[Song Fic XS] ความเจ็บไม่มีเสียง - [Song Fic XS] ความเจ็บไม่มีเสียง นิยาย [Song Fic XS] ความเจ็บไม่มีเสียง : Dek-D.com - Writer

    [Song Fic XS] ความเจ็บไม่มีเสียง

    ความเจ็บปวดที่ราวกับเป็นคมมีดกรีดลงกลางใจ สายตาที่แปรเปลี่ยน พิรุณมิควรเคียงคู่นภาอีกต่อไปแล้วหรือ แล้วหยาดฝนสีโลหิตจะตัดสินใจเช่นไร

    ผู้เข้าชมรวม

    2,009

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    2K

    ความคิดเห็น


    24

    คนติดตาม


    71
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 ก.ค. 59 / 00:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
                                               

    ขอบคุณธีมสวยๆจาก

    Cinnamon Theme
    cinnamon
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



      แก้ไขช่วงเวลาค่ะ




      "โว้ยยย! ไอ้คุณบอส จะอะไรกันนักหนาวะ"เสียงโวยวายของพิรุณสีเลือดที่ดังเป็นประจำแทบทุกวันดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อตนถูกใช้ให้ไปทำนู่นทำนี่สารพัด เดินรอบคฤหาสน์จนจะครบสิบรอบได้ ซึ่งความกว้างของคฤหาสน์แห่งนี้ก็ไม่ใช่น้อยๆ
       

      "ขอโทษนะครับคุณสควอลโล่ ผมคงทำให้คุณลำบากสินะครับ"เสียงใสๆของนภาแห่งวองโกเล่ดังขึ้นข้างกาย มันสั่นเครืออย่างรู้สึกผิดที่ตนเป็นเหตุให้อีกฝ่ายยุ่งเสียขนาดนี้
       

      "จะอะไรกันนักกันหนาวะไอ้สวะ งานง่ายๆแค่นี้ ถ้าแกทำไม่ได้ก็ออกจากวาเรียไปซะ!!"เสียงตะคอกของนภาสีมืดที่นั่งอยู่ข้างกายของนภาสีใสเอ่ยอย่างตะคอก
       

      ทุกๆคำพูดคล้ายกับเป็นเหล็กแหลมทิ่มของกลางใจของพิรุณ ก่อนจะถูกกรีดซ้ำด้วยรอยยิ้มของซาวาดะ สึนะโยชิที่นั่งอยู่ข้างกายเจ้านายของตน
       

      สควอลโล่ยกยิ้มเหยียด ก่อนที่ใบหน้านวลจะถูกคบด้วยฝ่ามือใหญ่ของคนที่ขึ้นชื่อว่าบอส
       

      "อย่ามาใช้รอยยิ้มแบบนั้นกับฉัน!"มือใหญ่กระชากเรือนผมสีเงินยามขึ้นมา ก่อนจะใช้มือที่เพิ่งตบอีกฝ่ายไปหมาดๆบีบกรามแน่น ดวงเนตรสีโลหิตจ้องมองอีกฝ่าย ตะคอกใส่ใบหน้านั้นด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะผลักให้ห่างตัวราวกับรังเกียจนักหนา
       

      "เข้าใจแล้วบอส"พิรุณสีโลหิตตอบรับสั้นๆ ก่อนจะเกินออกไปจากห่างอย่างรู้ดีว่าบอสจะไม่ใช้อะไรตนอีกในวันนี้

       
       

      เพราะทำอ่อนแอไม่เป็น เธอเลยเห็นว่าไม่อ่อนไหว

      ไม่น่าดูแลเท่าไร ก็เลยทิ้งฉันไปกับเขา

      หรือการซ่อนความรู้สึก ทำให้ฉันต้องมานั่งเหงา

      ปวดร้าว เกินจะอธิบาย

       
       

      แกร๊ก

      เสียงลูกบิดดังขึ้นแผ่วเบาในห้องไม่กว้าง แต่กลับดูว่างเปล่าไร้ชีวิต ไม่ต่างจากเจ้าของห้อง สควอลโล่ทรุดลงตรงหน้าประตู รู้สึกนับถือตัวเองที่สามารถพาขาสั่นๆมาจนถึงห้องตัวเองจนได้
       

      มือเรียวยกขึ้นแตะบริเวณที่ถูกตบ รอยแดงปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน สควอลโล่ลูบมันเบาๆ ไร้ซึ่งน้ำตา ไร้เสียงสะอื้นใดๆ มีเพียงความเจ็บปวดเท่านั้นที่ฉายชัดในดวงตา
       

      ในห้องที่เงียบจนกระทั่งได้ยินเสียงเข็มตกแบบนี้ เสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะดังขึ้นอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มเหยียดๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง
       

       

      จะเหงาไม่เหงา แค่พูดว่าเหงาออกมาก็เท่านั้น

      เขาก็มีสิทธิ์ได้เธอ

      ส่วนคนอย่างฉัน อะไรอะไรต้องทนได้เสมอ

       

       

      สมเพช...ในหัวใจดวงนี้ ที่มันถูกกรีดซ้ำจนเป็นแผลเหวอะหวะ และเขาเองก็ไม่คิดที่จะรักษามัน ปล่อยให้บาดแผลลุกลามจนกลายเป็นหนอง
       

      เขายิ้ม...เพราะสมเพชในตัวเอง ความซื่อสัตย์ ความภักดี ความเชื่อใจ เขายังมีให้อีกฝ่ายเต็มร้อย แต่ดูเหมือนนภาสีมืดจะมองไม่เห็นมันอีกแล้ว เพราะที่สะท้อนอยู่ในดวงเนตรสีโลหิตมีเพียงซาวาดะ สึนะโยชิเท่านั้น
       

      สควอลโล่เค่นหัวเราะ ความรู้สึกที่มากกว่าความซื่อสัตย์หรือภักดี ในตอนนี้มันทิ่มแทงเขาจนปวดร้าวไปทั้งกาย ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวเพราะหยาดน้ำที่กำลังไหลรินออกมาอย่างเงียบเชียบ
       

      ทั้งที่คิดว่ามันแห้งเหือดไปแล้วแท้ๆ แต่สควอลโล่รู้สึกว่าตัวเองคิดผิด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดที่จะหยุด ปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ จนแห้งเหือดไปเองเหมือนอย่างทุกที

       
       

      ความเจ็บนี้ไม่มีเสียง เธอเลยไม่ได้ยิน

      อะไรที่กลั้นเอาไว้ อะไรที่ห้ามเอาไว้ก็เริ่มไหลมา

      คนเข้มแข็งในวันนี้ จะมีน้ำตา

      ก็ช้ากว่าคนที่เธอแคร์

       
       

      สควอลโล่ไม่อยู่

       

      ความประหลาดใจก่อตัวขึ้นในความคิดของนภาสีมืด รวมถึงความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เขาว้าวุ่นใจอย่างน่าประหลาดเมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ข้างกาย
       

      "แซนซัส~ เป็นอะไรเหรอ"เสียงใสของสึนะเรียกให้แซนซัสหันไปหา แก้มนิ่มๆอมลมไว้จนเต็มบ่งบอกว่างอนเต็มที่

       

      เขาเหม่อ...ทั้งๆที่มีสึนะอยู่ข้างกาย

       

      ความสงสัยก่อตัวขึ้นภายในใจของนภาสีมืด แต่แซนซัสก็เลือกที่จะสลัดมันทิ้ง และหันไปง้อคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของตนอย่างที่ไม่เคยทำกับใคร
       

      ก็อก ก็อก ก็อก

      "เข้ามา"สควอลโล่เดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารในมือ ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะเบื้องหน้าแซนซัส
       

      "งานเสร็จแล้ว ฉันขอไปพักล่ะ"แซนซัสขมวดคิ้วมุ่น เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าสั่งอีกฝ่ายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่สควอลโล่ก็ไม่เปิดโอกาสให้ถาม ขาเรียวยาวก้าวพาร่างของตนออกไปจากห้องทำงาน ทว่าหางตายังคงเหลือบไปเห็นรอยยิ้มพึงพอใจปนเยาะเย้ยของสึนะ

       
       

      เพิ่งรู้ว่าความแข็งแกร่ง มันต้องแพ้ให้ความอ่อนแอ

      ถึงไงเหอะมันก็แฟร์ ต่อให้ฉันต้องโดนทำร้าย

      ก็ทำไม่เป็นนี่หน่า จบแบบนี้แล้วจะโทษใคร

      ทนต่อไปละกัน

       

       

      "อ้าว! สควอลจัง ออกไปข้างนอกมาเหรอจ๊ะ"เสียงห้าวๆที่ถูกดัดจนแหลมเอ่ยทัก ก่อนจะได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าเล็กน้อย
       

      "ไปหายามาโมโตะ ทาเคชิมาเหรอจ๊ะ"ลูซซูเรียเอ่ย พลางขยิบตาอย่างล้อเลียน
       

      "ก็งานนั้นมันอยู่ที่ญี่ปุ่นนี่ จะแวะไปหาก็ไม่เห็นเป็นไรไป"บางครั้งพิรุณแห่งวาเรียก็ใสซื่อได้อย่างน่ารักเสียจริงๆ ลูซซูเรียหัวเราะคิกคักก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายเดินไปพักผ่อน
       

      สควอลโล่นั่งลงบนเตียงนอน เขาไปหายามาโมโตะก็เพราะแค่อยากจะระบายเท่านั้น เพราะยามาโมโตะเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องความรู้สึกของเขาที่มีต่อแซนซัส
       

      นั่งเหม่อไปได้ซักพักก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงเคาะประตูที่ราวกับอยากจะพังมันเข้ามาเต็มแก่หากเขาไม่ไปเปิดในหนึ่งนาทีนี้
       

      สควอลโล่เปิดประตูออกก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าผู้ที่มาเคาะประตูห้องของตนคือใคร

       

      แซนซัส...

       

      ร่างของสควอลโล่ถูกผลักเข้าไปในห้อง ก่อนนภาสีมืดจะจัดการปิดประตูและล็อกมันเสร็จสรรพ
       

      "บอสมีอะ..!!"ริมฝีปากบางถูกบดขยี้อย่างรุนแรง ท้ายทอยถูกล็อกเอาไว้บีบบังคับให้ร่างบางรับจูบที่ไร้ซึ่งความอ่อนโยน
       

      "หึ แค่ฉันคนเดียวยังไม่พอ อยากได้จนตัวสั่นจนต้องไปขอกับยามาโมโตะ ทาเคชิเลยรึไง!"
       

      "นายพูดอะ..!!"สควอลโล่ถูกผลักลงกับเตียงนุ่ม ก่อนร่างสูงใหญ่ของแซนซัสจะตามมาทาบทับในทันที บดขยี้ริมฝีปากของตนเข้ากับริมฝีปากบาง ก่อนจะกัดลงบนริมฝีปากจนเลือดซึม
       

      มือหนาถอดกางเกงของร่างบางออกอย่างรวดเร็ว จับขาข้างหนึ่งขึ้นพาดบ่า ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปอย่างรุนแรงทันทีโดยไม่มีการเบิกทาง
       

      "อ๊า!!"สควอลโล่กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มือเรียวกำผ้าปูที่นอนแน่น รู้สึกเจ็บปวดราวกับร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ รับรู้ได้ถึงช่องทางที่ฉีกขาด เลือดสีสดไหลเปรอะผ้าปูที่นอนสีดำสนิทซึ่งช่วยบดบังสีแดงสดของเลือดที่ไหลเปื้อนบริเวณนั้น
       

      แรงกระแทกแต่ละครั้งมอบความเจ็บปวดแก่สควอลโล่อย่างมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันกลับกลายเป็นความชาชิน เช่นเดียวกับหัวใจของเขาที่มันด้านชา
       

      เมื่อความทรมาณอันยาวนานในห้วงความคิดของสควอลโล่จบลง นภาสีมืดแต่งตัวและออกจากห้องไปไม่เหลียวมามองคนบนเตียงแม้แต่หางตา
       

      สควอลโล่เลิกเสื้อของตัวเองขึ้น ผ้าพันแผลสีขาวสะอาดปรากฏรอยเลือดเป็นวงใหญ่ บาดแผลที่เขาได้มาระหว่างทำงานเพราะมัวแต่เหม่อ โชคดีที่เครื่องแบบวาเรียเป็นสีดำ มันจึงช่วยกลบรอยเลือดที่ซึมผ่านผ้าพันแผลออกมาได้
       

      ฟันคมๆขบริมฝีปากจนเลือดซิบ ความเจ็บปวดทางกายที่ได้รับ มันเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดทางใจ ที่มันทำลายหัวใจเขาจนแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี

       

      ..นางบำเรอ..

       

      นี่น่ะหรือ..คือสิ่งที่คนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นคนรักมอบให้ สควอลโล่เค่นยิ้ม รู้ตัวดีว่าตนเป็นได้เพียงแค่นั้น ความรักที่อีกฝ่ายมอบให้เขามันไม่มีอีกแล้ว ดวงตาคู่นั้นไม่ได้มีไว้เพื่อมองเขาอีกต่อไปแล้ว

       

      คนที่คู่ควรกับนภา..ก็มีแต่นภาด้วยกันเท่านั้น..

       
       

      จะเหงาไม่เหงา แค่พูดว่าเหงาออกมาก็เท่านั้น

      เขาก็มีสิทธิ์ได้เธอ

      ส่วนคนอย่างฉัน อะไรอะไรต้องทนได้เสมอ

       

       

      สควอลโล่หลับตาลง หยาดน้ำสีใสที่เขาคิดว่ามันแห้งเหือดไปแล้วไหลรินจากดวงตา
       

      กี่ครั้งแล้วที่ต้องทนมองโดยไม่อาจปริปากบ่น
       

      กี่ครั้งแล้วที่ต้องฝืนเก็บความเจ็บปวดเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจและเสแสร้งยิ้มให้ราวกับไม่รู้เรื่องใดๆ
       

      กี่ครั้งแล้วที่เขาเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆว่าตนทำผิดอะไร แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับคืนมา
       

      ยอม..ให้อีกฝ่ายกรีดลงซ้ำๆที่กลางใจ จนบาดแผลมันลึกขึ้นเรื่อยๆ
       

      เกลียด..เกลียดตัวเองที่ถึงแม้จะถูกทำร้ายมากแค่ไหนแต่ความรู้สึกที่เขามีให้มันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
       

      สควอลโล่มองซองใส่เอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงด้วยแววตาที่ว่างเปล่า มือเรียวหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้งทั้งๆที่เขาอ่านมันซ้ำๆจนจำเนื้อหาได้อย่างขึ้นใจ

       

      คำสั่งย้าย..จากนภาแห่งวองโกเล่

       

      สควอลโล่เก็บเอกสารเข้าซองตามเดิม ก่อนจะฝืนความเจ็บปวด พยุงขาสั่นๆเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย

       

       

      ความเจ็บนี้ไม่มีเสียง เธอเลยไม่ได้ยิน

      อะไรที่กลั้นเอาไว้ อะไรที่ห้ามเอาไว้ก็เริ่มไหลมา

      คนเข้มแข็งในวันนี้ จะมีน้ำตา

      ก็ช้ากว่าคนที่เธอแคร์

       

       

      เพล้ง!

      เศษแก้วแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อสควอลโล่นำรายงายภารกิจของวันมาส่งๆ แก้วที่บรรจุบรั่นดีถูกขว้างใส่หน้าพิรุณสีเลือดทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง ดวงตาสีโลหิตที่แฝงแววเกรี้ยวกราดตวัดมองผู้มาใหม่
       

      "ออกไป!!"สควอลโล่เม้มปาก สาวเท้ายาวๆเข้ามาวางรายงานภารกิจก่อนจะออกไปทันทีโดยไม่เอ่ยคำลา
       

      "เดี๋ยวสิ สควอลโล่"เสียงใสๆของนภาทักเมื่อสควอลโล่เดินออกจากห้องไปแล้ว
       

      พิรุณหันมองเพียงชั่วครู่ก่อนจะก้าวเท้าเดินต่ออย่างไม่สนใจใยดี
       

      "หึ ก็ดี ออกจากวาเรียไปเลยยิ่งดี"ฝีเท้าของพิรุณสะดุดกึก ก่อนจะหันมามองคนพูดที่กำลังกอดอก พลางยกยิ้มเหยียด
       

      "ฉันไม่สนหรอกนะว่าแกจะเคยเป็นอะไรกับแซนซัส แต่ตอนนี้ตัวจริงของเขาคือฉัน นายหญิงของวาเรียคือฉัน แกน่ะเป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราวใช้แล้วทิ้งเท่านั้นแหละ เลิกยุ่งวุ่นวายกับของๆคนอื่น แล้วไสหัวไปจากวาเรียซะเถอะ"
       

      หลังจากวันนั้นแซนซัสก็ยังคงมาหาสควอลโล่อีกหลายครั้ง ใช้อีกฝ่ายเป็นเครื่องบำบัดความใคร่ แล้วก็จากไปโดยไม่คิดจะหันมอง
       

      ไม่มีเสียงร้องขอความเห็นใจ หรือถ้อยคำปฏิเสธใดๆ ไม่มีกระทั่งหยดน้ำตา นิ่ง เงียบ ปล่อยให้อีกฝ่ายกระทำจนพอใจ มีเพียงความเจ็บปวดเท่านั้นที่ฉายชัดอยู่ในดวงตา ความเจ็บปวด...ที่มันหยั่งรากลึกลงไปในจิตใจ

       
       

      Gavin: เธอว่ามันผิดไหม ที่บังเอิญฉันมันชอบเก็บ

      ที่ไม่ได้พูด ก็ไม่ได้แปลว่ามันไม่เจ็บ

      เห็นฉันไม่เรียกร้อง เลยมองว่าฉันง่ายๆ ล่ะสิ

      Thank you Thank you ขอบใจที่คิดได้แค่นี้

       
       

      สควอลโล่ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า สัญชาตญาณนักฆ่าของเขายังคงทำงานได้เป็นอย่างดี ดวงตาสีเงินเหลือบมองผู้มาใหม่ ซาวาดะ สึนะโยชิก้าวเข้ามาใกล้พิรุณสีโลหิตที่นอนอยู่บนโซฟาสีชาดในห้องนั่งเล่น
       

      "แซนซัสเป็นของฉัน สวะอย่างแกไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งกับเขา"มุมปากของสควอลโล่ยกเป็นรอยยิ้ม ดวงตาสีเงินเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยหางตา
       

      "แสดงว่าแกคงจะน่าเบื่อมากสินะ เพราะขนาดมีแกอยู่ทั้งคนแต่บอสก็ยังต้องไปหาคนอื่นมามอบความสุขให้"
       

      "นี่แก..!!"มือเรียวจิกเรือนผมสีเงินยาวขึ้นมา สควอลโล่ไม่ร้องซักแอะ แต่กลับคงรอยยิ้มและแววตาที่แสดงออกถึงความสมเพชไปให้อีกฝ่าย
       

      "ได้ ได้"

       

      เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!

      ดวงตาสีเงินเบิกกว้างเมื่ออีกฝ่ายปล่อยมือจากผมของเขาแล้วใช้มือข้างนั้นตบไปที่ใบหน้าของตัวเองจนเป็นรอยแดง แล้วลงไปนั่งกับพื้นข้างโซฟา
       

      "สึนะ!"ดวงเนตรสีโลหิตของผู้มาทีหลังตวัดมองสควอลโล่อย่างโกรธเกรี้ยว มือขวาเงื้อขึ้นและฟาดไปที่ใบหน้านวลเต็มแรง
       

      สควอลโล่เช็ดเลือดที่มุมปากก่อนจะมองไปท่บอสของตนอย่างไม่คิดแก้ตัวใด เพราะหลักฐานมันก็เห็นชัดกันอยู่แล้ว และถึงจะพูดอะไรออกไป อีกฝ่ายก็ไม่สนใจจะฟังอยู่ดี
       

      "ออกไป!!"สควอลโล่ลุกจากพื้นและเดินไปทางประตูเมื่อได้ยินอีกฝ่ายตวาดไล่
       

      "แล้วไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!! ออกไปจากวาเรียซะ!!” สควอลโล่ขบริมฝีปากตนเองแน่นเมื่อเห็นแซนซัสประคองสึนะที่ล้มอยู่ที่พื้นทั้งๆที่กับเขาอีกฝ่ายไม่เคยทำเลยซักครั้ง ร่างโปร่งบางหันกายออกไป ก่อนที่สิ่งที่เก็บเอาไว้ มันจะพรั่งพรูออกมา

       
       

      อะไรที่เธอไม่รู้ อะไรที่เธอไม่เห็น

      อะไรที่ตัวฉันเป็น เธอก็ไม่เคยเข้าใจ

      ต่อให้ฉันคร่ำครวญร้องไห้ฟูมฟาย

      ตะโกนในใจอีกเท่าไร

       
       

      สควอลโล่ยืนอยู่หน้ากระจก ในมือถือกรรไกรสีเงินวาว ดวงตาสีเงินมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก มองเรือนผมสีเงินยาวที่เขาตั้งใจไว้มันเพื่อคนๆนั้น กรรไกรสีเงินกางออกก่อนจะเลื่อนไปยังเรือนผมสีเงินยวง
       

      ทว่าจนแล้วจนรอดเขาก็ทำไม่ลง สควอลโล่วางกรรไกรลงกับเคาท์เตอร์หน้ากระจก เขาตัดมันไม่ลง เหมือนกับความรู้สึกที่เขามีให้กับแซนซัส ไม่ว่ายังไง เขาก็ตัดใจไม่ลงจริงๆ

       

      'แล้วไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!! ออกไปจากวาเรียซะ!!'

       

      เสียงคำกล่าวโทษยังคงก้องอยู่ในหูไม่จางหาย เลือดที่ไหลรินจากหัวใจกลั่นตัวเป็นน้ำใสๆไหลลงจากดวงตา
       

      สีแดงสดที่สะท้อนในกระจกทำให้สควอลโล่ต้องก้มมองดูมือของตน กรรไกรคมๆถูกเขากำไว้แน่นจนมันบาดฝ่ามือเป็นแผลลึก
       

      ดวงตาสีเงินจ้องมองบาดแผลที่มี ความเจ็บปวดทางกาย ยังไม่เท่าเจ็บที่ใจ
       

      เพราะรักมากเหลือเกิน แต่ความเจ็บปวดที่มีมันก็มากตามไปด้วย เพราะเขาถลำลึกเกินไป เมื่อได้รักตอบก็ไม่คิดจะเผื่อใจ ความเจ็บปวดที่สะท้อนกลับมามันจึงมากเกินจะรับไหว

       

      'ถ้ารักแล้วมันเจ็บขนาดนั้น จะหลบมาพักที่นี่ก็ได้นะ พักจนกว่าบาดแผลที่มีมันจะดีขึ้น แล้วค่อยกลับไปเผชิญหน้ากับต้นตอความเจ็บปวดนั้นใหม่ ทาเคซูชิยินดีต้อนรับเสมอนะ สควอลโล่ ^^'

       

      ราวกับเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายลอยมาอยู่ตรงหน้า สควอลโล่ยิ้มบางๆออกมาเพราะความใจดีที่อีกฝ่ายมีให้ ยิ้มออกมาเพราะความเอาใจใส่ต่อ'เพื่อน'คนนึงที่อีกฝ่ายมีให้

       

      บางที...พักบ้างก็อาจจะดีเหมือนกันนะ

       

      สควอลโล่ออกมาทำแผลในห้อง เก็บกระเป๋าให้เรียบร้อย ก่อนจะหยิบซองเอกสารเดินไปยังห้องของแซนซัส
       

      "อ่ะ..อ๊า!! แซน..แซนซัส อืม~"มือที่กำลังจะเคาะประตูหยุดชะงักลง มืออีกข้างกำแน่นเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างลอดออกมา

       

      สควอลโล่เม้มปาก มองเอกสารในมือ ก่อนจะหันกายจากไป
       

      "เฮ้! ลูซซูเรีย"
       

      "จ๋า~"
       

      "ฝากนี่ให้บอสด้วยนะ"ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกส่งต่อให้กับผู้ชายใจหญิงหนึ่งเดียวในวาเรียที่กำลังทำสีหน้ามึนๆ ก่อนจะพยักหน้าให้อย่างงงๆ
       

      "ขอบใจ"สควอลโล่เดินกลับห้อง ร่างโปร่งบางทรุดลงตรงหน้าประตู น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลออกมาเป็นสาย

       
       

      ความเจ็บนี้ไม่มีเสียง เธอเลยไม่ได้ยิน

      อะไรที่กลั้นเอาไว้ อะไรที่ห้ามเอาไว้ก็เริ่มไหลมา

      คนเข้มแข็งในวันนี้ จะมีน้ำตา

      ก็ช้ากว่าคนที่เธอแคร์

       
       

      สควอลโล่ปล่อยให้น้ำตามันไหลอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดจะเช็ดออก
       

      เขารู้ดี ว่าการจากไปครั้งนี้มันก็แค่การหนีเท่านั้น หนีจากใบหน้าที่คุ้นเคย น้ำเสียงที่คุ้นชิน หนีจากความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายมีใครอื่นอยู่ข้างกาย เพราะเขายังตัดใจไม่ได้ และคงทำไม่ได้ ต่อให้พยายามมากแค่ไหนก็ตาม
       

      วันต่อมาหิมะก็โหมกระหน่ำโดยไม่มีการบอกเตือนล่วงหน้า ไม่มีใครเห็นพิรุณ จนกระทั่งลูซซูเรียนำเอกสารที่สควอลโล่ฝากไว้ไปให้บอส

       

      คำสั่งย้าย...คือใจความสำคัญของเอกสารฉบับนั้น

       

      สควอลโล่มองออกไปภายนอกสนามบิน ท้องฟ้าอันมืดมิดให้ความรู้สึกอบอุ่นและหนาวเหน็บในเวลาเดียวกัน เมื่อได้ยินเสียงประกาศเรียก เขาก้าวเดินเข้าไปด้านใน ก่อนจะชะงักเล็กน้อย พึมพำเบาๆคล้ายอยากบอกลา ก่อนจะหายลับเข้าไปด้านในเกจผู้โดยสารขาเข้า

       
       

      คนเข้มแข็งในวันนี้ จะมีน้ำตา

      ก็ช้ากว่าคนที่เธอแคร์

       
       

      "ลาก่อน แซนซัส"


       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×