ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรักราชามังกร

    ลำดับตอนที่ #36 : สูญเสีย

    • อัปเดตล่าสุด 24 ส.ค. 65


    ในขณะนี้ ร่างบางของเย่วซินกำลังดิ้นทุรนทุราย หลังจากที่ได้รับดวงจิตรของหนิงเฟิ่งเข้าไป

    เพราะดวงจิตรของหนิงเฟิ่ง ไม่สามารถรับได้กับดวงจิตรสองดวง ที่มันแข็งแกร่งเกินไป เขาไม่สามารถแบกรับทั้งสองเอาไว้ทีเดียวได้ นอกจากใครคนคนใดคนหนึ่งจะต้องเสียสละ

    และเหมือนกับดวงจิตดวงน้อยจะรับรู้ ว่าหากตนยังดิ้นรนจะอยู่ต่อไป อาจจะทำให้ดวงจิตของผู้เป็นมารดา และดวงจิตอีกดวงที่เสียสละแตกดับเอาได้

    ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ของร่างน้อยที่อยู่ในครรภ์ จึงเลือกที่จะสละตนเองเพื่อรักษาชีวิตมารดาให้รอดพ้น และอีกหนึ่งดวงจิตผู้ซึ่งยอมเสียสละไม่ให้แตกดับไปพร้อมตน

    ร่างน้อยจึงยอมละทิ้งกายเนื้อ ที่กำลังจะถือกำเนิด ค่อยๆ ถอดดวงจิตของตน ลอยออกมาจากกายมารดา

    หลิงซานกำลังเพ่งมองดวงไฟสีฟ้าใส ที่ลอยออกมาจากกายพี่ชาย ก่อนจะค่อยๆ ลอยวนไปรอบกายร่างบาง ที่ยังคงหลับใหลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ค่อยๆ หายไป

    ร่างเล็กมองด้วยความสงสัยเป็นที่สุด ว่าดวงไฟดวงนั้นที่มันออกมาจากกายพี่ชายตนมันคืออะไร

    "ท่านแม่ ลูกบุญน้อยนัก ไม่สามารถอยู่กับท่านได้ หากลูกยังพอมีบุญอยู่บ้าง วาสนาเราสองคนแม่ลูก คงได้อยู่ด้วยกันในสักวัน ท่านแม่โปรดรักษาตัวด้วย"

    "ไม่ อย่าไป เจ้าอย่าทิ้งแม่ไปอีกคน กะ-กลับมา ไม่นะ อ๊าก!! "

    เฮือก!!

    "ท่านพี่ ท่านฟื้นแล้ว ฮือ... "

    "ฮึก ฮือ... อย่าทิ้งข้าไป อย่าไป"

    ร่างบางร่ำไห้ออกมาสุดเสียง กรีดร้องอย่างกลั้นไม่อยู่เหมือนคนเสียสติ เมื่อนึกถึงความฝันที่ผ่านมา เขาฝันว่าลูกน้อยมาลาเขา และตอนนี้ได้จากเขาไปแล้ว

    หลิงซานมองอาการของเย่วซิน ฟังที่พี่ชายร่ำร้องเรียกลูกน้อยอย่างคนขาดสติ พลางให้คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา

    หากเป็นจริงอย่างที่พี่ชายเขาพูด แสดงว่าดวงไฟที่เขาเห็น ก็คือดวงจิตของหลานเขานะหรือ แล้วมันจะเชื่อได้แค่ไหนกัน

    เย่วซินสงบสติลงได้บ้าง หลังจากร่ำไห้อยู่นานจนน้องชายเป็นห่วง พอสติกลับคืนจึงหันมามองร่างเล็กของหลิงซาน แต่สายตาเหลือบไปเห็นเหยียนจื่อที่นอนอยู่ไม่ไกลจากตนนัก จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

    "หลิงเอ๋อร์ เหยียนจื่อเป็นอะไร"

    หลิงซานอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่กล้าตอบพี่ชาย ในขณะเดียวกันเหยียนจื่อก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติ สิ่งแรกที่ร่างเล็กทำ ก็คือมองหาร่างสูงที่คุ้นเคยด้วยใจหวัง แต่เมื่อหันมาเห็นเย่วซินก็รู้คำตอบทันที ร่างเล็กร่ำไห้ออกมาสุดเสียง

    "ท่านพี่ ไม่ ท่านอย่าทิ้งข้าไป ฮือ... "

    ร่างเล็กของเหยียนจื่อร่ำไห้ เรียกหาแต่เพียงร่างสูงของคนรัก ด้วยหัวใจที่แตกสลาย ใช่ ตอนนี้ใจเขาแตกสลายไปแล้ว ตั้งแต่ที่ตื่นขึ้นมา แล้วไม่พบร่างสูงของหนิงเฟิ่ง

    หลิงซานจึงเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เย่วซินฟัง ร่างบางรับไม่ได้กับการสูญเสีย อย่างไม่ทันได้เตรียมใจในหลายๆ เรื่อง

    "ไม่ ไม่จริง ไม่...!! "

    อึก

    ร่างบางหวีดร้องออกมาสุดเสียง จนในตาที่เคยเป็นสีดำปกติ แปลเปลี่ยนมาเป็นสีแดงจ้า และปิดลงไปทันที ก่อนที่จะกระอักเลือดออกมากองโต

    สติที่เหลือก็ดับวูบไปอีกครั้ง จนหลิงซานและเหยียนจื่อเข้ามาประคอง เหยียนจื่อแม้จะยังเสียใจอยู่มาก แต่ร่างเล็กเข้มแข็งกว่าที่หลิงซานคิดเอาไว้

    เหยีนจื่อวางมือเรียวลงบนข้อมือบาง เพื่อตรวจชีพจรของเย่วซินทันที แต่แล้วก็ต้องใจหายวาบ เพราะเขาหาชีพจรอีกดวงไม่เจอ เขาหาสัญญาณชีพที่อยู่ในครรภ์ของเย่วซินไม่เจอ หลิงซานเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ

    "เหยียนจื่อเจ้าเป็นอะไร ละ-แล้วท่านพี่ล่ะ ท่านพี่เป็นอะไรเจ้าอย่าเอาแต่เงียบแบบนี้ บอกข้ามา"

    "ท่านพี่เย่วซินปลอดภัยแล้ว ตะ-แต่ แต่เด็ก เด็กไม่อยู่กับท่านพี่แล้ว"

    เหยียนจื่อบอกกับหลิงซานด้วยความเศร้าหมอง เล่นเอาร่างเล็กถึงกับผงะ หลิงซานใจหายวาบเป็นห่วงพี่ชายมากเหลือเกิน

    หากพี่ชายรู้ว่าต้องสูญเสียเลือดเนื้อไปจริงๆ จะทำเช่นไร แค่คิดเขาก็เจ็บจนพูดไม่ออก เพราะเขาเองก็มีลูกย่อมเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ดี

    วังมังกร

    ดวงตาคมแดงก่ำ หลังจากรับรู้เรื่องราวสำคัญ ที่เจ้าตัวพร่ำภาวนาขออย่าได้เกิดขึ้น แต่มันก็ไม่อาจหลีกหนีได้ เมื่อเขารับรู้ถึงการสูญเสียทุกอย่าง ดวงตาคมหมองเศร้าจนใครที่เห็นก็นึกสงสาร

    เฟยหลงเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง หลังจากที่เยียนจื่อเสียอาการ ก็ทำให้เวทบุปผาเร้นกายที่ใช้อยู่เสื่อมถอย และคลายตัวลงในที่สุด

    ร่างสูงนั่งแข็งทื่อเป็นหินไปแล้ว เมื่อรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างบางและลูกน้อย ไหนจะหนิงเฟิ่งอีก ทุกอย่างมันพลาดไปหมดเพราะเขาคนเดียว

    เพราะไม่เชื่อใจร่างบางมากพอ จึงเป็นเหตุให้เกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น คราวนี้ร่างบางคงเกลียดเขาเข้ากระดูกไปแล้ว ความสัมพันธ์คงยากจะกลับคืนมาเหมือนเดิมอีกต่อไป

    มือหนาค่อยๆ แหวกอกเสื้อตนเอง หวังเพียงอยากเห็นว่าสัญลักษณ์บนอกตนจะยังคงอยู่ ร่างสูงฉีกยิ้มทันที

    แต่ไม่ทันไรก็ต้องหุบฉับลง เพราะสัญลักษณ์ที่มี มันค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ จนในที่สุดบนอกซ้ายของเขา มันเหลือแต่ความว่างเปล่า

    หยาดน้ำที่เอ่อคลอดวงตาคม ตอนนี้มันไหลลงมาอีกครั้ง เพราะเจ้าตัวร้องไห้ ต่อให้แข็งแกร่งเพียงได้ก็ต้องเสียน้ำตาเมื่อรู้ว่า ตนได้สูญเสียเลือดเนื้อเชื้อไข ที่เขาเฝ้ารอไปแล้วอย่างสมบูรณ์

    ไม่ต่างจากร่างบางของเย่วซิน ที่ตอนนี้ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ หลังจากที่พากันกลับออกมาจากถ้ำ และได้รับการยืนยันจากหมอประจำเผ่าที่มาตรวจอาการเขา

    ซินหลี่มารดาของเย่วซิน ก็ทำได้เพียงกอดและปลอบโยนเท่านั้น เช่นเดียวกับหลิงซานที่ห่วงความรู้สึกของเหยียนจื่อเอามาก เพราะร่างเล็กเอาแต่นั่งเหม่อลอยคิดถึงคนที่จากไป

    "เหยียนจื่อ หากเจ้ายังเศร้าหมองเช่นนี้ ข้าเกรงว่าหนิงเฟิ่งคงไม่เป็นสุข"

    "ข้ารู้ แต่ข้ายังทำใจไม่ได้ ฮึก ฮือ... ไม่ว่ามองไปทางไหน ข้าเห็นแต่ภาพเขาอยู่ตลอดเวลา"

    "หนิงเฟิ่งไม่ได้ทิ้งเจ้าไปไหน เขายังคงอยู่กับเจ้าตลอดเวลา เชื่อข้าสิ"

    ร่างบางพยักหน้ารับ พลางยกมือบางขึ้นมาปาดน้ำตา พร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อยที่ส่งมาให้พี่ชายบุญธรรม

    "ข้าเชื่อท่าน ข้าก็คิดเช่นนั้นท่านพี่"

    "ดีมาก เลิกโศกเศร้าเช่นนี้เถิดนะ"ร่างเล็กยิ้มรับ

    ตอนนี้ร่างบางของเย่วซินก็ได้คืนสติขึ้นมาดังเดิม หลังจากเสียขวัญจนสติหลุดไปหลายวัน จนทุกคนต่างก็เป็นห่วง มาวันนี้ร่างบางของเย่วซินออกมาพบเหยียนจื่อ ที่ยังคงมีอาการไม่ต่างจากเขานัก เพราะต่างก็ทำใจไม่ได้ ที่ต้องสูญเสียคนสำคัญไป

    เย่วซินคุกเข่าลงตรงหน้าเหยียนจื่อ พาให้ร่างเล็กของเจ้าหงส์น้อยตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รีบก้มลงประคองร่างบางขึ้นมา หากแต่ร่างบางไม่ยอมลุก

    "ทะ-ท่านพี่ ท่านจะทำอะไร ลุกขึ้นมานะ"

    "ขอโทษ"

    "_"

    คำขอโทษหลุดออกมาจากปากบาง ใบหน้างามก้มมองพื้นอย่างสำนึกผิด พาให้ใบหน้างามของเหยียนจื่อซีดลงทันที เพราะเขารู้ดีว่าคนตรงหน้าหมายถึงอะไร

    เหยียนจื่อคุกเข่าลงตรงหน้าเย่วซิน พยายามกลั้นหยาดน้ำที่มันเอ่อคลอเอาไว้อย่างสุดกำลัง มองใบหน้างามของเย่วซิน ที่บัดนี้มีแต่ริ้วรอยความเศร้าหมอง ไม่ต่างอะไรจากเขาเลย

    ดวงตากลโตเพ่งมองปานแดงรูปปีกหงส์บนหน้าผากคนตรงหน้า นี่คงเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกได้ว่า ดวงจิตของหนิงเฟิ่งอยู่กับคนผู้นี้

    "ขอโทษ... ฮึก ข้าขอโทษ"ร่างบางพร่ำกล่าวขอโทษเหยียนจื่อซ้ำไปซ้ำมา พร้อมกับน้ำตาที่ไหลเต็มใบหน้างาม ทำให้น้ำตาของเหยียนจื่อที่พยายามกลั้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถ กลับพังทลายลงมาทันทีเช่นกัน ก่อนจะพูดออกไปพร้อมสะอื้นเบาๆ

    "ท่านไม่ผิด ฮึก ท่านไม่ได้ผิดอะไร อย่าได้โทษตนเองเลย"

    "ฮึก ฮือ... "เสียงร้องไห้ของคนทั้งคู่ดังไปทั่วบริเวณ

    "ข้าผิด ที่แยกเจ้าสองคนออกจากกัน ข้าไม่ควรลืมตาขึ้นมาด้วยซ้ำ"เย่วซินคิดอย่างที่พูดออกมาจริงๆ ในเมื่อตอนนี้มันไม่มีอะไรที่พอจะทำให้เขาอยากหายใจต่อไปอีกแล้ว เหลือก็เพียงแต่ความทรมาณใจที่ยากจะโยนทิ้งไปได้เลย

    "ท่านพี่หนิงเฟิ่ง ต้องการให้ท่านอยู่ และเขาไม่เคยเสียใจที่ทำเช่นนี้... "

    "_"

    "เพราะอย่างนั้น ท่านอย่าทำให้เขาผิดหวัง ที่เขาได้มอบชีวิตให้ท่าน"

    "_"

    "ท่านพี่ ท่านต้องเข้มแข็งนะ เห็นข้าไหมข้ายังเข้มแข็งได้เลย ข้าก็เสียใจไม่แพ้ท่านหรอก แต่ข้าเข้าใจเขา"

    "_"

    "ท่าพี่อย่าทำเช่นนี้อีกลุกขึ้นมาเถิด ต่อไปท่านห้ามทำเช่นนี้อีก หากยังคิดว่าข้าเป็นน้องชายท่านอยู่"

    เย่วซินยอมลุกขึ้นมาด้วยการประคองของเหยียนจื่อ ร่างบางคว้าร่างเล็กเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่นน้ำตายังคงไหลออกมาเปื้อนใบหน้างาม

    "ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าเป็นคนอื่น เจ้า หนิงเฟิ่ง และหลิงเอ๋อร์ แม้ว่าไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับข้า แต่ข้าก็รักพวกเจ้าดั่งพี่น้องในสายเลือด... "

    "_"

    "หนิงเฟิ่งทำเช่นนี้ จะไม่ไห้ข้าเสียใจได้อย่างไรกัน ต่อไปข้าจะเข้มแข็ง หนิงเฟิ่งจะได้ไม่ต้องผิดหวังที่เสียสละ ยอมมอบดวงจิตให้ข้า ข้าจะต้องอยู่ต่อไปให้ได้"

    บิดาและมารดาของเฟยหลงตกใจมาก เมื่อรับรู้ข่าวร้ายจากบุตรชาย ว่าได้สูญเสียสายเลือดมังกรไปแล้วจริงๆ แต่ก็พอจะอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง เมื่อรู้ว่าเย่วซินรอดพ้นจากความตาย เพราะหนิงเฟิ่งยอมเสียสละตัวเอง

    อี้เฟยใจเสียทันทีที่รับรู้การกระทำของหนิงเฟิ่ง เพราะเขาสนิทสนมกับอีกฝ่ายพอสมควร เขานับถือน้ำใจคนผู้นี้จริงๆ ที่เลือกช่วยผู้อื่นก่อนตนเสมอทั้งๆ ที่รู้ว่ารักเจ้าหงส์น้อยมากแค่ไหน แต่เลือกที่จะยอมเจ็บยอมจากคนที่รักไป

    เขาคงไม่ได้ครึ่งของคนผู้นั้นหรอก ป่านนี้เจ้าหงส์น้อยจะเป็นเช่นไรบ้าง นึกแล้วให้ยิ่งสงสารเจ้าตัวเล็กนี้จริงๆ ไม่ผิดกับเฟยหลงที่รู้สึกว่า ตนได้พรากชีวิตของลูกน้อยและหนิงเฟิ่งไปอีกคน บาปกรรมครั้งนี้จะชดใช้อย่างไรไหว

    "พ่อผิดต่อเจ้านัก หากยังพอมีบุญร่วมกันเจ้ามาเกิดเป็นลูกพ่ออีกครั้ง ให้พ่อได้ชดใช้สิ่งที่พ่อทำไว้กับเจ้าบ้าง"

    ร่างสูงพร่ำบอกต่อดวงวิญญาณบริสุทธิ์ที่จากไป ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะส่งผลไปถึงลูกน้อยหรือไม่ และก็ทำเช่นเดียวกันอีกครั้งกับอีกหนึ่งชีวิตที่เขายังติดค้างอยู่

    "ข้าติดหนี้เจ้ามากหนิงเฟิ่ง ข้าไม่ขอให้เจ้าอภัยให้ข้าที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด แต่ข้าอยากให้เจ้ารับรู้ว่าข้าเองก็เสียใจ และไม่อาจกลับไปแก้ไขอะไรได้ ถ้ายังมีโอกาส ข้าอยากจะแก้ตัวเพื่อชดใช้กับความผิดที่ข้าได้ก่อ"

    หลังจากผ่านเหตุการณ์ในครั้งนั้น ร่างบางของเย่วซินก็ไม่เหลือความสดใสใดๆ ให้เห็นอีก มีแต่ความเศร้าหมองที่มาเกาะกินจิตใจเขา จนบิดามารดาทุกข์ใจไม่แพ้กัน

    ส่วนเฟยหลงก็มาหาร่างบางด้วยตนเองทุกวัน เพราะดวงจิตรมังกรใช้ไม่ได้อีกแล้ว ร่างบางกับเขาได้ตัดขาดด้วยพันธะที่สิ้นสุดลง หลังจากที่ลูกน้อยได้จากไป แต่ไม่ว่าเขาจะมาหากี่ครั้งกี่หน ก็ไม่สามารถพบร่างบางได้ดั่งใจหวัง

    ทุกคนต่างปิดกั้นเขาไม่ให้เจอกับเย่วซิน เพราะทุกคนต่างก็รักและสงสารร่างบาง ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำทั้งๆ ที่ตนเองไม่มีความผิด

    แต่กลับถูกตัดสินให้ได้รับโทษตายอย่างไม่เป็นธรรม ชาวเผ่าหงส์ไฟรักพวกพ้องไม่น้อยไปกว่าเผ่าอื่นๆ เลยยังคงโกรธแค้นแทนร่างบาง ทุกคนต่างก็ยังจำภาพที่ร่างบางดิ้นทุรนทุราย ต่อสู้กับความตายจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด และภาพที่เย่วซินหวีดร้องสติแตก เมื่อรับรู้ถึงการสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในครั้งนั้น

    ทุกครั้งร่างสูงจะกลับอาณาจักรมาพร้อมกับความผิดหวัง ความรักความคิดถึงไม่เคยหมดไปจากใจเขาเลยแม้แต่น้อย และคิดว่าตนคงจะเลิกรักคนผู้นั้นไม่ได้แม้สักนาทีก็ตาม

    ตอนนี้ในอกเขามันตรอมตรมนัก แต่ก็ต้องเข้มแข็งเพราะตนมีหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องแบกรับ แม้มันจะหนักอึ้งเพียงใด แต่ก็ไม่เท่าใจเขาที่เจ็บหนัก เสียจนไม่รู้ว่าจะทนได้นานแค่ไหน

    เผ่าหงส์ไฟ

    ร่างบางของเย่วซินยืนเหม่อมองท้องฟ้ายามราตรี ในค่ำคืนที่มืดมิด ไร้ซึ่งแสงสว่างจากพระจัทร์ที่เคยสาดส่องลงมา เช่นเดียวกับใจเขาในตอนนี้ ที่มันมืดมิดเสียจนหาทางออกไม่เจอ

    คิดถึงใครอีกคนที่ฝากรอยแผลไว้ในใจ จนถึงตอนนี้ก็ยังคงเจ็บเสียจนชา รักก็รัก แค้นก็แค้นปะปนจนสับสนไปหมด

    สายลมหนาวที่พัดมากระทบใบหน้างาม ถึงแม้ว่ามันจะหนาวแค่ไหน

    ก็ไม่ทำให้เขาทรมานได้เท่ากับความหวัง ที่ไม่อาจสมหวัง ลูกน้อยที่คิดว่าจะได้เลี้ยงดูอุ้มชูกลับจากเขาไป ทิ้งให้เขาอ้างว้างอยู่ผู้เดียวลำพัง

    แม้ว่าข้างกายเขาจะมีผู้คนมากมายรายล้อม หากแต่ภายในใจเขากลับรู้สึกอ้างว้าง เหมือนกับว่าตนเองไม่เหลือใคร แม้แต่บิดามารดาหรือเพื่อนสนิท ก็ไม่พอที่จะมาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปได้

    "เย่วเอ๋อร์ กลับเข้าไปข้างในเถิดลมมันแรง เดี๋ยวเจ้าจะไม่สบายเอาได้"มารดาเอ่ยพลางคลุมผ้าผืนหนาไว้บนไหล่บาง เย่วซินหันมามองมารดาก่อนจะหันกลับไปมองท้องฟ้าเช่นเดิม

    "ท่านแม่ ท่านว่าลูกของข้าจะอยู่บนนั้นหรือไม่"

    ร่างบางชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดมิด แต่ก็ยังคงมีแสงสว่างจากดวงดาวให้เห็น มารดามองหน้าบุตรชายที่มีแต่ความเศร้าหมอง ในอกของนางเจ็บไม่น้อยเลย นางไม่รู้ว่าจะปลอบอย่างไรให้บุตรชายหายเศร้า นางอยากได้บุตรชายคนเดิมกลับมาด้วยความหวังที่ริบหรี่เต็มที หัวอกคนเป็นแม่ ใยนางจะไม่รู้ ว่าบุตรตนเสียใจเพียงใด ที่ต้องสูญเสียเลือดในอกไป

    "เย่วเอ๋อร์ ดวงจิตลูกของเจ้าบริสุทธิ์นัก แม่เชื่อว่าเขาจะต้องไปอยู่ในที่ที่ดี และรอที่จะกลับมาหาเจ้าอีกครั้ง หากว่าพวกเจ้ายังคงมีวาสนาต่อกัน แม่เชื่อว่าสักวันเขาจะต้องกลับมาหาเจ้า "

    เย่วซินยิ้มออกมาทันที หากเขายังพอมีบุญคงได้เลี้ยงดูอุ้มชูลูกน้อยอีกครั้ง ร่างบางยอมกลับเข้าไปพักผ่อนตามคำขอของมารดา แต่ก็ยากนักที่จะข่มตาให้หลับลงได้ เพราะสมองมันเอาแต่คิดถึงอีกคน ที่พยายามตัดออกไปให้เป็นเพียงอดีต แต่ไม่เคยสำเร็จเลย ไม่ว่าจะเป็นความสุขที่เคยมีร่วมกัน หรือความทุกข์ความเจ็บปวดที่อีกคนทิ้งเอาไว้ มันสร้างบาดแผลในใจเขา คอยกัดกร่อนทุกเมื่อเชื่อวัน อีกไม่นาน เขาคงไม่เหลือใจให้ได้เจ็บอีกแล้ว

    เช้านี้อากาศสดชื่นนัก แต่เย่วซินไม่ได้สดใสอย่างที่มารดาหวังเอาเสียเลย ร่างบางเดินเล่นมาเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย รู้สึกตัวอีกทีก็มายืนอยู่ตรงหน้าผาสูงชัน ที่ครั้งหนึ่งตนเคยดิ่งตัวลงไป และเขาคนนั้นก็เป็นคนช่วยเอาไว้

    สายตาหวานทอดมองไปด้านหน้า ถึงแม้ว่าทิวทัศน์รอบบริเวนจะสวยงามนัก แต่ร่างบางหาได้สนใจ ดวงตาโตยังคงทอดมองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย

    จนไม่มีสติพอที่จะรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวรอบกาย มารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่ร่างกายของตน ตกไปอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นและคุ้นเคย แต่มาบัดนี้อ้อมกอดนี้กลับสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้ผู้รับจนแทบขาดใจ

    "ปะ-ปล่อยข้า! "

    "เย่วเอ๋อร์ ข้าขอโทษ"

    "ท่านมาที่นี่ทำไม ข้าไม่มีอะไรให้ท่านอีกแล้ว กลับไปซะ! "

    "ไม่ ข้าไม่กลับ หากเจ้าไม่กลับไปกับข้าด้วย"

    "คนชั่ว! ท่านยังต้องการอะไรอีก ชีวิตข้าไม่เหลืออะไรแล้ว ฮึก ฮือ... "

    "เย่วเอ๋อร์... "

    "ฮึก ฮือ... ข้าไม่เหลืออะไรแล้ว เอาลูกข้าคืนมา เอาเขาคืนมา ฮือ... "มือบางกระหน่ำทุบตีคนตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง อยากให้อีกคนเจ็บเหมือนกับตนตอนนี้ ที่มันเจ็บจนชาไปแล้ว เฟยหลงไม่ได้ปัดป้องอะไร ปล่อยให้ร่างบางระบายความเจ็บแค้นลงมาที่ตน จนเหนื่อยและหยุดไปเอง

    "_"

    "ท่านฆ่าเขาทำไม ฆ่าลูกข้าทำไม ฮือ... "

    ร่างบางหมดแรงซบลงไปบนอกแกร่ง มือหนารวบตัวคนที่เขาแสนคิดถึงมากอดไว้แน่น เพราะร่างบางเริ่มจะยืนไม่อยู่ ด้วยความอ่อนล้าทั้งกายและใจที่สั่งสมมาตั้งแต่เกิดเรื่องร้ายขึ้น

    ความรู้สึกผิดมันจุกอยู่ในอกเขาจนหายใจไม่ออก ร่างบางพูดถูก เขาเป็นคนฆ่าลูกเมียตนเองกับมือ ถึงร่างบางจะรอดมาได้แต่ก็ต้องแลกกับอีกชีวิต

    เช่นนี้จะเรียกได้ว่าเขาคือฆาตกรก็ไม่ผิด เขาสร้างบาดแผลและปมในใจปมใหญ่เกินจะแก้ไข และคงเป็นตราบาปในใจเขาไปจนตาย

    "กลับไปซะ และไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว พันธะระหว่างเราได้สิ้นสุดลงแล้ว ตั้งแต่ที่เขาจากข้าไป"

    เย่วซินผละตัวออกจากอ้อมแขน แต่เฟยหลงกลับรวบไว้ไม่ยอมปล่อย

    "ข้าผิดข้ารู้แต่ข้าขอโอกาสอีกครั้ง ข้าจะชดใช้ให้เจ้า"

    "ไม่ ข้าไม่ต้องการ ข้าเกลียดท่าน!! "

    "ไม่จริง เย่วเอ๋อร์เจ้ารักข้า"

    "ท่านคิดว่าข้าจะรักคนที่ทำลายชีวิตข้าเช่นท่านหรือ คนโง่ที่รักท่านคนนั้นมันได้ตายไปแล้ว เหลือก็แต่ข้าที่เกลียดท่านที่สุด คนเลวไปตายซะ! "

    ร่างบางพยายามดิ้นรนจนเฟยหลงยอมคลายอ้อมแขนออก

    "เย่วเอ๋อร์ข้าขอโทษ กลับอาณาจักรมังกรกับข้าเถิด"

    "ข้ากับท่านไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว กลับไปซะแล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก"

    "ไม่! ข้าไม่กลับจนกว่าเจ้าจะยอมกลับไปกับข้า"

    "อย่าพาข้ากลับไปให้เป็นเสนียดต่ออาณาจักรท่านเลย ข้ามันคนสำส่อนแพศยาเช่นนี้ จะทำให้ท่านเสื่อมเสียเกียรติเอาได้"

    "เย่วเอ๋อร์ เจ้าอย่าว่าตนเองเช่นนี้เลย ข้ารู้ว่าข้าผิด กลับไปกับข้าเถอะนะข้าขอร้อง"

    "ปล่อยข้าไปเถิด อย่าทำให้ข้าต้องเจ็บอีกเลย"

    เย่วซินร้องขอจากอีกฝ่ายให้ปล่อยตนไปเสียที เพราะจะให้เขากลับไปเขาคงทำไม่ได้ และเฟยหลงเองก็ไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปอย่างแน่นอน

    "ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องเจ็บอีกแล้ว เชื่อใจข้านะเย่วเอ๋อร์"

    "ไม่ ข้าจะไม่เชื่อใจท่านอีกแล้ว เก็บคำลวงของท่านกลับไปซะ ไปให้พ้น! "ร่างบางไล่อีกฝ่ายอย่างเอาเป็นเอาตาย แค้นยิ่งนัก แต่รักก็ใช่จะหมดลง

    "ไม่ ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น"

    "เป็นท่านมิใช่หรือที่ต้องการให้ข้าตาย ข้ามันสกปรก ท่านจะมาวุ่นวายกับข้าอีกทำไมกัน"คำพูดที่เขาเคยสาดใส่คนตรงหน้ามันกำลังย้อนกลับมาที่เขาจนพูดไม่ออก

    "ท่านจะไปหรือไม่ไป"

    ร่างบางจ้องเขม็งไปที่ร่างสูงพลางก้าวขาอย่างช้าๆ ไปยังหน้าผาสูงชันที่มีแม่น้ำไหลเชี่ยวอยู่ด้านล่าง เฟยหลงมองการกระทำของร่างเล็กด้วยความตระหนก

    "หากท่านไม่ไป ข้าจะไปเอง"

    ร่างบางสร้างความกดดันให้กับร่างสูงมากเหลือเกิน เอาชีวิตตนเองมาบีบบังคับเขา ขาเรียวยังคงย่างก้าวไปข้างหน้าที่มีเพียงความตายรออยู่อย่างเด็ดเดี่ยว ไม่ว่าเย่วซินจะทำจริงหรือเพียงแค่ข่มขู่ เขาก็ไม่พร้อมจะยอมเสี่ยงกับอะไรทั้งสิ้น

    ตอนนี้จึงทำได้แค่ถอยออกมาก่อน แต่เขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก ในเมื่อเขายังรักอีกคนหมดใจเช่นนี้ แม้รู้ว่าตนทำผิดไว้กับร่างบางมากจนไม่น่าให้อภัย

    แต่เขาจะขอแก้ตัวและชดเชยในสิ่งที่ตนทำเอาไว้ ในเมื่อได้ชีวิตของคนตรงหน้ากลับคืนมาอย่างไม่คาดคิด เขาก็จะไม่ยอมสูญเสียมันไปอีกเป็นครั้งที่สอง

    ดูเหมือนเขาจะเห็นแก่ตัวก็จริง แต่จะทนได้หรือ หากต้องอยู่เดียวดายโดยที่อีกคนก็ยังคงมีชีวิตอยู่ใกล้ๆ กัน เช่นนี้ สู้พาอีกคนมาอยู่ด้วยกันไม่ดีกว่าหรือ

    ตายจากกันยังไม่เจ็บเท่ากับจากกันเป็นๆ หรอก จะอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ขอถอยไปตั้งหลักก่อนจะดีกว่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×