คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : ไม่อาจเหมือนเดิม
วันเวลากำลังเดินมาเรื่อยๆ ตามหน้าที่ของมัน จากวันกลายมาเป็นเดือน หลังจากเกิดเรื่องขึ้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านพ้นมาหลายเดือนแล้ว หลิงซานเองก็ท้องโตมากจนดูอุ้ยอ้ายทำอะไรก็ขัดใจไปเสียหมด เพราะท้องที่โตขึ้นจนทำอะไรไม่ถนัด จะซุกซนโลดโผนเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้อีกแล้วเพราะอี้เฟยสั่งห้ามเอาไว้
ตอนนี้หลิงซานกลับมายังอาณาจักรมังกรแล้ว เพราะสวามีไม่ยอมใจอ่อนให้ร่างเล็กอยู่ต่อ เย่วซินเลยช่วยเกลี้ยกล่อมอีกแรง และสัญญาว่าหากคลอดเมื่อไรเขาจะไปเยี่ยมหลาน หลิงซานเลยยอมกลับทั้งๆ ที่ไม่แน่ใจเอาเสียเลย ว่าพี่ชายของตนจะยอมกลับไปเหยียบอาณาจักรมังกรอีกครั้งหรืออย่างไร
เย่วซินต้องอยู่อย่างเงียบเหงา เพราะไม่มีคนคอยพูดเจื้อยแจ้วให้ได้ยิเช่นเมื่อก่อน หลังจากหลิงซานและเหยียนจื่อกลับไปแล้ว บ้านก็เงียบสนิท
ดีหน่อยที่ยังมีลี่หยุน เด็กน้อยวัยสามขวบ ซึ่งเป็นลูกชายของหยางหลิวและหนิงอัน ที่มักจะตามบิดามารดามาเยี่ยมเขาอยู่บ่อยๆ เด็กชายตัวน้อยวัยซนกำลังน่ารักน่าชัง ช่วยให้เขาคลายเหงาได้บ้าง เด็กน้อยช่างพูดช่างเจรจานัก ตอนที่หลิงซานอยู่ที่นี่ก็มักจะชอบลูบท้องน้องชายเขา พลางพูดกับน้องในท้องไปเรื่อยๆ ตามประสาเด็กที่ชอบพูดชอบถาม
"ท่านน้า ข้าคิดถึงน้อง"
"ข้าก็คิดถึงเหมือนกัน"
"ท่านน้า เราไปหาน้องกันไหม"
"ลี่หยุน จ้ารู้รึว่าน้องอยู่ที่ไหน"
"ข้าไม่รู้แต่ท่านน้ารู้ ท่านน้าพาข้าไปนะ"
"ไม่ ข้าไปไม่ได้ ไว้ให้เขาเกิดมาก่อนเดี๋ยวแม่เขาก็พามาเยี่ยมเจ้าเอง"
"หูย... นานน่ะ งื้อ... ก็ข้าคิดถึงนี่"
"โถ่เด็กน้อย ดูทำหน้าเข้าสิ ปากกับจมูกจะติดกันอยู่แล้วนะเจ้าหมูน้อย"
เย่วซินชอบหยอกล้อ เพราะเด็กชายตัวขาวและอ้วนกลมแก้มยุ้ย มองแล้วก็คล้ายเจ้าหมูน้อยอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งเขาก็รู้ว่าเด็กน้อยไม่ชอบให้เขาเรียกเช่นนี้ ทุกครั้งที่ร่างบางเรียกจะมีการงอนเกินขึ้น
หลังจากที่เย่วซินข่มขู่ และไม่ยอมให้เขามาที่นี่อีก ร่างสูงของเฟยหลงก็คอยตามเฝ้ามองอยู่ห่างๆ ไม่เข้าใกล้จนเกินไปให้อีกคนจับได้ มาวันนี้ก็เช่นกัน เขาทำตัวเหมือนคนโรคจิตอย่างไรอย่างนั้น เพราะกำลังแอบมองเย่วซินอาบน้ำในลำธาร ร่างบางของเย่วซินยังคงงดงาม และอวบอิ่มขึ้นกว่าเก่ามาก ตาคมมองตั้งแต่เส้นผมยาวสลวยที่เขาชอบสัมผัส ดอมดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ตอนนี้มันถูกรวบมัดเอาไว้กลางศีรษะ เผยให้เห็นลำคอระหงขาวผ่อง
สายตาคมไล่มองลงมายังเม็ดทับทิมสีชมพูสองเม็ด ที่ประดับอยู่บนยอดอกแบนราบ ผิวกายขาวผ่องเรียบเนียนน่าสัมผัส ต่ำลงมาเป็นสะดือบุ๋มน่ารักบนหน้าท้องแบนราบ และสะโพกกลมที่ดูเหมือนจะอวบอัดขึ้นจากการตั้งครรภ์
ถึงแม้ว่าตอนนี้ ในท้องของคนตรงหน้ามันว่างเปล่าไปแล้ว แต่สภาพร่างกายยังคงเดิม โดยรวมแล้วหลังจากที่ร่างกายฟื้นตัว เย่วซินกลับอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเก่าหลายเท่านัก
พาให้คนที่แอบถ้ำมองลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ อารมณ์ชักไม่อยู่กับร่องกับรอย เมื่อนึกถึงกายบางด้านหน้าที่ตนเคยสัมผัส และรู้ดีว่ามันหอมหวานเพียงใด ยิ่งคิดก็ยิ่งพลุ่งพล่านจนต้องตั้งสติก่อนที่จะถูกจับได้
เหมือนเย่วซินจะรับรู้ว่าตนไม่ได้อยู่คนเดียว ในขณะที่มีงูโชคร้ายตัวหนึ่งเลื้อยผ่านหน้าไป
มือบางรีบคว้าคอเจ้างูดวงซวยมาถือเอาไว้ ก่อนจะออกแรงเหวี่ยงไปในทางที่ตนแน่ใจว่า มีไอ้โรคจิตถ้ำมองตนอาบน้ำ เจ้างูดวงซวยลอยหวือไปตามแรงเหวี่ยง ก่อนจะตกลงบนไหล่หนาของเฟยหลง ทันทีที่มันเห็นร่างจริงของเฟยหลงถึงกับตัวแข็งทื่อ ลื่นไหลตกลงมากระแทกพื้น ก่อนจะรีบเลื้อยหนีเข้าป่าไปอย่างลนลาน
"ออกมานะไอ้คนโรคจิต! "
ร่างบางของเย่วซินตะโกนเรียกคนที่แอบซ่อนตัวให้ออกมา แต่ก็เงียบจนคนเรียกชักจะหัวร้อนขึ้นมา
"จะออกมาดีๆ หรือจะให้ข้าไปลากคอเจ้าออกมาหะ! "
"_"
"อย่าให้ข้าจับได้เชียวนะ ข้าจะสับให้เละเลยคอยดู! "
เฟยหลงมองคนตรงหน้าตน ตอนนี้ดูเหมือนว่า ตั้งแต่ที่เย่วซินเริ่มจะทำใจเรื่องลูกน้อยได้บ้างแล้ว และกำลังกลับมาเข้มแข็งดังเดิม แต่ที่แปลกไป คือร่างบางอารมณ์ร้ายขึ้นกว่าเก่ามาก
ดูจะขี้โมโหง่าย คงเพราะว่าผ่านเรื่องร้ายๆ มามาก เลยเปลี่ยนนิสัยจากที่เคยใจเย็นลุ่มลึก กลายเป็นร้อนยิ่งกว่าไฟ คงเพราะตนที่มีธาตุไฟอยู่แล้ว และดวงจิตหนิงเฟิ่งในกายอีกดวง พาให้คนตรงหน้าเปลี่ยนไปมาก จนบางครั้งเหมือนไม่ใช่ตัวของเย่วซินเอง
เรียกไปหลายครั้งก็ไม่เห็นวี่แวว ว่าคนที่แอบซ่อนจะออกมา ขาเรียวก้าวขึ้นจากลำธาร ตรงไปยังที่ที่ตนคิดว่ามีคนแอบซ่อน แต่ก็พบแค่ความว่างเปล่า เพราะร่างสูงของเฟยหลงชิงหนีไปเสียก่อน ไม่อยากจะให้ร่างบางจับได้ว่าตนแอบเฝ้ามองอยู่ตลอดเวลา
เย่วซินขมวดคิ้วขึ้นทันที เพราะเขาแน่ใจว่าตนถูกแอบตาม และเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว เขารู้ว่าคงไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ตั้งแต่ตอนนั้นที่ตนทะเลาะกับร่างสูงที่ตรงหน้าผา ก็ไม่ได้เจอเฟยหลงอีกเลย แต่เขากลับรู้สึกอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเขาจะทำอะไรที่ไหน ก็มักจะรู้สึกว่าถูกติดตามอยู่เงียบๆ ซึ่งมันทำให้ร่างบางรู้สึกรำคาญเหลือที่จะทน
เฟยหลงกลับมานั่งทำหน้าหงอยเหงา จนน้องชายที่ผ่านมาเห็นเข้าจึงเอ่ยทักขึ้น
"ท่านพี่ ท่านถูกพี่สะใภ้ไล่กลับมาอีกแล้วหรือ ข้าเห็นสีหน้าท่านไม่ค่อยสู้ดีเลย"
"ถ้าถูกไล่กลับมาก็ดีนะสิ อย่างน้อยข้าก็ได้เห็นได้พูดกับเขาบ้าง"
"ท่านพี่หมายความเช่นไร ข้าไม่เข้าใจ"
"ก็หลายเดือนมานี้ ข้าไม่เคยได้เข้าใกล้เขาเลยนะสิ ทำได้เพียงแค่แอบตามอยู่ห่างๆ "
"อ้าว... แล้วทำไมไม่เข้าไปง้อเขาล่ะท่านพี่ พยายามหน่อยเดี๋ยวก็ใจอ่อน พี่สะใภ้รักท่านมากข้าว่าอย่างไรเสีย สักวันเขาต้องให้อภัยท่านแน่ๆ "
"ใช่เขารักข้ามาก เท่าๆ กับที่เกลียดข้ามากยิ่งกว่าในตอนนี้ ข้าเลยไม่กล้าผลีผลามทำอะไรให้มันแย่ลงไปกว่านี้"
"ให้เสี่ยวไป๋ช่วยดีหรือไม่"
"ช่วยให้ข้าตายเร็วขึ้นนะซิ เมียเจ้าแม้แต่หน้าข้าเขายังไม่ยอมมองเลย ขืนไปขอร้องมีหวังได้ไล่ฆ่าข้าเข้าจริงๆ "
"เฮ้อ... ข้าก็จนปัญญาแล้วจริงๆ ก็ท่านทำอะไรไว้กับพี่เขามีหรือที่เขาจะลืมง่ายๆ นี่ก็ดีเท่าไรแล้วที่ยังยอมกลับมากับข้า ไม่เช่นนั้นข้านี่แหละ จะเป็นฝ่ายหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามไปอยู่กับเมียที่เผ่าหงส์ไฟเข้าจริงๆ "
"จะซ้ำเติมข้า"
"ข้าเปล่าสักหน่อย แล้วท่านพี่จะทำเช่นไรต่อไป"
"คงต้องพูดกันจริงจังสักที อย่างไรข้าก็ยืนยันว่าจะรับเขากลับมาอยู่ด้วยกันที่นี่อีกครั้ง"
"แล้วเขาจะยอมรึ พันธะก็ตัดขาดกันไปแล้ว"
"หากไม่ยอมก็คงต้องบังคับ พันธะก็ผูกขึ้นใหม่อีกครั้ง อย่างไรข้าก็ปล่อยไปไม่ได้ ข้า... รักเขาเกินกว่าจะปล่อยให้เขาหายไปตลอดกาล"
"แต่ครั้งนั้นท่านพี่ จะ-จะ"
"ใช่ ครั้งนั้นข้าต้องการให้เขาตาย เพราะข้าหึงหวงและโกรธแค้นเขามาก เลยยอมให้เขาตายไปดีกว่าอยู่ตำใจข้าให้เจ็บ ข้ามันเห็นแก่ตัวใช่หรือไม่อี้เฟย ถึงแม้ว่าตอนนี้ข้าจะไม่มีสิทธิ์ในตัวเขาก็ตาม แต่ข้าไม่สน ไม่ว่าข้าต้องใช้วิธีสกปรกก็ตาม หากได้เขาคืนมาข้าก็จะทำโดยไม่ลังเล"
"_"
อี้เฟยเพียงรับฟังพี่ชายพูดอยู่เงียบๆ ในใจก็แอบคิดไม่ได้ว่า อีกด้านของพี่ชายเขาดูแล้วน่ากลัวไม่น้อยเลย ทั้งเด็ดเดี่ยวและเลือดเย็น ขนาดพี่สะใภ้ที่คิดว่าพี่ชายเขารักมากยังทำร้ายได้ลง
คงเป็นเพราะรักมากจนเกินไป ย่อมไม่ปล่อยให้พ้นเงื้อมมือตนไปได้ จึงลงมือกับคนที่รักแม้ว่าตนเองจะต้องเจ็บก็ตาม เขาอยากจะช่วยแต่ก็ไม่รู้หนทาง หากจะปรึกษาเมียรักก็เกร็งว่า จะต้องระเห็จไปนอนที่ตำหนักรับรองอีก เขาไม่ยอมหรอก
"แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าข้าเองที่ผิด ข้าคิดและเข้าใจผิดไปเอง เขาไม่เคยหักหลังข้า เพราะอย่างนั้นข้าจะต้องได้ทั้งตัวและใจเขากลับคืนมาอีกครั้ง ไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็ตาม"
จะโทษพี่ชายเขาเพียงฝ่ายเดียวก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะเป็นใครถ้าได้เห็นเช่นนั้น ย่อมต้องเข้าใจเหมือนพี่ชายตนนั่นแหละ ต้องโทษเจ้ามารบ้านั่นด้วย ที่เป็นคนก่อเรื่องทั้งหมดขึ้นมาก่อน ถ้ามันไม่เกิดอยากได้เมียชาวบ้าน และไม่อิจฉาพี่ชายเขาจนเกินไป
เรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้น ผัวเมียเขารักกันดีๆ ยังจะมาแทรกจนบ้านแตกเช่นนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องก็หายหัวไปเลย มันน่าจับมาแล่เนื้อเถือหนังนัก อี้เฟยทำได้แค่เดือดแทนพี่ชายเท่านั้น คนที่น่าสงสารที่สุดคงไม่พ้นพี่สะใภ้ ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว
วันนี้ก็เช่นกัน เย่วซินไปอาบน้ำที่ลำธารเช่นเคย เท้าเรียวย่างก้าวไปข้างหน้าเงียบๆ จนถึงทางเลี้ยวก็รีบเร้นกายเข้าไปซ่อนตัวหลังต้นไม้ใหญ่ทันที เฟยหลงที่เดินตามมาห่างๆ พอถึงทางเลี้ยวร่างบางก็หายไป เขาจึงสอดส่ายสายตาไปมามองหาร่างบาง
"จะตามข้าไปถึงไหนกัน รู้หรือไม่ว่ามันน่ารำคาญ! "
ผัวะ!!
ร่างบางของเย่วซินออกมาจากที่ซ่อน ก่อนพุ่งตัวเข้าใส่ร่างสูงของอดีตสวามี พลางซัดหมัดใส่ใบหน้าคมเต็มแรง เพราะยังคงโกรธแค้นคนผู้นี้ไม่เคยเปลี่ยน
เฟยหลงสะบัดหน้าไปมา เพื่อไล่ความมึนงงจากหมัดหนักๆ ที่ซัดลงมาเสียเต็มแรง โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะยกมือขึ้นมาเช็ดเลือดที่ไหลออกมาตรงมุมปาก ดวงตาหวานมองคนตรงหน้าอย่างแข็งกร้าวเอาเรื่อง
"มานี่ เรามีเรื่องต้องคุยกัน"
เฟยหลงจับข้อมือเล็กเอาไว้แน่น ก่อนจะลากให้เดินตามตนมา แต่คนตัวเล็กกว่าไม่ยอมเดินง่ายๆ หนักเข้าร่างสูงเลยจับพาดบ่าและพามาที่ลำธาร
"มีอะไรจะพูดก็รีบพูดซะไอ้คนบ้า ข้าจะกลับบ้าน"
ร่างบางหันหลังให้ร่างสูง เพราะไม่อยากเห็นหน้าและแววตา ที่มองมาที่เขาอย่างสำนึกผิด กลัวว่าตนเองจะใจอ่อนเข้าสักวัน เขาเข็ดแล้วไม่อยากจะเจ็บอีกต่อไป คำพูดของคนตรงหน้าจะเชื่อได้เช่นไร
"กลับวังมังกรกับข้าเถิดเย่วเอ๋อร์"
"ไม่! ที่นั่นไม่ใช่บ้านข้า ท่านกลับไปแล้วเลิกตาม เลิกวุ่นวายกับข้าซะ"
"ไม่ เจ้าต้องกลับไปกับข้า ข้ายอมเจ้ามาขนาดนี้แล้ว เห็นใจข้าเถิดเย่วเอ๋อร์ ข้ารักเจ้านัก"
"ฟังที่ข้าพูดไม่เข้าใจหรือไร ท่านทำอะไรไว้กับข้าบ้าง ข้ าไม่โง่พอที่จะกลับไปยืนในจุดนั้นอีกแล้ว กลับไปซะแล้วอย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก ไม่เช่นนั้น ข้า จะ ฆ่า ท่าน"
ร่างบางกัดฟันพูด สายตาหวานจ้องคนตรงหน้าอย่างเอาจริง จนเฟยหลงทอดถอนใจ ใช้วิธีพูดกันดีๆ แบบนี้คงไม่ได้ผล เพราะอีกคนไม่ยอมฟัง เหลือเพียงวิธีเดียว เขาคงต้องบังคับกันอีกแล้ว ถึงอีกคนจะโกรธเกลียดเขาก็ตาม
มือหนายกขึ้นมา ก่อนที่จะสกัดจุดตรงต้นคอของเย่วซินอย่างไม่ทันตั้งตัว
"อ๊ะ ทะ-ท่านจะทำอะไร"
ร่างบางของเย่วซิน ทรุดลงทันที ก่อนที่มือหนาจะรวบร่างที่หมดแรงอ่อนปวกเปียก เพราะจุดสำคัญถูกสกัดเอาไว้ เฟยหลงก้มหน้าลงมาจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากที่มีปานแดงรูปปีกหงส์
"ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน หลับเสียเถิดเย่วเอ๋อร์"
"ข้าจะ ฆ่าท่าน!! "
ปากบางเอ่ยได้แค่นั้นก็หลับไปในทันที เฟยหลงช้อนร่างบางขึ้นอุ้มไว้แนบอก ก่อนจะมุ่งหน้ากลับวังมังกร และส่งข่าวไปบอกมารดาของเย่วซินให้รับรู้เสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงตกใจและออกตามหากันให้วุ่นเป็นแน่ ที่จู่ๆ บุตรชายได้หายตัวไปแบบนี้
ทุกคนต่างพากันตกอกตกใจกันยกใหญ่ ที่เห็นร่างสูงขององค์ราชาอุ้มใครกลับมา คนในอ้อมแขนของร่างสูงยังคงหลับใหล ทุกคนต่างก็รู้จักคนผู้นี้กันเป็นอย่างดี ว่าครั้งหนึ่งเคยอยู่ที่นี่ ในตำแหน่งที่ใครๆ ก็ไม่อาจเอื้อมถึง
เป็นดวงใจของจ้าวชีวิต จนเกิดเหตุไม่คาดฝันให้องค์ราชาเข้าใจผิด จนตัดสินใจปลิดชีพราชินีรักด้วยมือตนเอง
แต่สวรรค์ยังคงเมตตา ที่ความจริงเปิดเผยออกมาเพื่อล้างมลทินให้คนบริสุทธิ์ ก่อนที่ร่างบางจะถูกหนิงเฟิ่งสัตว์เทพประจำกาย พากลับหมู่บ้านไป
แล้วนี่อย่างไรกัน องค์ราชาจึงอุ้มเขากลับมาอีกครั้ง แถมยังหมดสติไปเช่นนี้ ต่างก็คิดกลัวกันขึ้นมาว่า ถ้าหากบังคับลักพาตัวกลับมา วังมังกรคงได้ชุลมุนวุ่นวายขึ้นเป็นแน่ เพราะเท่าที่ได้ยินได้รับรู้กันมาบ้าง ว่าอดีตองค์ราชินีทรงโกรธเกลียดองค์ราชามาก เพราะอะไรทุกคนย่อมรู้ดี
แล้วจะยอมกลับมาง่ายๆ น่ะหรือ ไม่มีทางหรอก นอกจากองค์ราชาจะหาเรื่องใส่ตัว เกลี้ยกล่อมไม่ได้เลยลักพามาเสียแบบนี้ พวกนางกำนัลต่างก็พากันเตรียมตัวเตรียมใจ รับชะตากรรมตนเองเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
และก็เป็นจริงดั่งที่ทุกคนคาดคิดเอาไว้ แค่เพียงดวงตากลมโตลืมขึ้นมาเท่านั้น ทุกอย่างก็เป็นไปดังที่คาดการณ์เอาไว้
เพล้ง!!
"องค์ราชินีเพคะ ทรงพระทัยเย็นๆ ก่อนนะเพคะ"
นางกำนัลคนสนิทเอ่ยขึ้นกับเย่วซิน ที่กำลังอาละวาด ขว้าวปาข้าวของจนแตกกระจาย จนนางกำนัลพากันหลบลูกหลงกันให้วุ่นวายไปหมด
"ข้าไม่ใช่ราชินีของพวกเจ้า ออกไปให้พ้น!! "
เพล้ง!! "
มือบางหยิบฉวยอะไรได้ก็ปาออกไปท่าเดียว ตอนนี้ร่างบางของเย่วซินโมโหมาก และตั้งใจอาละวาดให้ราบไปทั้งตำหนัก ทุกสิ่งทุกอย่างในตำหนักนี้ยังคงเหมือนเดิม
ภาพวันวานที่ผ่านมา มันคอยจะตำตาตำใจเขาไม่จบสิ้น ความรู้สึกหลากหลายกำลังประดังเข้ามาในใจ เขาเกลียดตำหนักแห่งนี้ ที่ที่ ซึ่งเคยร่วมเรียงเคียงหมอนกับคนใจร้ายคนนั้น ร่างบางอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ตอนนี้ภายในใจเขามันทรมานจนแทบล้มทั้งยืน
ความอัดอั้นเลยทำให้ดวงตาสวย เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสเต็มดวงตา พวกนางกำนัลที่เห็นต่างก็เข้าใจความรู้สึกคนตรงหน้าดี จึงไม่พูดไม่ห้ามอะไร ปล่อยให้ร่างบางระบายออกมา
"ฮึก ฮือ... ข้าอยากกลับบ้าน ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่ ฮึก ข้าเกลียดที่นี่ฮือ... "
"องค์ราชินีเพคะ อย่างร้องไห้อีกเลยตาช้ำไปหมดแล้ว"
นางกำนัลคนที่เย่วซินสนิทที่สุดตอนอยู่ที่นี่พูดขึ้น พร้อมจับมือของเย่วซินเอาไว้เพื่อปลอบใจ แต่เย่วซินดื้อแพ่งไม่ยอมรับฟังใครทั้งสิ้น
"ไอ้คนเลว ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ออกมานะ!! "
เพล้ง!!
"ออกมา ข้าจะฆ่าเจ้า!! "
มือบางยังคงอาละวาดขว้างปาไม่หยุด นางกำนัลได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าแม้จะปริปากพูดอะไรอีก เพราะขนาดองค์ราชาที่ทุกคนต่างก็เกรงกลัว แต่ไม่ใช่กับร่างบางที่เอาแต่ด่าทอจ้าวชีวิตของพวกนาง แต่จะว่าไป อย่างไรเสียองค์ราชาคงไม่กล้าทำอะไรคนตรงหน้าหรอก เพราะมีชนักติดหลัง มีความผิดใหญ่หลวงติดตัว ชาวอาณาจักรมังกรทุกคน ต่างก็รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างก็สาปแช่งตัวต้นเหตุอย่างอี้เทียนหลง ที่เป็นต้นเหตุทำให้อาณาจักรมังกรต้องสูญเสียสายเลือดมังกร เลือดเนื้อเชื้อไขขององค์ราชา และองค์ราชินีที่รอดชีวิตมาได้ แต่ก็คงไม่คืนกลับมายังอาณาจักรแห่งนี้อีกแล้ว
แต่ทุกคนคิดถูกแค่ครึ่งเดียว ร่างบางไม่ยอมกลับ แต่อีกคนกลับไม่ยอมปล่อย เช่นนี้แล้วจะหลีกหนีความวุ่นวายไปได้เช่นไรกัน นางกำนัลทุกคนต่างก็นั่งมองหน้ากันตาปริบๆ ไม่รู้จะทำเช่นไรดี
เย่วซินที่ตอนนี้นั่งหอบจนตัวโยน เพราะอาละวาดจนเหนื่อย ดวงตาสวยเต็มไปด้วยน้ำตา ที่ไหลลงมาอาบแก้มนวล ต่อให้พยายามเข้มแข็งเพียงใด ก็ต้องพังลงมาอยู่ดี เมื่อมาตกที่นั่งเดียวกับเขา
"ฮึก คนชั่วจับข้ามาที่นี่ทำไม ข้าเกลียดที่นี่ ข้าจะกลับบ้าน! "
"ที่นี่คือบ้านของเจ้า"เสียงทรงอำนาจที่เอ่ยออกมา ทำให้ใบหน้างามหันไปมองผู้มาใหม่ ก็เห็นใบหน้าคมกำลังจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ด้วยความโกรธเกลียดจนไม่อยากเห็นหน้าหล่อๆ จึงหันกลับมาดังเดิม เฟยหลงยืนมองร่างงามอยู่นาน สายตาคมกวาดมองความย่อยยับของตำหนักตน ก่อนจะถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ กับอุปสรรคที่ขวางกั้นเขากับคนตรงหน้า มือหนาโบกไล่ทุกคนให้ออกไปจากตำหนัก เหลือเพียงเขาและร่างบาง ที่ไม่แม้แต่จะมองหน้ากัน
"ฮึก ฮือ... ที่นี่ไม่ใช่บ้านข้า ข้าจะกลับบ้าน! "
"เย่วเอ๋อร์ เจ้าอย่าดื้อรั้นนักเลย อย่างไรเจ้าก็ต้องอยู่ที่นี่"
"ไปลงนรกซะไอ้คนชั่ว ข้าเกลียดท่าน! "
มือบางทำได้เพียงทุบตีทำร้ายอีกฝ่ายให้เจ็บได้เพียงเล็กน้อย ก่อนที่มือหนาจะรวบมือบางเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยมือข้างเดียว อีกข้างที่เหลือจับร่างบางกดลงบนที่นอน ก่อนจะขึ้นคร่อมคนใต้ร่างเอาไว้
"หากข้าต้องลงนรก ข้าก็จะพาเจ้าลงไปด้วย ไม่ว่าข้าจะไปที่ใด เจ้าก็ต้องไปกับข้าด้วยเย่วเอ๋อร์"
ในเมื่อง้อก็แล้ว พูดดีๆ ก็แล้ว ยังจะไม่ยอมฟังกันอีก คราวนี้เขาคงต้องใจร้ายกันบ้างแล้วกระมัง ถึงจะยอมเชื่อฟังกัน ร่างสูงคิดเช่นนั้นโดยหารู้ไม่ว่า ตอนนี้ร่างบางของเย่วซินรับมือยากกว่าครั้งก่อนมากนัก ทั้งยังไม่เกรงกลัวเขาเลย
"ปล่อยข้า ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่! "
"แต่ข้าอยากให้เจ้าอยู่กับข้า ที่นี่"
"ข้า มะ-อื้อ... "คำพูดถูกกลืนลงในลำคอทันทีที่ริมฝีปาก ของคนที่อยู่ด้านบน ประกบลงมาปิดปากบาง ลิ้นร้อนพยายามซอกซอน เข้าไปกวาดต้อนเรียวลิ้นเล็ก ที่กำลังหลีกหนีเป็นพัลวัน
ปลายลิ้นร้ายเพลิดเพลินอยู่กับความหอมหวานจนไม่ระวังตัว จึงถูกฟันคมของร่างบางกัดเข้าไปเต็มแรง คนกัดกะจะให้ลิ้นขาดเลยหรือไรก็ไม่อาจรู้ ดีที่ร่างสูงหลบหลีกออกมาได้ แต่ก็ไม่วายได้เลือดกับความเจ็บปวดที่ปลายลิ้นมาด้วย
"ท่านไม่มีสิทธิ์มาทำเช่นนี้กับข้าอีก ลืมไปแล้วหรือไร ว่าท่านเองที่เป็นคนตัดพันธะระหว่างเราไปแล้ว"
"พันธะตัดไปแล้วก็ผูกขึ้นมาใหม่ได้"
"แต่ข้าไม่ ข้าจะไม่ข้องเกี่ยวกับท่านอีกแล้ว ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรทั้งสิ้น ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันจบลงไปแล้วตั้งแต่"
"_"
"ฮึก ตั้งแต่ที่ข้าเสียเขาไป ฮึก ลูก จากข้าไปแล้ว ฮึก ฮือ... "
"เย่วเอ๋อร์ข้า"
"ข้าพยายามลืม แต่มันทำไม่ได้ ฮึก ข้าควรทำเช่นไร บอกข้าสิ บอกข้า!! "
"เย่วเอ๋อร์ข้าขอโทษ"
"ขอโทษรึ! "
เพี๊ยะ!!! มือบางสะบัดลงไปบนใบหน้าคมเต็มแรง เล่นเอาเลือดกบปากเลยก็ว่าได้ เฟยหลงนั่งนิ่งไม่พูดหรือโต้ตอบอะไร
"ท่านทำได้แค่นี้เองรึ ท่านพูดแค่นี้แล้วข้าจะหายเจ็บหรือไม่ ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น ข้าไม่เคยนอนหลับสนิทเลยสักคืน"
"_"
"ท่านรู้ไหมว่าข้าฝันเห็นเขา เขาเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักน่าชัง ฮึก ฮือ... เขาเดินเข้ามาหาข้า เขาเรียกข้าว่า ฮึก ว่าท่านแม่ ฮือ... เขามาลาข้า เพราะท่านพรากเขาไปจากข้า เอาเขาคืนมาให้ข้า เอาเขาคืนมา ฮือ... "
เฟยหลงได้ยินร่างบางบอกออกมาเช่นนั้นก็พาให้ร้าวรานใจยิ่งนัก น้ำตาที่กดเอาไว้ไหลลงมาอย่างยากจะห้าม ยิ่งเห็นร่างบางร้องไห้คร่ำครวญเช่นนี้แล้ว
หัวใจเขาแทบสลายมันเจ็บไปหมดแล้ว ขอเป็นเขาที่เจ็บแทนอีกคนจะได้หรือไม่
เขาเป็นคนฆ่าลูกตนเองกับมือ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจเพราะไม่รู้มาก่อน แต่เขาก็ใจร้ายที่คิดฆ่าเมียตัวเอง จนลูกน้อยต้องรับเคราะห์กรรมไปด้วย
"เพราะท่าน ท่านมันเลว ท่านมีสิทธิ์อะไรมาพรากเขาไปจากข้า ท่านมีสิทธิ์อะไร ฮึก ฮือ...!! "
"ข้ารู้ ว่าข้ามันเลว และไม่มีสิทธิ์ที่จะพรากเขาไป "
"เพราะท่าน ข้าจึงไม่มีโอกาสเห็นหน้าเขา ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ยินเขาเรียกข้าว่าท่านแม่ ฮึก ฮือ... ท่านมันเลวที่สุดข้าเกลียดท่าน เกลียดท่าน "
"เย่วเอ๋อร์ ความผิดข้าครั้งนี้มันใหญ่หลวงนัก ข้าจะชดใช้ให้เจ้าอย่างไรดี" ร่างสูงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
เสียงร้องไห้ตัดพ้อร่างสูงดังไปทั้งตำหนักใหญ่ และเล็ดลอดออกไปให้คนที่อยู่ด้านนอกได้ยิน
ใบหน้างามของอดีตองค์ราชินีเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อรับรู้เรื่องราวที่ออกมาจากปากของอดีตสะใภ้ใหญ่ พาให้เจ็บปวดใจตามอีกคนไปด้วย
นางรีบมายังตำหนักบุตรชายทันที หลังจากได้ยินนางกำนัลมารายงานว่า บุตรชายไปลักพาตัวใครมา แต่พอไปถึงหน้าประตูตำหนักก็เห็นเหล่านางกำนัล นั่งก้มหน้าน้ำตาซึม
บางคนก็ไหลเต็มสองแก้ม คราแรกก็สงสัย แต่พอมาได้ยินเองกับหู ก็มีอาการเดียวกับพวกนางไม่ผิดเลย
เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังอยู่นานกว่าจะเงียบลง ก่อนที่ประตูจะเปิดออก ทุกคนจึงเห็นว่าร่างสูงของราชามังกรคนพี่ อุ้มอดีตราชินีออกมา ร่างบางหลับอยู่แนบอกร่างสูง เพราะทั้งเหนื่อยล้าทั้งเสียใจจนหมดแรงหลับไปทั้งที่น้ำตายังไหลนองหน้า เห็นแล้วยิ่งพาให้สงสารจับใจ
"เฟยหลงลูกจะทำอะไร ปล่อยเขาไปก่อนเถิด ตอนนี้แผลใจเขายังสดอยู่มาก คงยากถ้าลูกจะดื้อรั้นให้เขาอยู่กับลูก ให้เวลากับเย่วซินหน่อยเถิดเฟยหลง ขืนรั้งเขาไว้เช่นนี้มันจะมีแต่ผลเสียต่อตัวเจ้า และก็ตัวเขาด้วย เชื่อแม่เถิดเฟยหลง"
"พรุ่งนี้ลูกจะพาเขากลับไปพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่"
"ถ้าลูกกับเขาคือคู่แท้ สักวันลูกทั้งสองก็จะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง"
เขาคงรอนานขนาดนั้นไม่ไหวหรอก วันนี้จะยอมให้ร่างบางไปก่อน อีกไม่นานเขาก็จะกลับไปหาร่างบางอีก จะไปทุกวันจนอีกคนใจอ่อนไปเอง
"พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่"ร่างสูงหันไปพูดกับมารดา ก่อนจะสั่งนางกำนัลเข้าไปเก็บกวาดความเสียหายในตำหนักตน
ก่อนพาเย่วซินไปพักผ่อนที่ตำหนักรับรองแทน เพื่อรอการเก็บกวาด หลิงซานรีบรุดมาหาพี่ชายยังตำหนักรับรอง ทันทีที่อี้เฟยบอกว่า พี่ชายของตนอยู่ที่นี่ในตำหนักรับรอง
"ท่านพี่ ท่านจริงๆ ด้วย แล้วท่านมาได้อย่างไรกัน"
สองพี่น้องกอดกันกลมก่อนที่เย่วซินจะเล่าทุกอย่างให้หลิงซานฟัง ซึ่งหลังจากรับฟังพี่ชายจบ ก็พาให้โกรธเคืองเฟยหลงไม่น้อย แต่ดีที่อี้เฟยรีบพูดออกมาเสียก่อน ที่เมียรักจะกลายร่างเป็นมารแทน
"เดี่ยว เสี่ยวไป๋เจ้าอย่าเพิ่งโมโห มันไม่ดีต่อลูกเรานะ ท่านพี่จะพาท่านกลับไปส่งในวันพรุ่งนี้ ท่านใจเย็นๆ ก่อนเถิด"
"ท่านพี่รู้ได้อย่างไร ว่าพี่ชายข้าจะได้กลับบ้านในวันพรุ่งนี้"
"ก็ท่านพี่พูดเช่นนั้นใครๆ ก็รู้กันหมด ยกเว้นเจ้าที่เอาแต่ตีโพยตีพาย"
"ก็ข้าไม่รู้นี่ ข้าผิดด้วยรึ"
"ไม่ผิดจะเมียจ๋า เจ้าอย่าโมโหเลยนะมันไม่ดี"
ตำหนักใหญ่
"นอนเสียเถิดเย่วเอ๋อร์ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้ากลับหมู่บ้าน"
ร่างสูงพูดพลางห่มผ้าให้อีกคน เพราะอากาศที่นี่ค่อนข้างหนาวเย็นนัก ก่อนจะรวบตัวร่างบางเข้ามากอดเอาไว้อย่างคิดถึงและโหยหา
"ทำอะไร ปล่อยข้านะ! "
"ขอเถิดเย่วเอ๋อร์ ขอข้ากอดเจ้าอีกครั้ง ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนข้าจะมีโอกาสกอดเจ้าอีก"
ร่างบางไม่ดิ้นรนปฏิเสธอีก เขาเองก็โหยหาอ้อมกอดนี้เป็นที่สุด ร่างบางนอนให้ร่างสูงกอด กายบางสั่นเทาเพราะแรงสะอื้นที่พยายามกลั้นเอาไว้ เฟยหลงรับรู้ว่าคนในอ้อมกอดกำลังร้องไห้ ปากหนาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เพียงแค่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เขารู้ว่าอีกคนกำลังเจ็บ แต่เขาเองก็เจ็บไม่แพ้กัน
"เย่วเอ๋อร์ข้ารู้ว่าที่ผ่านมาข้าผิด ข้าไม่อาจขอให้เจ้ายกโทษให้ข้า แต่ข้าขอแค่เจ้าอย่าปิดกั้นไม่ให้ข้าพบเจ้าเลย ไม่เช่นนั้นข้าคงทนไม่ได้"ร่างบางไม่ได้พูดอะไร เอาแต่นอนเงียบๆ ซุกอกแกร่งของร่างสูงจนหลับไป แต่ที่น่าแปลกก็คือ ร่างบางสามารถนอนหลับสนิทเป็นคืนแรก หลังจากต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกในทุกๆ คืน หรือจะเป็นเพราะอ้อมกอดที่คุ้นเคย เลยทำให้หายหวาดกลัวจากฝันร้าย ทั้งๆ ที่ ผู้ที่สร้างฝันร้ายให้กับเขา ก็คือเจ้าของอ้อมกอดนี้อีกเช่นกัน ก็คงเหมือนที่ทุกคนคิด ว่าความรักมันซับซ้อนเกินกว่าที่ใครๆ จะเข้าใจจริงๆ
เช้ามาเฟยหลงก็ทำตามที่บอกเอาไว้ เขาพาเย่วซินมาส่งยังเผ่าหงส์ไฟจริงๆ ก่อนจะเอ่ยขอโทษบิดามารดาของคนที่ตนแอบลักพาไป หลังจากนั้นก็อ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ยอมกลับสักที จนหยางหลิวทนไม่ไหว
"เมื่อไรท่านจะกลับไปสักที เหม็นขี้หน้าจะแย่อยู่แล้ว"
เฟยหลงจ้องมองคนพูดที่จ้องมาทางเขาอย่างไม่เป็นมิตรอยู่ก่อนแล้ว พลางคิดในใจ ถ้าไม่ใช่เพื่อนรักของเย่วซินล่ะก็ คงได้ฟาดฟันกันไปบ้างแล้ว นี่เขาเกรงใจเย่วซินไม่เช่นนั้นคงไม่อดทนขนาดนี้
"ท่านน้า ท่านน้าหายไปไหนข้าคิดถึงๆ "
ฟอด
"หอมจังเลย" เด็กน้อยพูดขึ้นหลังจากที่ฝังจมูกลงบนแก้มนวลก่อนจะถอนออกมา
"ปากหวานนะเราน่ะ"เย่วซินอุ้มเด็กน้อยมานั่งบนตัก ก่อนจะก้มหน้าลงไปฟัดแก้มยุ้ยๆ น่ามันเขี้ยวนั้นแทน เฟยหลงมองทุกการกระทำของเย่วซิน เขาคิดว่า ถ้าหากลูกเขายังอยู่ ต่อไปเด็กคนที่จะได้นั่งบนตักร่างบางเป็นเจ้ามังกรตัวน้อยก็คงจะดี ดูแล้วเย่วซินน่าจะรักเด็กไม่น้อยเลย เฟยหลงอยู่ต่อสักพักก็กลับอาณาจักรตนไป
"เย่วเอ่อร์ แม่ดูออกนะว่าเจ้ายังรักเขา แล้วเขาก็ยังรักเจ้ามาก เขายอมลงให้ลูกแม่ถึงขนาดนี้ แม่เกรงว่าไม่นานเจ้าจะใจอ่อนเข้า”
หัวอกคนเป็นแม่ที่เกือบจะสูญเสียบุตรชายคนเดียว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะอภัยให้กับคนที่เกือบพรากดวงใจนางไป
"ไม่หรอกท่านแม่ คราวหน้าหากเขามาที่นี่ เขาจะไม่เจอข้าอีกแล้ว"
"เย่วเอ๋อร์เจ้าคิดจะทำอะไร"
"ถ้าข้ายังอยู่ที่นี่เขาก็จะมาอีก ข้าว่าจะไปอยู่ที่อื่นก่อน แล้วค่อยหางทางแก้เอาทีหลัง ข้ายังทำใจไม่ได้ ข้าไม่อยากเห็นหน้าเขาให้เจ็บอีกแล้ว"
"เย่วเอ๋อร์ แล้วเจ้าจะไปอยู่ที่ไหน"
"ข้าพอจะมีคนรู้จักอยู่บ้าง ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ลูกของท่านเอาตัวรอดได้"
"ถ้าเช่นนั้นแม่ก็ไม่ขัด ดูแลรักษาตนเองให้ดีนะเย่วเอ๋อร์ แม่เป็นห่วงเจ้านัก"
"ข้าจะดูแลตนเองเป็นอย่างดี หากไปถึงข้าจะรีบส่งข่าวมาหาท่านโดยเร็ว"หลังจากนั้นเย่วซินก็รีบเก็บของใช้ที่จำเป็น แล้วบอกลาบิดามารดาและเพื่อนสนิท เมื่อเตรียมตัวเสร็จก็รีบเร่งเดินทางออกจากหมู่บ้านทันที
โดยมีสายตาหลายคู่ ของคนที่มาส่งเย่วซินหน้าหมู่บ้าน ต่างก็มองตามหลังเย่วซินอย่างเป็นห่วง รวมทั้งหลวนคุณ ที่รักเย่วซินเฉกเช่นบุตรชายอีกคน
"เฮ้อ... ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าชีวิตคู่ของเจ้าจะจบลงเช่นนี้ เย่วซินชีวิตเจ้าช่างอาภัพยิ่งนัก แต่อย่างไรเสีย ข้าก็ขอให้เจ้าโชคดีมีความสุขในภายภาคหน้า"ซินหลี่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ หลวนคุณได้ยินเข้า จึงหันมาพูดกับเขา
"ข้าเองก็หวังเช่นนั้น หวังว่าสักวันเย่วเอ๋อร์จะพบกับความสุขอีกครั้ง ตอนนี้ข้าปวดใจเหลือเกินท่านผู้นำ"
นางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตากลมเต็มไปด้วยหยาดน้ำใสๆ หลวนคุณเห็นแล้วรู้สึกสะท้อนใจยิ่งนัก เขาเองก็เป็นพ่อคน เขาเข้าใจความเจ็บปวดนี้ดี ตอนที่เย่วซินถูกพาตัวไปยังเผ่ามังกร ตอนนั้นหนิงอันมีอาการไม่ต่างจากเย่วซินในตอนนี้เลย บุตรีของเขาพร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ แต่คนที่เจ็บและพร้อมแตกสลายยิ่งกว่าหนิงอันคือเขา เขาเจ็บเขาทุกข์เหมือนซินหลี่ในตอนนี้ไม่มีผิด
"เจ้าเชื่อในตัวเย่วซินเถิดซินหลี่ บุตรชายของเจ้าเข้มแข็งยิ่งนัก ไม่เช่นนั้นเขาจะอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้หรือ ข้าเชื่อว่าคนดีๆ อย่างเย่วซิน สักวันเขาจะต้องพบเจอกับความสุขที่แท้จริง เชื่อในตัวลูกเจ้าหรือไม่ซินหลี่"
"ฮึก ข้าเชื่อ ข้าเชื่อในตัวเขา " นางพูดกับหลวนคุณทั้งน้ำตา โดยมีอ้อมกอดอบอุ่นของสามีคอยปลอบ สายตาของนางมองแผ่นหลังบางของบุตรชาย ที่ค่อยๆ หายไปทีล่ะนิด ทีล่ะนิด จนในที่สุดเส้นทางเบื้องหน้า ก็เหลือแต่ความว่างเปล่า ไร้เงาของคนที่นางรัก...
ความคิดเห็น