ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรักราชามังกร

    ลำดับตอนที่ #23 : วิวาห์ร้อน

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 65


    ชุดนอนบางเบาค่อยๆ เลื่อนหลุดจากกายงาม ด้วยฝีมือผู้ที่เป็นสวามี มือหนาทำหน้าที่ปลดเปลื้องอาภรณ์ของร่างงามตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์บนกายหนาของตนเองออกอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อนจนเกินไปดวงตาคมจ้องมองร่างงามที่หลับตาพริ้มอยู่ใต้ร่างตนอย่างหลงใหล

     

    กายบางงามดั่งบุพผาแรกแย้ม ดูบริสุทธิ์ดั่งหยกชั้นดี ปากหนาก้มลงมอบจุมพิตอ่อนโยนดูดดื่มอย่างห้ามใจไม่อยู่ มือหนาก็ไม่น้อยหน้าลูบคลำเคล้นคลึงไปทั่วกายงาม ปลุกไฟปรารถนาให้ลุกโชนจนยากจะหยุดยั้ง ปลายลิ้นร้อนชื้นซอกซอนกวาดต้อนปลายลิ้นเล็กดูดดึงตักตวงความหอมหวานอย่างไม่รู้จักอิ่ม เรียกร้องให้คนใต้ร่างต้องตอบสนองอย่างเก้ๆ กังๆ ด้วยไม่ประสากับเรื่องเช่นนี้ส่งผลให้ร่างสูงยกยิ้มอย่างเอ็นดู

     

    ปากหนาค่อยๆ เลื่อนมาจูบซับดูดเม้มซอกคอหอมกรุ่น สร้างร่องรอยสีกุหลาบ ตีตราเป็นเจ้าของ ร่างบางนอนบิดกายเร่าๆ ด้วยความเสียวซ่านกับสิ่งแปลกใหม่ที่ร่างสูงมอบให้ สมองมึนงงคิดอะไรไม่ออกเหมือนเจอทางตัน ใบหน้างามแดงก่ำเพราะอารมณ์ใคร่กำลังจู่โจมเข้ามาอย่างไม่ลดละ ร่างสูงมองหน้าก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

     

    "เจ้า... ต้องการอะไร"

     

    ถามออกไปอย่างคนเจ้าเล่ห์ด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเพราะราคะในกายกำลังจู่โจมเขาเช่นกัน

     

    "ขะ-ข้า มะ-ไม่รู้ "

     

    เสียงครางแผ่วๆ เล็ดลอดออกมาจากปากบางอย่างห้ามไม่อยู่ ตอนนี้รอบกายทั้งคู่มีลำแสงสีทองโอบอุ้มไปทั่ว ส่วนบนท้องฟ้าเหนือตำหนักก็มีสัญลักษณ์ของทั้งคู่กำลังกอดรัดกันไม่ห่าง มือหนาค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ 

     

    "อ๊ะ อย่าจับ อะ-เอามือออกไปนะ"

     

    ร่างบางร้องห้ามเมื่อมือหนาแตะลงบนของสงวนขนาดเหมาะมือของตน แต่มีหรือร่างสูงจะยอมฟังกลับรังแกร่างเล็กหนักขึ้น

     

    ใบหน้างามแดงจัดเชิดขึ้น ริมฝีปากบาง ขบเม้มจนห้อเลือดอย่างกดกลั้นความเสียวซ่านที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีสิ้นสุด 

     

    มือบางกำผ้าปูที่นอนสีแดงเพลิงไว้แน่นจิกทึ้งระบายความอึดอัด แผ่นหลังเด้งขึ้นจากที่นอน ปลายท้าวจิกเกร็งถีบรั้งจนผ้าปูเตียงยับยู่ ไม่เข้าใจว่าอาการเสียววูบวาบเหมือนกับว่ามีผีเสื้อนับพันๆ ตัวมาบินเล่นในช่องท้องของตน ความรู้สึกทรมานนี้มันคืออะไร ภาพตรงหน้าดูเหมือนกับเย้ายวนให้สติของร่างสูงเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ

     

    "ฟะ-เฟยหลง ท่านทำอะไร กะ-กับข้า อึก"

     

    "แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ" คนเจ้าเล่ห์เอ่ยถามกลับมา

     

    " ข้าไม่รู้ อึก มะไม่ไหวแล้ว ปะ-ปล่อยข้าเถิด มันทรมานเหลือเกิน"

     

    ร่างสูงมองร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าพยายามสะกดอารมณ์ตนเองไม่วู่วามแม้ว่ากายเขาตอนนี้รู้สึกปวดร้าวจนแทบจะปริแตกแล้วก็ตาม

     

    "บอกข้ามาซิว่า... เจ้าต้องการอะไรจากข้า"เขาพูดกับคนใต้ร่าง

     

    "มะ-ไม่ ไม่รู้ ข้าไม่รู้"

     

    "ไม่รู้เช่นนั้นหรือ... หึ หึ"

     

    ร่างสูงพอใจกับคำตอบที่ออกมาจากปากสวย ไม่คิดว่าโตมาขนาดนี้แล้วยังเดียงสากับเรื่องแบบนี้นัก ที่ผ่านมาเจ้าไปอยู่เสียที่ไหน คงยังไม่เคยแตะต้องสตรีนางใดเลยซักคราวละสิ

     

    "หึ หึ ที่ผ่านมาเจ้าไปอยู่เสียที่ไหน ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะยังเดียงสาขนาดนี้ เช่นนี้ข้าจะสอนเจ้าเอง"

     

    "ข้ากลัว"

     

    "ข้าจะพยายามให้เจ้าเจ็บน้อยที่สุด เชื่อใจข้านะคนดี"

     

    ดวงตาคมจ้องลึกลงไปในดวงตาสวยอย่างอ้อนวอนขอ ดวงตาสวยจ้องมองตาคมก็รับรู้ได้ถึงสายตาที่อีกฝ่ายส่งมาให้ ภายในใจที่เคยสับสนจนหาทางออกไม่ได้ ก็อ่อนยวบลงทันที ตาสวยจ้องใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายอย่างตัดสินใจ ในเมื่อคนตรงหน้า รักเขาหมดใจเช่นนี้แล้ว เขาจะดิ้นรนหลีกหนีไปทำไมอีก ตั้งแต่วินาทีนี้ผู้ชายตรงหน้าจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา คิดได้เช่นนั้นแล้ว ปากบางจึงเอ่ยคำพูดที่เรียกรอยยิ้มจากร่างสูง

     

    "ข้าเชื่อใจท่าน"

     

    มือบางค่อยๆ โน้มศีรษะคนตรงหน้าเข้ามาจุมพิตริมฝีปากหนาอย่างเก้ๆ กังๆ หัวใจของร่างสูงเต้นรัวราวกับทะลุออกมาจากอกด้วยความยินดี ในที่สุดร่างเล็กก็ยอมเปิดใจรับเขาเสียที ร่างสูงไม่รอช้าเป็นฝ่ายเดินหน้า เขาค่อยๆ สอนร่างบางที่พร้อมจะทำตามอย่างไม่ประสา ทำให้ร่างสูงกำลังจะคลั่งเพราะลุ่มหลงคนตรงหน้าจนยากจะถอนตัว

     

     ในเวลาต่อมา บนท้องฟ้าเหนือตำหนักตนตอนนี้ได้ปรากฏหงส์ตัวหนึ่ง สีแดงฉานราวกับไฟเส้นขนทุกเส้นแดงจ้าเหมือนอยู่ในกองเพลิง ดวงตาแดงก่ำดุดันน่าเกรงกลัวในความคิดของผู้ที่พบเห็น มันบินวนเวียนอยู่เช่นนั้นเหนือตำหนักของเฟยหลง

     

    "ท่านพี่ หงส์เพลิงเพคะ น่าเกรงและก็น่ากลัวด้วย"

     

    อดีตองค์ราชินีเอ่ยกับสวามี หลังจากมองเห็นการปรากฏตัวของหงส์เพลิง เหนือตำหนักบุตรชายคนโตผ่านหน้าต่างห้องบรรทม

     

    "อื้มข้าเห็นแล้ว หงส์เพลิง เวทสายดุดัน เวทสายนี้ร้ายใช่เล่น"

     

    "มันเป็นอย่างไรเพคะ" ถามด้วยความสนใจ

     

    "ดุดันทำลาย ภักดีกับนายตนเพียงผู้เดียว ให้ได้แม้กระทั่งชีวิต ช่างหายากนักสะใภ้ใหญ่ของเจ้านี่โชคดีจริงๆ "

     

    "แล้วเจ้าหงส์ฟ้าล่ะเพคะท่านพี่"

     

    "หงส์ฟ้าของหลิงซาน เวทสายอ่อนโยนเยือกเย็นดุจสายน้ำ เวทชนิดนี้ไม่ทำลายล้างเหมือนของเย่วซิน แต่กลับซ่อนเร้นกายไร้หนทางหาเจอ หากภัยถึงตัว รับรองเขาจะพาเจ้านายซ่อนกายได้มิดชิดเชียวล่ะ เวทสายนี้ดูไม่มีอะไรน่าสนใจมากนัก แต่มันมีดีในตัวมันเอง และเป็นเวทที่สามารถรักษาและช่วยเหลือผู้อื่นได้

     

    "ก็ไม่เลวเลยนะเพคะ น่ายินดีกับสะใภ้ทั้งคู่ดียิ่งนัก"

     

    "ของเจ้าก็ร้ายใช่เล่นนี่" หันไปพูดกับชายารัก

     

    "ไม่ขนาดนั้นหรอกเพคะ"

     

    "หรือเจ้าว่า เจ้าหยางเป่ยของเจ้าไม่น่าสนใจล่ะ"

     

    "ไม่พูดกับพระองค์แล้วเพคะ"

     

    เถียงไม่ออกเลยงอนแทน เป็นหน้าที่ของสวามีที่จะต้องง้องอนชายารักให้หายเคืองใจ หงส์ประจำกายของอดีตราชินีมีพลังธาตุเป็นธาตุลมร้ายใช่เล่น เวลาโกรธขึ้นมาพัดไปทางใดทางนั้นราบเป็นหน้ากลอง เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง นางโกรธเคืองพระสวามีอย่างหนักเพราะหึงหวง มีองค์หญิงของเผ่าเล็กๆ เผ่าหนึ่งชอบพอสวามีของตนและวางแผนที่จะใกล้ชิด แต่นางรู้ทันเลยเล่นงานองค์หญิงผู้นั้น จนต้องหนีตายกลับเผ่าตนไป แต่แค่นั้นมันยังไม่สาแก่ใจ นางส่งหยางเป่ยไปพังเผ่าเล็กๆ ขององค์หญิงผู้นั้นจนราบเป็นหน้ากลอง เรื่องในครั้งนั้น แพร่กระจายไปทั่วสารทิศ ว่าองค์ราชินีของเผ่ามังกรร้ายกาจเพียงใด จนไม่มีหญิงนางใด กล้าเข้าใกล้องค์ราชาของเผ่ามังกรอีกเลยเพราะกลัวตาย และนี้ก็เป็นอีกสาเหตุที่ไม่มีอาณาจักรแห่งใดอยากต่อกรด้วย ยิ่งตอนนี้มีสัตว์เทพแสนร้ายกาจเพิ่มขึ้นมาอีกสองตน ก็ยิ่งเพิ่มพูนความยิ่งใหญ่ให้อาณาจักรแห่งนี้ จนยากที่จะมีผู้ใดคิดจะมาต่อกรด้วยได้

     

    เฟยหลงก้มลงจูบหน้าผากชื้นเหงื่อของร่างบางแผวเบา สายตาคมจ้องมองสัญลักษณ์บนกายงาม ที่ตอนนี้มันเปลี่ยนจากด้านหลังมาอยู่ด้านหน้าแทน สร้างรอยยิ้มให้ร่างสูงเป็นอย่างดีปากหนาค่อยๆ กดจูบลงมาอย่างแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยขึ้น

     

    "ข้าทำเจ้าเจ็บมากไหม"

     

    "ถ้าข้าบอกว่าไม่เจ็บ... ท่านจะเชื่อข้าหรือไม่" ร่างบางถามกลับ

     

    "เชื่อสิ ถ้าเช่นนั้น... ข้าขออีกรอบ"

     

    ร่างสูงแกล้งพูดเพราะรู้ว่าร่างบางประชดเขา เย่วซินได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจรีบห้ามอีกฝ่ายทันที

     

    "อย่านะ! ท่านจะทำเช่นนี้อีกจริงๆ หรือ"

     

    "ข้าไม่ใจร้ายกับเจ้าได้ลงคอหรอกเย่วเอ๋อร์ แค่นี้ข้าก็รู้ว่าเจ้าเจ็บเกินพอแล้ว ข้าขอโทษ"

     

    ตอนนี้คนทั้งคู่นั่งอยู่บนเตียง ถึงจะมีที่นอนนุ่มๆ รองรับร่างบางไว้ แต่มันก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่ดี

     

    "ท่านขอโทษข้า... เรื่องอะไร"

     

    "ก็เรื่องที่ข้า... ทำเจ้าเจ็บ"

     

    ร่างบางถึงกับพูดไม่ออก ใบหน้าแดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่ ใบหน้าสวยรีบซุกซบลงบนอกแกร่งทันที อย่างต้องการหลบซ่อนความอาย ใบหน้างามแดงก่ำเพราะความเขิน เฟยหลงอึ้งกับการกระทำของร่างบาง เขาไม่คิดว่าจะเห็นมุมนี้ของคนตรงหน้า ร่างสูงรวบร่างบางตรงหน้าเข้ามากอดทันที พลางหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจ

     

    "ฮะ ๆ ๆ ๆ ไม่คิดว่าเจ้าจะน่ารักน่าชังได้ถึงเพียงนี้... ราชินีของข้า"

     

    "ท่านแกล้งข้า" ปากบางกล่าวหาอีกฝ่าย

     

    "ข้ามีความสุขมาก มากเสียจนหวาดกลัว"

     

    ร่างสูงมองหน้าอีกคนในอ้อมกอด ร่างบางแหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคายปากบางเอ่ยถามขึ้น

     

    "เฟยหลง ท่านกำลังกลัวอะไรหรือ"

     

    "ข้ากลัวว่าสักวันหนึ่ง... ความสุขที่มี หากมันหายไป ข้าจะทำเช่นไร"

     

    "หากท่านหมายถึงตัวข้าล่ะก็ ถ้าหากข้าปักใจแล้วมันไม่มีวันเปลี่ยน"

     

    "ข้ารักเจ้าเย่วเอ๋อร์ ข้าจะทำให้เจ้าปักใจในตัวข้าให้ได้"

     

    พูดจบร่างสูงก็ก้าวลงจากเตียง ก่อนจะก้มลงมาช้อนอุ้มร่างบางตรงไปยังสระน้ำ

     

    "อ๊ะ ท่านจะทำอะไร"

     

    "ล้างตัวเสียหน่อย เดี๋ยวเจ้าจะนอนไม่สบายตัวเอาได้"

     

    เมื่อสติกลับมาเต็มร้อย ร่างบางถึงกับอ้าปากเหวอ สายตาหวานมองผลงานของตน ที่ปรากฏอยู่บนตัวของสวามีอย่างตกใจ กับรอยกัดและรอยข่วนลายพร้อยเสียจนนับไม่ถ้วน เหมือนไปฟัดกับหมามาก็ไม่ปาน ตาสวยรีบหลบสายตาล้อเลียนของสวามีด้วยความเก้อเขิน

     

    "หึ หึ หึ ชอบแบบนี้ก็ไม่บอก แมวน้อยของข้า"

     

    "บะ-บ้า อย่ามาล้อข้านะ เพราะท่านนั่นล่ะบังคับข้า"

     

    "เจ้าแน่ใจหรือ ว่าเจ้าถูกข้า... บังคับ"

     

    ร่างสูงยังไม่วายหยอกล้อให้ร่างบางอายจนแทบมุดน้ำหนี แต่ก็ทำเช่นนั้นไม่ได้เดี๋ยวตาย...

     

    "ข้า..ไม่พูดกับท่านแล้ว" พูดจบหันหน้าหนีด้วยว่าเคือง จนร่างสูงเป็นฝ่ายหยุดล้อคนตรงหน้า

     

    "หึ หึ หึ ข้าไม่แกล้งเจ้าแล้ว"

     

    ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรอีก เฟยหลงรีบล้างตัวให้เย่วซิน นิ้วเรียวควานเอาของเหลวที่ตนปล่อยไว้ในร่างกายงามออกมา หากปล่อยเอาไว้อาจทำให้ไม้สบายตัว ก่อนจะรีบพาขึ้นจากน้ำ มาเปลี่ยนชุดนอนเพราะอากาศเย็นนัก ร่างบางเลยชักจะหนาว เฟยหลงดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมให้ ก่อนจะสอดร่างตนเองเข้ามาใต้ผ้าผืนเดียวกัน รวบตัวอีกคนเข้ามากอดเอาไว้ทั้งตัว โน้มหน้าลงมาจูบหน้าผากอีกครั้ง

     

    "นอนเสีย... พรุ่งนี้เจ้ายังมีอะไรที่ต้องทำอีกมาก"

     

    ร่างบางซุกหน้าซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของคนที่เป็นสวามีอย่างเต็มตัว ด้วยหัวใจที่เต้นแรงและรู้สึกอบอุ่น อบอุ่นมากจนไม่อยากขยับออกไปไหน เลยซุกมันอยู่อย่างนั้นจนหลับไปพร้อมกับร่างสูงอย่างอ่อนล้า

     

    ตำหนักอี้เฟย

     

    "มะ-หมอ... หมอหลวง หมอหลวงอยู่ไหน... ใครก็ได้ไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้! "

     

    เสียงตะโกนเรียกหาหมอหลวง ดังลั่นปานฟ้าผ่าของอี้เฟย ที่เอ่ยออกมาอย่างลนลาน ตั้งแต่ท้องฟ้ายังมืดมิดของยามราตรี เล่นเอาผู้คนที่อยู่ในตำหนักของเขา ต่างพากันลนลานและรีบไปตามหมอหลวงทันที ก่อนที่นายเหนือหัวของพวกเขาจะเผาตำหนักแห่งนี้ เพราะราชินีตัวน้อยเจ็บป่วยขึ้นมา อี้เฟยตกใจตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะเสียงละเมอของร่างเล็ก ที่ร้องเรียกหาใครคนหนึ่ง จนถึงตอนนี้ก็ยังคงเรียกหาไม่หยุดปาก ตัวของร่างเล็กก็ร้อนผ่าวราวกับอยู่ในกองเพลิง เขาลนลานเพราะทำอะไรไม่ถูก จึงต้องร้องเรียกหาหมอหลวง

     

    "เสี่ยวไป๋ เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง เพราะข้าแท้ๆ ที่ไม่รู้จักยั้งอารมณ์ เผลอรุนแรงกับเจ้า ข้าขอโทษ"

     

    ร่างสูงกล่าวขอโทษร่างเล็กอย่างสำนึกผิด เขารู้ว่าร่างเล็กป่วยไข้เพราะเขา ดูจากเมื่อคืนเขาก็คาดการเอาไว้แล้วว่าคนตรงหน้าคงเจ็บเสียจนจับไข้

     

    "ป๊า ซานอยากกลับบ้าน ช่วยซานด้วย... ป๊าซานเจ็บ ฮึก ฮือ... "

     

    ปากบางสะอื้นออกมาเบาๆ อย่างไร้สติ จิตใต้สำนึกของคนป่วย ร่ำร้องให้เจ้าตัวเอ่ยความในใจออกมา

     

    "เจ้าจะไปที่ใดได้อีกเล่าเสี่ยวไป๋ บ้านเจ้าอยู่ที่นี่ จะไปจากข้าได้อย่างไรกัน ข้าไม่ยอมหรอก" ร่างสูงกอดกระชับร่างเล็กเอาไว้ด้วยความหวงแหน

     

    "อยาก... กลับบ้าน ฮึก"

     

    เอ่ยออกมาทั้งๆ ที่ไม่รู้สึกตัว ร่างเล็กนอนกระสับกระส่ายไปมาอย่างทรมาน เพราะถูกพิษไข้เล่นงานอย่างหนัก ปวดหัวตัวร้อนยิ่งกว่าไฟจนอี้เฟยนั่งไม่ติด

     

    "หมอหลวงเมื่อไหร่จะมา ไปตามกันถึงไหนหะ เจ้าพวกไร้ประโยชน์! "

     

    ในเมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ เลยหันไปเล่นงานคนของตนแทน เพราะอาการหงุดหงิด

     

    "ข้าอยาก กลับบ้าน... "

     

    ร่างเล็กยังคงละเมอไม่หยุด ริมฝีปากแดงก่ำเอ่ยออกมาอย่างไม่รู้ตัว

     

    "ข้าไม่ให้เจ้ากลับ ไม่ยอมให้ไปไหนทั้งนั้น"

     

    "หนาว... ป๊าซานหนาว... ไอ้เทียนมึงอยู่ไหนช่วยกูด้วย"

     

    ร่างเล็กยังคงละเมอร้องเรียกหาบิดากับเพื่อนรัก อี้เฟยปล่อยร่างเล็กออกจากอ้อมเเขนตั้งท่าจะออกไปอาละวาดอีกครั้ง เพราะหมอหลวงยังไม่มาถึงเสียที แต่ก็ต้องหยุดความคิดลง เพราะหมอหลวงมาถึงพอดี ด้วยอาการหอบฮักจากการโดนลากมาตลอดทาง

     

    "เจ้าทำเช่นไรก็ได้ ให้ราชินีของข้าทรมานจากพิษไข้ น้อยที่สุด!" คำสั่งออกมาจากปากหนาอย่างกดดัน ทำให้หมอหลวงรับคำเสียงสั่นด้วยความกลัว และกังวลเพราะตอนนี้จ้าวชีวิต มีสีหน้าดุดันและมืดครึ้มไปหลายส่วน

     

    "พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะพยายามพ่ะย่ะค่ะ"

     

    หมอหลวงตอบรับอย่างลนลาน เพราะน้ำเสียงและสายตาของคนตรงหน้า มันกดดันเขาเหลือเกิน บ่งบอกว่าไม่ใช่แค่พยายามแต่มันต้องทำให้ได้เท่านั้น การตรวจรักษาจึงเริ่มขึ้นอี้เฟยยืนอยู่ตรงนั้นไม่ห่าง แผ่รังสีคุกคามกดดันทุกคนที่ทำหน้าที่อยู่ตรงนี้ หมอหลวงยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่มันผุดขึ้นบนใบหน้าด้วยอาการสั่นเทา จนในที่สุดมันก็จบลง ทุกคนเลยถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งใจ ที่ไม่ต้องทนกับรังสีอำมหิตที่ร่างสูงปล่อยออกมาอีก

     

    "เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์ราชินีน้อยปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท แต่เอ่อ... คือ... เอ่อ"

     

    เหมือนยกภูเขาออกจากอกเมื่อได้รับรู้จากปากหมอหลวงว่าคนรักปลอดภัยแล้วก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่หมอกลวงอ้ำๆ อึ้งๆ

     

    "อะไรมีอะไรก็พูดมา! "จากน้ำเสียงและสีหน้าทำให้หมอหลวงกลืนคำที่จะพูดลงท้องไป

     

    "มะ-ไม่มีพะยาคะ" (เรื่องนี้ข้าจะไม่ขอยุ่ง)

     

    หมอหลวงคิดในใจ คราวแรกคิดอยากจะเตือนว่า ให้ร่างสูงถนอมร่างเล็กเสียหน่อย เพราะร่างที่หลับใหลยังเยาว์กว่าคนตัวโตมาก ดูจากสภาพร่างกายของคนตัวเล็กที่ยับเยินจนน่าสงสาร คาดว่าคงเสียหายไปมาก ถึงกับจับไข้เช่นนี้ เจ้าเหนือหัวของตนที่ตอนนี้เจ้าตัวคงจะยังไม่รู้ ว่าเบ้าตาข้างหนึ่งเขียวช้ำจนน่าตกใจ ดูจากสถานการณ์แล้ว ราชินีน้อยคงแผลงฤทธิ์ใส่อีกฝ่ายเอาไว้ไม่น้อยเลย เจ็บดเวยกันทั้งสองฝ่าย ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเห็นการร่วมหอคู่ใด จะดุเดือดเช่นคู่ของนายตนเลย

     

    แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตา ที่มองเขาเหมือนจะกินหัวเสียให้ได้แบบนี้ เลยหยุดความคิดนี้เอาไว้ ก่อนจะไม่มีหัวไว้ประดับบนบ่าอีกต่อไป

     

    เฮ้อ...

     

    เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของร่างสูง ดังออกมา หลังจากที่รู้ว่าร่างเล็กปลอดภัยเเล้ว เขาเลยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ พอเสร็จก็รวบคนตรงหน้าเข้ามากอดตอนนี้ความร้อนในตัวก็ทุเลาลงมาก ร่างเล็กเลิกละเมอทุรนทุรายลงแล้ว เขาจึงเบาใจไปได้มาก ก่อนจะปิดเปลือกตาหลับพร้อมคนตรงหน้าไปอีกคราอย่างโล่งใจ

     

    ตำหนักเฟยหลง

     

    ร่างบางค่อยๆ ลืมตาขึ้น ก็พบว่าตนนอนซุกอยู่กับอกแกร่ง หวนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียเฮือกใหญ่ หากชะตาลิขิตขีดเขียนให้เขาต้องคู่กับคนตรงหน้า เขาก็จะยอมรับมันโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ อีกแล้ว จะอยู่เคียงข้างอีกคนจนลมหายใจสุดท้าย เพราะเขาสัมผัสได้แล้ว กับความรักที่อีกฝ่ายมอบให้เขาอย่างจริงใจ และยอมรับว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา ตนนั้นไม่ได้รังเกียจอีกฝ่ายเลย แต่กลับมีความรู้สึกดีๆ ให้อีกฝ่ายขึ้นมานี่สิ

     

    การร่วมหอถึงจะเจ็บปวดในตอนแรก แต่ต่อมาร่างสูงกลับให้ความสุขเขา แบบที่ไม่เคยพบเจอและได้รับจากใครมาก่อน เมื่อคืนเขามีความสุขมากหลังจากที่ทุกข์ทนมานาน ยอมรับว่าตอนนี้แผลในใจยังไม่หายสนิท แต่ก็ไม่ได้สาหัสเหมือนที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะความรักความเอาใจใส่ของคนตรงหน้าด้วย ดวงตากลมโตมองหน้าคนที่หลับใหล แอบสำรวจใบหน้าหล่อเหลาทั่วทุกตารางนิ้วไม่มีตรงส่วนไหนที่ทำให้ขัดตาร่างเล็กมากไปกว่า ร่องรอยที่เขาฝากเอาไว้ รอยช้ำเขียวคล้ำที่มุมปากลามไปถึงจมูกของเฟยหลง เป็นเพราะเขาซัดหมัดลงบนใบหน้าคม ส่งผลให้มีร่องรอยเขียวช้ำบนใบหน้าหล่อเหลา ร่างบางเผลอมองจนคนที่คิดว่าหลับลืมตาขึ้น

     

    "จ้องขนาดนี้... คิดจะทำมิดีมิร้ายกับข้ารึ"

     

    "อ๊ะ ปะ-เปล่านะ ข้าไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิด"

     

    เย่วซินปฏิเสธออกไปอย่างลนลาน ดวงตาสวยเบิกกว้างอย่างตระหนก จนเรียกรอยยิ้มของร่างสูงเสียเต็มหน้า

     

    "อ่า... เช่นนี้นี่เอง หรือว่าเจ้า... อยากจะให้ข้อกอดเหมือนเมื่อคืนอีกครั้ง หึ หึ ถ้าเช่นนั้นก็ย่อมได้"

     

    ว่าพลางเอื้อมมือหมายจะคว้าร่างบางที่ตอนนี้ถอยหนีไปชิดผนัง แต่ด้วยความตกใจเย่วซินเลยพรวดพราดขยับกายหนี เป็นเหตุให้สะเทือนไปถึงบั้นท้ายงามที่ถูกคนตัวโตรังแก ตักตวง เรียกร้องเอาแต่ใจเมื่อคืนที่ผ่านมา

     

    "โอ๊ย... "

     

    ร้องออกมาได้เท่านั้นก็รีบกัดฟันอดทนกับความเจ็บปวด ที่มันค่อยๆ คลืบคลานเข้ามาหาตั้งแต่บั้นท้าย จนลามไปถึงไขสันหลังเลยทีเดียว เล่นเอาน้ำตาซึมออกมาเอ่อคลอดวงตาหวาน คนตัวโตเห็นเช่นนั้นก็พุ่งตัวเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง

     

    "เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง เจ็บมากหรือ เดี๋ยวข้าเรียกหมอหลวงดีกว่า"

     

    "มะ-ไม่ต้องเรียกนะ"ร่างบางรีบห้าม

     

    ทำไมกัน ก็เจ้าเจ็บนี่"

     

    "ข้าดีขึ้นแล้วล่ะ ไม่ต้องเรียกหมอหลวงหรอกนะ"

     

    "เจ้าแน่ใจนะ" ร่างสูงถามออกมาแบบไม่เชื่อนัก เพราะตอนนี้ร่างบางตัวรุมๆ เหมือนจะมีไข้

     

    ร่างบางพยักหน้ารับจะให้เขาบอกว่าอย่างไรบอกว่ายังเจ็บตรงนั้นอยู่มาก ก็มันอับอายเกินไปเลยไม่อยากให้ร่างสูงตามหมอ

     

    "ถ้าเช่นนั้นไปล้างตัวเสีย เดี๋ยวจะได้ทานมื้อเช้า"

     

    ร่างสูงก้มลงช้อนตัวร่างบางมาไว้ในวงแขน และมุ่งตรงไปยังสระน้ำพาร่างบางไปล้างตัว หวนคิดไปถึงเหตการณ์ที่ผ่านมา ร่างบางทำให้เขารู้สึก มีความสุข โกรธเคือง รัก หลง สุขสม ความรู้สึกเหล่านี้ที่ปะปนกันจนถึงตอนนี้ และมันเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างก็คือ ความหวงแหนอย่างหนัก เขาเป็นคนที่รักแรงเกลียดแรง และหวงทุกอย่างที่เป็นของตน

     

    มื้อเช้าของเย่วซิน ร่างสูงให้เหล่านางกำนัลยกมาให้ มีเพียงโจ๊กร้อนๆ เท่านั้น ร่างสูงให้เหตุผลว่ามันย่อยง่ายแค่นั้นร่างบางก็หมดคำพูด น่าแปลกใจจริงๆ ที่วันนี้ไม่มียาอย่างเช่นทุกครั้ง แต่ก็ดีแล้วเขาก็ชักจะกลืนไม่ลงเข้าไปทุกที มื้อเช้าผ่านไปอย่างราบรื่นจนอิ่ม เย่วซินก็ถูกเฟยหลงประคองออกไปด้านนอกตำหนัก เขาเห็นหงส์ไฟตัวหนึ่งที่บินวนเวียนอยู่เหนือตำหนัก พอมันเห็นร่างบางซึ่งมีสถานะเป็นเจ้านายของมัน ก็รีบบินลงมายืนตรงหน้าของเย่วซินทันที

     

    "สัตว์เทพของเจ้าอย่างไรล่ะ ตั้งชื่อรับขวัญให้เขาเสียสิ"ร่างสูงพูด

     

    "ตั้งชื่อหรือ... ชื่ออะไร" ร่างบางถามออกไปอย่างสงสัย

     

    "แล้วแต่เจ้า ซื่อที่เจ้าตั้งให้จะติดตัวเขาไปตลอด สัตว์เทพเป็นสัตว์ที่อยู่เหนือสัตว์ทั้งปวง เราเลยต้องให้เกียรติเขา"

     

    "ถ้าเช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่า...หนิงเฟิ่ง ชื่อนี้ข้าว่ามันเหมาะกับเจ้า"

     

    ความหมายของมันคือนกฟีนิคหรือนกไฟทำนองนั้น ฝ่ามือบางยื่นไปแตะตรงหน้าผากเจ้าหงส์เพลิง ขณะเอ่ยชื่อเรียกสัตว์เทพของตน พลันร่างหงส์ไฟขนสีแดงจ้าทั้งตัว ก็ค่อยๆ กลายร่างกลับมาเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามไม่ต่างจากเจ้าของเลย ร่างบางตกใจจนถอยหนี หนิงเฟิ่งคุกเข่าลง เพื่อเป็นการแสดงความเคารพเจ้านายตรงหน้า

     

    "ถวายพระพรองค์ราชินี"

     

    "นะ-นี่เจ้ากลายเป็นมนุษย์ได้ด้วย"ร่างตรงหน้าพยักหน้ารับ

     

    "เขากลายร่างได้ ของหลิงซานก็เช่นกัน" เฟยหลงพูด

     

    พอพูดถึงหลิงซาน ร่างบางก็นึกเป็นห่วงน้องชายขึ้นมาทันที เพราะเผชิญกับเหตุการณ์เช่นเดียวกัน

     

    "หลิงซาน ข้าจะไปหาเขา"

     

    พูดจบก็รีบมุ่งหน้าไปหาน้องชายทันทีโดยไม่ฟังคำทัดทานจากร่างสูง หากพอไปถึงตำหนักที่น้องชายพักอยู่ก็เห็นสัตว์เทพของน้องชายตน ยังคงบินวนเวียนอยู่เช่นนั้น เย่วซินเลยอดสงสัยไม่ได้

     

    "หลิงซานยังไม่ได้ตั้งชื่อให้เขาอีกหรือนี่"

     

    "น้องชายเจ้าป่วยไข้ คงต้องรออีกสองสามวัน"ร่างสูงบอกออกไปให้คนตรงหน้าหายข้องใจ

     

    "น้องข้าป่วยเช่นนั้นหรือ"

     

    ขาเรียวรีบก้าวเดินเข้าไปในตำหนัก ที่ร่างเล็กพักผ่อนอย่างรีบร้อน ด้วยความเป็นห่วงคนด้านใน แม้จะเจ็บปวดบั้นท้ายที่เมื่อคืนผ่านศึกหนักมาเพียงใด แต่ก็ต้องกัดฟันทน

     

    ตำหนักของอี้เฟย

     

    ร่างเล็กยังคงหลับใหลเพราะพิษไข้และฤทธิ์ยาที่ดื่มเข้าไป อี้เฟยนั่งเฝ้าไม่ยอมห่างเพียรเช็ดกายคลายความร้อนรุ่มให้ร่างเล็กได้หลับสบายขึ้น แต่เพียงไม่นานก็ปรากฏร่างของผู้มาเยือนสองคน เย่วซินถลาเข้าไปหาคนที่หลับสนิทบนที่นอน

     

    "หลิงเอ๋อร์... ใยเจ้าจึงเจ็บป่วยเช่นนี้"

     

    สรรพนามที่ใช้เรียกร่างเล็กเปลี่ยนไป ด้วยความรักความห่วงหา เพราะคนตัวเล็กไม่เคยล้มหมอนนอนเสื่อแบบนี้ สายตารักใคร่ห่วงหาอาทรที่ผู้เป็นพี่มีให้น้องชายทำให้คนที่มีชนักติดหลังอย่าอี้เฟย ต้องแอบกลืนน้ำลายลงคออย่างรู้ชะตาของตนเอง

     

    บรรลัยล่ะคราวนี้ ตอนนี้ คำๆ นี้ เป็นสิ่งเดียวที่อี้เฟยคิดออกจริงๆ

     

    มือเล็กๆ ยื่นออกไปแตะที่หน้าผากคนป่วย ก็รับรู้ถึงไอร้อนที่แผ่กระจายออกมาจากร่างเล็ก มือบางเลื่อนไปลูบศีรษะ ที่มีกลุ่มผมนุ่มสลวยลื่นราวกับแพรไหมของน้องชายอย่างเบามือ หากแต่สายตาเจ้ากรรม ก็เหลือบไปเห็นร่องรอยสีกุหลาบบนต้นคอของร่างเล็ก ที่มันโผล่พ้นคอเสื้อออกมา ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรเพราะรู้ว่าเมื่อคืนหลิงซานต้องเจอกับอะไร

     

    แต่พอสังเกตดีๆ มันไม่ได้มีแค่นี้ ยังมีรอยแผลขบกัดเพิ่มมาอีกด้วย หากเป็นคนอื่นเขาไม่สนหรอก แต่นี่มันน้องชายเขา หลิงซานยังเด็กนัก อายุก็น้อยกว่าเขาและอี้เฟยอยู่มาก รุนแรงกับน้องชายเขาเช่นนี้เขาไม่ยอมเด็ดขาด มือบางทั้งสองข้างค่อยๆ แหวกคอเสื้อน้องชายออก ก็ถึงกับตาโตโมโหจนควันแทบจะออกหู เพราะร่องรอยในร่มผ้า มันมากเสียจนแทบจะไม่มีที่ว่าง แถมข้อมือเล็กที่โผล่พ้นแขนเสื้อ ยังมีร่องรอยสีแดงอยู่รอบๆ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น

     

    ดวงตาสวยเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา ก่อนจะค่อยๆ ไหลลงมาอาบแก้มนวล ร่างบางสะอื้นออกมาแผ่วเบา เพราะสงสารคนตรงหน้าเหลือเกิน การร่วมหอของหลิงซานคงไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด ร่างเล็กคงหนีไม่พ้นความรุนแรง เย่วซินรู้ดีว่าน้องชายเขาดื้อดึงเพียงใด แต่เจ้าบ้านี่มีสิทธิ์อะไรมาทำรุนแรงกับน้องชายเขาแบบนี้ ร่างบางโกรธจนควันออกหู กระโจนเข้าไปหาตัวต้นเหตุอย่างลืมตัว ลืมว่าตนเองก็ไม่ค่อยปกติดีเท่าที่ควร

     

    "เจ้าบ้าข้าจะฆ่าเจ้า..ตายซะ! "

     

    เย่วซินพุ่งตัวไปหาน้องเขยอย่างรวดเร็ว มือบางคว้าหมับเข้าที่ลำคอของเป้าหมายได้ ก็บีบเคล้นจนสุดแรงด้วยความลืมตัว เขาจะบีบลำคออีกฝ่ายให้หายแค้น ที่บังอาจมาทำให้น้องชายตนล้มป่วยเช่นนี้

     

    "เจ้าทำอะไรกับเขา บังอาจมาจับน้องข้ามัดแบบนี้ได้อย่างไร เฟยหลงท่านปล่อยข้าเดี๋ยวนี้... ข้าไม่ยอมหรอก ข้าไม่ยอม! "

     

    เฟยหลงรีบรวบตัวร่างบางเอาไว้หากแต่ก็ถูกผลักออกไป แรงผลักส่งผลให้ตนเองเสียหลักล้มลงแต่ร่างสูงของสวามีก็รับไว้ได้อย่างหวุดหวิด

     

    ร่างบางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดเพราะบั้นท้ายตนยังระบมอยู่ จนเฟยหลงอดปรามไม่ได้

     

    "ระวังหน่อย เจ้ายังเจ็บอยู่นะเย่วเอ๋อร์"

     

    "เขาทำกับหลิงซานมากเกินไป น้องข้าก็ตัวเล็กแค่นี้เอง คนใจร้ายสมควรตาย" ตาสวยจ้องมองอี้เฟยอย่างดุดัน

     

    "เเค๊ก ๆ ๆ พี่สะใภ้ข้าผิดไปแล้ว ขอโทษๆ ข้าไม่กล้าอีกแล้ว"

     

    อี้เฟยลนลานตอบออกไป เพราะชักจะกลัวกับอารมณ์ร้ายของคนตรงหน้าเสียแล้ว

     

    "ยังจะมีครั้งหน้าอีกหรือฮะเจ้าบ้า! ข้าไม่ยอมปล่อยให้น้องชายข้าอยู่ใกล้เจ้าอีกแล้ว"

     

    "ไม่นะพี่สะใภ้ ถ้าท่านทำเช่นนั้น ไม่สู้ฆ่าข้าเสียยังดีกว่า"

     

    ร่างสูงของอี้เฟยโอดโอยออกมาเบาๆ หากก็ยังสังเกตเห็นอาการเจ็บของพี่สะใภ้ตน จึงอดเย้าไม่ได้ตามนิสัยปากอยู่ไม่สุข

     

    "เอ๋... พี่สะใภ้ท่านเป็นอะไร หรือไม่สบายท่านพี่ท่านก็อย่ารุนแรงกับพี่สะใภ้นักเลย เดี๋ยวจะล้มป่วยเอาได้"

     

    คำพูดของอี้เฟยเล่นเอาเย่วซินหน้าแดงก่ำไปจนถึงใบหู เขาเพียงแต่ทำหน้าเหวอเลิกลักอ้ำๆ อึ้งๆ ไปไม่เป็น ตอนนี้หมดมาดแม่เสือร้ายไปในทันที เฟยหลงยกยิ้มมองราชินีที่แสนจะขี้อายของตนด้วยความรักความเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยคำที่คนฟังได้ยินถึงกับอยากหายตัวไปจากตรงนี้เสียให้ได้

     

    "ข้านะทั้งทะนุถนอม ทั้งอ่อนโยนเสมอราชินีของข้าจึงสามารถลุกขึ้นมาเดินเหินได้เช่นนี้ แล้วเจ้าล่ะรุนแรงเสียจนเขาล้มหมอนนอนเสื่อเช่นนี้แล้ว เจ้ายังจะกล้ามาว่าข้าได้อีกหรืออี้เฟย แล้วนั่นตาเจ้าไปโดนอะไรมาล่ะ หึ หึ หึ"

     

    ร่างสูงของพี่ชายพูดจบ อี้เฟยก็ส่องกระจกดูหน้าตัวเองทันที ก่อนจะตะลึงกับเบ้าหน้าอันหล่อเหลาของตนเอง ที่ตอนนี้มีรอยเขียวช้ำรอบดวงตา ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือเมียรัก

     

    "แล้วปากท่านล่ะ ไปโดนอะไรมารึท่านพี่"

     

    อี้เฟยเอ่ยถามผู้เป็นพี่ออกไปบ้าง เพราะดูจากสภาพแล้วคงจะไม่ต่างจากเขานัก

     

    "หึ หึ โดนกัดนะ" เฟยหลงพูดขึ้นพร้อมส่งยิ้มไปให้ราชินีของตน

     

    "อ่อ... โดนพี่สะใภ้กัดนี่เอง ฮ่า ๆ ๆ "

     

    "ไม่ใช่เสียหน่อย นี่พวกท่านไม่มีอะไรจะพูดกันเเล้วรึไอ้คนหน้าไม่อาย ออกไปนะออกไปไห้หมดเดี๋ยวนี้! "

     

    ตอนแรกตัวเองเป็นต่อ แต่ไหนเลยกลายมาเป็นรองไปได้ ร่างบางทนฟังอีกไม่ไหว เลยอาละวาดแล้วไล่ทั้งคู่ให้ออกไปจากตรงนั้นด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

     

    "แต่ข้าต้องดูแลเสี่ยวไป๋นะพี่สะใภ้" อี้เฟยค้าน

     

    "น้องชายข้า ข้าดูแลเองได้ ออกไปซะ"

     

    ร่างบางบอก เลยได้ยินเสียงโอดครวญออกมาจากอี้เฟย

     

    "แต่นี่เมียข้า ข้าทำให้เขาป่วยข้าก็ต้องดูแลเขาสิ"เขาต่อรอง

     

    "ถ้าไม่อยากตาย ออกไปซะ! "

     

    "ก็ได้ๆ ถ้าเช่นนั้นข้าฝากท่านด้วยก็แล้วกัน"

     

    เขาไม่อยากเสี่ยงเลยหลบออกไป รอให้เย่วซินใจเย็นลงก่อน ก็ทำกับน้องเขาเสียขนาดนี้ ไม่โดนฆ่าตายก็บุญหัวแล้ว

     

    "ท่านด้วยเฟยหลงออกไปซะ" ร่างบางพูดกับสวามีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังยืนอยู่ ไม่ยอมตามน้องชายออกไปสักที

     

    "แต่เจ้ายังเจ็บอยู่นะเย่วเอ๋อร์ กลับไปนอนพักที่ตำหนักเถิด ทางนี้ให้อี้เฟยจัดการเอาเอง อย่างไรเสียหลิงซานก็เป็นคนของเขา"

     

    "ไม่ ท่านกลับไปก่อนเถิด ข้าขออยู่ดูแลเขาสักพัก"

     

    เมื่อเห็นว่าร่างบางดื้อดึงจะอยู่ให้ได้ เขาเลยยอมแพ้เป็นฝ่ายล่าถอยไปเอง

     

    "เอาละข้ายอมเจ้าแล้ว หากไม่ไหวกลับไปนอนพักผ่อนเสีย"

     

    ร่างบางพยักหน้ายิ้มรับ ร่างสูงก้มลงจุมพิตริมฝีปากบางแผ่วเบา แก้มใสเลยขึ้นสีแดงอย่างเขินอาย ตาคมจับจ้องไม่วางตา

     

    "ประเดี๋ยวข้าจะกลับมารับเจ้า"

     

    ร่างบางพยักหน้ารับ เลยได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา ไม่อยากห่างกายนี้แม้สักนาทีเดียว แต่ก็ต้องตัดใจยอมออกไปแต่โดยดี เย่วซินมองใบหน้าที่ซีดเชียวยามหลับสนิทของน้องชาย พลางถอนหายใจ สายตาหวานกวาดมองไปทั่วตัวของร่างเล็ก ที่มีแต่ร่องรอยความเสียหายในคืนร่วมหอ อย่างรู้สึกสงสาร ไม่รู้ว่าร่างเล็กตรงหน้าต้องเจอกับอะไรมากแค่ไหน จนถึงขั้นเจ็บป่วยเช่นนี้ คิดแล้วมันน่าโมโหนัก เขาน่าจะบีบคออีกฝ่ายให้ลิ้นจุกปากตาถลนตายไปเลย

     

    "เจ้าบ้า! เป็นหมาหรือไรทถึงได้กัดน้องข้าเสียยับเยินเช่นนี้ มันน่าตีให้ตายนัก"

     

    หนีแทบตาย ดื้อดึงไปก็เท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วก็หนีไม่พ้น เขาทั้งสองคนพี่น้อง ต้องตกเป็นของบุรุษที่ยิ่งใหญ่เหนือใคร ในอาณาจักรมังกรแห่งนี้จนได้ซินะ ร่างบางถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าชีวิตในภายหน้าจะเป็นเช่นไร ก็แล้วแต่โชคชะตาเถิด ขอเพียงแค่ความรักที่อีกฝ่ายมอบให้เขา จะไม่จืดจางลงในเร็ววัน เขาขอยึดเอาคำสัตย์ที่อีกฝ่ายให้ไว้ มาเป็นหลักยึดเหนี่ยวตนเอง หวังว่าความรักที่คนตัวโตมอบให้มันจะช่วยรักษาบาดแผลในใจเขาให้หายสนิทได้ในเร็ววัน........

     

    #######################

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×