ประวัติของพญาครุฑ

เนื้อเรื่อง

 

ประวัติพญาครุฑ

“สัตว์กายสิทธิ์คู่นี้เป็นพี่น้องกัน พ่อเดียวแต่ต่างแม่ พ่อคือมหาฤาษีกัสยปะเทพบิดร มีนางวินตาแม่ของครุฑเป็นภรรยาหลวง ส่วนนางกัทรุแม่ของนาค (ไม่ใช่แม่นาค) เป็นเมียรอง 2 เมียไม่ถูกกัน และความผิดใจก็ลามไปให้ลูกเป็นอริกันด้วย”

         เหตุมาจาก 2 นางพนันกันว่า ม้าอุจไฉศรพะ ของพระอาทิตย์ที่กำลังเสร็จนั้นมีสีอะไร   ใครทายผิดแพ้ ต้องเป็นข้ารับใช้ฝ่ายชนะตลอดไป นางวินตาตอบว่าสีขาว นางกัทรุตอบว่าสีดำ สีขาวคือคำตอบที่ถูกต้อง    แต่ก่อนเฉลย นางกัทรุเจ้าเล่ห์กลัวแพ้เขา จึงให้ลูกๆ ซึ่งเป็นงูและนาครวม 1,000 ตัว เลื้อยแทรกเข้าไปในพู่หางม้า เข้าไปยั้วเยี้ยจนหางม้าเห็นเป็นสีดำมืดไป นางวินตาจึงกลายเป็นผู้แพ้ต้องก้มหน้าเป็นข้ารับใช้นางกัทรุ

ขณะนั้นไข่ใบที่ 2 ที่นางวินตาคลอดออกมาก่อนหน้า แตกออกเป็นครุฑ ครึ่งชายครึ่งนก สมบูรณ์แข็งแรง เจริญเติบโตรวดเร็ว สามารถบินข้ามมหาสมุทรได้ในเวลาอันสั้น เมื่อออกจากไข่แล้วก็บินไปตามหาแม่ซึ่งไปเป็นสาวใช้อยู่จนพบ นางวินตาเล่าเรื่องที่ถูกโกงให้ลูกใหม่ฟัง แล้วก็ห้ามไว้ไม่ให้ลูกซึ่งกำลังโกรธไปทำอะไรฝ่ายนางกัทรุ เพราะต้องการรักษาสัตย์ ทั้งแม่ทั้งลูกจึงต้องเป็นข้าช่วงใช้ของแม่ลูกอีกคู่ จะไถ่ตัวออกไปได้ก็ต้องเอาน้ำอำมฤตของพระอินทร์มาแลก

พระอินทร์สั่งเพิ่มกำลังรักษาหม้อน้ำอำมฤตตรงกลางกงจักร มีงู 2 ตัวหมุนกงจักร มีไฟล้อมรอบ พญาครุฑจึงไปอมน้ำในมหาสมุทรมาพ่นดับไฟ และจับงูกิน แต่ยังไม่ทันนำน้ำอำมฤตกลับไป พระอินทร์ก็เข้าขัดขวาง เกิดการต่อสู้กันขึ้น พระอินทร์สู้ไม่ได้ ร้อนถึงพระนารายณ์ต้องลงมาช่วย

แต่ทั้งพระนารายณ์และพญาครุฑไม่มีใครแพ้ใครชนะ จึงหยุดรบทำสัญญาเป็นไมตรีต่อกัน พญาครุฑสัญญาจะเป็นพาหนะของนารายณ์ตลอดไป ฝ่ายพระนารายณ์ก็จะให้พญาครุฑเป็นอมตะ จากนั้นจึงได้นำน้ำอำมฤตไปไถ่ตัวมารดา ไถ่ไม่ไถ่เปล่า จับนาคลูกแม่ขี้โกงกินซะ แต่เนื่องจากทั้งพญานาคและพญาครุฑต่างก็เป็นผู้รับใช้พระนารายณ์ด้วยกัน พระองค์จึงขอร้องพญาครุฑว่าอย่าทำอันตรายพญานาคเมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์