ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรักราชามังกร

    ลำดับตอนที่ #16 : เยือนอาณาจักรมังกร

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ย. 63



    ณ. อาณาจักมังกร


    ทุกคนกำลังรอคอยการกลับมาของเฟยหลงเเละอี้เฟย พร้อมรอต้อนรับชายาของทั้งคู่ซึ่งตอนนี้มันเลยเวลามานานมากเเล้ว โดยเฉพาะองค์ราชาเเละองค์ราชินีกำลังตั้งตารอบุตรชายเเละสะใภ้อย่างใจจดใจจ่อ เเละเเล้วการรอคอยของทุกคนก็สิ้นสุดลง เมื่อบุตรชายทั้งสองของพระองค์ปรากฎกายขึ้นพร้อมทั้งชายาทั้งสองคน แต่ที่หน้าเเปลกใจที่สุดคือเฟยหลงกลับต้องอุ้มคู่ของตนกลับมาแทนนี่สิที่ทุกคนต่างเเปลกใจ มารดาของเขาเลยต้องถามออกมา


    "เฟยหลง เกิดเรื่องอันใดขึ้น"


    นางถามพลางก้าวเดินมาหาทั้งคู่ อี้เฟยทำความเคารพบิดาก่อนที่จะหันมาทำเช่นเดียวกันกับมารดา หลิงซานเห็นเช่นนั้นก็เลยทำตามบ้างอย่างเก้ๆกังๆเลยเป็นที่น่ารักน่าเอ็นดูของคนที่พบเห็น จิ่นเม่ยมารดาของเฟยหลงมองสำหรวจสะใภ้ตนอย่างถี่ถ้วน ปากบางเผยรอยยิ้มออกมาอย่างพอใจกับความน่ารักน่าชังของคนตรงหน้า


    "ชายาของเจ้าช่างน่ารักน่าชังยิ่งนัก เจ้ามีนามว่าอย่างไร"


    "ข้ามีนามว่าหลิงซานครับ"


    เขาตอบออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆเพราะมองอีกฝ่ายช่างมีอำนาจเหลือเกิน ส่วนคนที่นั่งอยู่บนบัลลังรึ เขาไม่กล้าเเม้จะมองหน้าอีกฝ่ายเพราะสง่าราศรีของคนที่เป็นจ้าวชีวิตมันค้ำคอเขาอยู่


    "เป็นบุรษหรอกหรือ ช่างงามยิ่งนัก"


    (เดี๋ยวเห็นพี่ชายกรูเข้า จะตาบอดเอาได้เพราะความสวยมันทิ่มตา)


    เขาคิดอยู่ในใจแต่ปากกลับยิ้มอย่างน่ารักใสซื่อส่งไปให้อีกฝ่าย ซึ่งตัวตนจริงๆมันไม่ใช่เช่นนั้นตอนนี้หลิงซานขอทำตัวไหลไปตามน้ำก่อน(ก็ถิ่นของเขานิใครจะไปกล้ามีเรื่อง)


    "แล้วของลูกล่ะเฟยหลง"


    "เป็นบุรุษเช่นกันพะยะค่ะเสด็จแม่ แต่เขาช่างดื้อดึงเหลือเกิน"


    "แล้วลูกทำอะไรกับสะใภ้เเม่ เห็นหมดสติมาอย่างนี้เฟยหลง"



    จิ่นเม่ยก้มหน้ามามองคนที่อยู่ในอ้อมกอดบุตรชายอย่างละเอียดอีกครั้ง


    "ช่างงดงามยิ่งนัก ฝ่าบาททอดพระเนตรสะใภ้ของเราทั้งคู่สิเพคะ ช่างถูกใจข้าเหลือเกิน"


    นางหันไปชักชวนสวามีให้ดูสิ่งที่นางพูด


    "ข้าเห็นเเล้ว คงจะถูกใจพวกเจ้าสามแม่ลูกไม่น้อย ข้าก็เอ็นดูพวกเขาทั้งสองอยู่มากเอาละพวกเจ้าไปพักผ่อนเสียเดี๋ยวค่อยมาคุยกัน"


    "พะยาค่ะเสด็จพ่อ"


    "อี้เฟยประเดี๋ยวเจ้าส่งหลิงซานเข้าตำหนักเสร็จแล้วก็มาพบแม่สักครู่ แม่มีเรื่องจะถามเจ้า ห้ามรังเเกสะใภ้เเม่เป็นอันขาด เจ้าก็เช่นกันเฟยหลงออกมาพบเเม่สักครู่พาชายาของพวกเจ้าไปพักเถิด"


    "พะยาค่ะ"(พร้อมกัน)หลังจากที่ออกจากโถงประชุมอี้เฟยก็พาคู่ของตนมายังตำหนักใน ซึ่งจัดไว้สำหรับคู่ชะตาของพวกเขาก่อนจะเข้าพิธีอภิเษก


    "ปล่อยข้านะเจ้างูบ้า เลิกจับตัวข้าเสียที"

    หลิงซานเหลือจะทนที่อีกฝ่ายเอาเเต่โอบตัวเขาทั้งตัว พาเดินมาด้วยกันจนตัวติดกันจวนจะเป็นปาท่องโก๋อยู่เเล้ว เขาไม่ชินกับความไกล้ชิดแบบนี้จริงๆ


    "รู้สึกว่าเจ้าจะความจำเสื่อมเเล้วกระมังข้าเป็นมังกร ไม่ใช่งูอย่างที่เจ้าพูด"


    "มันก็เหมือนกันนั่นเเหละ"

    เเถเข้าไปยัดเยียดไห้อีกฝ่ายเป็นงูเสียให้ใด้
    ไม่นานก็มาถึงตำหนัก อี้เฟยก็เรียกนางกำนันมาสองคนเพื่อดูเเลหลิงซาน


    "เอาล่ะเจ้าพักผ่อนเถิด ข้าขี้เกียจเถียงกับเจ้าเเล้ว ข้าจะรีบไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่



    "เดี๋ยวพีชายข้าเป็นอะไร ทำไมถึงยังไม่ฟื้นนี่มันก็นานเเล้วนะ"


    หลิงซานถามด้วยความสงสัยว่าพี่ชายเขาเป็นอะไร


    "ไม่เป็นอะไรมาก พี่สะใภ้เเค่โดนเสน่ห์หาเเห่งคู่ชะตาเล่นงานเอา อีกไม่นานก็จะฟื้นเองเจ้าอย่าได้กังวลใจไปเลยเสี่ยวไป๋"


    "หยุดเรียกข้าแบบนี้ซักที"


    "ข้าจะเรียก ในเมื่อเจ้าเรียกข้าเจ้างูได้เลยนี่"

    "อะ ไอ้งูบ้า!! ตะโกนไล่หลังอีกฝ่ายไปอย่างเดือดดาล

    เขาพูดจบก็หันหลังกลับออกไปทันทีหลิงซานจึงมีเวลามองสำหรวจไปทั่วตำหนักที่ตนพักอยู่อย่างละเอียด ก็ต้องตะลึงกับความสวยงาม เเละที่สำคัญความรวยมันทิ่มตาเขา


    "แม่จ้าววว ตาลายเลยเว้ย อะไรมันจะขนาดนี้วะทองทั้งนั้น เจ้าบ้านั้นคงจะรวยน่าดูคอยดูเหอะ เดี๋ยวพ่อจะเเย่งมาให้หมดเลย ฮะ ฮะ ฮะ"

    (ผมก็เเกล้งพูดไปอย่างนั้นล่ะครับ ไม่มีอะไรร๊อก)เสียงสูง


    "พระชายาทรงตรัสว่าอย่างไรนะเพค่ะ"


    นางกำนัลถามขึ้นเพราะเห็นนายตนพูดจาเเละท่าทางเเปลกๆ


    "อะ เอ่อไม่มีไรหรอก เเล้วพวกเจ้าจะให้ข้าเรียกว่าเช่นไร"


    "หม่อมฉันมี่ฮวาเพคะ"

    "หม่อมฉันเม่ยเม่ยเพคะ"

    "อื้ม ยินดีที่ได้รู้จักข้าคงต้องรบกวนพวกเจ้าเเล้ว"


    "หามิได้เพคะเป็นหน้าที่ของหม่อมฉันสองคนที่จะดูเเลพระชายาเพคะ"


    (พระชายาบ้าบอนะสิ กรูเป็นผู้ชายโว้ยทำไมเข้าใจยากนักวะ)


    "ตำหนักที่ท่านพี่ของข้าพักอยู่มันไปท่างไหน ข้าจะไปหาเขา"เขาถามนางทั้งสอง


    "อยู่ไกล้ๆนี่เองเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะนำทางเองเพคะ"



    ตำหนักของเย่วซิน

    เฟยหลงวางร่างบางที่ยังคงหลับไหลลงบนที่นอนนุ่มอย่างเบามือ ก่อนจะก้มลงจุมพิศที่หน้าผากมลอย่างห่วงหา เขาต้องรีบไปพบมารดาไม่อย่างนั้งคงนั่งเฝ้าร่างบางจนกว่าจะฟื้น เลยต้องให้นางกนัลสองคนเฝ้าเเทนเขา



    "เจ้าสองคนดูเเลชายาข้าให้ดี จนกว่าเขาจะฟื้น"


    "เพคะๆองค์รัชทายาท"พร้อมกัน


    เขาพูดจบก็รีบตรงไปยังที่หมายก็สวนเข้ากับหลิงซาน เลยหยุดพูดกับคนตรงหน้าหลิงซานก้มหน้าค้อมตัวลงเล็กน้อยเพื่อเเสงวามเคารพ ยังงัยมารยาทเขาก็พอจะมีอยู่บ้าง เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงองค์รัชทายาทของอาณาจักรเเห่งนี้ เฟยหลงพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย



    "เขายังไม่ฟื้นเลยรบกวนเจ้าช่วยดูเเลเขาเเทนข้าสักประเดี๋ยว ข้าเสร็จธุระเเล้วจะรีบกลับมา"


    "วางใจเถิด ท่านพี่เป็นพี่ชายข้า ข้าย่อมดูเเลเขาเป็นอย่างดี"


    "อืม เเล้วข้าจะรีบกลับมา"





    "เฟยหลงทำไมลูกทำเช่นนี้ ลูกก็รู้มิใช่รึหลังจากผูกชะตาเข้าด้วยกันเเล้ว หากไกล้ชิดกันจนเกินเลยมันจะเกิดอะไรขึ้น"


    มารดาของเขาได้เอ่ยขึ้นหลังจากรับรู้เรื่องราวทุกอย่างจากปากบุตรชาย ก็อดที่จะรู้สึกสงสารสะใภ้ของตนไม่ได้ นางเข้าใจความรู้สึกนี้ดีเพราะนางก็มาจากหมู่บ้านแห่งนั้นเหมือนกัน หากเเต่ว่านางยังพอมี่โอกาสเตรียมตัวเตรียมใจไว้บ้าง เเต่ร่างบางไม่ทันได้เตรียมอะไรเลย ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองเป็นคู่ชะตาอีกคนนึง


    "ลูกต้องขออภัยจริงๆ ลูกรู้เเต่ตอนนั้นมันลืมตัวจริงๆพะยาค่ะเสด็จแม่"


    "เอาล่ะในเมื่อมันผ่านมาเเล้วก็เเล้วกันไป คราหลังเจ้าต้องระวังเอาไว้ให้มากอย่าได้เผลอไผลเป็นอันขาด เจ้าก็ด้วยอี้เฟย"นางเตือนบุตรชายของนางทั้งคู่


    "พะยาค่ะเสด็จเเม่"

    "ว่าเเต่สะใภ้เเม่ พยศมากเลยรึเฟยหลง"


    นางถามด้วยความสงสัย


    "ดื้อดึงหลือเกิน เขาไม่ยอมรับข้าเลย"


    เฟยหลงตอบมารดาด้วยสีหน้าหนักใจ


    "ให้เวลาเขาได้ปรับตัวเสียหน่อยเถิดเฟยหลง เเม่เองก็เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน เเม่เข้าใจความรู้สึกของเย่วซินเป็นอย่างดี"


    "ลูกจะรอพะยาค่ะ จะไม่บังคับ ให้เขาค่อยๆปรับตัว ยังพอจะเหลือเวลากว่าจะจัดพิธีอภิเษก ถึงวันนั้นแล้วลูกก็หวังว่าเขาจะยอมรับลูกได้"


    "แม่อวยพรให้เจ้าทำสำเหร็จเอาชะนะใจเขาไห้ใด้" นางอวยพรบุตรชายของนางก่อนจะหันทางอี้เฟยบ้าง


    "เเล้วเจ้าล่ะอี้เฟย ดูแล้วสะใภ้เล็กของแม่จะอ่อนโยนน่ารักน่าชังไม่น้อยใช่หรือไม่"



    "ลูกว่าไม่น่าจะใช่อย่างที่เสด็จแม่คิดกระมังพะยาค่ะ เขาก็ดื้อดึงเอาการเเต่ลูกคิดว่าเอาอยู่พะยาค่ะ เพราะเขายังอ่อนเยาว์อยู่มากไม่น่าจะดัดยาก"


    เขาคิดเช่นนั้นจริงๆหลังจากแอบดูพฤติกรรมของร่างเล็กก็คาดเดาได้ว่าไม่น่าจะยากเขาเอาอยู่มั่นใจอย่างนั้น





    หลังจากที่เย่วซินหลับไปเสียนานจนคนเป็นน้องใจคอไม่ดี กลัวพี่ชายจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกจนสุดท้ายร่างบางก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆในเช้าวันใหม สิ่งเเรกทีร่างบางเห็นก็คือข้างกายตนมีร่างเล็กที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียง หลิงซานมานอนเฝ้าพี่ชายตนทั้งคืนถึงเเม้นว่าอี้เฟยจะกล่อมให้กลับไปพักที่ตำหนักอย่างไร คนตัวเล็กก็ไม่ยอมท่าเดียวขนาดลากไปเเล้วยังจะดื้อกลับมาอีกจนใด้


    "หลิงซาน" เขาเอ่ยเรียกน้องชายด้วยเสียงที่แหบแห้งในลำคอ


    "ท่านพี่ตื่นแล้ว ข้ากลัวเหลือเกินว่าท่านจะไม่กลับมาเสียเเล้ว"


    หลิงซานละล่ำละลักพูดกับพี่ชายพร้อมตาเเดงๆเหมือนจะร้องให้จนคนเป็นพี่ต้องพูดปลอบออกไป


    "เด็กโง่ ข้าจะไปที่ใดได้ล่ะ ในเมื่อเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ เลิกงอเเงได้เเล้ว"


    เขาพูดพลางยื่นมือสวยมาลูบศรีษะคนเป็นน้องชายอย่างปลอบใจอีกฝ่าย สายตาสวยกวาดมองไปรอบๆห้องที่ไม่เคยรู้จักไม่เคยคุนตาเอาเสียเลยกับความโอ่อ่าหรูหราของที่นี่


    "ที่นี่คงเป็นวังมังกรซินะ เขาพาข้ามายังอาณาจักรมังกรทั้งๆที่ข้ามิได้เต็มใจเลย


    "ท่านพี่" หลิงซานพูดไม่ออกไม่รู้จะปลอบอีกฝ่ายยังงัยดี


    "แม้แต่ท่านพ่อท่านแม่ ข้ายังไม่มีโอกาสใด้เอ่ยคำล่ำลาเลยเเม้เเต่น้อย"


    ร่างบางพูดได้เเค่นั้นน้ำตาเริ่มไหลออกมาอีกครั้ง ร่างเล็กเลยปล่อยให้พี่ชายตนระบายความทุกออกมาให้หมด


    "ท่านพี่ท่านยังมีข้าอยู่ข้างกายท่านนะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเสียหน่อย ข้าก็ไม่ได้อยากมาที่นี่เราจะหาวิธีหนีออกไปจากที่นี่ได้หรือไม่"


    หลิงซานพูพความต้องการของตัวเองออกมา เพื่อจะปรึกษากันหากเเต่เย่วซินยังสับสนอยู่มาก เลยไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้







    เฟยหลงที่ตอนนี้นั่งอ่านฎีกาที่เหล่าขุนนางนำมาให้ ก็มีนางกำนันที่ตำหนักของเย่วซินได้มารายงาน


    "ทูลองค์รัชทายาท ตอนนี้พระชายาทรงฟื้นแล้วเพคะ"


    เพียงใด้ยินว่าร่างบางฟื้นเเล้วเท่านั้นเขาก็รีบลุกเเละมุ่งตรงไปยังตำหนักของร่างบางทันทีอย่างรีบร้อน พอไปถึงเห็นร่างบางนั่งคุยอยู่กับหลิงซาน เลยส่งสัญญานให้ทุกคนออกไปจากตำหนักโดยที่ร่างบางไม่รับรู้ว่ามีใครอีกคนที่ตนไม่อยากจะพบหน้าที่สุดในตอนนี้ ใด้มายืนอยู่ข้างหลังตนเเล้ว


    "ท่านพี่ข้าไปหาอะไรให้ท่านทานดีกว่าคงหิวแย่เเล้ว"


    "ไม่ต้องหลิงซานข้ายังไม่หิวหรอก อยู่เป็นเพื่อนข้าก่อนเถิด"


    "ข้าไปเดี๋ยวเดียวเอง เเล้วจะรีบกลับมาท่านรอข้าครู่เดียวนะท่านพี่"


    "ก็ได้เจ้ารีบกลับมานะ ข้าไม่อยากอยู่คนเดียว"


    หลังจากที่ร่างเล็กออกไปแล้ว เฟยหลงก็มายืนต่อหน้าร่างบางเย่วซินสะดุ้งเล็กน้อย


    "ท่านเข้ามาทำไม ออกไปนะข้าไม่อยากเห็นหน้าท่าน"


    "จะไห้ข้าไปที่ใดกัน ในเมื่อชายาข้าอยู่ที่นี่" เขาตอบออกไป


    "ไม่ ข้ามิใด้เต็มใจเเม้เเต่น้อย อย่าได้บังคับข้าเพราะอย่างไรเสียข้าก็ไม่ยอมเด็ดขาด!!


    เฟยหลงเห็นถึงความดื้อดึงของอีกฝ่ายก็ชักจะโมโหขึ้นมาบ้างเเล้ว


    "เจ้านี่มัน ข้าจะทำเช่นไรกับเจ้าดีเย่วเอ๋อร์"


    "พาข้ากลับหมู่บ้านของข้า"


    "เจ้าอย่าได้ฝันไปว่าข้าจะยอมปล่อยเจ้า ในเมื่อเจ้าคือคู่ชะตาของข้าๆจะไม่มีวันยกเจ้าให้ใครเป็นอันขาด เเม้เเต่คนที่เจ้ารักก็ตาม!!


    "ท่านมันเลวข้าเกลียดท่าน!!!


    เฟยหลงถึงกับเลือดขึ้นหน้า ที่ร่างบางกล่าวหาเขาเช่นนี้ ร่างสูงใช้มือที่เเข็งเเรงจับไหล่ร่างบางอย่างขาดสติ ก่อนที่จะเขย่าจนอีกคนหัวสั่นหัวคลอน


    "ข้าเลวตรงไหนกัน เจ้าจงตอบข้ามาเย่วเอ๋อร์ตอบมาเดี๋ยวนี้!!!


    "ออกไปไห้พ้นนะ ออกไป!!!


    เย่วซินผลักไสทุบตีเขาพัลวัล ก่อนจะรีบลุกจากเตียง ในใจไม่อยากเห็นหน้าบุรุษผู้นี้อีก ไปไหนก็ได้ที่ไม่มีร่างสูง เฟยหลงเห็นเช่นนั้นเลยรีบคว้าร่างบางเอาไว้


    "เจ้าจะไปไหนกันเย่วเอ๋อร์"



    "ปล่อยข้าข้าจะไปที่ไดมันก็เรื่องของข้า ท่านอย่าได้มายุ่ง!!!


    หนักเข้าเขาก็รวบร่างบางเข้ามากอดเอาไว้เเน่น


    "ข้ายอมเจ้าได้ทุกเรื่อง เเต่ขอเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น"


    เขาโอบกอดร่างบางไว้เเนบอก ร้องบอกสิ่งที่ตนต้องการออกไป


    "เเต่เรื่องที่ท่านขอ มันเป็นเรื่องที่ข้าไม่อาจให้ท่านได้ สิ่งเดียวที่ข้าต้องการที่สุดในตอนนี้ คือกลับเผ่าหงส์ไฟบ้านของข้า"


    "เย่วเอ๋อร์ ข้าขอร้องเจ้าเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น"


    เฟยหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนปนอ้อนวอน จนร่างบางสับสนดวงตางามมองคนตรงหน้าอย่างครุ่นคิด เขาคงหมดหนทางเสียแล้ว อย่างไรร่างสูงคงไม่ยอมปล่อยเขาไป เย่วซินถอนหายใจอย่างปลงไม่ตกกับตนเอง


    "คงหมดหนทางจริงๆแล้วสินะ อย่างไรเสีย ท่านก็จะไม่ยอมปล่อยข้าไปจริงๆ"


    "เป็นดังเช่นทีเจ้าว่า เพราะข้ามิอาจปล่อยมือจากเจ้าได้เลยจริงๆ "เขาตอบ


    "ข้าขอเวลาท่าน ท่านจะว่าอย่างไร"


    "ย่อมได้เสมอสำหรับเจ้าเเล้ว ข้ายอมหมดทุกอย่าง ขอเพียงเจ้าอยู่ที่นี่ อยู่เคียงข้างข้า"


    ร่างสูงตอบรับด้วยความดีใจที่ร่างบางยอมอ่อนให้เขา แม้เพียงเล็กน้อยก็ถือว่าเป็นสัณญานที่ดีสำหรับเขาแล้ว เย่วซินกำลังสับสนกับตนเอง อ้อมกอดที่เเสนอบอุ่นและความอ่อนโยนของคนตรงหน้า มันทำให้ร่างบางคิดอะไรไม่ออกสมองมันตีบตันไปเสียดื้อๆ เมื่อมองเห็นรอยยิ้มดีใจที่ร่างสูงส่งมาให้นั้น มองทีไรหัวใจเขามันอยู่ไม่เป็นสุขสักที







    ณ. อาณาจักเผ่ามาร



    อาณาจักรของเผ่ามารที่ยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากเผ่ามังกรเลยแม้แต่น้อย มีราชามารตนหนึ่งปกครองเผ่าพันธ์ของตนอย่างสงบสุขมาเนิ่นนาน ราชามารมีโอรสอยู่สามคนหนึ่งในนั้นคือโอรสคนเล็กสุดที่หาใช่โอรสเเท้ๆของพระองค์ เเต่ไม่ว่าพี่ชายทั้งสองหรือเเม้แต่องค์ราชาเองก็รักเเละเอ็นดูเขาเป็นที่สุด กับความสดใสไร้เดียงสาของน้องเล็ก ทุกคนต่างพากันตามใจเขาจนเคยตัว ทำให้เขามีนิสัยดื้อรั้นเอาเเต่ใจตนอยู่มาก องค์ชายคนโตซึ่งก็คือองค์รัชทายาทของเผ่ามารมีนามว่าหลี่หยวนซื่อ มีนิสัยเด็ดเดี่ยว ใจร้อน ส่วนคนรองมีนิสัยเยือกเย็นนิ่งขรึม เผ่ามารกับเผ่ามังกรไม่ค่อยจะลงรอยกันมาเเต่ไหนเเต่ไรเเล้ว เเต่ไม่ถึงกับตัดไมตรี ยังคงไปมาหาสูกันบ้างในบางครั้ง เเต่ที่ทุกคนรู้ก็คือรัชทายาทของทั้งสองเผ่าที่เป็นไม้เบื่อไม้เมามานาน


    "ข้าได้ข่าวมาว่าเจ้าเฟยหลง ไปรับตัวคู่ของมันมายังเผ่ามังกรเเล้วใช่หรือไม่"


    เขาพูดกับองครักษ์คนสนิทของตน

    "พะยาค่ะกระหม่อมได้เเอบเข้าไปสืบได้ความมาว่า คู่ของโอรสแฝดนั้นช่างงดงามยิ่งนัก เเม้นว่าจะเป็นบุรุษก็เรียกได้ว่างามล่มเมืองเลยทีเดียว"


    "จะซักเท่าไรเชียว ยิ่งเป็นบุรุษด้วยเเล้ว ข้าว่าข่าวลือเสียมากกว่าช่างน่าขันสิ้นดี"


    "แต่กระหม่อมว่าอาจเป็นไปใด้ เห็นนางกำนันพูดกันว่ายิ่งคู่ของโอรสองค์โตยิ่งงามหาที่ติไม่ได้ เป็นที่รักเเละหวงแหนขององค์ชายมากมายนัก เเละจะมีพิธีอภิเษกในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ครานั้นพระองค์คงจะได้เห็นพะยาค่ะ"


    องค์รักชี้เเจงเรื่องราวที่ตนไปสืบได้ความมา ทำไห้คนตรงหน้าชักอยากจะเห็นเสียเเล้ว


    "ไม่หรอก ข้าไม่รอนานขนาดนั้นเป็นแน่ข้าก็อยากเห็นอยู่เช่นกันว่า งามสมดั่งคำล่ำลือกันหรือเปล่า"


    "ท่านหมายความว่า"


    องครักษ์เอ่ยออกมาหลังจากที่รับรู้จุดประสงค์ของผู้เป็นนาย


    "ใช่แล้วข้าจะแอบลักลอบเข้าไปยังวังมังกรอย่างเงียบๆ"


    "แล้วถ้าหากว่าถูกจับได้ล่ะพระองค์จะทำเช่นไร"


    "ไม่หรอกเจ้าก็รู้จักฝีมือข้าดี ไม่มีทางจับข้าได้เป็นอันขาด"


    เขาบอกองครักษ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉยหากแต่ในตาวาววับนั้นไม่ได้นิ่งเฉยเหมือนใบหน้าเลยแม้เเต่น้อย






    เย่วซินมาอยู่ที่วังมังกรเวลาก็ผ่านไปสองอาทิตย์เเล้ว ระหว่านั้นทุกๆวันเฟยหลงจะหมั่นมาหาเขาอยู่เสมอเเรกๆร่างบางก็ไล่เขาเสียทุกครั้งไป เเต่พอนานๆเข้าก็ปล่อยเลยตามเลย ไม่สนใจจะมาก็มาจะไปก็ไปเขาเเค่อยู่เฉยๆ ตอนนี้สภาพจิตรใจเขาดีขึ้นมากเเล้ว เพราะมีน้องชายอยู่เคียงข้างเสมอ พร้อมทั้งองค์ราชินีมารดาของเฟยหลงที่มักจะเเวะเวียนมาหาเขาอยู่เกือบจะทุกวัน ตอนเเรกก็รู้สึกเกร็งมากเเต่ความใจดีมีเมตตาของท่านที่เเสดงออกมาให้เขาได้รับรู้ ทำให้ร่างบางเริ่มจะปรับตัวให้เข้ากับที่นี่ได้บ้างเเล้ว จึงเริ่มจะเปิดเผยตัวตนที่เเท้จริงออกมาทีละน้อยอย่างไม่รู้ตัว เเต่ทุกคนที่นี่สัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างบางได้ โดยเฉพะร่างสูงที่ตอนนี้เขามีความสุขยิ่งนัก รอยยิ้มจึงมักจะปรากฎให้ผู้คนเห็นเสมอ


    "เเม่ว่าช่วงนี้เจ้าจะยิ้มบ่อยไปไหมเฟยหลง มีเรื่องน่ายินดีอะไรรึ"


    มารดาของเขาเอ่ยเย้าบุตรชาย นางพอจะมองเห็นนิมิตรหมายอันดี เกี่ยวกับสะใภ้ใหญ่ของนาง


    "เสด็จแม่ก็ทราบดีอยู่เเล้ว ยังจะมาเเกล้งถามลูกอีก"


    "ฮ่าๆๆๆ แม่ดีใจเสียจริงที่เห็นเจ้ามีความสุข เช่นนี้แม่ก็หายห่วง"



    "ท่านพี่ข้าอยากชวนท่านออกไปเดินเล่นที่นอกตำหนักบ้าง อุดอู้อยู่เเต่ในนี้มันน่าเบื่อจะตาย ไปเดินดูรอบๆวังก็ได้ ตั้งแต่มาถึงข้ายังไม่ได้ไปไหนเลย"


    "ไปซิข้าก็ชักจะเบื่อเหมือนที่เจ้าว่าเหมือนกัน"


    "อึมดีเลยงั้นเจ้าสี่คนตามข้ากับท่านพี่มา เเต่พวกเจ้านำทางดีกว่าข้าไม่คุ้นเคยกับที่นี่"


    "เพคะพระชายา ตามหม่อมชั้นมานะเพคะ หม่อมชั้นจะพาพระชายาทั้งสองเที่ยวชมให้รอบวังเลย"


    นางกำนันหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นพวกเขาทั้งหมดเลยออกจากตำหนักไป หลิงซานตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของอาณาจักรเเห่งนี้มาก


    "โหอะไรมันจะขนาดนี้ เกิดมาจนจะเเก่อยู่เเล้วเนี่ย ยังไม่เคยเห็นอะไรที่มันสวยใด้ขนาดนี้เลย ท่านพี่ว่าจริงหรือไม่"


    เขาหันไปมองพี่ชายก่อนจะถามออกไป


    "อึมข้าก็ว่าเช่นนั้น"


    "เม่ยเม่ย แล้วที่นั่นคือที่ไดกัน"


    เขาชี้มือไปยังที่หมายพลางถามนางกำนันของตนออกมาด้วยความสงไสกับสถานที่ไหม่ที่ดูจะสวยงามอยู่มากเพราะมีดอกไม่นาๆพันขึ้นอยู่เรียงรายไปทั่วนางกำนันมองตามก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้ม


    "อ๋อเป็นอุทยานหลวงเพคะองค์ราชินีทรงโปรดปราณที่นี่มากมักจะเเวะเวียนมาอยู่เสมอไม่ใช่ใครก็เข้าไปได้นะเพคะ"



    "แล้วข้ากับท่านพี่ล่ะเม่ยเม่ย จะเข้าไปได้หรือไม่"


    "ย่อมต้องได้เเน่นอนซิเพคะ ก็พระองค์เป็นถึงพระชายานะเพคะ"


    นางกำนันอธิบายให้ร่างเล็กได้เข้าใจถึงฐานะของตนที่มีในวังมังกรแห่งนี้
    เย่วซินเดินตามอยู่เงียบๆมองไปรอบๆธรรมชาติของที่แห่งนี้มันช่างสวยงามเสียจริงทำให้ร่างบางผ่อนคลายมากขึ้นเสียงน้องชายตนพูดไม่หยุดถามโน่นถามนี่ไปเรื่อย สงสัยไปเสียหมดจนเขายิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูเสียไม่ได้จนในที่สุดก็มาถึงที่แห่งหนึ่ง


    "ที่นี่เขาเรียกว่าอะไรเม่ยเม่ย" หลิงซานถาม


    "เอ่อคือ เอ่อ"


    นางกำนันอึกอักไม่ยอมพูดออกมาสักที เลยสร้างความสงสัยให้เขามาก รวมทั้งเย่วซินก็ด้วย


    "มันมีอะไรรึเจ้าถึงตอบข้าไม่ได้"


    "ไม่มีอะไรหรอกเพค่ะเพียงแต่สถานที่เเห่งนี้ มันคือวังหลังที่มีเหล่าสนมพักอาศัยอยู่นะเพคะพระองค์เอ่อ อย่าไปสนใจเลยเราไปทางโน้นกันดีกว่า"


    "เดี๋ยวข้ายังไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะหายข้องใจ"


    หลิงซานไม่ยอมไปไหนจริงๆหากยังไม่หายสงสัยต่อมอาการเผือกเริ่มกำเริบ


    "พระชายายังข้องใจอันใดรึเพคะ"


    "ก็ข้าสงสัยนิว่านางสนมเหล่านั้นเป็นของผู้ใดกัน"


    "เอ่อคือ คือ ขององค์ชายทั้งสองเพค่ะ"


    นางกำนันทั้งสี่เริ่มมีสีหน้าไม่สบายใจต่างคนก็ยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ใบหน้ากลัวเหลือเกินหากองค์ชายทั้งสองรู้เข้าพวกนางมิต้องหลังขาดหรอกรึที่บังอาจพาพระชายามาที่นี่



    "เจ้าคนบ้า มันช่างน่ารังเกียจเสียจริง"


    ครานี้เย่วซินเอ่ยขึ้นมาเบาๆหลังจากที่เงียบมานาน


    "ไอ้งูโรคจิตรมีผู้หญิงเก็บไว้เป็นโกดังเเบบนี้แล้ว ยังจะมายุ่งวุ่นวายอะไรกับกูอีกวะ"


    "ไปทางนั้นดีกว่าเพคะมีต้นท้อหลายต้นเลยกำลังออกผลสุกน่ากินเชียวเพคะ"


    ลูกท้อหรือมันก็อร่อยใช้ใด้เลยล่ะ เขาก็ชอบกินอยู่ไม่น้อย ใบหน้าหวายเลยเผยรอยยิ้มออกมา สุดท้ายทุกคนก็มาอยู่ในสวนท้อที่ตอนนี้กำลังออกผลเต็มไปหมด


    "ทำไมมันมากมายอย่างนี้ กี่ไร่วะนี่ถ้าเป็นที่เราอยู่เมื่อก่อนคงรวยตายเลย"


    "พระชายาทรงอยากเสวยหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะสอยมาถวาย"


    "โอ๊ยปวดหัวพวกเจ้าพูดธรรมดากับข้าเถิดนะ เเค่นี้ข้าก็ปวดหัวจะตายอยู่เเล้ว สวงเสวยอะไรไม่สนเเล้วพูดได้คำเดียว กรูจะเเดกเว้ย"


    "หลิงซานสำรวมกิริยาของเจ้าเสียหน่อย"


    เย่วซินปรามน้องชายออกมาเบาๆเพราะนางกำนันต่างก็มองมาอย่างงงๆกับคำพูดของร่างเล็ก


    "ไม่มีอะไรหรอกท่านพี่ท่านจะทานหรือไม่เดี๋ยวข้าเก็บให้"


    "ไม่ต้องเพคะ เดี๋ยวพวกหม่อมชั้นจะเก็บให้เอง"


    "ไม่เอาข้าจะเก็บเอง"


    พูดจบเขาก็สวมวิณญานลิง ปีนป่ายขึ้นต้นไม้ทันที


    "ว๊ายยย พระชายาไม่ได้นะเพคะ ทำไมถึงได้ซุกซนเช่นนี้นะ"


    พวกนางเรียกเท่าไรร่างเล็กก็ไม่ยอมลงมา เล่นเอาเหงื่อตกไปตามๆกัน กลัวเหลือเกินว่าจะต้องโทษหากเกิดอันตรายขึ้นกับร่างเล็ก

    หลิงซานตาลายกับผลท้อผลใหญ่ๆ เขาเก็บได้ลูกโตๆหลายลูกจึงโยนลงมาไห้คนที่อยู่ด้านล่างรับ

    "ท่านพี่ ข้าจะโยนลงไปแล้วนะรับด้วย"


    หลิงซานตะโกนลงมา


    "เจ้าระวังตกลงมานะหลิงซาน" เย่วซินเตือนออกไปด้วยความเป็นห่วง


    "ปีนต้นไม้เเค่นี้จิ๊บๆ ทำไม่ได้ก็ตุ๊ดเเล้วเอ้าพวกเจ้ารับซิ ยืนเอ๋อเเดกอยู่ได้"


    เป็นเวลาเดียวที่อี้เฟยผ่านมาทางนี้เข้าพอดี จนได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นในสวนท้อก็ชักจะสงสัย เพราะเห็นเหล่านางกำนันที่เขาให้ดูเเลคนตัวเล็กกับพี่สะใภ้กำลังทำอะไรกัน เลยตรงเข้าไปดู หลิงซานที่อยู่บนที่สูงย่อมมองเห็นเบื้องล่างใด้ถนัด ปากบางเลยเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา รอเวลาเหมาะๆที่อี้เฟยเดินเข้ามาไกล้ๆพอได้จังหวะก็ ตุ๊บบบบ



    "โอ้ยยย "


    ร่างสูงก้มลงมองสิ่งที่หล่นใส่หัวเขาก่อนที่จะตวัดสายตาขึ้นไปมองก็เห็นคนที่เป็นต้นเหตุนั่งกินผลท้ออย่างสบายใจ


    "ลงมาเดี๋ยวนี้เสี่ยวไป๋"


    เขาเรียกร่างเล็กให้ลงมาด้วยสีหน้าเเละเเววตาที่บ่งบอกว่าโกรธจัด น้ำเสียงที่ลอดไรฟันออกมาอย่างช้าๆ จนร่างเล็กทีตอนแรกก็สนุกดีอยูหรอกแต่ตอนนี้ชักจะหมดสนุกเสียเเล้ว เพราะพายุลูกใหญ่ข้างหน้ากำลังจะซัดมาทางตน


    "ข้าไม่ลง ก็ดูท่านมองข้าซิจะกินหัวข้าอยู่แล้วนะ ไม่เอาไม่ลง"


    "ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง จะลงมาดีๆหรือต้องให้ข้าใช้กำลังกับเจ้า"


    "ไม่เอา ไม่ลง"ร่างเล็กดื้อเพ่ง


    "หูหนวกหรือไร ข้าบอกว่าลงมาไม่ได้ยินรึ!!!


    "หูไม่หนวกโว้ย เเต่ไม่ลง!!!


    อี้เฟยหมดความอดทนกับคนตรงหน้าเลยใช้ลมปรานสบัดฝ่ามือออกไปทีเดียว ก็ทำให้ต้นท้อที่ร่างบางเกาะอยู่สั่นไหวรุนแรง ราวกับโดนพายุหลิงซานเกาะต้นไม้เอาไว้อย่างเหนียวเเน่น เเต่ก็ชักจะอ่อนเเรงลงทุกที อี้เฟยยืนมองอยู่เช่นนั้นรอแค่เพียงไม่นาน สุดท้ายร่างเล็กก็หมดเเรงมือบางหลุดจากการเกาะกุมพลัดตกลงมา


    "มะ ไม่นะ อ๊ากกกก ช่วยด้วยยย"


    ร่างเล็กตะโกนอย่างตกใจ อี้เฟยที่รอจังหวะอยู่แล้วรีบกระโดดเข้าไปรับร่างเล็กตกลงมาอยู่ในอ้อมแขนของเขาได้อย่างเหมาะเจาะ เขาก้มลงมองร่างเล็กทีตอนนี้เพียงเเต่นอนนิ่งๆ มองเขาตาปริบๆ


    "ใครปล่อยให้ชายาข้า ปีนต้นไม้กันพวกเจ้าดูแลกันอย่างไร!!


    เขาหันไปเล่นงานเหล่านางกำนัลที่ดูเเลคนตัวเล็ก พวกนางได้เเต่ก้มลงหน้าผากชิดพื้น


    "พวกหม่อมชั้นผิดไปแล้ว องค์ชายโปรดไห้อภัยด้วย"


    "พวกเจ้ารู้ใช่หรือไม่ หากเกิดอันตรายกับสองคนนี้ จะต้องโทษเช่นไร"


    เขาจ้องมองพวกนางด้วยสายตาวาววับนางกำนันกลัวกันลนลาน เพราะไม่เคยเห็นอี้เฟยดุดันน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน


    "พวกหม่อมชั้นสมควรตาย องค์ชายโปรดเมตตาด้วย" พูดพร้อมกัน


    "ไสหัวไปไห้หมด เตียมตัวรับโทษซะ"


    หลิงซานฟังอยู่นานก็อดที่จะประท้วงขึ้นไม่ได้ รู้สึกผิดที่ตนเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ จนทำไห้มีคนถูกลงโทษเพราะความดื้อดึงของตนเอง


    "เดี๋ยวก่อนอย่าลงโทษพวกนางเลยพวกนางห้ามข้าเเล้วเเต่ข้าดื้อดึงเอง พวกนางไม่ผิด"


    "ครานี้เจ้าก็รู้เเล้วใช่หรือไม่ ว่าความดื้อดึงของตนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน"


    "ข้ารู้เเล้ว"

    ตอบด้วยสีหน้าหงอยๆก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาดุๆของอีกฝ่าย พออี้เฟยเอาจริงเข้าก็หายพยศลงมาก ร่างสูงมองหน้าคนที่อยู่ในวงแขนตน


    "เจ้าผิดก็ต้องได้รับโทษ"


    "ไม่นะก็ข้าอยากกินผลท้อนี่หน่า จะมาลงโทษข้าได้อย่างไร มันไม่ยุติธรรมเลย"


    "ยังจะพูดอีก ประเดี๋ยวได้เจอดี ไปกันเถิดพี่สะใภ้ข้าจะไปส่งท่านเอง"



    "เจ้าก็รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าหลิงซานดื้อดึงเพียงใด ไม่มีใครห้ามเขาได้ขนาดข้าเขายังไม่ฟังเลย เเล้วนางกำนัลพวกนั้นจะห้ามเขาอยู่หรือ"


    ร่างบางพูดออกมาระหว่างเดินกลับตำหนัก


    "ใช่ข้ารู้ดี"


    "แล้วเจ้ายังจะสั่งลงโทษพวกนางอีกหรือ"


    เย่วซินพูดออกไปเพื่อจะช่วยให้ะวกนางเหล่านั้นพ้นโทษ อี้เฟยนิ่งคิดอยู่ครู่นึงก่อนตัดสินใจ


    "ถ้าเช่นนั้น ข้าจะยอมละเว้นพวกนางสักครั้ง แต่สำหรับเจ้าเสี่ยวไป๋ ข้าจะไม่ยอมละเว้นเป็นอันขาดเจ้าจะได้หลาบจำ"



    ตำหนักของเย่วซิน


    "ถึงเเล้วพี่สะใภ้ ท่านพักเถิดข้าไม่รบกวนท่านเเล้ว"


    พูดจบก็หันหลังกลับ พร้อมกับร่างเล็กที่ยังคงอยู่ในวงเเขนเช่นเดิม ร่างเล็กเลยประท้วงขึ้น


    "ท่านจะพาข้าไปไหน ปล่อยข้าลงเถิดข้าจะอยู่กับท่านพี่"


    "พาเจ้าไปส่งที่ตำหนักอย่างไรล่ะ" เขาตอบ

    "แต่ข้ายังไม่อยากกลับเลยนี่"


    ร่างเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน หากเเต่ครั้งนี้ไม่ได้ผลดังคาดเอาไว้


    "ไม่ต้องมาออดอ้อนข้า มันไม่ได้ผลหรอก"

    "ชิ ไอ้งูบ้าเสือกรู้ทันอีก"


    สุดท้ายร่างเล็กก็ถูกร่างใหญ่พามาถึงตำหนักจนได้เจ้าตัวเลยมีสีหน้าบูดบึ้งไม่พอใจยิ่งนัก


    "ข้าบอกเเล้วว่าอยากอยู่กับท่านพี่ ท่านยังจะบังคับข้าอยู่อีก"


    "ไว้พรุ่งนี้ค่อยไป ตอนนี้เจ้าอาบน้ำได้เเล้ว ไปเล่นซุกซนมาจนเหงื่อท่วมตัวเเบบนี้"


    "ท่านออกไปซิ ข้าจะได้อาบน้ำ"


    "มา ข้าจะอาบให้เจ้าเอง"


    เขาพูดจบก็ลากร่างบางมายังอีกห้องหนึ่ง ซึ่งอยูติดกับห้องที่ตนอยู่ข้างในมีสระน้ำขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มาก ร่างบางขืนตัวเอาไว้อย่างสุดกำลัง


    "ไม่เอา ไอ้งูชีกอ ดูซิหัวโผล่แล้วนะนั่น"


    "เจ้าจะอายไปทำไมกัน เจ้ากับข้าก็บุรุษเช่นกันมีเหมือนกันหมด"


    "บุรุษบ้านพ่องดิ กูจะไม่อายเลยถ้าหากมึงมองกูเป็นผู้ชาย สัต"


    (คิดจะล่อกูทุกครั้งที่เห็นหน้า)


    "ไม่ ท่านออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าเข้ามาไกล้ข้า ถ้าท่านไม่อยากเจ็บตัว"


    ร่างบางพูดออกมาอย่างจริงจัง แต่อี้เฟยไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้เเต่น้อย


    "เจ้าข่มขู่ข้ารึ เสี่ยวไป๋"


    ว่าพลางเดินเข้ามาไกล้ร่างเล็กเรื่อยๆส่วนร่างเล็กก็ถอยไปจนติดกำแพงห้องอาบน้ำ ร่างสูงใช้แขนทั้งสองข้างยันผนังเอาไว้ เพื่อกักร่างเล็กไว้ในวงแขนของเขา


    "ข้าไม่ได้ขู่นะ"


    "เจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอกเสี่ยวไป๋"


    พูดพลางก้มหน้าลงมาไกล้ร่างเล็กเรื่อยๆจน ผั๊วะ


    "โอ๊ยเจ้าทำอะไรกับข้า"

    ร่างสูงพูดออกมาพลางยกมือขึ้นกุมดวงตาข้างหนึ่งด้วยความเจ็บปวด เพราะฝีมือของร่างเล็ก


    (นี่แค่เบาะๆเอง)

    "ก็ข้าห้ามท่านแล้ว"


    "มานี่เลย วันนี้ข้าจะลงโทษเจ้าที่กล้าทำร้ายข้า" เดินเข้ามาหาร่างเล็ก


    "ท่านอย่าเข้ามานะ ข้ายังทำได้มากกว่านี้อีก หากท่านคิดรังเเกข้า ข้าขอสู้ตาย"


    "คิดว่าข้าจะกลัวรึ มานี่เลย"


    ว่าพลางดึงร่างเล็กตรงมายังสระน้ำก่อนที่จะ


    ตูมมมมม



    ++++++++++++++++++++++++++++





    คิดว่าใครเป็นคนตกน้ำกันคะมารอดูกันต่อไปฝากนิยายเรื่องนี้ของไรท์ด้วยนะคะ


    เม้นมาบ้างก็จะยินดีมากเลยจ้าาา


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×