับเข้ามาลาก
เพื่อนออกไปอย่างทะลักทุเล
ผมยังคงร้องไม่หยุดด้วยความกลัว เสียงประตูปิดดังสนั่นก่อนที่จะได้ยินเสียง
กุญแจล๊อก แล้วสองคนนั้นก็วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ผมนั่งตัวสั่นอยู่ในตู้เสื้อผ้าจนกระทั่งความตระหนกเริ่มจางหาย สติค่อยๆ
กลับมา ผมนึกว่าผมต้องตายเสียแล้ว ภายในห้องกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ความมืด
มิดเข้าครอบคลุมอีกครั้ง ผมค่อยๆก้าวออกมาจากตู้เสื้อผ้าด้วยความอ่อนแรง
มองไปรอบๆห้อง ทุกอย่างไม่มีอะไรเหลือเลย แล้วผมจะอยู่ยังไง
นึกขึ้นได้ว่าต้องแจ้งตำรวจ ต้องบอกยาม ใช่ผมต้องบอกใครสักคนเรื่องนี้
ผมเดินไปที่ประตูก่อนจะบิดลูกบิดประตูเปิดออก แต่เปิดได้แค่นิดเดียว มันติด
อะไรสักอย่างจากข้างนอก ผมออกแรงผลักเบาๆ แต่ไม่เป็นผล
“ประตูโดนล๊อค” ผมพูด “พวกนั้นตั้งใจจะขังเราไว้ในห้องนี้” ผมดันประตูอย่าง
แรงไปครั้งหนึ่ง ก่อนจะทุบประตูและร้องให้คนช่วยอีกหลายครั้ง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น