ธิดาความฝัน - ธิดาความฝัน นิยาย ธิดาความฝัน : Dek-D.com - Writer

    ธิดาความฝัน

    เมื่อเงาที่ปรากฏมิใช่เงาของเราเอง เมื่อความฝันที่ฝันอยู่มิใช่ฝันที่มีแต่เราเอง .....

    ผู้เข้าชมรวม

    342

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    342

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 พ.ย. 48 / 12:29 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      มีอยู่คืนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป คืนนั้นเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง ในขณะที่ผมกำลังเดินทางเพื่อที่จะกลับบ้าน ระหว่างทางเป็นซอยแคบที่ผมต้องเดินผ่านซึ่งปกติแล้วผมก็เดินผ่านซอยนี้มาหลายปีตั้งแต่ย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่เรียกได้ว่าแทบจะหลับตาเดินก็ยังได้   แต่คราวนี้มันกลับรู้สึกแปลกๆ……
           แสงจันทร์สลัวส่องเห็นทางสว่างนวล   ผมเดินไปเรื่อยๆจู่ๆก็รู้สึกขึ้นมาว่าเหมือนมีคนเดินตามผมมา ผมจึงเริ่มเร่งฝีเท้าส่วนหางตาก็พยายามมองว่ามีใครตาม  ยิ่งเร่งก็ยิ่งตามมาเรื่อยผมจึงตัดสินใจหันกลับมองทันที……
           มันก็ไม่มีอะไรหรือใครเลย ที่แท้มันเป็นเงาของผมเองเพราะวันนี้พระจันทร์เต็มดวงแสงเลยเยอะมากกว่าคืนอื่น  มันก็เลยทำให้เกิดเงาที่ชัดขึ้น  แต่เมื่อผมเดินต่อไปอีกมันก็ยังมีความรู้สึกเดิมอยู่ ทำให้ผมสงสัยเป็นอย่างมากเพราะเมื่อหันกลับไปมองทีไรก็ไม่มีใคร     ทั้งที่ผมก็ไม่ได้คิดไปเองนะมันรู้สึกจริงๆ    
           ผมเดินมาจนสุดทางถึงปากซอยเสียทีมันก็ยังรู้สึกว่ามีใครตามมาอยู่เหมือนเดิม  
      “เธออย่ารีบเดินซิ”
            เสียงผู้หญิงดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังเดินออกจากปากซอยผมจึงรีบเหลียวหลังมองทันควัน ทำเอาขนผมลุกขึ้นทั้งตัว ก็เจ้าของเสียงนั้นเป็นเงา เงาจริงๆ เงาที่ตามผมมาอยู่ตลอดเงาของผม  แต่ผมไม่ทันสังเกตว่าเงาที่ผมเห็นนั้น เป็นเงาของผู้หญิงผมยาว….
           วิ่งอย่างเร็วเท่านั้นที่จะทำให้ผมพ้นจากที่ตรงนี้ได้ ผมจึงวิ่งๆๆกลับมาถึงบ้าน ไม่ทันที่แม่ของผมจะทัก   ผมก็รีบขึ้นไปบนห้องพระเอาสร้อยพระมาคล้องคอ  เอาธูปเอาเทียนมาจุดพร้อมทั้งสวดมนต์แบ่งส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้หญิงคนนั้น……..ทั้งคืนผมไม่ได้นอนเพราะมัวแต่สวดมนต์ในห้องพระ
            เช้าต่อมาผมต้องไปทำงานทั้งที่ไม่ได้นอนเลยตลอดคืน  แล้วการเดินทางไปทำงานก็ต้องเดินผ่านซอยนั้นอีกด้วย ยังดีที่เป็นตอนเช้าคนพลุกพล่านแต่ผมก็ยังคิดอยู่ตลอดถึงเรื่องเมื่อคืน ผมสวัสดีแม่ก่อนออกไปทำงาน แม่ก็ถามผมว่าเมื่อคืนเป็นอะไรเห็นท่าทางรีบร้อน ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไปไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจเพราะมีกันเพียงสองคน
            วันนี้ที่ทำงานผมนั่งทำงานอย่างอ่อนล้าเพราะง่วงนอน  พอเที่ยงผมจึงงีบหลับคาโต๊ะทำงาน   แล้วผมฝันว่าผมเดินเข้าไปในซอยนั้น  แล้วมีผู้หญิงคนนึงหน้าตาดี เดินเข้ามาหาผมแล้วเราก็พูดคุยกันจนถูกคอ  เธอน่ารักมากเป็นผู้หญิงที่วิเศษที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา แต่มันก็เป็นแค่ในฝันมันคงไม่มีจริง ประโยคสุดท้ายที่เธอพูดกับผมก่อนที่ผมจะตื่นขึ้นคือ “คืนนี้เจอกัน”
           ผมเก็บเอาความฝันมานั่งคิด และก็คิดถึงตนเองว่าทำไมตอนนี้ผมเจอแต่เรื่องแปลกๆ  หลังเลิกงานผมก็กลับบ้านตามปกติ ผมเองก็หวั่นๆเหมือนกันที่จะต้องเดินกลับผ่านซอยนั้น แต่ก็ช่วยไม่ได้มันเป็นทางเดียวที่จะกลับบ้านและไอ้งานของผมก็ดันเลิกดึกเสียด้วย    
           คราวนี้ไม่ต้องเดินถึงปลายซอยเลย แค่เข้าปากซอยเสียงผู้หญิงก็ดังขึ้นทันที
      “สวัสดีจ๊ะ”
          ผมหันไปมองดูเงาตัวเอง เอาแล้วไง!  เงาของผมเป็นเงาผู้หญิงผมยาวอีกแล้ว ทำไงดีเนี่ยมีทางเดียวคือวิ่ง วิ่งๆๆๆ
      “อย่าวิ่งซิเธอเดี๋ยวเหนื่อยหรอก”
          ผมวิ่งโดยไม่ฟังเสียงที่ดังตามมาตลอด
      “ เธอนี่พูดไม่เชื่อ ถ้าเหนื่อยแล้วอย่ามาว่าเราล่ะ”
          เสียงผู้หญิงคนนี้ยังคงตามาตลอดเหมือนเงา  แต่ใกล้แล้วล่ะปากซอยอีกนิดเดียวผมวิ่งอย่าสุดแรงเกิด เพื่อจะให้พ้นๆซอยนี้ไป
      “วันนี้ตามไปด้วยดีกว่า”
           เสียงผู้หญิงพูดขึ้นในขณะที่ผมวิ่งพ้นปากซอยไป ในใจผมก็คิดว่ามันจะตามผมไปถึงไหนเนี่ยพ้นซอยก็แล้วยังจะตามมาอีก  อะไรกันว่ะ
           จนถึงบ้านผมวิ่งเข้าไปในบ้าน แม่กับผมก็ไม่ทันจะได้ทักกัน  ผมก็ รีบเข้าห้องพระอีกเช่นเคยเหมือนเมื่อคืน  แต่ก็ยังมีเสียงผู้หญิงอยู่ตลอด
      “คิก คิก คิก “  เสียงหัวเราะดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังสวดมนต์อย่างเอาเป็นเอาตายในห้องพระแท้ๆ แต่เธอกลับหัวเราะ
      “ผีอะไรว่ะไม่กลัวพระ”  ผมตะโกนขึ้น
      “ก็เราเป็นผีซะที่ไหนล่ะ” เสียงเธอดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ผมหยุดสวดมนต์แล้วค่อยๆหันมามองเงาตัวเองที่นาบอยู่บนพื้นห้อง  มันก็ยังไม่ใช่เงาของผมอยู่ดีเพราะว่าเป็นเงาของเธอแต่ตัวน่ะของผม  
      “แล้วเธอเป็นอะไร” ผมตั้งสติแล้วพูดสวนกลับไปถาม
      “เป็นเทพ”
      “เทพอะไรกันว่ะ  ต้องมาแกล้งมนุษย์ด้วย”
      “เปล่าน่ะเราไม่ได้แกล้ง  เราแค่อยากคุยด้วยเท่านั้น”
      “คุยอะไรกัน บ้าหรือเปล่า คนกับเทพจะคุยกันเรื่องอะไรมีอะไรให้คุย”
      “คุยเรื่องอะไรก็ได้เราคุยได้หมด  เพราะเธอคุยด้วยแล้วสนุกดี”
      “เราเคยคุยกันตอนไหน”  ผมถามขึ้น
      “ตอนเธอฝันไง”
           แล้วความคิดผมก็นึกย้อนกลับไปถึงความฝัน ที่ฝันตอนหลับในที่ทำงานก็นึกขึ้นได้ว่าผมฝันเห็นผู้หญิงที่วิเศษคนนึง เธอน่ารักมาก   แล้วประโยคสุดท้ายที่เธอพูดก่อนผมตื่นก็ทำให้ผมนึกขึ้นได้ “คืนนี้เจอกัน”  มันหมายถึงเหตุการณ์ที่ผมประสบอยู่นี่เหรอ
      “เธอคือคนที่เจอในฝันเมื่อตอนกลางวันนั้นเหรอ”  ผมถามขึ้นมาอย่างสงสัย
      “ใช่แล้วจ๊ะ”
      “จริงเหรอเนี่ย มันเป็นไปได้ยังไงกันว่ะ” ผมอุทานขึ้น
      “เรานะได้คุยกันในฝันตั้งหลายครั้งแล้วล่ะแต่เธอจำไม่ได้เอง”  ขณะที่พูดเงาของเธอก็ขยับท่าทางตามจังหวะการพูด  

           เป็นเวลาหลายชั่วโมงที่เราคุยกัน จนทำให้ผมได้รู้ว่าเธอคือธิดาของเทพความฝัน เธอมีนิสัยขี้เล่นซุกซน  โดยเฉพาะกับผมเธอจะชอบมาเข้าฝันบ่อยๆเพียงแต่ผมจำไม่ได้เท่านั้นเอง เหมือนคนปกติทั่วไปเมื่อฝันถึงอะไรแล้ว นานวันเข้าก็ลืม   และกับเธอก็เช่นกันที่ผมจำไม่ได้แต่ไอ้ที่เธอมาปรากฏตัวในร่างของเงาก็เพราะเธอสามารถทำได้เท่านั้นในการแสดงร่างออกมาในโลกความจริง     หลังจากเราคุยกันจนนานผมก็เผลอหลับไปซะอย่างนั้นเพราะอดนอนมาเมื่อคืน…..
      “ไงจ๊ะ  เจอกันอีกแล้ว”
      “นี่ผม อยู่ในฝันใช่มั้ย”
      “ใช่แล้วจ๊ะ เธอหลับไปแล้วฉันก็ได้พาเธอเข้ามาในโลกความฝันนี่ไง”
      “ทำไมเธอถึงเลือกที่จะเป็นเงาของผมบนโลกความจริงล่ะ” ผมถามขึ้น
      “ ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะเธอเคยฝันว่าเธอวิ่งเล่นอยู่ตรงซอยนั้นแล้วได้ช่วยเหลือแมวสีขาวตัวนึงที่ถูกรถชนได้มั้ย”
      “ผมจำไม่ได้หรอก”
      “นั้นแหล่ะจำไม่ได้ก็ช่างมัน แมวตัวนั้นคือฉันเองและเธอคือคนเดียวในความฝันที่ช่วยเหลือแมวสีขาว เพราะเมื่อฉันทดลองสร้างความฝันแบบเดียวกันกับคนอื่นๆ ต่างก็ไม่มีใครเลยที่จะช่วยเหลือแมวตัวนั้นมิหนำซ้ำบางคนยังจะฝันว่าตนเองเป็นคนขับรถคันที่เหยียบแมวให้ตายอีกต่างหาก”
      “นี่ผมเป็นคนดีขนาดนั้นเชียวหรือ”
      “จริงซิจ๊ะ เธอเป็นคนดีที่สุดเท่าที่ฉันพบเจอมา ฉะนั้นฉันจึงตั้งใจไว้ว่าใครก็ตามที่ยอมช่วยเหลือแมวสีขาว ฉันจะยอมเป็นคู่ชีวิตกับคนนั้น”
      “จริงเหรอครับ”  ผมถามขึ้นอย่างดีใจที่จะได้ผู้หญิงที่วิเศษอย่างเธอมาเป็นคู่ชีวิตพร้อมทั้งถามกลับไปว่าถ้าเราได้คู่กันแล้วจะต้องอยู่ในโลกไหน เธอก็ตอบกลับผมมาว่าแล้วแต่ผมจะเลือก ถ้าผมเลือกจะอยู่ในโลกความฝันผมก็จะเห็นเธอในร่างของผู้หญิงที่น่ารัก วิเศษสุดอยู่ตลอดเวลา  แต่ถ้าผมเลือกโลกความจริงเธอจะเป็นได้แค่เพียงเงาของผมเท่านั้น  แล้วแต่ว่าผมจะเลือกแบบใด

           สุดท้ายผมก็เลือกที่จะอยู่ในโลกความจริง เพราะผมคงทิ้งแม่ของผมไปอยู่ในโลกความฝันกับเธอไม่ได้…….
      ……….
      ……..
      ….
      ณ โรงพยาบาล ศูนย์การบำบัดผู้ป่วยทางจิต
      “คุณหมอค่ะลูกชายของดิฉันทำไมอาการถึงไม่ได้ดีขึ้นเลย ทุกๆวันหลังจากกลับจากโรงพยาบาล  ตอนกลางคืนเขาจะต้องออกไปวิ่งในซอยแถวบ้านแล้วก็ค่อยวิ่งเข้าบ้าน เป็นอย่างนี้ทุกวันมาเป็นปีแล้วนะค่ะคุณหมอ ทำไมถึงรักษาไม่หายซักที”
      “ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นอาการปกติของผู้ป่วยทางจิตเท่านั้นที่ชอบทำอะไร แบบมีพฤติกรรมเดิมๆซ้ำๆ   อาการอย่างนี้ไม่น่าเป็นห่วงหรอกครับ”
          
      ………………………….
           ใครจะรู้ว่าส่วนหนึ่งของตัวผมอยู่ในโลกความฝันอีกส่วนหนึ่งอยู่ในโลกความจริง  โดยที่เวลาของทั้งสองส่วนเดินไปพร้อมๆกัน…..บอกไปใครจะเชื่อว่าหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ทิ้งผมไปทั้งในโลกความฝันและความจริง ทิ้งไปให้ผมตามหาเธอ

      ..........จบ...........
      ยังมีเรื่องสั้นให้อ่านอีกหลายเรื่องเพียงคุณพิมพ์ เชือกผูกลม ลงในช่องค้นหานักเขียนเท่านั้น

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×