คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เล่ห์ร้าย
.....วังมังกร.....
"สงสัยข้าจะไม่สบาย"
เขาบ่นพึมพำอยู่คนเดียว ข้างกายมีซิ่นเฉิง องครักษ์หน้าตายยืนอยู่ จะว่าไปแล้ว ซิ่นเฉิงองครักษ์ของเขา ก็เป็นสหายคนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันกับเขา เเละอี้เฟย ถือได้ว่าเป็นองครักษ์ยามอยู่ต่อหน้าฝูงชน เเต่หากอยู่ด้วยกันตามลำพังเเล้ว ก็คือสหายสนิทคนนึงนั่นเอง
ซิ่นเฉิงเห็นอาการของเฟยหลงเลยถามออกไป
"ท่านไม่สบายรึ เฟยหลง"
"ก็คงจะใช่ ข้าครั่นเนื้อครั่นตัวเเปลกๆ"
เฟยหลงตอบอครักษ์หน้าตายออกไป
"จะให้ข้าเรียกหมอหลวงหรือไม่"
ซิ่นเฉิงถามออกไปด้วยความเป็นห่วง
เฟยหลงส่ายหน้าไปมา
"มิต้องข้ามิได้เป็นอะไรมากนัก ว่าเเต่เจ้าเถิด ไม่มีสิ่งใดทำรึ ถึงได้มายืนเสนอหน้าอยู่ตรงนี้"
"ท่านพูดจาไม่น่าฟังเอาเสียเลย ข้าเป็นองครักษ์ของท่าน ไม่ว่าท่านจะไปที่ใด ข้าก็ย่อมต้องอยู่ที่นั่น มันเป็นหน้าที่ของข้า"
"เเม้เวลาที่ข้าเข้าหอด้วยรึเปล่า"
"ก็ได้อยู่หรอก ถ้าท่านยินยอม"
ซิ่นเฉิงพูดพร้อมหันมายิ้มเจ้าเล่ห์
"เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่เเล้วใช่หรือไม่ซิ่นเฉิง"
เฟยหลงหันไปกล่าวคาดโทษองครักษ์ตัวเเสบ ที่ชอบพูดจายั่วโทษะเขานัก เดี่ยวเถิดจะเล่นงานให้หัวเราะไม่ออกเลย
"ข้ายังอยากจะมีชีวิตอยู่ จะรีบตายไปใยยังหาเมียไม่ได้เลย ไม่ยอมตายง่ายๆหรอกนะฮ่าๆๆๆ"
ซิ่นเฉิงพูดพลางหัวเราะ แต่ก็ต้องหยุดลงเพระเสียงของอี้เฟยดังขึ้นมาจากด้านหลังตน ซิ่นเฉิงหันไปตามเสียง เป้าหมายของเขา ไม่ใช่อี้เฟยหรอก แต่เป็นอีกคนที่มีตำแหน่งเดียวกับเขา หากเห็นอี้เฟยที่ใดก็ต้องเห็นอีกคนที่นั่น
"ท่านพี่ ซิ่นเฉิง พวกท่านคุยอะไรกันอยู่รึ ข้าขอคุยด้วยคนนะเบื่อจะแย่อยู่แล้ว"
อี้เฟยมาถึงก็เอ่ยกับพี่ชายตน เฟยหลงหันมามองอี้เฟย ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองอีกคนที่อยู่ด้านหลังน้องชายฝาแฝดของตน พลางกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ถ้าใครที่รู้จักเขาดีอย่างสหายสนิท เขาก็จะรู้ว่า ถ้าหากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เช่นนี้ออกมาจากเฟยหลงแล้ว ย่อมต้องถอยให้ห่างเข้าไว้ เพราะอีกฝ่ายกำลังมีอาการ คันไม้คันมือ อยากจะเล่นงานใครคนใดคนหนึ่ง และเป้าหมายครั้งนี้คงหนีไม่พ้น คนที่ยืนทำหน้าตายอยู่แถวนี้ เขาหันกลับไปตอบคำถามน้องชายเบาๆ
"เปล่าหรอกอี้เฟย มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใดหรอก ก็แค่............"
เขาพูดทิ้งไว้แค่นั้นก่อนที่ดวงตาคมตวัดไปมองหน้าองครักษ์ของตน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้น ทำไห้ซิ้นเฉิงกระวนกระวายใจแปลกๆ กับท่าทีของอีกฝ่าย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเฟยหลงน่ะ ร้ายกาจเพียงใด ซิ่นเฉิงหันไปจ้องเฟยหลง สายตาคมวาววับจ้องตอบกลับมาอย่างไม่มีใครยอมใคร ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากของทั้งคู่ เหมือนจะส่งกระแสจิตออกมาแทนคำพูด
"(.....เฟยหลง ท่านอย่าใด้คิดทำสิ่งใดเเปลกๆเป็นอันขาด.....)"
เฟยหลงจ้องกลับไป พร้อมกระตุกยิ้มที่มุมปากอีกครั้ง อย่างนึกสนุก
"(....ไม่มีทาง.... เจ้าห้ามข้าไม่ได้หรอก)"
ต่างคนเหมือนจะรู้ทันกัน ก่อนที่เฟยหลงหันมาพูดอะไรบางอย่าง ที่ทำให้ซิ่นเฉิงถึงกับนั่งไม่ติด
"ซิ่นเฉิงอยากจะเเต่งเมีย ไม่รู้ไปถูกใจบุตรตรีของขุนนางท่านใดไว้"
เฟยหลงกล่าวเช่นนั้นออกมา ซิ่นเฉิงถึงกับทำหน้าไม่ถูก ขยับเข้ามากระซิบข้างๆหูของเฟยหลงทันที
"ท่านทำอะไรของท่าน คนเจ้าเล่ห์อย่าให้ถึงทีข้าบ้างก็เเล้วกัน จะเล่นให้หนักเชียว"
เฟยหลงกระซิบกลับไป
"คิดว่าข้ากลัวรึ หึหึ"
ซิ่นเฉิงคาดโทดอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะกล่าวเเก้ตัวออกไปพลางลอบสังเกตุสีหน้าของซือจิ้น องครักษ์ของอี้เฟย เห็นอีกฝ่ายตีหน้านิ่งเฉย ราวกับไม่รับรู้อะไร เฟยหลงยิ้มมุมปากอีกครั้ง....ยัง ....เขายังไม่พอเเค่นี้หรอก
"ข้าเปล่านะ ไม่คิดจะเเต่งบุตรตรีของผู้ เข้าจวนหรอก องค์ชายคงจะเข้าใจผิดไป"
ซิ่งเฉิงเเก้ตัวอย่างลนลาน กลัวใครอีกคนจะเข้าใจผิดตามไปด้วย
"ท่านพี่ท่านจะเเกล้งอะไรเจ้าบื้ออีกหรือ"
อี้เฟยกระซิบถามพี่ชายฝาแฝดตน ขึ้นมาอย่างนึกสนุก เขาไม่ชอบอาการหน้าตายขององครักษ์พี่ชายเอาเสียเลย ไม่ว่าโลกจะถล่ม หรือฟ้าจะทะลายลงมา ก็ไม่อาจเปลี่ยนสีหน้าคนผู้นี้ได้เลยจริงๆ
"เรื่องนั้นมันไม่สำคัญ เเต่เรื่องสำคัญสำหรับข้าตอนนี้มีเพียง......"
เฟยหลงพูดพลาง ก็ตรงดิ่งมาทางคนที่อยู่ด้านหลังของอี้เฟย...หมับ...มือเเกร่งคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ ซือจิ้นตกใจพยามชักมือกลับ เเต่เฟยหลงมีหรือจะยอม
เขายิ้มออกมาเล็กน้อย พร้อมปล่อยคำพูด ที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงตาค้างกันไปตามๆกัน
"คืนนี้ เจ้ามาปรนนิบัต ข้าที่ตำหนักด้วย ซือจิ้น"
"ไม่ได้นะ!! ไม่ได้นะท่านพี่!!!"
เสียงร้องห้ามของอี้เฟยเเละซิ่นเฉิงดังออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
"ทำไมจะไม่ได้ ข้าต้องการใครจะห้ามข้าได้"
เขาพูดขึ้น พร้อมคว้าร่างบางมากอดไว้ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปหอมเเก้มอีกฝ่ายเสียฟอดใหญ่ พลางหันไปมองหน้าองครักษ์ตนอย่างผู้มีชัยเหนือกว่ กลิ่นหอมอ่อนๆของอีกฝ่าย ทำให้เขาเผลอสูดดมเข้าไปเต็มปอด ซือจิ้นตกใจจนพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าขาวซีดเผือดทันที ไม่คิดว่าองค์ชายใหญ่จะทำอะไรเเบบนี้กับเขา ร่างบางหันหน้าไปมองซิ่นเฉิง ที่ตอนนี้หน้าตาเหมือนยักษ์ก็ไม่ปาน สายตาของอีกฝ่ายที่มองมา บ่งบอกว่าโกรธจัดเพียงใด อาการถือดีเมื่อสักครู่ใด้หายไปจนหมด เหลือไว้ก็เเต่สายตา ที่ดูเหมือนว่าจะมีไฟบัลลัยกรรสุมอยู่ในดวงตาคู่นั้น
"องค์ชาย ปล่อยกระหม่อมเถิด อย่าล้อกระหม่อมเล่นเเบบนี้เลยพะยะค่ะ"
"ข้าไม่ได้พูดเล่น คืนนี้เจ้ามาหาข้าที่ตำหนัก เเล้วข้าจะรอ"
"เเต่กระหม่อมไม่....เอ่อ..."
เขาอ้ำๆอึ้งๆพูดอะไรไม่ออก อี้เฟยเลยพูดขึ้นอย่างโมโห
"ท่านพี่ท่านพูดเล่นใช่หรือไม่!! เขาเป็นองครักษ์ของข้า ข้าไม่ยกให้ท่านหรอกนะ"
อี้เฟยพูดจบก็ลากร่างบางมาไว้ด้านหลังของตน เเสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่าอย่างไรเสีย เขาก็ไม่มีวันยอม ซือจิ้นอยู่กับเขามานาน เปรียบสหายอีกคนก็ว่าได้
"เจ้าห้ามข้าได้รึอี้เฟย"
เฟยหลงพูดเเค่นั้นก็ออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้คนทั้งสามมองตามด้วยสายตาเดียวกัน
"ไม่นะนี่ท่านพี่กำลังคิดทำอะไรอยู่"
"
"
"
"
"
"
"
"
"
"
"
พอตกกลางคืน ซิ่นเฉิงก็เดินไปมาราวกับหนูติดจั่น หาทางออกไม่ได้ ส่วนซือจิ้นก็กระวลกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่กล้าไปหาเฟยหลงที่ตำหนักจริงๆ เเต่สุดท้ายก็ต้องข่มใจไว้ เเละเดินไปที่ตำหนักของ องค์ชายใหญ่เพราะเลี่ยงไม่ได้จริงๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาไม่มีวันยอมเเละแอบหวังเอาไว้ ขอให้ใครอีกคนยื่นมือเข้ามาช่วยตน ไห้หลุดพ้นจากเหตุการครั้งนี้ไปได้ด้วยเถิด
ทางด้านคนที่ก่อเรื่องก็นั่งอยู่บนเตียงอย่างสบายใจ ใบหน้าหล่อเหล่ายกยิ้มที่มุมปากอย่างเช่นที่ทำเป็นประจำ เพื่อรอคอยการมาของใครบางคน สมใจเขาเเล้วสินะ
คอยดูเถิด คงได้มีใครบางคนเต้นเร่าๆกับเรื่องนี้ อย่างแน่นอน เขาจะรอดูอย่างใจเย็น
"ซิ่นเฉิง เจ้าอยากท้าทายข้าเอง มันช่วยไม่ได้ที่ข้าจะเอาคืนเจ้าซะบ้าง"
เขานั่งรอได้ซักพักก็มีใครบางคนที่เขารอคอยเดินเข้ามา เฟยหลงรีบตรงไปคว้าร่างบางของซือจิ้น เเล้วเหวี่ยงไปที่ฟูกนอนของตนเองทันที เพราะรู้ว่าอีกไม่นานใครอีกคนก็ต้องตามมา
"โอ๊ย....องค์ชายอย่าทำอะไรกระหม่อมเลย...ปล่อยกระหม่อมไปเถิด.."
ซือจิ้นร้องออกมาด้วยความตกใจ เขาโดนอีกผ่าย จู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว เลยหันมาขอร้องอีกฝ่าย ให้ละเว้นเขาด้วยความหวาดกลัว ซือจิ้นเป็นองครักษ์ฝีมือก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าซิ่นเฉิงเลย ถึงตัวเขาจะบางกว่ามากก็ตาม หากเฟยหลงไม่ใช่องค์รัชทายาทละก็ คงได้ลงไม้ลงมือกันบ้างเป็นเเน่ เเต่ตอนนี้เขายังไม่อยากตาย
เฟยหลงจ้องมองเขาก่อนจะถามออกไป
"ทำไม หรือเจ้ามีคนรักอยู่เเล้ว"
ซือจิ้นไม่ยอมตอบอะไรออกมา เฟยหลงเลยก้มหน้าลงไปที่ซอกคอของอีกฝ่ายพร้อมใช้จมูกซุกไซร้ซอกคอขาวของร่างบางอย่างบังคับ เพราะร่างบางดิ้นรนขัดขืน ไม่ยินยอมท่าเดียว
ผ่านไปได้ไม่นาน ไหล่หน้าก็ถูกระชากจากด้านหลัง ด้วยฝีมือขององครักษ์คู่กายตน เขาหันไปมองหน้าองครักษ์ตน ที่เอ่ยอะไรบางอย่างออกมา
"ใช่พะยะค่ะเขามีคนรักเเล้ว ปล่อยเขาเถิด"
ซิ่นเฉิงพูดกับเฟยหลงด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง เเต่สายตากลับลุกวาว เฟยหลงเห็นดังนั้นจึงถามออกไปด้วยรอยยิ้มหยันที่มุมปาก
"มันเป็นผู้ใดกัน"
ซิ่นเฉิงจึงตอบออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
"เขาคือคนรักของกระหม่อมเองพะยะค่ะ พระองค์โปรดปล่อยเขาไปเถิด"
"ฮ่ะๆๆๆ...ก็เเค่นั้นเอง มันจะพูดยากอะไรนักหนา หึหึ เจ้าเเพ้ข้าเเล้ว"
เฟยหลงหัวเราะชอบใจ ยอมปล่อยซือจิ้นไปเเต่โดยดี เมื่อทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คาดหวังไว้ เจ้าสหาย จอมปากเเข็ง นี่ถ้าเขาไม่ทำเช่นนี้ ซิ่นเฉิงจะกล้าบอกอีกฝ่ายหรือไม่.......คงไม่มีทาง ซิ่นเฉิงหันมามองเฟยหลงตาขวาง ประมาณว่า (ฝากไว้ก่อนเถิด) ก่อนจะรวบตัวซือจิ้นกลับจวนตนไป
ส่วนเฟยหลงหลังจากเเกล้งสหายของตนเสร็จเเล้วก็ล้มตัวลงนอนบนฟูกนอนอย่างอารมณ์ดี พลางคิดว่าถ้าเขาไม่ช่วยให้อีกฝ่ายได้รู้ใจตนเองเร็วขึ้น เเละเลิกปากเเข็ง ป่านนี้ก็คงได้เเต่ มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหมือน หมาถูกผู้เป็นเจ้าของทอดทิ้ง เขาเลยยื่นมือเข้าไปช่วยโดย การเเกล้งยั่วโมโหอีกฝ่าย เเล้วมันก็ได้ผลเกินคาดจริงๆ ซิ่นเฉิงกระโจนเข้าใส่กับดักของเขา อย่างบ้าคลั่ง
เป็นผู้อื่นมีรึ จะกล้าเข้ามากระชากเขาเช่นนี้ เเค่นั้นยังไม่พอ อีกฝ่ายยังจะส่งสายตาอาฆาตมาให้เขาประมาณว่า (ถ้าเเตะ เจ้าตาย) เห็นท่าทางของซิ่นเฉิงเหมือนกลัวว่าเขาจะเเย่งของรักตนไป ยิ่งคิดก็ยิ่งสะใจเขายิ่งนัก เพราะแอบหมั่นใส้อีกฝ่ายที่ปากแข็งขนาดเอาอะไรมางัดก็ไม่ออก เขาดูออกว่าซิ่นเฉิงองครักษ์หน้านิ่งของเขาหลงรักซือจิ้นจะเป็นจะตาย เเต่ก็ยังมิวาย ตีหน้านิ่ง ปากเเข็งอยู่ได้
"ฮ่าๆๆ...เป็นไงละ ซิ่นเฉิง ร้อนใจเสียยิ่งกว่าไฟไหม้จวนเสียอีก ข้าคงช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้ ครานี้มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเจ้าเอง ว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะใจอีกฝ่ายได้หรือไม่"
เขาพูดกับตัวเอง ก่อนจะจมดิ่งสู่ห้วงนิทราอันเเสนสุข
________________________________________________________
อีกด้านหนึ่งของคนทีพยายามจะปรับความเข้าใจกัน
"ปล่อยข้านะซิ่นเฉิง เจ้าไปบอกองค์ชายเเบบนั้นได้อย่างไร"
"หรือเจ้าอยากจะเป็นเมียขององค์ชายกันละฮะ?!"
เขาตะคอกใส่ซือจิ้นด้วยความโมโห
"เจ้าไม่รู้หรือว่าข้ารักเจ้า.....เจ้าเคยรู้อะไรบ้างไหมฮะ!"
เขาพูดพลาง จับอีกคนเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน
"ท่านพูดอะไรของท่านออกมารู้ตัวหรือไม่ซิ่นเฉิง"
"ข้าสติดีทุกอย่าง มีแต่เจ้านั่นหละที่ไม่เคยรับรู้อะไรเลย"
"ก็ท่านไม่เคยบอกอะไรข้าเลย จะให้ข้าคิดเช่นไรได้อีก"
ซือจิ้นตอบออกไปอย่างโมโห ที่อีกฝ่าย
เอาเเต่จะโยนความผิดมาไห้เขาผู้เดียว ดวงตาโตมีหยาดน้ำเอ่อคลอ เเละก็ไหลลงมาพร้อมเสียงสะอื้นเล็กน้อยที่เจ้าตัวพยายามห้ามแล้ว แต่ก็ห้ามไม่อยู่ ซิ่นเฉิงเห็นดังนั้นก็ใจอ่อนยวบ รวบร่างบางเข้ามากอดไว้เเนบอก ซือจิ้นเลยก้มหน้าซบที่แผ่นอกกว้างของอีกฝ่าย ปล่อยเสียงสะอื้นออกมาเบาๆ
"เจ้ามันบ้าที่สุดซิ่นเฉิง ข้าเกลียดเจ้า ฮึกๆๆ ฮือๆๆๆ"
"ข้ารู้ เจ้าหยุดร้องเถิด เสียงร้องของเจ้า มันทำไห้ข้าเจ็บ ที่ข้าเป็นเหตุให้เจ้าต้องทุกใจเช่นนี้ ข้ารักเจ้านะ ซือจิ้นรักมานานเหลือเกิน"
"ข้าจะเชื่อใจท่านได้หรือ ที่ผ่านมาท่านไม่เคยเเสดงอะไรออกมาเลยเช่นนี้แล้วจะให้ข้าเชื่อใจท่านได้อย่างไร"
"ข้าพูดจริง...ข้ารักเจ้า ข้าจะขอสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท"
ซิ่นเฉิงกล่าวออกมาอย่างเอาแต่ใจ โดยไม่ถามความคิดเห็นของอีกฝ่ายเลยเเม้เเต่น้อยซือจิ้นไดยินเช่นนั้นก็โวยวายออกมาทันทีผละตนเองออกจากอกเเกร่งของอีกฝ่าย
"ท่านจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร ถามข้ารึยังว่าเต็มใจหรือไม่"
"หรือเจ้าอยากให้ข้าเเต่งกับคนอื่น ก็ได้ หากเป็นความต้องการของเจ้า"
ด้วยความโมโหที่ซือจิ้นเอาแต่ปฏิเสธท่าเดียว เลยพูดออกไปแบบนั้น แต่มันกลับทำไห้อีกฝ่ายร้อนใจจนนั่งไม่ติด
"ถ้าท่านทำเช่นนั้น ชาตินี้ก็อย่าหวังว่าจะได้เข้าไกล้ข้าอีกเลย!!!"
ด้วยความที่กลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างที่พูดออกมาจริงๆ เลยพลั้งปากพูดอะไรอย่างนั้นออกไป คำพูดที่ปล่อยออกไปแล้ว มิอาจเรียกกลับคืนมาไม่ได้ ซือจิ้นเลยทำได้เพียงหันหน้าหนีอีกฝ่าย เพื่อซ่อนความเขินอาย ที่ตนเผลปล่อยความในใจออกมา
ไห้อีกฝ่ายได้รับรู้ เเต่ความจริงแล้วซือจิ้นก็พอใจอีกฝ่ายไม่น้อย เขาดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายก็รู้สึกเช่นเดียวกับตน ซิ้นเฉิงถึงกับยิ้มกว้างออกมา เมื่อรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายมีใจให้ตนเช่นเดียวกัน มือหนาเอื้อมไปรวบมือบางของอีกฝ่ายเอาไว้ อย่างถนุถนอมสายตาคมมองมายังร่างบางด้วยความรักใคร่
"ข้าเเค่ล้อเจ้าเล่น ข้ารักเจ้าคนเดียวเท่านั้น เเต่งกับข้านะ"
"อื้อ..."
เขาพูดพร้อมพยักหน้ารับ เเก้มใสขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอาย
"เจ้าลองพูดไหม่อีกครั้งเมื่อสักครู่ข้าได้ยินไม่ชัด"
"ก็บอกว่าแต่งอย่างไรเล่า...ขืนท่านยังถามข้าอีกข้าจะไม่เเต่งกับท่านเเล้วนะ"
ซือจิ้นพูดออกไปด้วยความโกรธที่อีกฝ่ายไล่ต้อนไห้เขาจนมุม ซิ่นเฉิงเลยเลิกแกล้งอีกฝ่าย
"เจ้าพูดจริงนะ เจ้ารับปากข้าเเล้วห้ามคืนคำเชียว ฮ่ะๆๆๆ ข้าจะมีเมียเเล้วโว๊ยยยย"
เขาตะโกนออกไปด้วยความดีใจ จึงโดนอีกฝ่ายหยิกเข้าให้
"ท่านจะตะโกนทำไมกัน"
"โอ๊ยยยย ยอมเเล้วๆๆข้ายอมเจ้าทุกอย่างไม่ตะโกนแล้วก็ได้ ก็ข้าดีใจนี่"
ซิ่นเฉิงยิ้มไม่หยุดมองใบหน้าคนรักที่บัดนี้ใบหน้าขาว กลายเป็นสีแดงระเรื่อย่างกับลูกตำลึงสุก ครานี้เขาคงได้มีความสุขจริงๆเสียที คงต้องขอบใจสหายจอมเจ้าเล่ห์ของเขาสักหน่อย ที่อีกฝ่ายช่วยกระตุ้นความกล้าให้เขา
______________________________________________
เช้านี้อากาศดียิ่งนัก อี้เฟยเลยออกมาเดินเล่นเพื่อสูดอากาศ บริสุทธิ์ยามเช้าพร้อมกับองครักษ์คู่ใจ ซึ่งบัดนี้เหมือนกับว่าอีกฝ่ายมองโลกใบนี้เป็นสีชมพูไปซะเเล้ว ซึ่งมันดูออกจะขัดใจเขาเล็กน้อย
"นี่ซือจิ้น เจ้าถูกซิ่นเฉิงจอมซื่อบื้อมันทำเสน่ห์ใส่เจ้ารึ ข้าไม่เคยจะรับรู้ ว่าเจ้าชอบพอกับเจ้านั่นมาก่อนเลย มันเกินจะเชื่อจริงๆ"
อี้เฟยกล่าวออกมาเหมือนรำพันกับตนเอง มากกว่าต้องการคำตอบของอีกฝ่าย ซือจิ้นไม่ได้พูดอะไรนอกจากส่งรอยยิ้มอ่อนๆมาไห้อีกฝ่าย
"หึเจ้านั้นมันร้ายเมือนกับพี่ชายข้าไม่ผิด เจ้านายกับลูกน้อง ช่างเข้าใจกันดีเหลือเกิน เอ่อ ข้าจะไปหาท่านพี่ซักหน่อย"
พูดจบอี้เฟยก็ตรงไปพบพี่ชายตนทันทีที่ห้องอักษร เฟยหลงกำลังนั่งตรวจดีกาอยู่ เขาแหงนหน้าขึ้นมามองผู้ที่มาเยือนตนเเต่เช้าแบบนี้
"ท่านพี่ ทำอะไรอยู่รึ"
"ก็เห็นอยู่ ยังจะถามข้าอีก"
"ท่านพี่ ข้าก็แค่ถามดู ท่านเลิกกวนข้าเถิด"
อี้เฟยกล่าวออกไปพลางเหลือบตาไปมององครักษ์หน้าตาย ที่ยืนอยู่ข้างกายพี่ชายตน ซึ่งตอนนี้อีกฝ่ายหาได้สนใจใครสายตาคมเอาเเต่จ้องมองซือจิ้น พร้องส่งรอยยิ้มอบอุ่นไปให้ อี้เฟยมองอย่างขัดใจ
"เจ้าจะมองคนของข้าอีกไปถึงเมื่อไหร่กัน เจ้าบื้อ"
ความหมั่นใส้มาเต็มกำลัง อี้เฟยเกลียดอาการหน้าตายของอีกฝ่ายมานานเเล้ว วันนี้ได้ทีเลยเล่นงานอีกฝายออกไปเล็กน้อยเฟยหลงส่ายหน้าไปมาก็พอจะรูว่าน้องชายตนไม่ค่อยจะถูกกับอีกฝ่าย ยิ่งตอนนี้รับรู้ว่าซิ่นเฉิง ชอบพออยู่กับองครักษ์ตนอีกยิ่งแล้วกันไปใหญ่
"เจ้าจะอะไรกันนักหนากับองครักษ์ของข้ารึอี้เฟย"
"ก็ท่านพี่ดูเจ้านั่นสิ มองคนของข้าอย่างกับจะจับกลืนลงท้องเสียให้ได้ ข้าไม่ยกไห้เจ้าหรอกเจ้าบื้อ"
ซิ่นเฉิงไม่ได้กล่าวอะไรเพียงแต่ยกยิ้มให้อีกฝ่ายเท่านั้น
"ก็คนของเจ้า....มันน่ามองมิใช่รึซิ่นเฉิง"
เฟยหลงมิวายหันมาถากถางอีกคน เลยได้รับเพียงแค่สีหน้าเรียบเฉยกลับมา
"เจ้ามีอะไรก็รีบพูดมา ข้ามีงานที่จะต้องสะสางให้เสร็จโดยเร็ว"
เฟยหลงหันไปพูดกับน้องชายตน ก่อนเลื่อนสายตากลับมามองซือจิ้นที่ยืนอยู่ข้างๆอี้เฟย จึงยกยิ้มออกมาพลางใช้สายตาจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ซือจิ้นเห็นดังนั้น ก็เกิดอาการเสียวสันหลังขึ้นมา พลางย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อคืน พาลเกิดอาการกลัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่เลยถอยกลับไปหลบด้านหลังอี้เฟย อี้เฟยสังเกตุเห็นอาการขององครักษ์ตนเลยหันไปกล่าวกับพี่ชายฝาแฝดของตน
"ท่านพี่ เมื่อคืนท่านทำอะไรกับคนของข้า"
"เปล่า......"
เฟยหลงตอบออกมาพร้อมยักไหล่
"ข้าไม่เชื่อ ทำไมคนของข้าถึงได้กลัวท่านขนาดนี้ ถ้าท่านไม่ได้ทำอะไรเขา"
"เจ้าคิดว่า เจ้านั่นมันจะยอมให้ข้าทำอะไรคนของมันได้รึ เจ้ามีอะไรจะพูดกับข้าก็รีบพูดมา ข้าเสียเวลากับเรื่องไร้สาระมานานมากพอแล้ว อี้เฟย"
"มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อันไดหรอกก็แค่อยากจะคุยกับท่านพี่ เรื่องคู่พันธะของเรา ท่านพี่ว่าคู่พันธะของเราหน้าตาจะเป็นเช่นไร จะงดงามเหมือนเสด็จแม่รึเปล่า"
"ข้าไม่รู้"
"แต่อะไรก็ไม่สำคัญ....ขอแค่...นมใหญ่ๆก็พอ ข้าชอบ"
แฝดผู้น้องกล่าวขึ้นพร้อมกับทำท่าทางประกอบ เฟยหลงส่ายหน้าระอากับความทะลึ่งตึงตังของอี้เฟย ทิ้งอาการเหมือนเสือแม่ลูกอ่อน ออกไปเสียอย่างสิ้นเชิง
"หึหึ ก็ขอให้เจ้าสมหวังแล้วกัน เจ้าออกไปได้แล้ว ข้าจะสะสางงานไม่มีเวลามาพูดเล่นกับเจ้า หรือถ้าเจ้าว่างมากนักล่ะก็ มาช่วยข้าสะสางงานที่ค้างอยู่บ้างก็จดี"
"โอ๊ยยยยย...ไม่เอาหรอกท่านพี่ ข้านะมันโง่จะตาย คงไม่รู้เรื่องหรอกกระมัง ฝืนทำไปคงปวดกะบาลแย่ ข้าไปดีกว่าเชิญท่านพี่ตามสบายเถิด ข้าไม่กวนท่านแล้ว"
อี้เฟยพูดจบก็เผ่นหนีทันที เฟยหลงสายหน้าระอากับนิสัยของน้องชาย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าที่จริงเเล้ว อี้เฟยเก่งไม่แพ้เขาเลย เพียงเเต่เขาเป็นคนรักสนุกคงไม่ชอบงานเเบบนี้ เลยโยนมาให้เขารับผิดชอบเสียส่วนใหญ่ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรปล่อยให้อีกฝ่ายตักตวงความสุขใส่ตัวไป ก่อนที่จะต้องหันมาจริงจังกับตนเองสักที หลังจากเข้าพิธีอภิเษกพร้อมกับเขา หลังจากนั้นเขาได้ตกลงกันเเล้วว่า จะต้องทิ้งนิสัยเดิม เเละกลับมาจริงจังซักทีอี้เฟยจะต้องช่วยเฟยหลงดูเเล อาณาจักรมังกรต่อจากบิดา จะมาทำตัวเหลวไหลเหมือนเดิมคงไม่ได้อีกเเล้ว ซึ่งข้อนี้อี้เฟยก็รู้และยอมรับแต่โดยดี เขานิ่งคิดถึงคำพูดของน้องชายที่เพิ่งผ่านมาเข้าหูเขา
"คู่พันธะรึ หึๆๆ เราคงได้เจอกันในเร็ววัน ชายาข้า"
เฟยหลงยิ้มออกมา ย้อนนึกไปถึงความฝัน ที่เพิ่งจะผ่านมาเมื่อไม่นานนี้ เขาเเน่ใจว่าคู่ของเขาเป็นบุรุษ ในฝันมันช่างชัดเจนเสียจริงพาลให้นึกถึงใบหน้างาม ที่ดูจะหวาดกลัวเขาอยู่ไม่น้อย อาการตัวสั่นเทา ดวงตากลมโตคลอเคล้าไปด้วยหยาดน้ำตา ปลายจมูกเเละริมฝีปากอิ่มแดงระรื่อ นึกขึ้นมาแล้วพาลไห้ความรู้สึกอยากรังเเกคนในฝันยิ่งนัก มันช่างทรมารใจเขาเหลือเกิน
"เจ้าทำไห้ข้าคลั่งตั้งเเต่ยังไม่พบเจอเช่นนี้เเล้ว อย่างไรเสียเจ้าต้องรับผิดชอบ"
เฟยหลงคาดโทษคนตัวเล็กไว้ในใจก่อนก้มหน้าก้มตาสะสางงานที่ค้างไว้อย่างอารมณ์ดี ไห้เสร็จสิ้นโดยเร็ว อยู่ต่อหน้าขุนนางหรือฝูงชนเขาต้องแสดงสีหน้าเคร่งขรึมเอาไว้ เพราะตำเเหน่งรัชทายาทของเผ่ามังกร มันค้ำคอเขาไว้จนมิอาจทำอะไรตามใจตนได้ วันข้างหน้าเขาจะถูกสถาปณาให้ขึ้นเป็นกษัตรหลังจากจบพิธีอภิเษก คู่ของตนจะถูกสถาปณาขึ้นเป็นองค์ราชินีเคียงคู่บัลลัง เพราะภาระหน้าที่ๆตนแบกรับไว้เฟยหลงจึงจำเป็นต้องทำหน้าตาเย็นชา ดุดันอยู่ตลอดเวลาเเละจะดูผ่อนคลายลงไปมาก เวลาที่อยู่กับคนใกล้ชิดเช่น น้องชายเเละสหายของตนก็จะเเสดงออกมาอย่างที่เห็น
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
"
"
"
"
"
"
"
"
"
"
"
มาเเล้วจ้าาา มาอัฟตอนไหม่ให้เล้วน้าาาา
ร้ายนะพระเอกของเรา เนี่ย เย่วซินต้องระวังตัวไว้ด้วยละนะ ส่วนซิ่นเฉิงมีอาการกลัว เมียตั้งเเต่ยังไม่ได้แต่งเลย
คู่นี้มาเร็วเคลมเร็วจ้าเพื่อเพื่มสีสันตัวละครเท่านั้นน้าาาาา
# นืยายเรื่องนี้ เน้นอ่านง่าย เขียนง่าย
# ไรท์เป็นนักเขียนมือไหม่ยังไงฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
# ตอนนี้ยาวกว่าตอนที่ผ่านมานิดหน่อยนะคะ ผิดพลาดยังไงก็ติชมมาได้นะคะแล้วจะรีบมาลงตอนต่อไปค้าาาา
ความคิดเห็น