เสียงคลื่นกระทบฝั่งฟังดูเหมือนกำลังเหงา ลมพัดแรงจนร่างบางเซเหมือนจะปลิว หากไม่มีต้นสนด้านหลังค้ำอยู่คงปลิวแน่ พระอาทิตย์จะลาลับแล้ว คิดถึงเค้าจัง เค้าคนที่รักฉันอยู่เสมอไม่ว่าฉันจะเป็นอย่างไร เค้าคนที่ไม่เคยทำร้ายจิตใจฉัน เค้าคนที่ไม่เคยเห็นคนอื่นสำคัญกว่าฉัน ผ่านเวลามานานแล้วเค้าก็ไม่เคยลืมฉัน
“เธอไม่รู้หรอกว่าตังค์ รักเธอมาตลอด ตังค์ไม่เคยลืมเธอ”
ผู้ชายผิวขาว ผมยาวประบ่า ไม่สูงมากเท่าไหร่ เมื่อครั้งสมัยเป็นนักเรียนกางเกงขาสั้นเป็นคนเฉยๆไม่ค่อยพูดจา ไม่เคยพูดหวานๆกับฉันซึ่งเค้าบอกว่าเค้ารัก ไม่เคยไปดูหนัง ไปกินข้าว ไปเที่ยว หรือไปไหนๆด้วยกันอย่างคู่รักคู่อื่นๆเค้า แค่จะคุยกันยังต้องให้เพื่อนเป็นคนส่งสารเลย
“แพ็ค ตังค์ไอ้มันบอกเย็นนี้ให้รอมันด้วยมันจะไปส่ง” เหล่นกพิราบสื่อสารระหว่างเราบอกกับฉันก่อนที่ฉันจะขึ้นห้องเรียน
“แล้วแพ็คไปไหนทำไมไม่มาบอกเอง” ฉันถามไปอย่างนั้นแหละที่จริงก็รู้อยู่ถึงเค้าจะไม่ไปไหนเค้าก็ไม่เคยมาบอกเอง ไม่รู้ฉันจะถามทำไมให้คำตอบมันยิ่งทิ่มแทงใจ
“ก็รู้อยู่” นกพิราบเหล่บอกพลางเดินมาตบไหล่ฉันเป็นการให้กำลังใจ
แม้แต่จะบอกว่ารักฉันเค้ายัง.
..
“ไอ้ตังค์ให้มาบอกว่า ‘ตังค์รักแพ็ค’ เนี่ยเป๊ะๆตามที่มันพูดมาเลยนะโว้ย” นกพิราบเหล่อีกตามเคย
“มันให้แกมาบอกว่ามันรักฉันเนี่ยนะ รักแบบไหนวะให้เพื่อนมาบอกแทน” ฉันชักจะฉุนกับความขี้อายไม่เข้าเรื่อง
“ก็รักแบบของมันนั่นแหละ แต่เรารับรองได้ว่ามันรักแกจริงๆ ไปกินเหล้าด้วยกันทีไรมันก็พูดถึงแต่แก อยู่ในห้องเรียนมันก็พูดถึงแกจนเพื่อนๆล่ะเอียน เอาเป็นว่ามันน่ะรักแกจริงๆถามเพื่อนมันทุกคนในห้องได้ว่ามันรักแกแค่ไหนเค้ารู้กันทั้งนั้นแหละ” นกพิราบเหล่พยายามอธิบาย
“เหรอ...มันรักฉันแต่มันไม่มาบอกฉันดันไปบอกเพื่อนเออดี ให้มันไปรักกับเพื่อนมันไป” ฉันพูดกับนกพิราบเหล่ด้วยความโมโหในครั้งนั้น
แต่ครั้งนี้เค้าพูดกับฉันเค้าบอกว่าเค้ารักฉัน รักมาตลอด เค้าไม่เคยลืมฉัน ถ้าเค้าบอกฉันก่อนที่เราจะเรียนจบและต่างแยกย้ายกันไป ฉันคงไม่หมดกำลังใจที่จะรักเค้า
“ตังค์รู้ว่าที่ผ่านมาตังค์ไม่เคยใส่ใจเธอ เราเริ่มกันใหม่ได้ไหม”
.ถ้าวันนั้นเราไม่บังเอิญไปเจอกัน ตังค์จะคิดอย่างนี้ไหม
..
“ตังค์คิดถึงเธออยู่ตลอด แต่ตังค์ไม่รู้จะติดต่อเธอยังไง วันสอบวันสุดท้ายตังค์ตั้งใจจะไปบอกเธอว่าตังค์รักเธอแต่ตังค์ไปไม่ทันเพราะวันนั้นตังค์ไม่ได้ไปสอบ ตังค์ขาดสอบ ตังค์ไปแล้วไม่เจอเธอ เธอกลับไปแล้ว ที่บ้านตังค์มีปัญหาตังค์ย้ายไปอยู่กับพ่อที่ต่างจังหวัด ครั้งที่ตังค์รถคว่ำน้องตังค์ไปบอกเธอแล้วเธอมาเยี่ยม ตังค์ดีใจนะดีใจมากที่ได้เจอเธอแล้วตังค์ก็เสียใจที่ต้องออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนดเพราะพ่อตังค์มารับทำให้ตังค์ต้องเสียเธอไปอีกครั้ง และครั้งนี้ที่ตังค์กลับมาตังค์ตั้งใจมาตามหาเธอ สิ่งที่ตังค์อยากบอกกับเธอมานานตังค์ก็บอกให้เธอรู้แล้ว เธอจะเชื่อหรือไม่มันเป็นสิทธิ์ของเธอ”
.ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนเดียวกับผู้ชายขี้อายเมื่อหลายปีก่อน ถ้าเป็นตอนนั้น
“แพ็ครอตังค์ตั้งนาน มาถึงก็จะไม่พูดอะไรเลยหรือไง” ฉันถามด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้เต็มทีเพราะเค้าบอกให้ฉันมาหาหลังจากกินข้าวกลางวัน เค้าว่ามีเรื่องจะพูดด้วย ฉันอุตส่าห์รีบกินข้าวแล้วก็รีบมาจนนี่มันหมดเวลาพักเที่ยงกินเวลาเรียนเข้าไปตั้งเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
“ไม่มีอะไรหรอกขึ้นเรียนเถอะ แค่อยากเห็นหน้าก่อนขึ้นเรียน” เค้าพูดพลางเดินมาเขย่าหัวฉันแล้วก็วิ่งหายขึ้นตึกเรียนไปยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรต่อ
เค้าเป็นอย่างนี้ตลอดสองปีที่เราคบกันที่โรงเรียน ทุกครั้งเค้าไม่เคยใส่ใจฉัน ไม่เคยแคร์ความรู้สึกฉัน สนใจแต่ความรู้สึกของตัวเอง มันทำให้ฉันน้อยใจและหมดกำลังใจที่จะรักเค้าแต่เวลานั้นฉันทำไม่ได้ฉันไม่สามารถตัดเขาออกไปจากชีวิตฉันได้ เลยต้องจำทนอยู่กับความรักบ้าๆบอๆของเขา
“แพ็ค ทำไมยังไม่ขึ้นเรียน” เค้าเดินมาผลักหัวฉันจากข้างหลังเหมือนว่าฉันเจ็บไม่เป็น
“รอตังค์”
“รอทำไมบ้าเปล่า ไปขึ้นเรียน” เค้าทำเสียงดุใส่ฉันแล้วเอื้อมมาหยิบกระเป๋าเดินนำขึ้นตึกไป
“เค้าไม่เรียน ถ้ายังพูดกับตังค์ไม่รู้เรื่อง” ฉันเดินไปแย่งกระเป๋าในมือเค้า
“????”
“เรื่องของเรา”
“เมื่อไหร่จะเลิกพูดเรื่องนี้ซะที” เค้าทำหน้าเบื่อหน่ายขึ้นมาทุกทีที่พูดเรื่องนี้กัน
“จะเลิกพูดได้ยังไง ก็ยังพูดกันไม่รู้เรื่อง”
“พูดไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องพูด” เค้าทำท่าเหมือนจะเดินหนี
“ไม่เคยได้พูดกันสักทีจะรู้เรื่องได้ยังไงเอะอะก็เดินหนีตลอด”
“ทำไมต้องพูดด้วยดูเอาเองไม่รู้เหรอ”
“บอกว่ารักเค้าสักคำมันคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงนักหรอกนะ เลิกอายซะทีได้ไหม”
“รักหรือไม่รักอยู่ที่คำพูดเหรอ ถ้าที่ทำยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันต่อไปก็จะไม่ทำแล้ว” เค้าพูดจบก็เดินจากไปทิ้งฉันอยู่ตรงนั้น
ในตอนนั้นฉันไม่เข้าใจเค้าจริงๆว่าเค้ารักฉันหรือเปล่า บางครั้งเค้าทำเหมือนรักแต่บางครั้งเค้าทำเหมือนเบื่อหน่ายซะเหลือเกิน
.
“แพ็คอย่าจริงจังกับตังค์เลย ตังค์ไม่ดีที่สุดในชีวิตแพ็คหรอก”
.เค้าเคยพูดประโยคนี้กับฉัน ในตอนนั้นมันยิ่งทำให้ฉันคิดว่าเค้าไม่ต้องการฉัน
..
แต่ตอนนี้เค้าเปลี่ยนไปมากเปลี่ยนความขี้อายที่เค้าเคยมีมาเป็นความกล้าทั้งหมดตอนนี้
“ถ้าทำตัวเหมือนตอนนั้น ตังค์คงต้องเสียเธอไปอีก ตังค์ไม่อยากเสียเธอไปเป็นครั้งที่สาม”
ใช่สิครั้งที่สาม นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เรากลับมาคบกัน ฉันถามตัวเองอยู่หลายครั้งว่าฉันยังรักเค้าหรือเปล่าคำตอบที่ได้คือ ‘ฉันไม่รู้’ ฉันไม่รู้จริงๆว่าฉันยังรักเค้าอยู่ไหมหรือเพียงแค่ฉันต้องการเอาชนะต้องการแก้แค้นเอาคืนกับสิ่งที่เค้าไม่เคยใส่ใจฉันในตอนนั้น
“ตังค์ไม่แคร์นะว่าตอนนี้เธอจะมีใครคบใครอยู่หรือแม้แต่เธอจะรักใคร ตังค์แค่อยากให้เธอรู้ว่าตังค์รักเธอตังค์ยอมเป็นตัวเลือกของเธอ ถ้าใครทำเธอเจ็บกลับมาหาตังค์นะ ตังค์สัญญาจะไม่ทำให้เธอเสียใจ“
“แต่แพ็คไม่เหมือนเดิมนะ แพ็คผ่านอะไรมาเยอะมาก กว่าจะมาถึงวันนี้ตังค์จะทนได้เหรอ”
“ถ้าตังค์จะทนไม่ได้คือตังค์ไม่มีเธอ”
ถ้าตอนนั้นเค้าเป็นได้สักครึ่งหรือหนึ่งในสามของตอนนี้เราคงไม่ต้องจากกัน
...อยากรักเค้าเหมือนที่เคยรักจัง...
พระอาทิตย์จมหายไปกับขอบทะเลนานแล้ว ร่างบางยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองไปรอบๆยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก แม้เวลาจะผ่านมานานหลายปี
....สนามหญ้าตรงที่เคยนั่งด้วยกันยังคงพื้นที่เท่าเดิม...
“ที่ตั้งกว้าง นั่งห่างๆก็ได้” ฉันบอกเมื่อเค้านั่งติดฉันจนไม่มีช่องว่างแม้แต่จะให้มดเดิน แต่ไม่เพียงเค้าไม่เขยิบออกกลับยื่นหน้ามาล้อเลียนจนจมูกเค้ากับแก้มฉันชนกัน ฉันหันไปดุเค้าด้วยสายตา แต่ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ แทนที่จะหยุดเค้ากลับโอบกอดฉันด้วยอ้อมแขนอันอบอุ่น อ้อมกอดที่ฉันต้องการมันเมื่อหลายปีก่อน เค้าจูบเบาๆที่ผมฉัน
“หอมจัง เหมือนตอนนั้นเลย”
.ตอนนั้นของเค้า...
ตอนที่เค้าแอบย่องมาจูบเรือนผมฉันข้างหลังแล้ววิ่งหนีขึ้นตึกเรียนไป
“จำได้ด้วยเหรอ” ฉันถามไม่แน่ใจ
“จำได้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ” แววตาเค้าตอนนั้นดูจริงจังมาก
มะพร้าวต้นนี้ที่เคยนั่งเอนหลังคนละข้างไม่โตขึ้นจากเดิมมากนัก เก้าอี้ตัวนั้นยังไม่เปลี่ยนที่อยู่จากหลายปีก่อน...
“ตักเธอนิ่มจัง รู้อย่างนี้นอนมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว” เค้าพูดเสียงอ้อนเมื่อตอนมานั่งเล่นบนเก้าอี้ตัวนั้น
ศาลารกๆโทรมๆนั่นยังไม่พัฒนาขึ้นเลย แต่ก็มีคนมาอาศัยหลบแดดฝนอยู่เรื่อยๆ
..ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด...
เสียงโทรศัพท์เข้า คงเป็นที่บ้านฉันหยิบขึ้นมาดูแต่ไม่รับ เสียงเรียกหยุดไปแล้ว นี่ถ้าฉันยังใช้เบอร์เก่าอยู่บางทีเค้าอาจจะโทรมาหาฉันอีกก็ได้
“แพ็ค ตังค์รักแพ็คมากนะ” เค้าพูดมาตามสายโทรศัพท์
“อืมม์ รู้แล้ว”
“เธอไม่รู้หรอก เธอไม่เคยเห็นตังค์อยู่ในสายตา” เสียงคนพูดอู้อี้เต็มที
“มึนเหรอ”
“เปล่า”
“เปล่าอะไร พูดจาไม่รู้เรื่องอย่างนี้เนี่ยนะ”
“ไม่รู้เรื่องตรงไหน เธอไม่รู้เรื่องหรือไม่อยากรู้เรื่องกันแน่”
“หายมึนแล้วค่อยโทรมาแล้วกัน”
“ไม่โทรแล้ว ถ้าครั้งนี้เธอไม่พูดกับตังค์ ๆก็ไม่โทรมาแล้ว”
“เออ ตามใจแล้วกัน” ฉันพูดไปด้วยความโมโหและไม่คิดว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆอย่างที่เค้าบอก
นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้เค้าไม่เคยติดต่อมาหาฉันอีกเลย และไม่มีใครรู้ข่าวว่าเค้าไปอยู่ที่ไหนกับใคร
แสงจันทร์ส่อง สะท้อนผิวน้ำระยิบระยับดั่งกำลังหยอกล้อกัน กลุ่มดาวน้อยใหญ่อวดเบ่งรัศมีแสงกับจันทร์นวล แม้จะเป็นคืนเดือนแรมแสงจันทร์ก็ยังคงส่องสว่างกว่าดาวทั่วทั้งฟ้า
หากมีแต่จันทร์แล้วไม่มีดาวล่ะ นั่นสินะจันทร์เจ้าคงเหงาน่าดู แม้จะมีทะเลกับฟ้ากว้างเป็นเพื่อน หากแต่คงไม่เหมือนเพื่อนดาวที่แข่งกันส่องแสงอยู่ทุกวัน
อากาศเริ่มเย็น ลมพัดแรงขึ้นจากเดิมหลายเท่า ทิวสนลู่เอนไปตามแรงลม ร่างบางนั้นสั่นสะท้านไปทั้งตัว ร่างกายที่เย็นเยือกหากแต่ว่าค้านกับขอบตาร้อนผ่าว
.....หากได้ไออุ่นสักนิดคงดี
.
.......... ไม่มีใครรู้อนาคตตัวเอง
.
.............รู้แค่วันนี้มีความสุข
.
.......และจะจดจำความรู้สึกที่มีวันนี้......
..........และทำวันพรุ่งนี้ให้ดีที่สุด...........
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น