ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรักราชามังกร

    ลำดับตอนที่ #24 : ใจที่เปลี่ยนไป

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ค. 65


     

    [ใจที่เปลี่ยนไป]

     

    หลังจากปล่อยให้เย่วซินอยู่กับน้องชายอย่างที่ร่างบางต้องการ เฟยหลงก็ออกมานั่งที่ศาลากลางสระบัวกับอี้เฟย เพื่อฆ่าเวลารอรับร่างบางกลับ ตำหนักสองตำหนัก อยู่ใกล้กันเพียงแค่มีสระบัวคั่นกลางเท่านั้น ช่วงนี้เขายังไม่มีงานใหญ่ที่ต้องสะสาง เพราะเพิ่งผ่านพ้นช่วงวิวาห์มาส่วนงานหยิบย่อย เล็กๆ น้อยๆ มอบให้เป็นหน้าที่องครักษ์หน้าตายกับซือจิ้นคอยดูแล หากเป็นเรื่องด่วนค่อยรายงานตน ตอนนี้องครักษ์ทั้งสองคงจะงานยุ่งมาก จนไม่มีเวลามาดูแลพวกเขา เฟยหลงบอกกับซิ่นเฉิงไว้ว่า หากทุกอย่างเข้าที่เข้าทางดีแล้วเขาจะจัดงานมงคลให้กับคนทั้งคู่ ซิ่นเฉิงเพียงแค่กระตุกยิ้มรับอย่างพอใจ สองพี่น้องเลยมีเวลาดูแลราชินีของตนได้อย่างเต็มที่

     

    "อี้เฟยเจ้าเล่นแรงไปรึเปล่า... ดูเย่วเอ๋อร์จะโกรธเจ้าเอามากๆ ก็น้องชายเขาทั้งคนนี่"

     

    ร่างสูงของพี่ชายเอ่ยขึ้น มือหนายกน้ำชาขึ้นมาดื่ม

     

    "ข้าก็พยายามเบามือที่สุดแล้ว แต่ท่านพี่เมื่อคืนกว่าจะสำเร็จเล่นเอาเลือดตาแทบกระเด็น ข้าเกือบเสียทีเขาเข้าให้แล้ว ร้ายจริงๆ เลยเสี่ยวไป๋กล้าวางยาข้า แล้วก็นี่อีกท่านมองดูซิเขาซัดข้าซะตาปูดเลย"

     

    แล้วเรื่องราวสุดแสบก็ถูกถ่ายทอดให้คนเป็นพี่ฟังคร่าวๆ

     

    "ฮ่า ๆ ๆ ร้ายจริงเชียวไม่เสียแรงที่เป็นพี่น้องกัน ร้ายพอๆ กันเลย ช่างเหมาะสมกับเจ้าที่สุดแล้วล่ะอี้เฟย"

     

    "แล้วท่านพี่กับพี่สะใภ้ล่ะ นึกแล้วยังเสียวสันหลังไม่หาย พี่สะใภ้ร้ายกาจนัก บีบคอข้าซะเกือบตาย"

     

    "เย่วเอ๋อร์ใช้วิชาพรางกาย เพื่อจะหลบซ่อนข้า"

     

    "วิชาของเผ่าหงส์ไฟนะหรือท่านพี่ ข้าเคยได้ยินมาบ้าง แต่มันอันตรายไม่ใช่เหรอ"

     

    "มันก็ใช่ แต่เย่วเอ๋อร์แข็งแรงพอที่จะรับผลที่ตามมาได้"

     

    "แล้วท่านพี่หาพี่สะใภ้เจอได้อย่างไร"

     

    "หึ ก็เกือบจะแย่ เจ้าเล่ห์กว่าที่คิดไว้อีก ไปแอบอยู่ในสระน้ำดีนะที่ข้าสังเกตเห็นความผิดปกติ "

     

    เรื่องราวถูกถ่ายทอดจากคนเป็นพี่ให้คนเป็นน้องฟังจนจบ

     

    สองคนพี่น้องนั่งคุยกัน จนเฟยหลงที่นั่งรอเย่วซินเห็นว่ามันนานมากแล้ว ร่างบางยังไม่ออกมาเลยเข้าไปตามพร้อมกับอี้เฟย ที่เข้ามาดูอาการของราชินีตัวน้อยที่ยังคงหลับใหล ภาพที่ร่างสูงเห็นตอนไปถึงร่างบางนั่งเฝ้าน้องชายจนฟุบหลับลง เพราะร่างกายยังอ่อนเพลียอยู่มาก มือหนาโน้มตัวลงมาช้อนเอาร่างบางของคนรักมาไว้ในอ้อมแขน มุ่งหน้าสู่ตำหนักตนทันที แต่ก่อนที่จะไปเฟยหลงก็หันไปพูดกับหนิงเฟิ่งสัตว์เทพของร่างบาง ที่ดูจะเป็นห่วงนายของเขาอยู่มาก

     

    "เจ้าไม่ต้องห่วงเขาหรอก แค่เพียงอ่อนเพลียเลยหลับไป ข้าจะพาเขาไปพักผ่อน เดี๋ยวจะให้นางกำนัลพาเจ้าไปที่พักระหว่างนี้ ข้าฝากเจ้าดูแลเขาด้วย"

     

    ร่างสูงหมายถึงสัตว์เทพอีกตนของหลิงซาน ที่ยังไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ เพราะว่าคนที่จะตั้งชื่อรับขวัญๆ ให้ป่วยลุกไม่ขึ้น

     

    "พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะดูแลเขาเองโปรดวางใจเถิด"

     

    ร่างสูงพยักหน้ารับ ก่อนจะรุดหน้ากลับไปยังตำหนักตน หนิงเฟิ่งมองหงส์ฟ้าแสนงามที่บินลงมายืนจ้องเขาตาแป๋ว มือหนาเอื้อมไปลูบศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู

     

    "เจ้ารอก่อน นายของเจ้ายังไม่สามารถออกมาพบเจ้าได้ในตอนนี้ ช่วงนี้เจ้าก็อยู่กับข้าไปก่อน"

     

    เหมือนว่าเจ้าหงส์ตากลมจะเข้าใจที่ร่างสูงพูด เอียงคอไปมามองหน้าอีกฝ่ายก่อนผงกหัวขึ้นลงเป็นเชิงว่ารับรู้แล้ว สักพักนางกำนัลก็มาเชิญหนิงเฟิ่งไปยังที่พักอย่างนอบน้อม ถึงเขาจะเป็นสัตว์แต่เป็นถึงสัตว์เทพที่อยู่เหนือสัตว์ทั้งปวง สามารถกลายร่างได้ อาจจะเหนือกว่าพวกมนุษย์ธรรมดาก็เป็นได้

     

    "เชิญท่านตามข้ามาทางนี้เถิดเจ้าค่ะ"

     

    เขาพยักหน้ารับแล้วเดินตามนางไปโดยมีเจ้าหงส์ตากลมเดินตามมาด้วย แต่ยังไปไม่ถึงที่พักก็ต้องหยุดฝีเท้าลง ตามมาด้วยความตกใจของเจ้าหงส์ฟ้าแสนงาม ที่บัดนี้วิ่งหนีร่างเล็กขององค์ชายน้อยแห่งอาณาจักรมารอย่างจ้าละหวั่น เมื่อองค์ชายน้อยร้องจะเอาเจ้านกตัวนี้ จะเอา จะเอาไม่หยุดปาก ไล่ตะครุบหวังแค่ได้สัมผัสเส้นขนที่เงางาม จนคนเป็นพี่ต้องจับตัวเอาไว้แน่น

     

    "ท่านพี่ ข้าจะเอาเจ้านกตัวนี้ ข้าอยากได้" องค์ชายน้อยกล่าวอย่างเอาแต่ใจ

     

    "ไม่ได้" องค์ชายรองเลยปรามน้องชายแต่มีหรือร่างน้อยจะฟัง

     

    "ท่านพี่ก็ข้าอยากได้นี่ ไปขอให้ข้าหน่อยนะ..ใครเป็นเจ้าของมันน่ะ"

     

    "คงไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะองค์ชายน้อย"

     

    หนิงเฟิ่งพูดขึ้นสายตาคมจ้องเขม็งมายังร่างบาง ขององค์ชายน้อยเซียวหลาน

     

    "ทำไม ก็ข้าจะเอา"

     

    "เขาเป็นหงส์ฟ้าคู่บารมีขององค์ราชินีน้อย มิมีผู้ใดบังคับเขาได้ นอกจากนายของเขาเท่านั้น"

     

    "หึ หึ เป็นเช่นไรล่ะ นกของเจ้ากลายเป็นหงส์ฟ้าคู่บารมีขององค์ราชินี เจ้ายังจะดื้อรั้น จะเอาอีกหรือไม่ เซียวเอ๋อร์ "

     

    พี่ชายว่าพลางหัวเราะร่างเล็กของน้องชาย ใบหน้าหวานงอง้ำบ่งบอกความไม่พอใจออกมา มือบางยังไม่วายเอื้อมไปหมายจะลูบเส้นขนเงางาม แต่ดันถูกเจ้าตัวปฎิเสธโดยการจิกหมับเข้าที่มือเรียว แต่ก็ไม่แรงนัก ร่างเล็กตกใจรีบชักมือกลับพร้อมกล่าวอย่างคาดโทษ

     

    "ฝากไว้ก่อนเถิดเจ้านกน่าเกลียด ข้าไม่อยากได้เจ้าแล้ว ท่านพี่เราไปทางอื่นดีกว่า แบร่... ชิ"

     

    กล่าวจบรีบลากมือพี่ชาย ก่อนไปก็ไม่วายหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เจ้าหงส์ฟ้า ที่มองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ หนิงเฟิ่งมองตามร่างน้อย พลางส่ายหน้าแล้วหันมาพูดกับเจ้าหงส์ตากลม

     

    "ช่างซุกซนเสียจริง เจ้าอย่าได้ใส่ใจเขาเลยกลับที่พักกันเถิด"

     

    หงส์ทั้งคู่และนางกำนัลก็พากันกลับไปยังที่พักทันที

     

    เหตุการณ์ทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของราชาเผ่าจิ้งจอกเงินทั้งหมด ปากหนายกยิ้มอย่างขบขันร่างน้อย ที่ถูกพี่ชายบ่นเสียจนหูชากับความซุกซนไม่เข้าเรื่อง เขาแอบเดินตามสองพี่น้องมาเรื่อยๆ จนสองคนนั้นหยุดคุยกับบุรุษคนหนึ่ง หากดูไม่ผิดก็น่าจะเป็นราชาเผ่าวิหคปักษา

     

    "เจ้านั่นยังไม่กลับดินแดนของตนเองหรอกหรือ จะมัวรั้งอยู่ไปทำไมกันนะ"

     

    ร่างสูงไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นร่างเล็กสองพี่น้องพูดคุยกับคนอื่นที่ไม่ใช่ตนเลยเดินเข้าไปทักทาย

     

    "อะ-อ้าว... ท่านเหยียนเป่ย ท่านยังไม่กลับอาณาจักรตนเองอีกหรือ สงสัยจะมีเวลาว่างมากสินะ"

     

    "แล้วเจ้าล่ะ คงจะว่างมากเหมือนกัน ถึงได้มีเวลาสอดรู้สอดเห็นเรื่องของผู้อื่นเขาได้"

     

    "นี่เจ้าด่าข้ารึ เจ้านกผี"

     

    "สำรวมกิริยาของท่านหน่อย ท่านหยางฟาน ไม่มีผู้ใดเคยสั่งเคยสอนเรื่องมารยาทหรอกหรือ"

     

    "มีแต่ข้าใช้กับผู้อื่น ไม่ใช่นกผีอย่างเจ้า"

     

    "เจ้า!! "

     

    (นี่ซินะที่มาของคำว่าไม้แก่ดัดยากนิสัยแย่ๆ อย่างเจ้า มันต้องเจอคนอย่างข้า)

     

    "เรียกข้าทำไม"

     

    "ไร้ประโยชน์" เหยียนเป่ยตอบออกไปด้วยอาการนิ่งเฉยเหลือบมองหยางฟานแค่หางตาเท่านั้น

     

    "เจ้านะซิไร้ประโยชน์ เจ้านกผี" หยางฟานหมั่นไส้กับความหยิ่งยโสของอีกฝ่ายเต็มทน

     

    ร่างสูงคร้านจะทะเลาะด้วย จึงเอ่ยลาสองพี่น้องแห่งอาณาจักรมาร ก่อนไปยังหันมาส่งสายตาคาดโทษอีกฝ่ายเอาไว้

     

    "ไว้เจอกัน รับรองเราได้เจอกันอีกแน่นอน เจ้าหมาใน"

     

    "ไม่มีทาง ข้าไม่มีสิ่งจำเป็นใดๆ ที่ต้องเสวนากับท่านอีกแล้ว ขอลาขาดเลยละกัน"

     

    "หึ หึ ก็แล้วแต่ชะตาเถิดไม่แน่สักวันเราอาจมีโอกาสพบเจอกันอีกครั้งก็เป็นได้ เจ้าหมาซื่อบื้อ"

     

    ร่างสูงทิ้งท้ายเอาไว้ได้หนักหน่วงต่ออารมณ์ของราชาเผ่าจิ้งจอกพอดู เพราะมองเห็นใบหน้าที่มืดครึ้มของอีกฝ่าย

     

    "หะ!! หมาซื่อบื้อ อ๊าก... ข้าไม่ยอม ไอ้นกผีข้าเป็นถึงจิ้งจอกเงิน มาเรียกข้าหมาซื่อบื้อได้อย่างไรกัน"

     

    "หึ หึ หึ ข้าว่ามันเหมาะกับท่านดีนะ ท่านหยางฟาน"

     

    ร่างเล็กขององค์ชายรองแห่งอาณาจักรมารหัวเราะหึในลำคอ เขาชักจะสนุกเสียแล้วกว่าจะกลับอาณาจักรของตน คงได้เห็นเรื่องสนุกๆ อีกมาก ดีพวกเขาจะได้ไม่เหงา หมาบ้า กับนกแสบ ก็ไม่เลวเหมือนกัน คงจะสนุกพิลึก

     

    ตำหนักรับรอง

     

    ร่างสูงของรัชทายาทแห่งอาณาจักรมาร กำลังคิดหาวิธีจะได้เจอร่างบางของเย่วซินอีกสักครั้ง ก่อนจะกลับอาณาจักรตน เขายอมรับว่าถูกใจร่างบางมาก ถึงแม้ว่าร่างบางจะมีเจ้าของแล้ว จิตใจฝ่ายชั่วมันบอกว่าให้แย่งชิง แต่อีกใจฝ่ายดีก็บอกว่ามันไม่ควร แต่ร่างสูงเอนเอียงไปยังฝ่ายชั่วมากกว่าเพราะลึกๆ แล้วอยากได้ร่างงามมาครอบครอง อยากจะลักพาตัวอีกฝ่าย ไปซ่อนไว้ที่อาณาจักรของตนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

     

    "หรือเราจะลักพาตัวเขาไป แต่เจ้าหมาบ้านั้นคงไม่ปล่อยไปง่ายๆ หรอก จะทำเช่นไรดี"

     

    แผนการชั่วเริ่มจะผุดขึ้นในสมอง ถ้าหากเขาทำเช่นนี้ อาจจะหมายถึงการเปิดศึกกับเผ่ามังกรเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นต้องคิดแผนการที่แยบยลกว่านี้ ถึงเผ่ามารจะไม่ได้ด้อยไปกว่าเผ่ามังกรแต่หากเกิดการสู้รบขึ้นประชาชนจะต้องเดือดร้อน หากเลี่ยงได้ก็สมควรเลี่ยง

     

    ตำหนักอี้เฟย

     

    "ออกไปนะ พวกเจ้าออกไปให้หมด! "

     

    "แต่หม่อมฉัน"

     

    "ออกไป!! "

     

    เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากตำหนักของอี้เฟย ตอนนี้ในตำหนักกำลังชุลมุนวุ่นวายกันทั้งตำหนัก หลังจากที่ราชินีตัวน้อยลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เอาแต่อาละวาดขว้างปาข้าวของ จนผู้ใดก็เข้าหน้าไม่ติดเดือดร้อนร่างสูงของพระสวามี ที่เป็นต้นเหตุในการป่วยไข้ครั้งนี้ เมื่อได้รับรายงานว่าร่างเล็กฟื้นแล้ว ร่างสูงก็รีบวางงานในมือทุกอย่างที่ตนรับผิดชอบ มุ่งตรงไปยังตำหนักตนทันที

     

    ร่างสูงมองสภาพห้องที่กลาดเกลื่อนไปด้วยข้าวของที่ร่างเล็กขว้างกระจัดกระจายมือบางหยิบจับอะไรได้ก็ขว้างมันออกไปด้วยความโกรธ ไม่สนว่ามันจะไปตกลงบนหัวใครบ้าง เขาโบกมือไล่นางกำนัลให้ออกไปพวกนางถอนหายใจอย่างโล่งอด ปกติร่างเล็กไม่เคยข่มเหงหรืออาละวาดใส่พวกนางอย่างนี้

     

    "เสี่ยวไป๋เจ้ารู้สึกตัวแล้ว... เป็นเช่นไรบ้างยังเจ็บตรงไหนอยู่อีกหรือไม่"

     

    เสียงของร่างสูงเอ่ยออกมายังร่างเล็กก่อนที่ตัวเองจะมาถึงเสียอีกแต่แล้ว

     

    อี้เฟยต้องรีบก้มหัวหลบกล่องไม้ลายสวยงามขนาดเหมาะมือ ที่ร่างบางจงใจขว้างมาทางเขา

     

    "มาทำไม ออกไปนะคนบ้า! ร่างเล็กตวาดแหวออกไปมองเขาตาขวาง

     

    "เจ้าเป็นอะไรเสี่ยวไป๋ ใครทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจหรือไร"

     

    ร่างสูงตรงไปยังร่างเล็กด้วยความเป็นห่วง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล หากแต่ร่างเล็กถอยหนีไปจนชิดผนังอีกด้าน ไม่ยอมให้ร่างสูงเข้าใกล้ อี้เฟยชะงักมองร่างบางตรงหน้าเขา"

     

    "ยะ-อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ ไม่อย่างนั้นข้าจะตีท่านให้ตายเลย"

     

    ร่างสูงมองคนที่แหกปากบอกว่าจะตีเขาให้ตาย ทั้งๆ ที่ตนเองก็ถอยหนีเขาจนชิดผนัง เขาคิดว่าร่างเล็กคงจะหวาดกลัวเขาเข้าเสียแล้ว กับเหตุการณ์ในคืนวิวาห์ ที่ถูกเขาบังคับร่วมหอด้วยความไม่เต็มใจทีแรกเหมือนว่าจะยอมแล้ว แต่พอถึงช่วงสำคัญกลับไม่ยอมเสียอย่างนั้น จะให้เขาทำอย่างไรละก็ต้องบังคับกันแบบนั้น จนอีกฝ่ายเจ็บป่วยขึ้นมาและมีสภาพอย่างที่เห็น

     

    "เสี่ยวไป๋ เจ้าใจเย็นๆ ก่อน เจ้าไม่พอใจข้าเองหรอกหรือ"

     

    "ยังจะมีหน้ามาถามข้าอีก ออกไปนะอย่าเข้ามาใกล้ข้า คนใจร้าย ฮึก คนโกหก ฮึก ฮือ... "

     

    "เดี๋ยวนะ ข้าไปโกหกอะไรเจ้าตอนไหน ข้าไม่เข้าใจเลย"

     

    ร่างสูงทั้งงงและตกใจที่อยู่ดีๆ ร่างเล็กก็กล่าวหาเขาและร้องไห้ออกมา เขาเอื้อมมือออกไป หวังจะรวบร่างเล็กเข้ามากอดหากแต่อีกฝ่ายไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้ ถอยหนีท่าเดียว ทั้งๆ ที่ตนเองก็ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ที่ช่องทางหลังคงจะระบมอยู่ไม่น้อย ร่างเล็กนิ่วหน้าทุกครั้งที่ขยับกาย จนร่างสูงสังเกตเห็นและรับรู้ได้

     

    "เจ้ายังเจ็บ จะขยับตัวทำไม อยู่นิ่งๆ เสียบ้าง"

     

    "ไม่ อย่ามายุ่งกับข้าออกไปให้พ้น ต่อไปอย่าได้เข้าใกล้ข้าอีก..คนโกหก"

     

    "บอกข้ามาสิว่า ข้าไปโกหกอะไรเจ้าตอนไหน"

     

    ร่างสูงพยายามจะถามถึงสาเหตุที่ร่างเล็กกล่าวหาเขา และพยายามที่จะเข้ามาใกล้ แต่ก็ถูกคนตรงหน้าตวาดและอาละวาดขว้างปาข้าวของใส่ จนต้องยอมล่าถอยออกมาก่อน เดือดร้อนพี่ชายเขาอีกเมื่อน้องชายไปหาเขาถึงตำหนัก

     

    ตำหนักเฟยหลง

     

    "ท่านพี่ช่วยข้าด้วย"

     

    "อะไรของเจ้าอีกล่ะอี้เฟย"

     

    ร่างสูงของพี่ชายเอ่ยปากถามออกมาเมื่อเห็นใบหน้าซึมๆ ของน้องชาย อี้เฟยอายุรึก็เท่ากับเขาแค่ห่างกันไม่ถึงชั่วยาม แต่อี้เฟยชอบทำตัวเหมือนไม่รู้จักโต มีเรื่องอะไรก็วิ่งแจ้นมาหาเขาอยู่ร่ำไป ทั้งที่จริงแล้วน้องชายเขาแข็งแกร่งและเฉลียวฉลาดพอตัว ทุกคนที่นี่ย่อมรู้ดีแม้ว่าเมื่อก่อนจะเจ้าชู้ลื่นไหลไปเรื่อย แต่น้องชายเขาก็หยุดลงได้ เพราะความรักที่มีต่อราชินีตัวน้อยไป๋หลิงซานแต่เพียงผู้เดียว

     

     

     

    "ก็เสี่ยวไป๋นะสิ หลังจากรู้สึกตัวขึ้นมาก็อาละวาดไม่ยอมให้ข้าเข้าใกล้เลย ไล่ข้าทุกครั้งที่เห็นหน้าข้า ข้าจะทำเช่นไรดี ท่านพี่ข้ากังวลเหลือเกิน"

     

    "มันก็สมควรแล้วมิใช่รึ หลิงซานยังเยาว์กว่าเจ้านัก เจ้ารุนแรงกับเขาจนเขาขลาดกลัวไม่ให้เจ้าเข้าใกล้ มันก็ไม่แปลก หึ หึ มันสมควรแล้ว"

     

    เฟยหลงไม่ได้เข้าข้างอี้เฟยเลย สิ่งที่อี้เฟยทำมันออกจะเกินไป แม้จะรู้ว่าร่างเล็กไม่สามารถหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บที่ร่างเล็กต้องพบเจอไปได้ เพราะหลิงซานยังเยาว์และอ่อนแอกว่าเย่วซินมาก แต่ดูจากสภาพร่างกายของคนตัวเล็กที่เขาเห็น อี้เฟยคงจะลืมตัวเผลอรุนแรงกับร่างเล็กเป็นแน่

     

    "โถ่... ท่านพี่ก็อย่าซ้ำเติมข้านักเลย แค่นี้ข้าก็รู้สึกผิดมากแล้ว"

     

    "สมน้ำหน้าเจ้านัก น้องชายข้าเจ็บเสียจนจับไข้ เขาแค่ไล่เจ้าออกไปแค่นี้มันยังน้อยไป หากเป็นข้า ข้าจะตัดไอ้นั่นของเจ้าทิ้งซะ"

     

    ร่างบางของเย่วซินที่นั่งฟังอยู่นาน ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น อาการเขาดีขึ้นมากแล้วเพราะได้รับการดูแลเอาใจใส่ของผู้ที่เป็นสวามีเป็นอย่างดีมาตลอด

     

    "อูย... พี่สะใภ้ก็อย่าใจร้ายกับข้านักเลย... ข้าสำนึกผิดแล้ว"

     

    อี้เฟยหน้าสลดก้มหน้าสำนึกผิดอย่างที่ว่าไว้ เย่วซินมองอาการหูลู่หางตกของอีกฝ่าย ก็ไม่คิดที่จะซ้ำเติมคนตรงหน้าอีก

     

    "พี่สะใภ้ช่วยข้าหน่อยนะ กล่อมเสี่ยวไป๋ให้เขายอมอภัยให้ข้า ข้าจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลย"

     

    อี้เฟยส่งสายตาให้น่าสงสารที่สุดหวังให้พี่สะใภ้ตนใจอ่อน เย่วซินถอนหายใจออกมา

     

    "ข้าจะลองพูดให้ แต่ไม่รับรองว่าผลออกมาจะเป็นอย่างไร มันขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเองด้วย"

     

    ร่างบางไม่ได้เต็มใจจะช่วยสักเท่าไรปล่อยให้น้องชายเขาสั่งสอนเสียบ้างก็ดี แต่ถึงอย่างไรหลิงซานก็ตกไปเป็นของอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์แล้ว ก็ไม่อยากให้โกรธเคืองกันนานเกินไป

     

    "แค่นี้ก็ดีมากแล้ว... ขอบคุณท่านมากพี่สะใภ้"

     

    ใครว่าผู้หญิงมารยาเยอะ ผู้ชายอย่างอี้เฟยก็ไม่น้อยหน้าเลย เขายิ้มอย่างสมใจคิดถูกแล้วที่เข้าทางพี่สะใภ้ ถึงจะเสี่ยงตายไปเสียหน่อย แต่ผลที่ได้มามันเกินคาดจริงๆ มุมปากกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาความเจ้าเล่ห์ ความร้ายกาจมันไม่ด้อยไปกว่าพี่ชายเลย

     

    หลังจากนั้นเย่วซินก็มุ่งหน้าไปยังตำหนักของอี้เฟยที่น้องชายเขานอนพักผ่อน โดยมีหนิงเฟิ่งเเละเจ้าหงส์ตากลมเดินตามไปไม่ห่าง เย่วซินรู้สึกเอ็นดูเจ้าหงส์ตัวน้อยของน้องชายอย่างมาก

     

    "หนิงเฟิ่ง เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ข้าฝากดูแลเจ้าตัวน้อยนี้ด้วย"

     

    "พ่ะย่ะค่ะองค์ราชินี" ร่างสูงตอบ

     

    "ต่อไปเจ้าเรียกชื่อข้าเฉยๆ ไม่ต้องมากพิธีข้าไม่ชอบ"

     

    "แต่... ท่านเป็นนายข้า ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้"

     

    "นี่เป็นคำสั่ง ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นผู้อื่นเลย"

     

    "แต่กระหม่อมว่าไม่ควร"

     

    "ไม่มีแต่ เจ้าเปรียบเหมือนสหายข้าเป็นอีกคนในครอบครัวข้า เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไป เจ้ากับเจ้าตัวน้อยถือว่าเป็นครอบครัวข้าอีกคน เจ้าเข้าใจหรือไม่หนิงเฟิ่ง"

     

    "พ่ะย่ะค่ะ เอ่อ... ขอรับท่านเย่วซิน"

     

    ร่างบางยกยิ้มอย่างพอใจก่อนจะก้าวเข้าตำหนักไป หนิงเฟิ่งมองตามอย่างซาบซึ้งใจที่อีกฝ่ายก็ให้เกียรติเขาไม่น้อย ไม่ได้ข่มเหงอย่างที่คิดกลัวเอาไว้ตอนแรกต่อจากนี้ไป หากคนผู้นั้นคิดว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เขาก็จะปกป้องครอบครัวนี้ให้ถึงที่สุด จะไม่ยอมให้ผู้ใดมาคิดร้ายหรือทำลายคนในครอบครัวเขาได้ รวมทั้งเจ้าหงส์ฟ้าตัวน้อยนี่ด้วย

     

    ซือจิ้นองครักษ์ของอี้เฟย เเละซิ่นเฉิงองครักษ์ของเฟยหลง เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่องค์ราชินีของตนพูดกับหนิงเฟิ่ง ก็รู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก อาณาจักรมังกรช่างโชคดีเหลือเกิน ที่ได้คนผู้นี้มาเป็นราชินีเคียงข้างมังกรอย่างเฟยหลงนายของตน ความเมตตาที่ร่างบางมี มันหาได้ยาก และหาไม่ได้จากอีกคน ที่เป็นจ้าวชีวิตของทุกคนที่แห่งนี้

     

    หากจะเทียบกับเฟยหลงแล้ว อีกฝ่ายไม่ได้ใจดีอย่างที่แสดงให้ร่างบางใด้เห็นเขาอยู่เหนือคนทั่วไป ปกครองคนจำนวนมาก จึงต้องใจแข็งเด็ดขาดเพื่อให้ง่ายต่อการปกครอง

     

    ซิ้นเฉิงกับซือจิ้น พวกเขาสองคนยังคงรักกันเช่นดังเดิมไม่เปลี่ยน แม้ว่าซิ่นเฉิงจะพยายามขอร่างเล็กแต่งงานมาหลายครั้งแล้ว แต่เขาขอผัดเอาไว้ว่าจะยอมแต่งก็ต่อเมื่อ อี้เฟยและเฟยหลงเข้าพิธีมงคลเสร็จสิ้นแล้วเท่านั้น และนี่ก็ถึงเวลาแล้วที่ซิ่นเฉิงจะทวงสัญญาจากคนรัก

     

    "คราวนี้... เจ้าจะยอมเข้าพิธีมงคลกับข้าได้หรือยัง ห้ามเจ้าปฏิเสธข้าอีก คราวนี้ข้าไม่ยอมจริงๆ "

     

    "คะ-คือ... ท่านจะรีบร้อนทำไมกัน ข้าไม่หนีท่านไปไหนเสียหน่อย"

     

    "ไม่รู้ล่ะ ข้าให้ท่านแม่หาฤกษ์ไว้รอแล้ว เจ้าคงจะบ่ายเบี่ยงข้าไม่ได้อีกแล้วล่ะซือจิ้น"

     

    พูดพลางรวบร่างของคนรักเข้ามากอดใบหน้าคมโน้มลงไปที่ใบหน้าหวาน ซึ่งตอนนี้มันแดงก่ำอย่างเขินอาย ปากหนายกยิ้มอย่างชอบใจก่อนจะค่อยๆ ฝังริมฝีปากลงบนแก้มนวล เป็นเหตุให้ร่างเล็กในอ้อมกอดหยิกหมับเข้าให้แก้เขิน

     

    "ฮ่า ๆ ๆ เจ้านี่ช่างน่ารักน่าชังเสียจริง ข้าอยากร่วมหอกับเจ้าเสียเดี๋ยวนี้เลย"

     

    "ท่าน... พูดอะไรไม่อายปาก"

     

    "จะอายไปทำไมกัน ก็ข้าพูดความจริงนี่"

     

    "ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว ท่านกลับไปเลยนะ"

     

    ร่างสูงยอมกลับไปโดยดี ขืนยังอยู่มีหวังโดนร่างเล็กซัดเข้าให้อีก พลางหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ รอก่อนเถิดอีกไม่นานหรอกตอนนี้ท่านแม่ก็กำลังเริ่มจะเตรียมงานมาเรื่อยๆ ถึงเวลานั้นหากร่างเล็กยังจะบ่ายเบี่ยง เขานี่แหละจะบังคับให้อีกฝ่ายยอมเข้าพิธี ไม่ยอมให้หลีกเลี่ยงได้อีก นี่เขาก็ยอมอดทนรอร่างเล็กมานานมากพอแล้ว

     

    ร่างเล็กของหลิงซานยิ้มดีใจออกมาทันทีที่เห็นหน้าพี่ชายก้าวเข้ามาในตำหนักก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง

     

    "ท่านพี่ท่านเป็นเช่นไรบ้าง แล้วคืนร่วมหอ เอ่อ... รอดพ้นหรือไม่"

     

    ถามพี่ชายออกไป แต่ไม่กล้าสบตาพี่ชายเพราะอับอาย เย่วซินรับรู้ความรู้สึกของน้องชายดี เลยส่ายหน้าไปมาให้คนเป็นน้องรับรู้ หลิงซานอึ้งพูดอะไรไม่ออก

     

    "เจ้าไม่ต้องอายข้าหรอก... ข้าก็... ไม่อาจหนีรอดเหมือนกัน แล้วเจ้าดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่หลิงเอ๋อร์"

     

    "ทะ-ท่านพี่ก็ไม่อาจหนีพ้นหรอกหรือ แล้วท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า"

     

    "ข้าน่ะไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้บาดเจ็บมากนัก เขาอ่อนโยนกับข้ามาก ไม่ได้เป็นหมาบ้าเหมือนเจ้านั่นหรอก ว่าแต่เจ้าเถิด"เขาเอื้อมมือมาลูบศีรษะน้องชายเบา

     

    "ข้าดีขึ้นมากแล้ว"ร่างเล็กมีสีหน้าสลดลงมาก พี่ชายเลยเอ่ยกับน้องชาย

     

    "เจ้ากับข้า ถูกกำหนดให้ยืนเคียงข้างเขามาตั้งแต่ต้นแล้ว เพียงแต่พวกเราไม่ยอมรับมันเอง ดื้อด้านไปก็เหนื่อยเปล่า เฮ้อ... ก้มหน้ายอมรับมันซะ บางทีมันอาจไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยก็ได้ เลิกกลัวเสียเถิด"

     

    "แต่ข้า... ยังไม่อยากยอมรับ มันเร็วเกินไป"

     

    "หึ หึ เจ้ายังจะเหลืออะไรให้ปฏิเสธได้อีกล่ะหลิงเอ๋อร์ ในเมื่อเจ้าถูกหมาบ้านั่นฟัดซะยับเยินขนาดนี้"

     

    พี่ชายเอ่ยเย้าน้องชาย ก็เลยได้รับสายตามองค้อนมาวงใหญ่ พร้อมเอ่ยกับพี่ชายด้วยใบหน้าแดงก่ำ เย่วซินยกยิ้มขึ้นมาที่เห็นคนตรงหน้าอายเขา จนแดงไปหมดทั้งตัวแล้ว

     

    "ท่านพี่... ก็ข้าสู้แรงเขาไม่ได้นี่" ร่างเล็กพูดเสียงเบาเพราะอับอายพี่ชาย

     

    "เจ้ารู้หรือไม่ ตอนที่ข้ามาเยี่ยมเจ้า ข้าเห็นร่องรอยที่อยู่บนตัวเจ้าเต็มไปหมด วันนั้นข้าโมโหจนลืมตัว เผลอบีบคอเจ้านั่นเกือบตาย คิดแล้วแค้นนัก แต่ก็เอาเถิดเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว เจ้าพักผ่อนเสียจะได้หายเร็วๆ หงส์ฟ้าตัวน้อยของเจ้ารอให้เจ้ารับขวัญเขาอยู่นะ"

     

    "หงส์หรือ" ร่างเล็กทำหน้าสงสัยพี่ชายเลยคลายความข้องใจให้

     

    "สัตว์เทพของเจ้าไง ลืมไปแล้วหรือไร ตอนนี้หนิงเฟิ่งเป็นคนดูแลเขา เขารอเจ้าอยู่นะรีบหายไวๆ ล่ะ แล้วอีกอย่าง เจ้าเลิกโกรธเคืองอี้เฟยได้แล้ว เขาร้อนใจจนไม่เป็นอันทำงาน อย่างไรเสียเขาก็เป็นสวามีของเจ้าอย่างถูกต้อง เขาเป็นอีกคนในครอบครัว เจ้าก็อย่าใจแข็งกับเขาให้มากนัก"

     

    ร่างบางสั่งสอนน้องชายตน ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร ก็มันเป็นความจริงจนเขาปฏิเสธไม่ได้

     

    "ข้ารู้แล้ว... หนิงเฟิ่งคือใครข้าไม่เคยได้ยิน" น้องชายถามอย่างสงสัย

     

    "ก็เขาเป็นสัตว์เทพของข้าอย่างไรเล่า"

     

    "เอ่อ... จริงๆ ด้วยข้าลืมไป"

     

    ทั้งสองพี่น้องนั่งพูดคุยกันสักพัก เฟยหลงก็เข้ามารับตัวร่างบางกลับตำหนักเพราะร่างบางยังไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ผลมาจากวิชาพรางกายที่ร่างบางใช้ มันส่งผลกระทบเอาไม่น้อย กว่าจะฟื้นตัวมาแข็งเเรงเหมือนปกติคงอีกหลายวัน

     

    "เฮ้อ... สุดท้ายกูก็มีผัวแทนที่จะมีเมีย สวรรค์นะสวรรค์ ทำไมต้องแกล้งไอ้ซานคนหล่อด้วยครับ หล่อขนาดนี้มันต้องมีเมียดิ ฮือ... ไม่อยากมีผัวอ่ะ"

     

    หลิงซานคร่ำครวญออกมา ถอนหายใจอย่างปลงตกก้มหน้ายอมรับกรรม แต่ก็ยอมรับนะ ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันก็ให้ความสุขเขาได้มาก แต่มันต้องแลกกับความเจ็บปวดเจียนตายนี่ซิ คิดแล้วชักกลัวขึ้นมา จะว่าเข็ดขยาดเลยก็ว่าได้ (สาบานเลย จะไม่ให้คนหื่นเข้าใกล้อีกเลย)

     

    กลางดึกในคืนที่อากาศหนาวเย็น ร่างบางของหลิงซานกำลังนอนหลับอย่างสบาย จนรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรมาวุ่นวายกับร่างกายของตน จนเกิดความรำคาญมือบางจึงปัดมันออกไป แต่เพียงไม่นานก็กลับมาเหมือนเดิมอีก นานๆ เข้าก็รู้สึกถึงน้ำหนักที่กดทับลงมาบนตัวเขา จนร่างเล็กทนหลับต่อไปอีกไม่ไหวจึงฝืนลืมตาขึ้นมา ก็เห็นบางสิ่งกำลังคร่อมร่างกายตนเอาไว้สมองเบลอๆ ไม่สามารถนึกอะไรได้ดีไปกว่า.....

     

    "ผะ-ผี... ผีอำข้าหรือนี่ ไม่ ๆ ๆ ออกไปนะเจ้าผีลามก"

     

    ใช่ผีตัวโตที่กำลังคร่อมเขาอยู่แสดงความลามกออกมา ด้วยการลูบคลำฟอนเฟ้นร่างกายเขาอยู่ เขาตั้งท่าจะตะโกนเรียกนางกำนัล แต่ก็ถูกมือใหญ่ของเจ้าผีลามกเอื้อมมาปิดปากเอาไว้เสียก่อน

     

    "ชูว์... อย่าเสียงดังไปเจ้าจะเรียกพวกนางมาดูพวกเรารึเสี่ยวไป๋"

     

    ไม่ต้องให้พูดซ้ำก็จำเสียงได้ทันทีว่าเป็นผู้ใด

     

    "อะ-อี้เฟย ท่านจะทำอะไรข้าออกไปนะ! "

     

    บอกไปอย่างตกใจกลัว เหตุการณ์ในคืนร่วมหอยังฝังใจเขาอยู่เลย ความเจ็บปวดจนแทบขาดใจมันทรมานเสียจนหายใจไม่ออก ร่องรอยและบาดแผลบนร่างกายยังไม่จางหาย เขายังหวาดกลัวกับสัมผัสของร่างสูงอยุ่มาก กายบางสั่นระริกเมื่อสติกลับคืนมาครบถ้วน ดวงตาสวยเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาจากปากบาง ยิ่งพาให้ใจคนตัวโตรู้สึกหนักอึ้งได้แต่ก้มหน้าสำนึกผิดกับร่างเล็ก

     

    "ข้าขอโทษ... ที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าเจ็บหนัก เจ้าไม่ต้องกลัว  ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าตอนนี้หรอก เจ้ายังไม่หายป่วยเลย"

     

    "หาย หรือไม่หาย ฮึก ท่านก็อย่าได้มาแตะตัวข้าอีก ออกไป! "

     

    ร่างเล็กดิ้นสะบัดหลุดออกจากอ้อมแขนของร่างสูงที่รวบร่างตนเอาไว้ ถอยหนีไปจนติดผนังร่างสูงนั่งมองเฉยๆ ไม่ได้วู่วามเข้าไป ก่อนจะเอ่ยถาม

     

    "นอกจากเรื่องที่ข้าทำเจ้าเจ็บ ยังมีอะไรที่ข้าทำให้เจ้าไม่พอใจอีกหรือ"

     

    คนตัวเล็กไม่ตอบอีกฝ่ายตั้งท่าจะหนีท่าเดียว อี้เฟยเหลืออดกับอาการคนตรงหน้า จึงไม่ปล่อยให้ร่างเล็กถอยหนีอีกแล้ว มือใหญ่รวบเอาร่างเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอดตนจนได้ เขาเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาบนแก้มนวลอย่างเบามือ ถึงร่างเล็กจะยังคงดิ้นหนีเขาไม่หยุด

     

    "ปล่อยข้านะ ฮึก ไม่เอา ฮือ... ข้ากลัว ปล่อย บอกว่าให้ปล่อย"

     

    "ชูว์... ใจเย็นๆ อย่ากลัวข้าเลย ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก"

     

    ร่างสูงพูดก่อนจะลูบศีรษะคนตัวเล็กเบาๆ อย่างปลอบใจ ความอ่อนโยนของคนตรงหน้ามันทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำอย่างน่าตกใจ ความอบอุ่นที่ร่างสูงส่งมาให้มันทำให้ใจเจ้ากรรมอ่อนยวบลงมาก กายบางยอมอยู่นิ่งๆ ให้อีกฝ่ายโอบกอดเอาไว้ในอ้อมแขน หัวใจดวงน้อยเริ่มจะเปิดออกรับคนตรงหน้าทีละนิดๆ โดยที่ร่างเล็กเองไม่เคยรู้ตัวว่าตนเองเริ่มจะใจอ่อนให้อีกฝ่ายเข้าแล้ว ร่างเล็กก็สงสัยกับอาการแปลกๆ แบบนี้ของตัวเองเหมือนกัน

     

    "ไหน..ลองบอกข้ามาสิ ว่าเจ้าไม่พอใจอะไรข้า หืม "

     

    ฟอด

     

    ร่างสูงกอดร่างเล็กไว้แน่น ก้มลงหอมแก้มนวลสูดเอาความหอมเข้าเต็มปอด ร่างเล็กตกใจกลัวกับสัมผัสที่คนตรงหน้ากระทำ เลยผลักหน้าเขาออกเสียเต็มแรงทำเอาคอของเขาแทบหัก อี้เฟยเลยยอมกอดเฉยๆ ไม่แสดงอาการหื่นออกมาให้คนในอ้อมแขนตกใจกลัวเขาไปมากกว่านี้ ในที่สุด คนที่บอกจะไม่ให้ร่างสูงเข้าใกล้ก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของคนหื่นอีกครั้ง

     

    "ท่านผิดสัญญา ท่านรับปากกับข้าว่าจะไม่ทำให้ข้าเจ็บ แต่ท่านไม่รักษาคำพูด"

     

    "ข้าขอโทษ ที่ผิดคำพูดกับเจ้า"

     

    "ข้าไม่ยกโทษให้หรอก ท่านหลอกให้ข้าเชื่อใจท่าน ให้ข้าคิดว่าการเอ่อ... ร่วมหอมมันไม่ได้หนักหนาขนาดนี้นี่"

     

     

     

    ร่างเล็กพูดตะกุกตะกักไม่เต็มปากนักตอนนี้ร่างเล็กรู้สึกว่า ใบหน้าตัวเองร้อนฉ่าเหมือนกำลังไหม้ ก็เรื่องน่าอายแบบนี้ใครมันจะกล้าพูดเต็มคำกันเล่า นี่เขาจำเป็นต้องพูดแม้ว่าจะอับอายอีกฝ่ายมากก็ตาม

     

    อี้เฟยมองแก้มแดงปลั่งอย่างอับอายของร่างเล็ก ก็คิดอยากกระชากเข้ามาจูบเสียให้หนำใจนัก แต่ต้องข่มใจเอาไว้ ไม่ควรแหวกหญ้าให้งูตื่น

     

    "ฮ่า ๆ ๆ ๆ นี่เจ้าเชื่อหรือ โถ่เด็กน้อยเจ้าชื่อคนง่ายเสียจริง เจ้าคิดว่าร่างกายของเจ้าที่ยัง... บริสุทธิ์ผุดผ่องขนาดนี้... ครั้งแรกมันจะหลีกหนีความเจ็บปวดไปได้หรือ"

     

    อี้เฟยพูดเน้นคำคำนั้นให้ร่างบางได้อายไปอีกตลบ บริสุทธิ์หรือเขายอมรับไม่เต็มปากนัก เขาเคยนอนกับคนรักจนนับไม่ถ้วนแล้ว แต่ก็ผู้หญิงทั้งนั้น ทางหน้านั้นโชกโชน แต่ถ้าจะนับจากทางด้านหลังเขายังไม่เคย ถ้าเช่นนั้นก็คิดว่าตัวเองยังเวอร์จิ้นอยู่

     

    "นี่ท่านหลอกข้ามาตั้งแต่ต้นเลยหรือ!!

     

    "วันนั้นนะข้าหลอกเจ้า ให้เจ้ากลัวน้อยลง แต่ถ้าเราทำกันบ่อยๆ เดี๋ยวมันก็ชินเองต่อไปเจ้าก็จะได้ไม่ต้องกลัวเจ็บอีกแล้ว"

     

    "อะ-ไอ้งูลามก ใครบอกว่าจะมีครั้งต่อไปกัน ครั้งเดียวข้าก็จะตายอยู่แล้ว อย่าหวังว่าจะมีครั้งต่อไปเลย"

     

    "ฮ่า ๆ ๆ ๆ ดูเจ้าเขินซิมันน่า... กินยิ่งนัก ข้าชักอยากจะเปลี่ยนใจเสียแล้วซิ

     

    "เปลี่ยนใจอะไรของท่าน อย่ามาพูดจาลามกแถวนี้นะ! "

     

    ร่างเล็กทั้งอับอายทั้งโมโหต่อความหน้าด้านหน้าทนของร่างสูง ที่หัวเราะชอบอกชอบใจ

     

    "เอาล่ะนอนได้แล้ว วันรุ่งขึ้นเจ้าพอจะเดินไหวหรือไม่ ถ้าหากพอไหวก็ออกไปรับขวัญเจ้าหงส์ฟ้าของเจ้าสักที เดินตามหนิงเฟิ่งต้อยๆ ข้าสงสารเขาน่ะ

     

    "แล้วข้าจะตั้งชื่ออะไรให้เขาดี"

     

    "ก็แล้วแต่เจ้า เขาเป็นของเจ้าแล้ว เจ้าต้องเป็นคนรับขวัญเขา"

     

    ร่างสูงจับร่างเล็กนอนลงห่มผ้าให้แล้วสวมกอดเอาไว้ในวงแขน ตาคมปิดลงอย่างโล่งใจที่ไม่ถูกอีกคนผลักไสอีก ต่างคนก็ต่างเข้าสู่ห้วงนิทราเพียงไม่นาน

     

    +++++++++++++++++++++

     

    รู้สึกว่าจะมีคนใจอ่อนลงแล้วมาคอยลุ้นกันในตอนต่อไปจร้าาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×