คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : ใจอ่อน
อากาศยามเช้าที่แสนสดชื่น เสียงนกน้อยขับขาแว่ววานมาตามสายลม ที่กำลังพัดโชยหอบเอากลิ่นหอมของดอกไม้นานาพรรณ ผ่านบานหน้าต่างที่เปิดรับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า ชวนให้สดชื่นและอบอุ่นจนร่างเล็กที่นอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของสวามี บิดตัวไปมาอย่างขี้เกียจ ดวงตากลมจ้องมองใบหน้าคมของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอย่างเต็มตัว ดวงตาสวยสำรวจใบหน้าคมคายอย่างละเอียดอีกครั้ง
"หล่อสัส" บอกได้คำเดียว
"แล้วจะใจเต้นแรงไปทำไมวะ ชักจะเพี้ยนใหญ่แล้ว บ้าฉิบ"
การขยับตัวของร่างเล็กทำให้คนที่นอนหลับอยู่เคียงข้างกันมาตลอดทั้งคืน ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างจำใจ อยากนอนกอดร่างเล็กต่ออีกสักหน่อย แต่ก็ถูกคนตัวเล็กทำหน้าดุใส่ เลยจำใจปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระ
"เสี่ยวไป๋... เจ้าจะรีบลุกทำไม นอนต่ออีกสักหน่อยเถิด"
"ข้าไม่ง่วงแล้ว หากท่านยังง่วงก็นอนต่อเถิด"
"หากเจ้าไม่นอน ข้าจะนอนได้อย่างไรเล่า มันหนาวอยากกอดเจ้ามากกว่า"
ว่าแล้วรวบคนตรงหน้ามากอดทันทีหลิงซานผลักร่างสูงให้ออกไป
"ปล่อยข้าสักที อย่ามาหื่นแถวนี้นะ"
พูดจบก็กวาดสายตามองออกไปนอกผ้าม่านบางๆ ที่ปิดกั้นส่วนที่เป็นเตียงนอนเห็นบานหน้าต่างเปิดรับแสงแดดยามเช้าแบบนี้ก็รู้ทันทีว่า เม่ยเม่ยนางกำนัลคนสนิทของตน คงเข้ามาเปิดเอาไว้ และก็เป็นดั่งที่คนตัวเล็กคิด ในตอนนั้นเม่ยเม่ย เข้ามาทำหน้าที่ประจำของตน มือบางเลื่อนเปิดหน้าต่างออกรับแสงอรุณยามเช้า ก่อนตระเตรียมอาภรณ์ที่ร่างบางจะใส่หลังจากอาบน้ำเสร็จ ร่างเล็กของเม่ยเม่ยตรงมายังเตียงนอน เพื่อปลุกคนตัวเล็กเหมือนเช่นที่เคยทำอยู่ทุกวัน ร่างเล็กจะต้องรับอาหารและยาให้ตรงเวลาหมอหลวงกำชับมาหนักหนา
"ตื่นได้แล้วเพคะ เช้าละ-แล้ว... "
"เอ่อ... อื้ม กอดกันกลมเชียว "
ปากบางเอ่ยปลุกนายตนแต่ก็ต้องชะงักทันทีที่เห็นว่า วันนี้นายตนไม่ได้นอนอยู่เพียงลำพัง ภาพที่นายเหนือหัวของตนกอดคนตัวเล็กที่หลับซุกอกของพระสวามีอย่างสบาย ได้เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าใสอย่างห้ามไม่อยู่ หลังจากคืนร่วมหอราชินีน้อยก็ประชวรจนต้องเรียกหมอหลวงยามดึกดื่นอย่างอลหม่าน คนทั้งตำหนักต่างก็รู้ถึงสาเหตุของการประชวรครั้งนี้ดี เพราะเสียงเอะอะตึงตังในห้องหอทำให้เหล่านางกำนัลพากันเตลิดหนีออกไปนอกตำหนักกันหมด
"ถ้าใครอยากตาย ก็จงอยู่ต่อข้าขอตัวล่ะ"
"ข้าไปด้วย... ข้ายังไม่อยากตาย"
"งานนี้มีลุ้น เจ้าว่าใครจะชนะ"
"ฝ่าบาทซิ ต้องชนะ"
เสียงกระซิบกระซาบดังออกมาจากเหล่านางกำนัล และคนที่อยู่ที่ตำหนักแห่งนี้ต่างคนต่างลุ้น แม้จะกลัวโทษเพียงใดที่แอบนินทาเจ้านาย แต่ก็ขอลุ้นอยู่ห่างๆ แบบเงียบๆ
จนกระทั่งเห็นหงส์ฟ้าแสนสวยปรากฏทุกคนล้วนต่างยินดีกันถ้วนหน้า พอราชินีน้อยฟื้นขึ้นมา ก็ไม่ยอมให้พระสวามีเข้าใกล้ อาละวาดเสียจนต้องถอยกลับแต่นางก็เข้าใจว่าเพราะอะไร นางมารับใช้ใกล้ชิดย่อมมองเห็นทุกอย่าง ร่องรอยความรุนแรงที่ปรากฏบนผิวขาวของร่างเล็ก ที่พระสวามีทำไว้มันก็ยืนยันได้เป็นอย่างดี
แต่วันนี้กลับเห็นร่างสูงนอนร่วมเตียงด้วยเช่นนี้ คงจะหายโกรธลงแล้ว เมื่อเห็นว่าตนไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ต่อ ก็เลยรีบพาตัวเองให้หายไปจากตรงนั้นอย่ารวดเร็ว
"เจ้าเป็นเช่นไรบ้างเสี่ยวไป๋"
"อะไร"
"ยังเจ็บแผลอีกหรือไม่"
"เจ็บอะไร ไม่เจ็บสักหน่อยเรื่องแค่นี้จิ๊บๆ โธ่... ทำยังกับข้าเป็นสตรีไปได้"
"ทำปากดีไป เดี๋ยวข้าจะซ้ำเข้าให้อีกสักคราหรอก คืนนั้นใครกันเล่าที่แหกปากร้องเสียลั่นตำหนัก จนพวกนางกำนัลแตกกระเจิง พากันวิ่งหนีเตลิดไม่เหลียวหลังกันแบบนั้น ฮ่า ๆ ๆ "
ร่างสูงสัพยอกร่างเล็กจนเป็นเหตุให้ปรากฏริ้วสีแดงระเรื่อมาแต่งแต้มใบหน้าหวานได้ไม่ยาก แก้มใสมีเลือดฝาดแดงปลั่งมีน้ำมีนวลกว่าตอนที่ป่วยมาก หลิงซานหน้าเหวอแก้มแดงร้อนฉ่ากับคำพูดของสามี นี่เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ก็คืนนั้นเขาเป็นอย่างที่ร่างสูงพูดจริงๆ นี่หน่า
"ก็เพราะใครกันล่ะ ที่ทำให้ข้าขายหน้า เช่นนี้ท่านต้องรับผิดชอบ"
"ย่อมได้ ถ้าเช่นนั้นข้าขอรับผิดชอบเลยละกัน"
พูดพลางพลิกกายขึ้นคร่อมร่างเล็กไว้ทันที กวาดสายตาไปทั่วร่างงามอย่างกระหายไม่ปิดบัง ร่างเล็กตกใจร้องห้ามเสียงหลง พร้อมใช้มือดันคนที่อยู่เหนือร่างตนเอาไว้อย่างยากลำบาก เพราะคนตัวโตเอาแต่โถมกายลงมาปล้ำจูบคนตัวเล็กอย่างกระหาย
"เจ้าบ้า จะหื่นอะไรนักหนาวะ หยุด หยุดเดี๋ยวนี้! "
ไม่ได้ผลร่างสูงยังคงดึงดันจะจูบให้ได้
"ถ้าท่านไม่หยุด ข้าจะกัดหูท่านให้ขาดเลย! พูดจบร่างเล็กก็ฝังคมเขี้ยวลงบนใบหูของร่างสูงเสียจมเขี้ยว
กึด!!
"โอ๊ย... เสี่ยวไป๋ข้ายอมแล้วยอมแล้ว ปล่อยข้าเถิดหูข้าจะขาดอยู่แล้วเนี่ย"
ร่างเล็กยอมปล่อยหลังจากคนตัวโตยอมจำนน ใบหูข้างที่ถูกกัดแดงเถือกมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย มองเห็นรอยฟันเป็นอย่างดี มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบป้อยๆ เพื่อบรรเทาความเจ็บแสบ
"นี่เจ้าเล่นแรง จนข้าได้เลือดเชียวหรือเสี่ยวไป"
"ทีท่านล่ะ ทำกับข้าหนักกว่านี้เป็นร้อยเท่า ข้าไม่กัดให้ขาดก็บุญเท่าไรแล้ว ข้าไม่ลืมหรอกนะ ต่อไปอย่าได้มาแตะตัวข้าอีกเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นสิ่งที่จะขาดไม่ใช่แค่ใบหู แต่ข้าจะตัดไอ้นั่นเจ้าทิ้งซะ"
"โถ่... เมียจ๋าอย่าใจร้ายกับสามีเจ้านักเลย หากเจ้าไม่ยอมให้ข้าแตะมีหวังข้าคงได้อกแตกตายเข้าสักวัน"
เขาออดอ้อนร่างเล็กหวังให้เห็นใจแต่เปล่าเลยร่างเล็กไม่ได้ใจอ่อน
"อย่ามาเรียกข้าแบบนั้นนะเจ้าคนหน้าหนา ข้าสมน้ำหน้าท่านนัก นั่นมันปัญหาของท่านไม่ใช่ของข้าสักหน่อย"
พูดจบก็ส่งรอยยิ้มหวานหยด มองเขาด้วยสายตา แพรวพราว ยั่วยวนให้อีกฝ่ายคันยุกยิกในใจเล่นๆ
"เมียจ๋าจะทำให้ข้าหลงไปถึงไหน แค่นี้ข้าก็โงหัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว"
ตายๆ เขาคงได้อายุสั้นจริงๆ ก็คราวนี้ร่างบางยกยิ้มอย่างพอใจที่ได้เอาคืนคนหื่นเสียบ้าง
"เมียบ้านท่านนะซิ อย่ามาเรียกข้าเช่นนี้นะ"
"เจ้าหนีความจริงไม่พ้นหรอก ฐานะเจ้าตอนนี้ก็คือเมียข้า"
(ยัง! ยังจะมาพูดแบบนี้อีก ยอมรับก็ได้ก็มันจริงนี่เฮ้อ... ) ร่างเล็กแอบยอมรับสถานะตนเองอยู่ในใจ
วันนี้หลิงซานดีขึ้นจนเกือบเข้าภาวะปกติแล้ว ถึงแม้ว่าจะเดินไม่ถนัดเท่าที่ควรมันยังคงเจ็บแปลบทุกครั้งที่ย่างก้าว แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ร่างสูงเลยประคองออกมาพบเจ้าหงส์ตัวน้อย ที่ตอนนี้ทำตัวติดกับหนิงเฟิ่งจนทุกคนที่นี่เห็นจนชินตาไปเสียแล้ว
"ข้าบอกแล้วว่าเดินเองได้ ข้าไม่ได้เป็นง่อยเสียหน่อย ปล่อยข้าได้แล้วท่านลืมไปแล้วรึ ว่าห้ามใกล้ข้าระวังไอ้นั่นจะขาดเอา"
"ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำเช่นนั้นหรอกเสี่ยวไป๋ ข้ายังอยากจะมีลูกอยู่นะ ไม่นานหรอกข้าจะทำให้เจ้าตั้งครรภ์ให้ได้"
"เพ้อเจ้ออะไรของท่านอี้เฟย ข้าเป็นบุรุษจะมีลูกได้ไงเล่า"
"มีได้ซิ ถ้าเจ้าไม่เชื่อคอยดูไปก็แล้วกัน"
"ฮ่า ๆ ๆ ถ้าข้าท้องได้ขึ้นมาจริงๆ ละก็ ต่อไปลิงได้ออกลูกเป็นแมวละมั้ง... คงพิลึกน่าดู"
"หึ หึ หึ หัวเราะไปเถิด ตั้งครรภ์ขึ้นมาเมื่อไร เจ้าจะขำไม่ออก" อี้เฟยกล่าวลอยๆ ออกไป
หลิงซานมองดูเจ้าหงส์ฟ้าตัวน้อยอย่างตกตะลึงในความงดงาม เหมือนเจ้าหงส์จะรับรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าร่างเล็กเป็นนายตนจึงเดินเข้ามาหาเขา ตากลมจ้องมองนายตนตาแป๋วอย่างน่ารัก หลิงซานอดไม่ได้มือบางเอื้อมไปแตะลูบเส้นขนสวยเงางามอย่างสนใจ ใบหน้าสวยซบลงมาบนขนอ่อนนุ่มพลางถูไถไปมาอย่างชอบใจ กิริยาของคนตรงหน้าเล่นเอาร่างสูงกลืนน้ำลายเสียอึกใหญ่ เขาอยากกลายร่างเป็นเจ้าหงส์น้อยตัวนั้นเสียจริง ได้แค่คิดและมองอย่างอิจฉาเจ้าหงส์ฟ้าที่ตอนนี้ดูจะมีความสุขมากมายนัก หนิงเฟิ่งมองการกระทำของนายเจ้าตัวน้อยก็เบาใจ ร่างเล็กดูเป็นคนใจดีอ่อนโยน คงไม่ใจร้ายกับหงส์ฟ้าที่เป็นเพียงสัตว์เทพประจำกายของตนหรอกนะ
"เจ้าตัวน้อย... ทำไมเจ้าน่ารักอย่างนี้นะ"
"เขารับรู้ว่าเจ้าคืนนาย จึงยอมให้แตะต้อง"
"สวยมาก... ข้าไม่เคยเห็นหงส์ตัวไหนสวยขนาดนี้มาก่อนเลย"
"เขาเป็นสัตว์เทพ ย่อมเหนือกว่าสัตว์ทั่วไป ตั้งชื่อรับขวัญเขาเสียซิเสี่ยวไป"
"ข้านะหรือ เอ๋... จะตั้งชื่อว่าอะไรดีนะ เจ้าอยากได้ชื่อแบบไหนล่ะ เจ้าตัวน้อย"
ร่างเล็กหันไปถามหงส์ตัวน้อย พลางทำหน้าครุ่นคิด จนหัวคิ้วผูกกันเป็นปมเพราะยังหาชื่อที่ถูกใจไม่ได้ อี้เฟยมองพลางยกยิ้มออกมาราชินีน้อยของเขาน่ารักสดใสเช่นนี้ อีกไม่นานก็คงจะหายเป็นปกติ ถึงวันนั้นเขาจะขอแก้ตัวกับสิ่งที่เคยทำรุนแรงเอาไว้ จนร่างเล็กไม่กล้าเข้าใกล้เขาอยู่หลายวัน ถึงจะถูกขู่เอาไว้แต่เขาจะตะล่อมไล่ต้อนอีกฝ่ายให้จนมุมยอมเขาให้ได้
"ข้าจะเรียกเขาว่า... เหยียนจื่อ ท่านว่าเป็นเช่นไรบ้าง"
"อืม... ก็ไพเราะดี"
"ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเรียกเขาแบบนี้ก็แล้วกัน"
ร่างสูงเอื้อมมือไปประกบหลังมือเล็กยกขึ้นวางบนศีรษะเจ้าหงส์ฟ้าที่บัดนี้ยืนนิ่งๆ ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ร่างสูงมองใบหน้างามของราชินีตน ปากหนาเอ่ยบอกร่างเล็กตรงหน้า
"เรียกชื่อเขาซิเสี่ยวไป๋" ร่างเล็กพยักหน้ารับ
"ถ้าเช่นนั้นต่อไปนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่า เหยียนจื่อ "
หลังสิ้นคำพูดของร่างเล็ก ก็ปรากฏแสงสีทองบนฝ่ามือที่ยังคงวางอยู่บนศีรษะเจ้าหงส์ฟ้า หลังจากนั้นเจ้าหงส์ฟ้าตัวน้อยก็ค่อยๆ กลายร่างเป็นบุรุษรูบงามบอบบาง ใบหน้าหวานน่ารักเสียจนคนที่เห็น ต่างก็จ้องมองเขาอย่างไม่วางตา โดยเฉพาะหนิงเฟิ่งที่กำลังยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ตาคมจ้องมองดวงตากลมโตของเจ้าตัวน้อยก่อนค่อยๆ เลื่อนลงมาหยุดนิ่งที่ริมฝีปากอวบอิ่มแดงระเรื่อ นานเสียจนร่างเล็กเอ่ยออกมาอย่างไม่มั่นใจ
"เอ่อ... บะ-ใบหน้าข้า... มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า"
เสียงหวานเรียกสติทุกคนให้กลับคืนร่างในทันที
"เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก"
(สวยสัสน่าฟัดมาก) เช็ดน้ำลายแป๊บ
เป็นเสียงของหลิงซาน ที่เพิ่งจะหาเสียงตนเองเจอ เหยียนจื่อมองร่างบางของนายตน ก่อนจะคุกเข่าก้มหัวให้อีกฝ่าย
"ข้าเหยียนจื่อ ขอถวายพระพรองค์ราชินีน้อยพ่ะย่ะค่ะ"
หลิงซานตกใจกับการกระทำของร่างเล็ก จึงรีบดึงให้ลุกขึ้นโดยเร็ว
"ราชินงชะนีอะไรกัน โว๊ะ อย่ามากพิธี ข้าก็เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น เจ้าเรียกข้าว่าพี่เถิดนะ เพราะตอนนี้ข้าคิดว่าเจ้าคือน้องชายข้าไปเสียแล้ว"
"ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ มันไม่ควรกระหม่อมทำอย่างนั้นไม่ได้" หงส์น้อยปฏิเสธ
"ทำไมจะไม่ได้ ก็ข้าพอใจใครจะทำไม ใครกล้าขัดข้า ว่าไงอี้เฟยหรือท่านกล้าขัดข้า"
ร่างเล็กเอาแต่ใจ หันไปเล่นงานร่างสูงที่ยืนอยู่เฉยๆ โดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร
"ข้าเปล่านะ เจ้าอย่ามากล่าวหาข้า"
"ถ้าอย่างนั้นก็ตามนี้ ต่อไปเจ้าคือน้องชายข้าเพราะดูๆ แล้วเจ้าน่าจะอายุน้อยกว่าข้า"
เหยียนจื่อพยักหน้ารับหลิงซานยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะฉวยข้อมือน้องชายคนใหม่พาให้เดินตามตนมา
"ไปเถอะ ไปหาท่านพี่ของข้า ข้าจะแนะนำเจ้าให้ท่านพี่รู้จัก ให้รู้ว่ามีน้องชายน่ารักๆ เพิ่มมาอีกคน"
"แต่เจ้ายังไม่หายดีนะเสี่ยวไป๋ ข้าว่าค่อยไปวันหลังเถิด" อี้เฟยท้วง
"ข้าจะไป ข้าหายแล้ว" พูดจบก็ลากร่างเล็กไปทันที อี้เฟยกับหนิงเฟิ่งหันไปมองหน้ากันก่อนที่อี้เฟยจะเอ่ย
"ดื้อจริงๆ ปล่อยพวกเขาไปเถิดใครจะไปกล้าขัดใจเล่าหรือเจ้ากล้าขัด"
อี้เฟยพูดกับหนิงเพิ่งพลางพากันเดินตามไปช้าๆ
"ข้าเปล่าสักหน่อย ท่านอย่าได้เอาโคลนมาสาดใส่ข้านะฝ่าบาท"
หนิงเฟิ่งประท้วงออกไป เขาไม่ได้เกร็งกลัวต่อคนผู้นี้ แต่ก็ให้ความเคารพตามสมควร เย่วซินเป็นนายเขาโดยแท้จริงเท่านั้น ใครอื่นก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับเขา
"เฮ้อ... เจ้าว่าบุรุษจะกลัวเมียกันทุกคนหรือเปล่านะหนิงเฟิ่ง" ว่าพลางเดินตามร่างบางไปช้าๆ
"ข้าไม่รู้ทำไมถามข้าเช่นนี้ หรือฝ่าบาทจะกลัวองค์ราชินีน้อย"
"เปล่าสักหน่อยข้าไม่ได้กลัวแต่... เกรงใจเขานิดหน่อย"
ปฏิเสธออกมาทันทีทำให้หนิงเฟิ่งหัวเราะหึในลำคอ
"หรือเจ้าไม่กลัว"
"ข้ายังไม่มีคนรัก คงไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอย่างฝ่าบาทหรอก"
"ปากกล้าเช่นนี้ คอยดูหากมีวันนั้นขึ้นมา ข้าจะหัวเราะเจ้าให้ฟันร่วงเลย แต่เอ้ข้าว่าเจ้าหงส์ตัวน้อย ก็ไม่เลวนะเจ้าว่าอย่างไร"
"ข้าไม่รู้"
พูดออกไปพร้อมใบหน้าขึ้นริ้วสีแดงก่อนจะรีบเดินนำอีกฝ่ายออกไป อี้เฟยเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะชอบใจ ตะโกนตามหลังทันที
"ฮ่า ๆ ๆ หากมัวชักช้าระวังจะถูกหมาคาบไปเสียล่ะ"
ร่างสูงของหนิงเฟิ่งหยุดเดิน ก่อนจะหันมาเอ่ยกับอี้เฟยด้วยน้ำเสียงเย็นชาส่งสายตาวาววับมายังอี้เฟย
"ใครกล้า ข้าจะเผามันให้มอดไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูก"
ตำหนักรับรอง
"ฮัดเช้ย... เป็นอะไรนะวันนี้รู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ คงเพราะอยู่แต่ในตำหนักมากเกินไปกระมัง ออกไปเดินเล่นข้างนอกเสียบ้างคงดีไม่น้อย"
ร่างสูงของหลี่หยางฟาน ราชาเผ่าจิ้งจอกเงินเดินเล่นไปเรื่อยๆ ดูนั่นดูนี่ตามประสาคนรักสนุก ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นองค์ราชินีน้อยกำลังจับจูงมือบุรุษหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง พาเดินไปทางตำหนักใหญ่ของราชาเผ่ามังกรคนพี่ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็รีบเร่งฝีเท้าให้ทัน
"องค์ราชินีน้อยจะเสด็จไปที่ใด กับท่านก็เปรียบเหมือนสหายกัน อย่ามากพิธีเลยท่านหายประชวรแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"พอๆ พอเลยท่านหยางฟาน เรียกข้าหลิงซานเถิด ท่านเป็นถึงราชาเผ่าจิ้งจอก สูงส่งไปไม่ได้ด้อยไปกว่าข้า เพราะฉะนั้น เราเท่าเทียมกัน"
หยางฟานราชาเผ่าจิ้งจอกเงินรู้สึกถูกชะตากับอีกฝ่ายนัก ร่างเล็กไม่ถือตัวเลยสักนิด สายตาคมมองจ้องใบหน้างามของอีกคนไม่วางตา จนหลิงซานสังเกตเห็นจึงแนะนำ
"นี่เหยียนจื่อ น้องชายข้าเอง เหยียนจื่อเจ้าทำความรู้จักกับท่านหยางฟาน ราชาเผ่าจิ้งจอกเงินเสียสิ"
เหยีนจื่อหันไปมองหน้าหยางฟานด้วยแววตาหวาดกลัว
"เผ่าจิ้งจอก" สิ้นคำพูดร่างเล็กของเหยียนจื่อก็รีบถอยไปหลบด้านหลังหลิงซานทันที หยางฟานมองอย่างสงสัย ก่อนที่หลิงซานให้ความกระจ่างแก่คนที่ยืนทำหน้าเป็น หมางง
"เหยียนจื่อร่างที่แท้จริงของเขาเป็นหงส์ เขาเป็นหงส์ฟ้าสัตว์เทพประจำกายข้าเอง เขาคงจะกลัวท่านก็ท่านเป็นจิ้งจอกนี่ หากเขาจะกลัวท่านก็คงไม่แปลกหรอก"
"เอ่อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง เจ้าไม่ต้องกลัวข้าหรอกเหยียนจื่อ ถือเสียว่าข้าก็เป็นพี่ชายเจ้าอีกคนก็แล้วกัน น่ารักขนาดนี้ใครมันจะไปกินเจ้าได้ลงคอ"
เหยียนจื่อชักจะทำตัวไม่ถูกเสียแล้วกำลังหาทางหลีกเลี่ยงคนตรงหน้าพอดี ก็เหมือนสวรรค์เห็นใจเขา ส่งคนมาช่วยเขาให้หลุดพ้นจากความอึดอัดนี้ไปเสียที
"เผ่าพันธุ์หงส์ของพวกเรา ไม่เคยมีพี่น้องมิตรสหายเป็นหมา ยิ่งหมาจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์อย่างท่าน ยิ่งไม่สมควรคบหา"
"เจ้าเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องของข้า"
"พูดถึงหมา หมาก็มา ฮ่า ๆ ๆ เป็นอย่างไรเล่า เจ้าหงส์น้อยของเจ้าเสน่ห์แรงใช่หยอก" อี้เฟยอดไม่ได้ที่จะยั่วอีกฝ่าย
หนิงเฟิ่งไม่พูดอะไร ก้าวไปยืนเคียงข้างเหยียนจื่อและหลิงซานก่อนจะเอ่ยขึ้น
"รีบเสด็จเถิด แดดเริ่มจะแรงขึ้นแล้ว"
"ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะ ท่านหยางฟาน"
"เชิญตามสบายเถิด ราชินีน้อย"
หลิงซานไม่พูดอะไร ขาเรียวก้าวออกเดินนำหน้าทุกคนไป อี้เฟยรีบก้าวเดินเคียงข้างกัน หนิงเฟิ่งคว้าข้อมือเล็กของเหยียนจื่อมาจับกุมเอาไว้ พาเดินไปด้วยกันไม่วายหันมาส่งสายตาดุดันไปยังหยางฟานทำนองว่า (อย่าได้บังอาจมาแตะคนของข้า)
"ชิส์ หวงซะขนาดนั้น ข้าไม่ยุ่งก็ได้"
หยางฟานพูดกับตนเองเบาๆ ตามคมจ้องมองตามหลังร่างงามไปอย่างเสียดายแต่ขอตัดใจเถิด ก็เจ้าของหวงซะขนาดนั้นมองเขาด้วยสายตาดุยิ่งกว่าหมาอย่างเขาเสียอีก ร่างเล็กของเหยียนจื่อมองหน้าหนิงเฟิ่งอย่างงงงันและไม่เข้าใจ ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าเขา ไปโกรธใครมาตั้งแต่ชาติปางใด ถึงได้มีสีหน้าดุนัก
ตำหนักใหญ่ของเฟยหลง
"องค์ราชินีเพคะ...องค์ราชินีน้อยเสด็จมาเพคะตอนนี้รออยู่ด้านนอก"
นางกำนัลมาบอกร่างบางทันทีที่เห็นร่างเล็กมาถึง
"ให้เขาเข้ามาสิ จะชักช้าอยู่ไยเขาหายดีแล้วหรือไรกัน"
"ท่านพี่ ดูสิข้าพาใครมา" เสียงเจื้อยแจ้วสดใสดังมาแต่ไกล
"เสียงดีขนาดนี้ เจ้าคงจะหายป่วยแล้วซินะหลิงเอ๋อร์... เสียงดังมาแต่ไกลเชียว"
"ข้าหายดีแล้ว นี่เหยียนจื่อน้องชายอีกคนของเรา"
หลิงซานพูดแนะนำน้องชายคนใหม่อย่างตื่นเต้น มือเรียวคว้าคนตัวเล็กมายืนด้านหน้าตนให้พี่ชายเห็นอย่างถนัด ร่างเล็กของเหยียนจื่อทำหน้าเลิกลักรู้สึกกดดันไม่น้อย ร่างบางจ้องมองใบหน้าน่ารักของผู้มาใหม่อย่างคุ้นหน้าพิกล แต่เพียงไม่นานปากบางสวยก็ยกยิ้มออกมา เมื่อนึกขึ้นได้รอยยิ้มนั้นส่งผลให้ร่างเล็กของเหยียนจื่อผ่อนคลายลงมาก
"เจ้าหงส์ฟ้าตัวน้อยนั่นเอง น่ารักกว่าที่คิดเสียอีก ข้ายินดีรับเจ้ามาเป็นน้องชายข้าอีกคนเหยียนจื่อ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็พักกับหนิงเฟิ่งละกัน ว่าอย่างไรล่ะหนิงเฟิ่งเจ้ามีอะไรขัดข้องหรือไม่"
หันไปถามร่างสูงของหนิงเฟิ่งซึ่งก็ได้เห็นรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก
"ข้าไม่มีอะไรขัดข้อง" เขาตอบผู้เป็นนาย
"จะไปขัดอะไรได้ ยื่นเนื้อเข้าปากเสือชัดๆ เลยพี่สะใภ้ กรรมของเจ้าแล้วล่ะเหยืยนจื่อ"
ร่างสูงของอี้เฟยเปรยขึ้นเบาๆ ให้ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้นเพราะต่างก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
"หากท่านไม่พูด ก็ไม่มีใครคิดคิดว่าท่านเป็นใบ้หรอกนะฝ่าบาท"
หนิงเฟิ่งเหน็บเข้าให้ ร่างสูงของอี้เฟยได้แต่หัวเราะหึในลำคอ ก่อนจะหันไปทางเย่วซิน
"ถ้าเช่นนั้นข้าฝากพี่สะใภ้ดูแลเสี่ยวไป๋สักครู่ ข้าจะไปหาท่านพี่ที่ห้องอักษร มีงานค้างจะรีบไปสะสางให้เสร็จโดยเร็ว แล้วจะรีบกลับมารับเจ้าเสี่ยวไป๋"
พูดจาฝากฝังกับร่างบางก่อนจะหันมาพูดกับร่างเล็กของราชินีตน
"อืม ไปเถิดข้าไม่เป็นไรท่านไม่ต้องรีบร้อนนักหรอก ข้าไม่หนีไปไหนเสียหน่อย"
ร่างสูงยิ้มออกมาพอใจกับคำตอบที่ร่างเล็กเอ่ยออกมา มือหนายกมาลูบศีรษะของร่างเล็กอย่างรักใคร่ หลังจากนั้นทุกคนที่เหลือต่างก็พูดคุยกันตามประสาคนในครอบครัว ที่เพิ่งจะมีเพิ่มขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
"เหยียนจื่อ หลิงเอ๋อร์ยังอ่อนหัดในการใช้ปรานธาตุนัก เจ้ากับเขาธาตุเดียวกัน ข้าอยากจะให้เจ้าเร่งฝึกฝนให้เขาจะได้หรือไม่ ปราณธาตุของข้าคนละสายกับเขา ข้าเกรงว่าหากข้าเป็นคนฝึกฝนให้ จะอันตรายต่อเราทั้งคู่ ถ้าหากขยันฝึกฝนไม่นานก็จะแกร่งขึ้น ตอนนี้อี้เฟยมีภาระมากกว่าเมื่อก่อน คงไม่มีเวลามาฝึกฝนให้เจ้าอีกแล้ว"
"แต่ที่ผ่านมาอี้เฟยก็สอนข้า จนข้าเรียกใช้ปราณธาตุได้แล้ว"
"แค่นี้มันยังไม่พอหรอก เจ้ายังต้องฝึกฝนอีกมากจนกว่า เจ้าจะใช้ประโยชน์จากมันได้เต็มที่ หากมีอันตรายเจ้าก็จะช่วยเหลือตนเองได้ ข้าเป็นห่วงเจ้ามากนะ"
"ข้าจะสอนท่านเอง"ร่างเล็กของเหยียนจื่อตอบรับ
"ก็ได้ๆ ข้าเรียนก็ได้" ร่างเล็กตอบอย่างงอแง เขาไม่อยากร่ำเรียนอะไรทั้งนั้นวิชาบ้าบออะไรก็ไม่รู้ จำยากชะมัดไม่เหมือนกับที่บ้านที่ที่เขาจากมา แม้แต่ข้อสอบยังง่ายกว่านี้เป็นร้อยเท่า แล้วเขาจะรอดไหมนี่ยิ่งคิดยิ่งปวดกระบาล
ยามค่ำคืนในที่พักของหนิงเฟิ่ง ร่างบางของเหยียนจื่อกระโจนลงบนที่นอนหนานุ่ม พลางหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ปากบางเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
"เฮ้อ... นุ่มสบายจัง ข้าอยากนอนบนที่นอนนุ่มๆ แบบนี้มาหลายคืนแล้ว ตอนนั้นข้ายังไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์แบบนี้ได้ เลยต้องนอนบนพื้นแข็งๆ เย็นๆ มันหนาวจะตายไป" ร่างสูงของหนิงเฟิ่งมองใบหน้างามที่หลับตาพริ้มพลางพูดขึ้น
"ถ้าเจ้าชอบ... ข้ายกที่นอนของข้าให้เจ้าเลย"
"ให้ข้า แล้วท่านจะไปนอนที่ไหน"
"ข้าก็นอนกับเจ้านี่ไง"
"ก็ได้ๆ ถ้าอย่างนั้นข้าจะแบ่งให้ท่านนอนด้วยก็ได้ ที่นอนก็กว้างขวางนอนสองคนคงไม่อึดอัดอะไร"
ร่างเล็กพูดกับร่างสูงอย่างใสซื่อออกมา ถ้าเทียบกับมนุษย์แล้วเหยียนจื่ออายุประมาณ16-17น่าจะได้
"อืม..
ร่างบางลุกจากที่นอนหนานุ่มเดินไปยืนตรงหน้าต่าง ที่ยังคงเปิดเอาไว้ดวงตาสวยมองพระจันทร์ดวงกลมโต ไม่อึดอัดหรอก" ร่างสูงตอบรับตาคมจ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตาริมฝีปากได้รูปยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ที่ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า ใบหน้างามดูจะมีความสุขนัก
"พระจันทร์สวยจัง" ร่างสูงเดินมาหยุดมองตามร่างบางก่อนเอ่ยถาม
"เจ้าชอบพระจันทร์หรือ"
"อืม ข้าชอบมาก" ร่างบางหันไปตอบก่อนส่งรอยยิ้มหวานมาให้ ร่างสูงมองรอยบุ๋มที่แก้มนวลทั้งสองข้างที่มันปรากฏขึ้นทุกครั้ง ยามที่เจ้าตัวแย้มยิ้มส่งผลให้รอยยิ้มเล็กๆ น่ามองขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
"ข้าก็ชอบเช่นกัน (แต่ชอบเจ้ามากกว่า) ร่างสูงคิดในใจ
"เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีอะไรอยู่บนดวงจันทร์"ร่างสูงถามร่างเล็ก
"ไม่รู้หรอก แต่เคยได้ยินมาว่ามันมีกระต่ายน่ารักๆ อยู่บนนั้น ท่านละรู้หรือว่าอะไรอยู่บนนั้น"
"รู้สิ"
"อะไรบอกข้าหน่อย" ร่างเล็กจับเอาต้นเเขนร่างสูงเขย่าไปมาอย่างตื่นเต้น
"ไม่บอก สักวันเจ้าจะรู้เอง"
"งื้อ... บอกหน่อยนะข้าไม่รอนานขนาดนั้นหรอก"ร่างบางคะยั้นคะยอ
"เอาล่ะนอนเถิดข้าง่วงแล้ว"
ร่างสูงตัดบทเสียดื้อๆ ทำเอาเจ้าหงส์ตัวน้อยงอนตุ๊บป่องที่ไม่ได้คำตอบตามต้องการ ต่างคนต่างนอนหันหลังให้กัน ไม่นานเสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้รู้ได้ในทันทีว่า ร่างเล็กได้เข้าสู่ห้วงนิทราอันแสนสุขไปแล้ว ร่างสูงค่อยๆ ดันกายหนาขึ้นมานั่งมองใบหน้างามยามหลับใหล สายตาคมจ้องมองคนที่หลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
"แล้วสักวันเจ้าจะรู้คำตอบ เจ้าตัวน้อยของข้า"
ใบหน้าคมโน้มลงมาอย่างช้าๆ ริมฝีปากหนาจรดลงบนหน้าผากมน สูดเอากลิ่นหอมหวานเฉพาะตัวของเจ้าหงส์ตัวน้อยเข้าเต็มปอด จนพอใจแล้วล้มตัวลงนอน มือหน้าคว้าร่างบางมากอดเอาไว้แนบอกหลับตาลงสู่ห้วงนิทราอย่างสุขใจ ถึงจะเป็นเพียงสัตว์เทพแต่ก็มีหัวใจรู้จัก รัก โกรธ เกลียด อย่างเช่นมนุษย์ทั่วไป อาการเช่นนี้ที่เกิดขึ้นมาอย่างฉับพลันกับร่างสูง จะเรียกว่ารักแรกพบก็ไม่ผิด
ตำหนักเฟยหลง
"ร่างบางของเย่วซินกำลังนั่งหวีผมที่แผ่กระจายเต็มแผ่นหลังบางอยู่ที่หน้ากระจก เฟยหลงเดินมายืนชิดแผ่นหลังร่างบาง มือหนาแย่งเอาหวีในมือเรียวมากุมเอาไว้ เย่วซินหันกลับมามองอย่างไม่เข้าใจ
"ท่านจะทำอะไร เอาหวีข้าคืนมานะ"
"เดี๋ยวข้าจะหวีผมให้เจ้าเอง"
"ท่านไม่ต้องลำบากหรอก ข้าทำเองได้"
"แต่ข้าอยากทำให้ เจ้านั่งเฉยๆ เถิดเย่วเอ๋อร์"
ว่าจบร่างสูงก็จับกลุ่มผมที่นุ่มสลวยราวแพรไหมของคนตรงหน้าขึ้นมาหวีอย่างนุ่มนวล มือหนาจับเอาปอยผมนุ่มหอมกรุ่นขึ้นมาดอมดมสูดเอาความหอมอ่อนๆ เข้าปอดอย่างชื่นอกชื่นใจ ร่างสูงพยายามหวีอย่างเบามือที่สุดกลัวว่าร่างบางจะเจ็บ ร่างบางของเย่วซินนั่งนิ่งๆ ให้เฟยหลงทำอย่างที่ใจต้องการ ดวงตาสวยสบเข้ากับตาคมอย่างไม่ตั้งใจ หากแต่ก็ไม่อาจละสายตาออกไปจากกันได้เลย
"เจ้างดงามเหลือเกินเย่วเอ๋อร์ ข้ารักเจ้า ข้าต้องการเจ้า"
ร่างสูงเอ่ยออกมาอย่างกับคนต้องมนต์เสียอย่างนั้น จนร่างบางทำอะไรไม่ถูกใบหน้างามแดงปลั่งอย่างเขินอาย หลบสายตาเว้าวอนจากผู้ที่เป็นสวามี
"จะได้หรือไม่เย่วเอ๋อร์"ร่างสูงจับร่างบางให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา
"คะ-คือ... ข้าเอ่อ... ข้า"ร่างบางอึกอักไม่รู้จะให้คำตอบเช่นไรดี เลยหลบสายตาคมพัลวันโดนลูกอ้อนเช่นนี้เข้าไป ทำเอาร่างงามไปไม่เป็นอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนคนเป็นใบ้ชั่วคราว
"ตะ-แต่ข้า"
"อย่าได้ปฏิเสธข้าเลยนะคนดี ข้าต้องการเจ้า"
ร่างบางไม่เอ่ยคำใดออกมา ใบหน้างามได้แต่ก้มงุดไม่กล้าสบตากับร่างสูง
"เจ้าไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเช่นนี้ ข้าจะถือว่าเจ้ายินยอมหากเจ้าเปลี่ยนใจก็เห็นจะไม่ทันแล้วล่ะ"
ร่างสูงของเฟยหลงช้อนอุ้มเอาร่างบางตรงไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ทันที เขารู้ดีถ้าขืนรอให้ร่างบางเอ่ยอนุญาต เขาคงได้แห้งตายไปเสียก่อน คนปากแข็งอย่างเย่วซินไม่มีทางเอ่ยคำใดออกมาหรอก
ด้านนอกจะเป็นเช่นไรไม่รู้ แต่ภายในตำหนักแห่งนี้มันร้อนระอุไปด้วยไฟปรารถนา ที่กำลังแผดเผาคนทั้งคู่ให้มอดไหม้
กึด!!
กัดอีกแล้ว ร่างบางทั้งกัดทั้งข่วนเขาเพื่อระบายความเสียวซ่านออกมา มันเหมือนคืนที่พวกเขาร่วมหอกันครั้งแรก เลยคิดว่าน่าจะชอบให้เขารุนแรงใส่ไม่น้อย แผลที่ร่างบางกัดเริ่มจะหาย วันนี้ก็ได้แผลใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก ตัวเขาคงได้ลายพร้อยเหมือนตุ๊กแกก็คราวนี้ ขนาดคืนร่วมหอไม่ได้รุนแรงอะไรมากก็ยังเจ็บแสบไม่น้อย
"อึก เจ้าชอบกัดข้านัก ชอบให้ข้ารุน ระ-แรงหรือ"
"อืม... ข้าชอบ "
ได้ยินอย่างนั้น ร่างสูงก็บดจูบอย่างดุเดือด เรียวปากบางที่ตอบสนองกลับไปด้วยความรุนแรงไม่แพ้กัน ขบกัดจนได้เลือดทั้งสองฝ่ายกลิ่นคาวเลือดที่อบอวลอยู่ในโพรงปาก ชวนให้คลื่นเหียนได้ไม่น้อย แต่ก็ไม่มากพอที่จะหยุดพวกเขาสองคนได้ ราตรีนี้คงอีกยาวนาน ร่างสูงคิดว่าพรุ่งนี้ถ้าหากร่างบางลุกจากเตียงไหว ถือว่าเก่งมากแล้ว เพราะคืนนี้เขาจะป้อนความสุขให้อีกฝ่ายจนสำลักเลยล่ะ
ตอนนี้ทั้งเสียงครวญคราง และเสียงกิจกรรมรัก ดังระงมไปทั่วทั้งตำหนักอย่างต่อเนื่อง และไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดในเวลาใด
กว่าร่างสูงจะปล่อยให้ร่างบางได้พักผ่อนก็เกือบสว่างคาตา เขาตักตวงเรียกร้องจากกายงามจนอิ่มแปล้ เล่นเอาคนร้อนแรงสลบคาอกร่างสูงอย่างหมดท่า ขาแกร่งก้าวลงจากเตียงนอนหลังใหญ่ ตรงไปเอาอ่างน้ำกับผ้าผืนเล็ก เพื่อมาเช็ดคราบที่ตนกับอีกคนร่วมกันทำไว้บนกายงาม จนสะอาด มือหนาหยิบเสื้อนอนตัวสวย ที่เขาเป็นคนถอดออกขึ้นมาสวมให้ สภาพเตียงนอนยับเยินไม่น้อยไปกว่าคนที่กำลังนอนหลับใหล ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดสวามี เหมือนแมวน้อยไม่มีผิด
"เจ้าจะทำให้ข้ารักให้ข้าหลงเจ้าขนาดไหนกัน...วันนี้ข้ามีความสุขนัก"
มือหนากอดกระชับอย่างหวงแหน เขาเป็นคนรักแรง เกลียดแรง และหวงของที่สุด หากเป็นของเขา เขาจะไม่ยอมยกให้ใครเด็ดขาด
ความคิดเห็น