มีอยู่คืนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป คืนนั้นเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง ในขณะที่ผมกำลังเดินทางเพื่อที่จะกลับบ้าน ระหว่างทางเป็นซอยแคบที่ผมต้องเดินผ่านซึ่งปกติแล้วผมก็เดินผ่านซอยนี้มาหลายปีตั้งแต่ย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่เรียกได้ว่าแทบจะหลับตาเดินก็ยังได้  แต่คราวนี้มันกลับรู้สึกแปลกๆ
    แสงจันทร์สลัวส่องเห็นทางสว่างนวล  ผมเดินไปเรื่อยๆจู่ๆก็รู้สึกขึ้นมาว่าเหมือนมีคนเดินตามผมมา ผมจึงเริ่มเร่งฝีเท้าส่วนหางตาก็พยายามมองว่ามีใครตาม  ยิ่งเร่งก็ยิ่งตามมาเรื่อยผมจึงตัดสินใจหันกลับมองทันที
    มันก็ไม่มีอะไรหรือใครเลย ที่แท้มันเป็นเงาของผมเองเพราะวันนี้พระจันทร์เต็มดวงแสงเลยเยอะมากกว่าคืนอื่น  มันก็เลยทำให้เกิดเงาที่ชัดขึ้น  แต่เมื่อผมเดินต่อไปอีกมันก็ยังมีความรู้สึกเดิมอยู่ ทำให้ผมสงสัยเป็นอย่างมากเพราะเมื่อหันกลับไปมองทีไรก็ไม่มีใคร    ทั้งที่ผมก็ไม่ได้คิดไปเองนะมันรู้สึกจริงๆ   
    ผมเดินมาจนสุดทางถึงปากซอยเสียทีมันก็ยังรู้สึกว่ามีใครตามมาอยู่เหมือนเดิม 
“เธออย่ารีบเดินซิ”
      เสียงผู้หญิงดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังเดินออกจากปากซอยผมจึงรีบเหลียวหลังมองทันควัน ทำเอาขนผมลุกขึ้นทั้งตัว ก็เจ้าของเสียงนั้นเป็นเงา เงาจริงๆ เงาที่ตามผมมาอยู่ตลอดเงาของผม  แต่ผมไม่ทันสังเกตว่าเงาที่ผมเห็นนั้น เป็นเงาของผู้หญิงผมยาว
.
    วิ่งอย่างเร็วเท่านั้นที่จะทำให้ผมพ้นจากที่ตรงนี้ได้ ผมจึงวิ่งๆๆกลับมาถึงบ้าน ไม่ทันที่แม่ของผมจะทัก  ผมก็รีบขึ้นไปบนห้องพระเอาสร้อยพระมาคล้องคอ  เอาธูปเอาเทียนมาจุดพร้อมทั้งสวดมนต์แบ่งส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้หญิงคนนั้น
..ทั้งคืนผมไม่ได้นอนเพราะมัวแต่สวดมนต์ในห้องพระ
      เช้าต่อมาผมต้องไปทำงานทั้งที่ไม่ได้นอนเลยตลอดคืน  แล้วการเดินทางไปทำงานก็ต้องเดินผ่านซอยนั้นอีกด้วย ยังดีที่เป็นตอนเช้าคนพลุกพล่านแต่ผมก็ยังคิดอยู่ตลอดถึงเรื่องเมื่อคืน ผมสวัสดีแม่ก่อนออกไปทำงาน แม่ก็ถามผมว่าเมื่อคืนเป็นอะไรเห็นท่าทางรีบร้อน ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไปไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจเพราะมีกันเพียงสองคน
      วันนี้ที่ทำงานผมนั่งทำงานอย่างอ่อนล้าเพราะง่วงนอน  พอเที่ยงผมจึงงีบหลับคาโต๊ะทำงาน  แล้วผมฝันว่าผมเดินเข้าไปในซอยนั้น  แล้วมีผู้หญิงคนนึงหน้าตาดี เดินเข้ามาหาผมแล้วเราก็พูดคุยกันจนถูกคอ  เธอน่ารักมากเป็นผู้หญิงที่วิเศษที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา แต่มันก็เป็นแค่ในฝันมันคงไม่มีจริง ประโยคสุดท้ายที่เธอพูดกับผมก่อนที่ผมจะตื่นขึ้นคือ “คืนนี้เจอกัน”
    ผมเก็บเอาความฝันมานั่งคิด และก็คิดถึงตนเองว่าทำไมตอนนี้ผมเจอแต่เรื่องแปลกๆ  หลังเลิกงานผมก็กลับบ้านตามปกติ ผมเองก็หวั่นๆเหมือนกันที่จะต้องเดินกลับผ่านซอยนั้น แต่ก็ช่วยไม่ได้มันเป็นทางเดียวที่จะกลับบ้านและไอ้งานของผมก็ดันเลิกดึกเสียด้วย   
    คราวนี้ไม่ต้องเดินถึงปลายซอยเลย แค่เข้าปากซอยเสียงผู้หญิงก็ดังขึ้นทันที
“สวัสดีจ๊ะ”
    ผมหันไปมองดูเงาตัวเอง เอาแล้วไง!  เงาของผมเป็นเงาผู้หญิงผมยาวอีกแล้ว ทำไงดีเนี่ยมีทางเดียวคือวิ่ง วิ่งๆๆๆ
“อย่าวิ่งซิเธอเดี๋ยวเหนื่อยหรอก”
    ผมวิ่งโดยไม่ฟังเสียงที่ดังตามมาตลอด
“ เธอนี่พูดไม่เชื่อ ถ้าเหนื่อยแล้วอย่ามาว่าเราล่ะ”
    เสียงผู้หญิงคนนี้ยังคงตามาตลอดเหมือนเงา  แต่ใกล้แล้วล่ะปากซอยอีกนิดเดียวผมวิ่งอย่าสุดแรงเกิด เพื่อจะให้พ้นๆซอยนี้ไป
“วันนี้ตามไปด้วยดีกว่า”
    เสียงผู้หญิงพูดขึ้นในขณะที่ผมวิ่งพ้นปากซอยไป ในใจผมก็คิดว่ามันจะตามผมไปถึงไหนเนี่ยพ้นซอยก็แล้วยังจะตามมาอีก  อะไรกันว่ะ
    จนถึงบ้านผมวิ่งเข้าไปในบ้าน แม่กับผมก็ไม่ทันจะได้ทักกัน  ผมก็ รีบเข้าห้องพระอีกเช่นเคยเหมือนเมื่อคืน  แต่ก็ยังมีเสียงผู้หญิงอยู่ตลอด
“คิก คิก คิก “  เสียงหัวเราะดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังสวดมนต์อย่างเอาเป็นเอาตายในห้องพระแท้ๆ แต่เธอกลับหัวเราะ
“ผีอะไรว่ะไม่กลัวพระ”  ผมตะโกนขึ้น
“ก็เราเป็นผีซะที่ไหนล่ะ” เสียงเธอดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ผมหยุดสวดมนต์แล้วค่อยๆหันมามองเงาตัวเองที่นาบอยู่บนพื้นห้อง  มันก็ยังไม่ใช่เงาของผมอยู่ดีเพราะว่าเป็นเงาของเธอแต่ตัวน่ะของผม 
“แล้วเธอเป็นอะไร” ผมตั้งสติแล้วพูดสวนกลับไปถาม
“เป็นเทพ”
“เทพอะไรกันว่ะ  ต้องมาแกล้งมนุษย์ด้วย”
“เปล่าน่ะเราไม่ได้แกล้ง  เราแค่อยากคุยด้วยเท่านั้น”
“คุยอะไรกัน บ้าหรือเปล่า คนกับเทพจะคุยกันเรื่องอะไรมีอะไรให้คุย”
“คุยเรื่องอะไรก็ได้เราคุยได้หมด  เพราะเธอคุยด้วยแล้วสนุกดี”
“เราเคยคุยกันตอนไหน”  ผมถามขึ้น
“ตอนเธอฝันไง”
    แล้วความคิดผมก็นึกย้อนกลับไปถึงความฝัน ที่ฝันตอนหลับในที่ทำงานก็นึกขึ้นได้ว่าผมฝันเห็นผู้หญิงที่วิเศษคนนึง เธอน่ารักมาก  แล้วประโยคสุดท้ายที่เธอพูดก่อนผมตื่นก็ทำให้ผมนึกขึ้นได้ “คืนนี้เจอกัน”  มันหมายถึงเหตุการณ์ที่ผมประสบอยู่นี่เหรอ
“เธอคือคนที่เจอในฝันเมื่อตอนกลางวันนั้นเหรอ”  ผมถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“ใช่แล้วจ๊ะ”
“จริงเหรอเนี่ย มันเป็นไปได้ยังไงกันว่ะ” ผมอุทานขึ้น
“เรานะได้คุยกันในฝันตั้งหลายครั้งแล้วล่ะแต่เธอจำไม่ได้เอง”  ขณะที่พูดเงาของเธอก็ขยับท่าทางตามจังหวะการพูด 
    เป็นเวลาหลายชั่วโมงที่เราคุยกัน จนทำให้ผมได้รู้ว่าเธอคือธิดาของเทพความฝัน เธอมีนิสัยขี้เล่นซุกซน  โดยเฉพาะกับผมเธอจะชอบมาเข้าฝันบ่อยๆเพียงแต่ผมจำไม่ได้เท่านั้นเอง เหมือนคนปกติทั่วไปเมื่อฝันถึงอะไรแล้ว นานวันเข้าก็ลืม  และกับเธอก็เช่นกันที่ผมจำไม่ได้แต่ไอ้ที่เธอมาปรากฏตัวในร่างของเงาก็เพราะเธอสามารถทำได้เท่านั้นในการแสดงร่างออกมาในโลกความจริง    หลังจากเราคุยกันจนนานผมก็เผลอหลับไปซะอย่างนั้นเพราะอดนอนมาเมื่อคืน
..
“ไงจ๊ะ  เจอกันอีกแล้ว”
“นี่ผม อยู่ในฝันใช่มั้ย”
“ใช่แล้วจ๊ะ เธอหลับไปแล้วฉันก็ได้พาเธอเข้ามาในโลกความฝันนี่ไง”
“ทำไมเธอถึงเลือกที่จะเป็นเงาของผมบนโลกความจริงล่ะ” ผมถามขึ้น
“ ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะเธอเคยฝันว่าเธอวิ่งเล่นอยู่ตรงซอยนั้นแล้วได้ช่วยเหลือแมวสีขาวตัวนึงที่ถูกรถชนได้มั้ย”
“ผมจำไม่ได้หรอก”
“นั้นแหล่ะจำไม่ได้ก็ช่างมัน แมวตัวนั้นคือฉันเองและเธอคือคนเดียวในความฝันที่ช่วยเหลือแมวสีขาว เพราะเมื่อฉันทดลองสร้างความฝันแบบเดียวกันกับคนอื่นๆ ต่างก็ไม่มีใครเลยที่จะช่วยเหลือแมวตัวนั้นมิหนำซ้ำบางคนยังจะฝันว่าตนเองเป็นคนขับรถคันที่เหยียบแมวให้ตายอีกต่างหาก”
“นี่ผมเป็นคนดีขนาดนั้นเชียวหรือ”
“จริงซิจ๊ะ เธอเป็นคนดีที่สุดเท่าที่ฉันพบเจอมา ฉะนั้นฉันจึงตั้งใจไว้ว่าใครก็ตามที่ยอมช่วยเหลือแมวสีขาว ฉันจะยอมเป็นคู่ชีวิตกับคนนั้น”
“จริงเหรอครับ”  ผมถามขึ้นอย่างดีใจที่จะได้ผู้หญิงที่วิเศษอย่างเธอมาเป็นคู่ชีวิตพร้อมทั้งถามกลับไปว่าถ้าเราได้คู่กันแล้วจะต้องอยู่ในโลกไหน เธอก็ตอบกลับผมมาว่าแล้วแต่ผมจะเลือก ถ้าผมเลือกจะอยู่ในโลกความฝันผมก็จะเห็นเธอในร่างของผู้หญิงที่น่ารัก วิเศษสุดอยู่ตลอดเวลา  แต่ถ้าผมเลือกโลกความจริงเธอจะเป็นได้แค่เพียงเงาของผมเท่านั้น  แล้วแต่ว่าผมจะเลือกแบบใด
    สุดท้ายผมก็เลือกที่จะอยู่ในโลกความจริง เพราะผมคงทิ้งแม่ของผมไปอยู่ในโลกความฝันกับเธอไม่ได้
.
.
..
.
ณ โรงพยาบาล ศูนย์การบำบัดผู้ป่วยทางจิต
“คุณหมอค่ะลูกชายของดิฉันทำไมอาการถึงไม่ได้ดีขึ้นเลย ทุกๆวันหลังจากกลับจากโรงพยาบาล  ตอนกลางคืนเขาจะต้องออกไปวิ่งในซอยแถวบ้านแล้วก็ค่อยวิ่งเข้าบ้าน เป็นอย่างนี้ทุกวันมาเป็นปีแล้วนะค่ะคุณหมอ ทำไมถึงรักษาไม่หายซักที”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นอาการปกติของผู้ป่วยทางจิตเท่านั้นที่ชอบทำอะไร แบบมีพฤติกรรมเดิมๆซ้ำๆ  อาการอย่างนี้ไม่น่าเป็นห่วงหรอกครับ”
   
.
    ใครจะรู้ว่าส่วนหนึ่งของตัวผมอยู่ในโลกความฝันอีกส่วนหนึ่งอยู่ในโลกความจริง  โดยที่เวลาของทั้งสองส่วนเดินไปพร้อมๆกัน
..บอกไปใครจะเชื่อว่าหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ทิ้งผมไปทั้งในโลกความฝันและความจริง ทิ้งไปให้ผมตามหาเธอ
..........จบ...........
ยังมีเรื่องสั้นให้อ่านอีกหลายเรื่องเพียงคุณพิมพ์
เชือกผูกลม ลงในช่องค้นหานักเขียนเท่านั้น
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น