ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรักราชามังกร

    ลำดับตอนที่ #35 : เจ็บหนัก

    • อัปเดตล่าสุด 23 ส.ค. 65


    ในขณะนี้ บุคคลสำคัญของเผ่ามังกรได้มาปรากฏกายที่เผ่าหงส์ไฟ โดยมีอดีตองค์ราชาและราชินีเป็นผู้นำพาบุคคลทั้งหมด อี้เฟยและเฟยหลงก็ติดตามมาด้วยความร้อนรน ตอนนี้คนทั้งสองเผ่ากำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่

    "ท่านผู้นำ ข้ามาเยี่ยมเย่วซิน อาการเขาเป็นเช่นไรบ้าง"

    จิ่นเม่ยอดีตราชินีมารดาของเฟยหลง ออกปากถามผู้นำเผ่าหงส์ไฟออกมา เพราะตนก็เคยเป็นคนของที่นี่น่าจะพูดง่ายกว่า

    "อาการไม่ดีเลย ชีพจรก็อ่อนลงทุกทีจนแทบจะหาไม่เจออยู่แล้ว และอีกอย่าง ข้าเกรงว่าเด็กในครรภ์ จะทนได้นานสักแค่ไหนกัน"

    "ไม่นะ ท่านผู้นำ ท่านไม่มีวิธีช่วยสะใภ้ข้าได้เลยหรือ ข้าเสียพวกเขาไปไม่ได้ ข้าทนไม่ได้ ฮึก ฮือ... "

    เสียงร้องไห้ของผู้เป็นมารดา มันบาดลึกลงมาในใจเขาเหลือเกิน เขาเจ็บปวดกับคำที่ท่านผู้นำเอ่ยออกมา ว่าร่างบางของเย่วซินแย่ลงไปทุกที

    "ท่านเองก็รู้มิใช่รึ ว่าพิษที่บุตรชายของท่านปล่อยเข้ามาในกายเย่วซิน มันร้ายแรงแค่ไหน ข้าไม่มีความสามารถรักษาเขาได้เลย ต้องขออภัยท่านด้วย"

    "พวกข้าขอไปเยี่ยมเขาได้หรือไม่ท่านผู้นำ"จิ่นเม่ยเอ่ยถามออกไป

    "ก็แล้วแต่พวกท่านเถิด เย่วซินอยู่กับซินหลี่มารดาของเขาที่บ้าน เดี๋ยวข้าจะให้คนนำทางพวกท่านไปเอง"

    ที่บ้านของเย่วซิน

    เย่วซินนอนหายใจรวยรินอยู่บนที่นอน หลังจากกระอักเลือดออกมาเหมือนทุกครั้ง เวลาที่พิษร้ายออกฤทธิ์กัดกร่อนภายในกายเขา มันเจ็บปวดทรมานจนแทบขาดใจเสียทุกครั้งไป หลังจากต้องทุรนทุรายต่อสู้กับพิษร้ายที่มันสร้างความทรมานให้กับเขา เย่วซินก็เริ่มขาวซีดไร้สีเลือดจนน่าใจหาย นอนหมดแรงเหมือนกับทุกครั้งหลังความเจ็บปวดเบาบางลง หน้าผากเล็กเปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อที่ผุดขึ้นทั่วใบหน้างาม หนิงอันและหยางหลิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

    พวกเขาสองคนมาเฝ้าเพื่อนรักทันทีที่เย่วซินมาถึงที่นี่ ซินหลี่กำลังเช็ดเนื้อตัว และผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ให้บุตรชาย หลังจากเปรอะเปื้อนเลือดที่ร่างบางคายออกมา

    "เย่วเอ๋อร์ อดทนเอาไว้นะลูก เพื่อตัวเจ้า เพื่อลูก และเพื่อพ่อกับแม่ ฮึก เจ้าต้องสู้นะ ฮึก ฮือ... "

    "ซินหลี เจ้ากินอะไรบ้างเถิด เดี๋ยวล้มป่วยไปอีกคน แล้วข้าจะทำเช่นไร"บิดาของร่างบางกล่าวขึ้นกับเมียรัก เมื่อเห็นอาการไม่ค่อยจะดี เหมือนจะเจ็บป่วยไปอีกคน

    "ท่านพี่ ฮึก ข้ากลัว กลัวเหลือเกิน"นางพูดออกมาด้วยความหวาดกลัว จึงถูกสามีรวบตัวเข้าไปกอดปลอบ

    "เจ้าใจเย็นๆ ใช่ข้าจะไม่กลัวหรอกนะ แต่ข้าชื่อว่าเย่วเอ๋อร์จะผ่านมันไปได้ ลูกของเราเป็นคนดี ข้าก็เชื่อว่าเทพอัคคีต้องคุ้มครองลูกเรา ให้รอดพ้นจากชะตากรรมในครั้งนี้"

    ร่างบางของเมียรักพยักหน้ารับอย่างมีความหวัง ถึงแม้มันจะเป็นเพียงความหวังที่ริบหรี่จนหาแสงสว่างแทบไม่เจอก็ตาม แต่พวกเขาก็จะหวัง แม้แสงเพียงน้อยนิดที่เล็ดลอดออกมา นางก็จะรีบใฝ่คว้ามันเอามาไว้ในมือให้ได้

    เพียงไม่นานคนของผู้นำก็พาพวกเขา ชาวเผ่ามังกรมาถึงบ้านของเย่วซิน

    เพียงแค่เห็นหน้าผู้มาเยือน หยางหลิวก็ปรี่เข้ามาหาเฟยหลงทันทีด้วยความโกรธ ก่อนจะซัดหมัดหนักๆ ลงไปบนใบหน้าคมเต็มแรง ในขณะนี้เขาหมดแล้วซึ่งความเกรงกลัวอีกฝ่าย

    "เจ้ามาทำอะไร ที่นี่ไม่มีอะไรให้เจ้าอีกแล้ว แม้แต่ชีวิตเพื่อนของข้าก็ไม่รู้ว่าจะอยู่หรือไป เพราะเจ้าไอ้คนชั่ว กลับไปซะ!! "

    "หยางหลิว เจ้าใจเย็นๆ ก่อน"

    เสียงร้องเตือนพร้อมแรงฉุดดึงจากเมียรัก ทำให้ร่างสูงของหยางหลิวยอมหยุดดึงดันใส่อีกฝ่าย

    "เจ้าก็รู้ว่ามันทำอะไรกับเย่วซินเอาไว้บ้าง จะให้ข้ายืนมองมันเฉยๆ เช่นนี้หรือ ข้าทำไม่ได้หรอกหนิงอัน! ข้าทำไม่ได้"

    "ข้ารู้ ข้าก็โกรธไม่แพ้เจ้าหรอก"

    เฟยหลงไม่ได้พูดหรือสนใจอะไร นอกจากร่างบางที่นอนหายใจรวยรินตรงหน้า ก่อนที่น้ำตาลูกผู้ชายจะไหลลงมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างสูงหันไปทางซินหลี่มารดาของเย่วซิน ที่ตอนนี้ยืนมองหน้าตนอยู่ แต่ก่อนที่จะทันได้พูดอะไร

    เพี๊ยะ!! ใบหน้าคมหันไปตามแรงตบของคนตรงหน้า ที่ลงมือตบหน้าเขาอย่างโกรธเคือง

    "ทำไม ท่านต้องทำร้ายเขา ข้าเคยขอท่านก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่หรือ ฮึก ฮือ... ทำไมต้องทำร้ายลูกข้าด้วย! "

    "ข้าขออภัย ท่านแม่ข้าผิดเอง"

    เขาพูดพลางคุกเข่าให้มารดาของร่างบาง อย่างสำนึกถึงความผิดที่ตนได้ก่อ

    "ข้าเคยขอร้องท่านแล้ว หากวันใดท่านไม่ต้องการเขาก็ให้ส่งเขากลับมาหาข้า แต่ท่านไม่ทำตามที่รับปาก ท่านกลับทำร้ายดวงใจข้า ทำอย่างนี้ทำไม ทำไม ฮือ!! "

    เสียงร้องไห้ตัดพ้อร่างสูงใจแทบขาดของซินหลี่ มันเสียดแทงจิตใจคนฟังทุกคน มารดาผู้ที่กำลังจะสูญเสียบุตรชายและหลานอันเป็นที่รักไป หากใครไม่โดนเข้ากับตัว คงจะไม่รู้สึกเหมือนนางในตอนนี้หรอก

    เฟยหลงตรงไปยังร่างบาง ที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม หน้าอกสะท้อนขึ้นลงเล็กน้อยจนแทบจะมองไม่เห็นหากไม่สังเกต บ่งบอกว่าลมหายใจของเจ้าตัวกำลังอ่อนล้าเหลือเกิน

    ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ สายตาคมมองใบหน้าซีดเผือดอย่างปวดใจ มือหนาเอื้อมไปลูบไล้ใบหน้าเมียรักด้วยความสั่นเทา เพราะเขาพยายามกลั้นก้อนสะอื้น ที่มันตีขึ้นมาจนจุกและเจ็บร้าวไปหมดทั้งอก

    น้ำตาที่คิดว่าควบคุมได้ กลับไหลพรากออกมาอย่างสุดกลั้น เมื่อเห็นสภาพของเมียรัก ที่ตนลงมือทำร้ายอย่างเลือดเย็นความรู้สึกหลากหลายที่ตีตื้นขึ้นมามันมากมาย

    เสียจนไม่สามารถจะเอ่ยออกมาเป็นถ้อยคำได้ นอกจากหยาดน้ำตาที่มันหลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย

    "ฮึก เย่วเอ๋อร์... ได้โปรด... กลับมา กลับมาหาข้า ข้าขอโทษ กลับมาหาข้า ฮึก กลับมา ได้โปรด"

    ร่างสูงสะอื้นออกมาอย่างไม่อายใครอีกแล้ว สิ่งที่เขาปรารถนาที่สุดในตอนนี้ คือให้คนตรงหน้าฟื้นคืนกลับมาสู่อ้อมกอดตนอีกครั้ง เขาพร้อมจะชดใช้ให้ร่างบาง แม้แต่ชีวิตเขาก็ยอม หากมันจะทำให้ร่างบางและลูกน้อยฟื้นคืนมา

    มือหนาเลื่อนจากใบหนางาม มาวางลงบนหน้าท้องแบนราบ พลางลูบไปมาส่งคำพูดและความรู้สึกทั้งหมดไปยังร่างเล็ก ที่นอนซุกตัวอยู่ในท้องของมารดา

    "ลูกพ่อ เจ้าและแม่ของเจ้าจะต้องเข้มแข็งอดทน พ่อยอมทุกอย่าง หากมันจะทำให้เจ้าสองคนกลับมาหาพ่อได้ พวกเจ้าได้โปรดอย่าทิ้งให้ข้าอยู่คนเดียวเช่นนี้"

    พูดจบก้มลงจุมพิตหน้าท้องแบนราบแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาทำเช่นเดียวกัน ที่หน้าผากมลของคนที่หลับใหล น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลออกมา หยดแหมะลงบนใบหน้างามจนเปื้อน มือหนายื่นออกไปเช็ดออกอย่างนุ่มนอล

    "ข้าผิดต่อเจ้านักเย่วเอ๋อร์ ข้าไม่ร้องขอให้เจ้าอภัยให้ข้า แต่ขอแค่ให้เจ้ากลับมา ให้ข้าได้มีโอกาสชดใช้ความผิดในครั้งนี้"

    วันนั้น ถ้าเขายอมเปิดใจรับฟัง ไม่เห็นแก่ความรู้สึกของตัวเองเป็นใหญ่ ก็คงไม่ต้องมานั่งทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็นอย่างเช่นตอนนี้ ป่านนี้เขากับคนตรงหน้า คงมีความสุขกับข่าวดีที่ได้รับ

    ทุกคนที่เห็นทุกการกระทำของร่างสูง ก็พาให้สงสารจับใจ บรรยากาศหดหู่เศร้าหมองที่แผ่กระจายไปทั่ว ทำให้ทุกคนต่างก็อึดอัดใจจนต้องถอยออกไป เหลือไว้ก็แต่ร่างสูงของเฟยหลง ที่โอบกอดร่างบางของเมียรักไว้แนบอก

    บิดาและมารดาของเย่วซินก็ไม่คิดขัดขวางอีกแล้ว เพราะตอนนี้ร่างสูงกำลังได้รับผลกรรมที่ตนก่อเอาไว้ ความรู้สึกผิดและความหวาดกลัว ที่จะต้องสูญเสียเมียรักและลูกน้อย มันกำลังค่อยๆ กัดกินใจเขาอย่างช้าๆ มันเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็นเสียอีก สภาพของเขาในตอนนี้ ช่างน่าเวทนานักในสายตาของคนที่พบเห็น จนมารดาของเขาทนไม่ได้ฟุบหน้าร้องไห้ไปกับอกสวามี

    ตกเย็นทุกคนชาวเผ่ามังกรก็พากันกลับ แม้ว่าเฟยหลงจะไม่เต็มใจแต่ก็ต้องจำใจกลับ เพราะภาระหน้าที่ของตน และคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยมาหาร่างบางใหม่อีกครั้ง ส่วนอี้เฟยขอร้องให้หลิงซานกลับไปด้วยกัน เพราะเป็นห่วงร่างเล็กที่อุ้มท้องลูกน้อยเอาไว้ แต่ร่างเล็กก็ยืนยันจะอยู่เฝ้าพี่ชาย อี้เฟยจำต้องยอมใจอ่อนอีกครั้ง พร้อมทั้งกำชับว่าระวังสุขภาพตนเองด้วย

    อย่าเอาแต่เศร้าจนส่งผลกับตนเองและลูกน้อยในท้อง ที่ตอนนี้เริ่มจะเห็นหน้าท้องนูนขึ้นมาบ้างแล้ว

    "เสี่ยวไป๋รักษาตัวด้วย ข้าเป็นห่วงเจ้ากับลูกเหลือเกิน"

    "ข้าจะดูแลตัวเองและลูกของเราอย่างดีที่สุด ท่านพี่อย่าได้เป็นห่วงเลย"

    "อืม... ถ้าเช่นนั้น"

    มือหนาค่อยๆ วางทาบบนหน้าท้องนูนกลมของหลิงซาน กดจมูกและริมฝีปากลงไปบนท้องกลมๆ ของเมียรัก ความอ่อนโยนของสวามีทำให้ร่างเล็กยกยิ้มขึ้นมาอย่างสุขใจ เขารู้ว่าคนตรงหน้ารักเขาและลูกมากเพียงใด มันช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้อี้เฟยมาเป็นคู่ชีวิต แต่จะว่าสุขจนสุดก็ไม่ใช่ ในเมื่อพี่ชายเขาประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้

    "ลูกพ่อ เจ้าอย่าดื้ออย่าซนจนแม่เจ้าเหนื่อยมากล่ะ รู้ไหมเด็กดี"

    "เขาไม่ดื้อ ไม่ซนจนข้าต้องเหนื่อยเลย ท่านวางใจเถิด"

    "ถ้าเช่นนั้นข้ากลับก่อน แล้วพรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่"

    ร่างเล็กพยักหน้ารับ

    ร่างสูงจึงจะตัดใจกลับไปยังอาณาจักรมังกร ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องกับเย่วซิน กฎข้อห้ามที่มีมานานก็ถูกยกเลิกไปหลายข้อ รวมทั้งการไปมาหาสู่ของทั้งสองเผ่าพันธุ์

    ที่เมื่อก่อนเผ่ามังกรจะมายังเผ่าหงส์ไฟได้ ก็ต่อเมื่อถึงเวลามารับคู่ชะตาเท่านั้น แต่ตอนนี้ทุกอย่างถูกยกเลิกไปแล้ว

    หลังจากที่ชาวเผ่ามังกรทุกคนกลับไปหมดแล้ว ไม่นานหนิงเฟิ่งก็กลับมาบ้าง หลังจากออกไปหาพื้นที่รักษาตัวให้ร่างบางของนายตน ร่างกายของเย่วซินย่ำแย่ลงทุกวัน รอช้าอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ธาตุไฟในกายกำลังปั่นป่วนอย่างหนัก จนต้องหาทางประคับประคองเอาไว้ ไม่เช่นนั้นอาจจะสิ้นใจลงในไม่ช้า

    เขาพบถ้ำแห่งหนึ่งในป่าทางเหนือของหมู่บ้าน ตอนแรกแค่จะก้าวผ่านไป แต่เขากลับรับรู้ถึงพลังบางอย่างที่แผ่กระจายรอบๆ จึงตัดสินใจเดินเข้าไปสำรวจ ก็พบว่าในถ้ำแห่งนี้หนาวเย็นไปด้วยไอเย็นที่แผ่กระจายออกมาจากแท่งหยก ที่ตั้งอยู่กลางถ้ำ ความกว้างและความยาวคนสามารถนอนได้อย่างสบาย

    ร่างสูงกระตุกยิ้มขึ้นมา เขาหาทางประคับประคองอาการของนายตนได้แล้ว ธาตุไฟในกายร่างบางที่กำลังปั่นป่วนอย่างหนัก จะต้องได้ความเย็นจากแท่นหยกในถ้ำแห่งนี้ เพื่อบรรเทาความร้อนรุ่ม และคงต้องประคับประคองไปจนกว่า จะสามารถหาวิธีรักษาร่างบางได้ ถึงแม้ว่าตนจะไม่ค่อยแน่ใจว่า มันจะสามารถทำได้ดีมากน้อยเพียงใด แต่ก็ดีกว่าอยู่เฉยๆ

    ร่างบางของเย่วซิน ถูกวางลงบนแท่งหยกสีขาวบริสุทธิ์ ที่ตั้งเด่นสง่าอยู่กลางโถงถ้ำ ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร

    และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหยกขาวดูดซับเอาไอร้อนในกายร่างบางออกมา ในขณะนี้เหยียนจื่อ ได้ใช้วิชาบุบผาเร้นกาย เพื่อบดบังการมองเห็นจากดวงจิตรมังกร เพราะหนิงเฟิ่งไม่ต้องการให้ใครมารบกวน ที่นี่เข้าออกได้แค่คนสำคัญแค่นั้น และกำชับปิดบังชาวเผ่ามังกรทุกคนด้วย

    เหยียนจื่อค่อยๆ ใช้นิ้วมือที่มีหยดเลือดของตน แตะลงบนหน้าผากของหลิงซานและเย่วซิน หลังจากนั้นก็หลับตาร่ายคาถาควบคุม เพียงไม่นาน หยดเลือดที่ติดตรงหน้าผากก็ค่อยๆ หายเข้าไปในผิวเนื้อจนหมด ร่างบางของเหยียนจื่อก็ลืมตาขึ้น หลังจากนี้ ไม่ว่าใครจะเก่งแค่ไหน ก็ไม่มีทางหาคนทั้งคู่เจอ จนกว่าอาคมที่ถูกร่ายเอาไว้จะคลายตัว เพื่อป้องกันการรบกวนและพบเจอ ทุกคนจึงจำเป็นต้องเร้นกาย

    เช้าวันต่อมา เฟยหลงใช้ดวงจิตรมังกรมองหาร่างบางของเมียรัก พยายามเท่าไรก็ไม่พบ ในนั้นมีแต่ความว่างเปล่า เขาทั้งร้อนใจและตกใจไม่น้อย ที่ดวงจิตรของตนใช้ไม่ได้ผล ถามเอากับน้องชายก็อาการเดียวกับเขาเลย จนร่างสูงพากันนั่งไม่ติด สงสัยเหลือเกินว่ามันเกิดอะไรขึ้น

    จึงตรงดิ่งไปหาบิดามารดา มารดาเขาพอรับรู้เช่นนั้นก็หน้าซีดเผือด ขอดูสัญลักษณ์ของบุตรชายทันที มือบางแหวกอกเสื้อบุตรชายมือไม้สั่นไปหมด แต่ก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อพบว่าสัญลักษณ์มันยังคงอยู่ที่เดิม เฟยหลงสงสัยเลยถามมารดาออกไป

    "เสด็จแม่"นางรู้ว่าบุตรชายจะถามอะไร นางเลยยกมือห้ามพร้อมกับอธิบายให้ฟัง

    "ค่อยโล่งใจหน่อยที่สัญลักษณ์ยังอยู่กับเจ้า หากมันหายไปก็แสดงว่า... "นางไม่ตอบทันทีจนทำให้เฟยหลงที่กำลังร้อนใจเอ่ยถาม

    "เป็นเช่นไรหรือพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่"

    "แสดงว่าพันธะถูกตัดขาดอย่างสมบูรณ์ และลูกของเจ้าไม่ได้อยู่กับพวกเจ้าแล้ว แต่ตอนนี้เขายังอยู่กับพวกเจ้า แต่แม่ไม่เข้าใจว่าทำไมดวงจิตรมังกรใช้การไม่ได้"

    บิดาของเขาฟังอยู่นานเลยเอ่ยขึ้น

    "พวกเจ้าลืมไปแล้วรึ ว่าเหยียนจื่อมีวิชาพรางกายที่ใครก็ไม่สามารถหาเจอ หากอาคมที่ใช้ไม่คลายตัว"

    "ถ้าเช่นนั้น เหยียนจื่อคงจะใช้วิชาพรางกาย เพื่อปิดบังการมองเห็นของพวกเรา แต่เขามีเหตุผลอะไรที่จะต้องทำเช่นนี้"

    "จะมีอะไรนอกเหนือไปกว่า ไม่อยากให้พวกเจ้าพบเจอ หากไม่เชื่อคำที่ข้าพูดก็ลองกลับไปที่เผ่าหงส์ไฟดูสิ"

    เป็นบิดาที่พูดขึ้น เพราะเขาพอจะคาดเดาเหตุการณ์ออกอย่างชัดเจน

    "พวกเขาทำเช่นนี้ไม่ได้ จะขัดขวางไม่ให้ข้าเจอหน้าเสี่ยวไป๋ไม่ได้ นั่นมันเมียข้า ข้าไม่ยอมหรอกนะเสด็จพ่อ"

    อี้เฟยโอดครวญออกมา หากไม่ให้เขาเจอหน้าลูกเมียเขาไม่ยอมหรอกนะ

    "แล้วเจ้าจะทำอะไรได้ ก็ทางเราทำกับคนของเขาเอาไว้เยอะ จนป่านนี้แล้วจะเป็นหรือตายยังไม่อาจคาดเดาได้ เขาทำเช่นนี้ก็ไม่แปลกหรอก"

    "แล้วลูกจะทำเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่"

    เฟยหลงเอ่ยถามมารดาเพราะเขาคิดอะไรไม่ออกแล้ว ในหัวมันมีแต่ความเครียดขรึมและคำถามมากมายเต็มไปหมด

    "คงต้องรอดูกันไปก่อน ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้"

    และทุกอย่างเป็นไปอย่างที่บิดาและมารดาพูดเอาไว้ หลังจากที่อี้เฟยและเฟยหลงมายังเผ่าหงส์ไฟอีกครั้ง แต่ก็พบกับความผิดหวัง ไม่มีแม้แต่เงาของคนที่อยากเจอ เหยียนจื่อและหนิงเฟิ่งก็หายไปพร้อมนายของตนด้วย

    ถามเอากับใครก็ไม่ได้คำตอบ จนร่างสูงของเฟยหลงแทบควบคุมความโกรธไม่ได้ อยากอาละวาดให้มันพังกันไปข้าง ที่บังอาจปิดบังเขา อี้เฟยเห็นท่าไม่ดีรีบพาพี่ชายตนกลับอาณาจักรมังกรทันที ก่อนที่ความยุ่งยากจะตามมา เพราะดูแล้วพี่ชายตนอยากจะฆ่าคนเสียเหลือเกิน

    ยังดีที่บิดามารดาของเย่วซินมาพูดเหตุผลให้เข้าใจ จึงยอมกลับอาณาจักรตน ถึงจะดื้อดึงไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้กลับไปตั้งหลักและคิดหาหนทางจะดีเสียกว่า

    ถึงแม้จะได้แท่งหยกบริสุทธิ์ในถ้ำ ช่วยดูดซับไอร้อนในกาย จากธาตุไฟที่กำลังปั่นป่วน แต่ก็แทบจะไม่ช่วยอะไรได้มากนัก แค่ประคับประคอง ให้เย่วซินสามารถมีลมหายใจไปจนถึงวันพรุ่งนี้ก็ถือว่ายากเย็นนัก ร่างบางย่ำแย่ลงทุกวัน ร่างกายซูบผอมจนเห็นได้ชัด ผิวขาวใสที่เคยเปล่งปลั่ง บัดนี้ซีดเหมือนไม่มีเลือดเข้าไปหล่อเลี้ยงกาย

    ยิ่งสร้างความกลุ้มใจให้หนิงเฟิ่งเป็นอย่างมาก ถึงแม้ลองมาหลายวิธี รวมทั้งเขาและเหยียนจื่อช่วยกันถ่ายปราณเข้าไปยังร่างบาง แต่ร่างกายคนตรงหน้าไม่ตอบรับปราณของเขาทั้งคู่ หนิงเฟิ่งหมดปัญญาแล้วจริงๆ แต่ก็ยังเหลืออีกวิธี มันเป็นวิธีสุดท้ายที่เขาคิดจะใช้ หากว่าไม่มีหนทางใดให้เลือกอีก เขาก็คงต้องใช้มัน และวันนี้ร่างสูงก็ตัดสินใจแล้ว เมื่อได้เห็นว่าร่างกายของเย่วซินทรุดหนัก ขนาดหัวใจหยุดเต้นจนไม่หายใจไปก็หลายครั้ง

    "ท่านพี่ ตื่นได้แล้วอย่าเอาแต่นอนขี้เซาแบบนี้เลย ตื่นมาพูดกับข้าบ้างซิข้าเหงาจะแย่อยู่แล้วนะ ฮึก ตื่นเถิดนะท่านพี่ ฮึก ฮือ... "หลิงซานเอาแต่ร้องไห้ ตัดพ้อพี่ชายที่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมารับรู้ สิ่งที่น้องชายพูดกับเขาด้วยความทุกข์ใจ

    "ข้าพอมีวิธี ที่จะทำให้นายของข้าฟื้นคืนมา"

    หนิงเฟิ่งเอ่ยออกมาอย่างตัดสินใจ เป็นเหตุให้หลิงซานและเหยียนจื่อหันมามองหน้าคนพูด อย่างมีความหวัง

    "หนิงเฟิ่งเจ้าพูดจริงๆ หรือ ที่ว่าเจ้าหาทางช่วยท่านพี่ได้แล้ว"ร่างบางของหลิงซานพุ่งตัวเข้ามาหาหนิงเฟิ่ง มือบางคว้าแขนอีกคนมาเขย่าอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ

    "ข้าพูดจริง เพราะมันคือวิธีสุดท้าย และเป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะช่วยได้"

    หนิงเฟิ่งเหลือบสายตาคม ไปมองร่างบางของเหยียนจื่อเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมายืนยันคำพูดอีกครั้ง เรียกรอยยิ้มให้หลิงซานได้อีกครา

    "ต้องทำเช่นไร ข้าพอจะช่วยอะไรเจ้าได้บ้างก็รีบบอกข้ามา ข้ายินดีเป็นที่สุด"

    หนิงเฟิ่งลังเลเล็กน้อย แม้จะต้องลำบากใจอยู่มาก สายตาคมหันไปมองร่างเล็กของเหยียนจื่อ ก่อนที่มือหนาจะรวบมือเล็กมาจับเอาไว้ ดวงตาคมจ้องมองลึกลงไปในดวงตาหวาน ก่อนจะกล่าวกับร่างเล็ก

    "เหยียนจื่อ ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้เจ้ารับรู้ว่าสิ่งที่ข้าจะทำ มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย เจ้าอย่าได้โกรธเคืองที่ข้าเลือกทำเช่นนี้เลย"

    ร่างสูงพูดออกไป สร้างความไม่เข้าใจให้คนฟัง และสร้างความหวาดกลัวลึกๆ ในอก ให้เหยียนจื่อเป็นอย่างมาก

    "ท่านพี่ ท่านพูดอะไรข้าไม่เข้าใจ"

    สรรพนามที่เหยียนจื่อใช้เรียกร่างสูงมันเปลี่ยนมานานแล้ว จนคนที่สนิทชิดเชื้อกับคนทั้งคู่พอจะมองออก ถึงความในใจที่สองคนมีให้กัน หนิงเฟิ่งทั้งรักทั้งหวงเจ้าหงส์ตัวน้อยของเขามากมายเพียงใด ใครๆ ที่เห็นย่อมรับรู้และเข้าใจดี ยกเว้นเจ้าตัวน้อยเท่านั้น ที่ไม่รู้ใจตัวเองเอาเสียเลย

    "ไม่ได้นะหนิงเฟิ่ง มันไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้วรึ"

    หลิงซานแย้งขึ้นมาทันที หลังจากรับฟังสิ่งที่หนิงเฟิ่งกล่าวออกมา ส่วนเหยียนจื่อไม่ได้พูดอะไร นอกจากดวงตาสวยเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา และไหลอาบสองแก้มนวลไปแล้ว

    "ข้าคิดหาวิธีอื่นไม่ได้แล้ว ตอนนี้นายข้าใกล้จะสิ้นใจไปทุกที หากชักช้าข้าเกรงว่า... "

    "หนิงเฟิ่ง ท่านพี่ไม่ใช่นายแต่เป็นพี่ชายอีกคนของเจ้า เจ้าจำไม่ได้แล้วรึ ส่วนข้าก็น้องชายเจ้านะ! "

    "ข้ารู้ว่าท่านสองคนดีกับข้าและเหยียนจื่อมาก ต่อไปนี้ข้าคงต้องฝากพวกท่านดูแลเหยียนจื่อแทนข้าแล้ว"

    "ไม่นะ ท่านจะทิ้งข้าไปไหน ฮึก ฮือ... ข้าไม่ยอมให้ท่านไปหรอก ไม่ยอม ฮื่อ! "

    หลิงซานถอยออกมาให้สองคนได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เขารู้ว่าเหยียนจื่อทำใจรับไม่ได้ ขนาดเขายังรู้สึกแย่ได้ขนาดนี้ แล้วเหยียนจื่อล่ะ ไม่ใจสลายไปแล้วหรอกหรือ คนทั้งคู่คงต้องการอยู่กันตามลำพัง

    หนิงเฟิ่งรวบร่างบางของเหยียนจื่อเข้ามาโอบกอดเอาไว้ทั้งตัว ร่างเล็กซุกหน้าร่ำไห้กับอกแกร่ง ยังทำใจยอมรับไม่ได้หากต้องสูญเสียคนผู้นี้ไป ใจเขาคงเหน็บหนาวน่าดู หากไม่มีอ้อมกอดอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยของคนตรงหน้า แล้วเขาจะทนได้เช่นไร

    "ทุกอย่างล้วนถูกลิขิตมาแล้วทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าชาตินี้ข้ากับเจ้าไม่อาจอยู่ด้วยกัน แต่ข้าก็ยังหวังเสมอว่า หากเราสองคนยังมีวาสนาต่อกัน ชาติหน้าข้าขออยู่เคียงข้างกับเจ้า จะร่วมเรียงเคียงหมอนไปด้วยกันจนแก่เฒ่า เหยียนจื่อ ข้ารักเจ้า เจ้าคือดวงใจอีกดวงของข้า"

    "ท่านพี่ ท่านจะทิ้งข้าไปจริงๆ หรือ แล้วข้าจะอยู่ลำพังได้เช่นไร โดยไร้ท่านเคียงข้าง ฮึก ฮือ... "

    "เจ้าอย่าร้องอีกเลย ข้าปวดใจนักที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าเศร้าใจเช่นนี้"ถึงเวลาเข้าจริงๆ เหยียนจื่อกลับยอมรับไม่ได้ หนิงเฟิ่งก็คาดการณ์ไว้เช่นนั้น

    "ยามข้าไม่อยู่เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วย เหยียนจื่อ ข้ารักเจ้า "

    ร่างสูงสวมกอดร่างเล็กไว้อีกครั้ง ก่อนที่มือหนาจะสกัดตรงจุดสำคัญ ทำให้ร่างเล็กทรุดตัวลงทันที หนิงเฟิ่งรีบอุ้มเหยียนจื่อมาวางไว้บนแท่นหินในถ้ำแห่งนี้ ใกล้ๆ กันกับเย่วซิน

    "ทะ-ท่านพี่ มะ-ไม่ ไม่ อย่า... "

    ร่างเล็กส่ายหน้าไปมาขอร้องร่างสูง ก่อนที่ความรู้สึกสุดท้าย รับรู้ได้ถึงริมฝีปากหนาของคนรัก กดลงมาบนหน้าผากตน และทุกอย่างก็ดับวูบไปพร้อมหยาดน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลลงมาช้าๆ ร่างสูงเอื้อมมือไปเช็ดออกให้อย่างนุ่มนวล พร้อมหยาดน้ำตาของตนเอง ที่ไหลออกมาเช่นกัน ปากหนาก้มลงมาประกบลงบนปากบาง ซึมซับเอาความรักและทุกความรู้สึก ที่เขามีต่อเจ้าหงส์น้อยตรงหน้า เอาไว้ให้มากที่สุดเป็นครั้งสุดท้าย หลิงซานมองภาพนั้น ก็อดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้

    "ข้าพร้อมแล้ว"

    "แน่ใจแล้วหรือที่จะทำเช่นนี้ ข้าสงสารเหยียนจื่อ"

    "ข้าจำเป็น หากชักช้าเกรงว่าไม่มันจะทันการ"

    "ฮึก ข้าสองคนพี่น้อง ติดหนี้บุญคุณเจ้านักหนิงเฟิ่ง จะชดใช้อย่างไรหมด ฮือ... "หลิงซานร้องให้ออกมาอีกครั้งทั้งๆ ที่น้ำตาเพิ่งจะเหือดแห้งไป

    "ไม่มีใครติดหนี้ใคร ไม่มีอะไรที่จะต้องชดใช้ ข้าขอเพียงดูแลเหยียนจื่อแทนข้าก็พอ ข้าฝากดวงใจของข้าไว้กับท่านด้วย"

    "ข้ารับปากจะดูแลเขาให้ดีที่สุด เจ้าอย่าได้ห่วงเลย"

    หนิงเฟิ่งหันไปมองหน้าคนรักอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลงตั้งจิตให้มั่นคง ผ่านไปสักระยะหนึ่ง ก็เกิดลำแสงสีแดงจ้าขึ้นโอบรอบลำตัวเขา เพียงชั่วครู่ก็แปรสภาพ

    จากรูปร่างมนุษย์กลายมาเป็นหงส์ไฟสีแดงโปร่งแสง และพุ่งมายังร่างบางของเย่วซิน ก่อนจะค่อยๆ หายเข้าไปในหน้าผากเล็กของคนที่ยังคงไร้สติ พอลำแสงหมดลง

    ก็ปรากฏปานสีแดงรูปปีกหงส์บนหน้าผากแทน เพียงไม่นานทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ ไร้ร่างสูงของหนิงเฟิ่ง ไม่มีบุรุษผู้ภักดีคนนี้อีกแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×