เมื่อปี พ.ศ. 2545 ผมได้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่จังหวัดอยุธยาจนทำให้ผมต้องเสียดวงตาข้างซ้ายไปจากเหตุการณ์ครั้งนั้น    เพราะว่าในขณะที่ผมกำลังขับรถอยู่ด้วยความเร็วเพื่อที่จะกลับเข้ากรุงเทพ  ก็ได้มีผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งวิ่งขึ้นมาบนถนนทางด้านซ้ายอย่างเร็ว ทำให้ผมไม่สามารถที่จะหักพวงมาลัยหลบได้ทัน จึงชนผู้หญิงคนนั้นเข้าอย่างจัง  กระจกหน้ารถของผมแตกละเอียดและเศษของกระจกที่แตกนั้นได้กระเด็นเข้าดวงตาทางด้านซ้ายของผมเต็มๆ และภาพสุดท้ายที่ผมจำได้ก่อนที่ดวงตาข้างซ้ายของผมจะใช้การไม่ได้อีกต่อไปคือ ภาพหัวของผู้หญิงคนนั้นทะลุกระจกรถเข้ามาพร้อมทั้งดวงตาของเธอที่มองมาที่ผม แล้วจากนั้นผมก็หมดสติไป
    ตอนนั้นผมตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองได้นอนอยู่ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพเสียแล้ว  นอกจากตาข้างซ้ายที่ผมต้องเสียไป ก็ยังมีแขนซ้ายที่หักต้องเข้าเฝือกเพราะลำตัวของผู้หญิงคนนั้นทะลุกระจกเข้ามากระแทกเข้าที่แขนซ้ายผมอย่างจัง  ผมต้องนอนบาดเจ็บอยู่อย่างนั้นหลายเดือนกว่าจะหายจากอาการบาดเจ็บทางร่างกาย และโดยเฉพาะจิตใจที่ผมต้องเสียตาข้างซ้ายไป ส่วนผู้หญิงคนนั้นเธอตายทันทีในที่เกิดเหตุเพราะศพของเธอกระเด็นเข้ามาในรถของผมถึงครึ่งลำตัวทางกระจกหน้า  ทางตำรวจเองก็สรุปคดีว่ามันเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากผู้หญิงคนนั้นประมาทที่วิ่งขึ้นมาบนถนนหลวงเอง ผมจึงไม่มีความผิดจากคดีนี้    อีกอย่างคือว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สติไม่ค่อยดีจากคำบอกเล่าของคนแถวนั้น
    ผมต้องเข้าบำบัดเพื่อรักษาสภาพจิตใจกับจิตแพทย์อยู่ประมาณสามเดือน  จนกระทั่งผมรู้สึกว่าจิตใจดีขึ้นมามากหลังจากเสียดวงตาและไม่คิดมากอีก  เพราะตอนที่ออกจากโรงพยาบาลมาใหม่ๆผมไม่สามารถมองดูเงาตัวเองในกระจกได้เลยเพราะกลัวจะรับสภาพของตนเองไม่ได้  เมื่อทุกอย่างดีขึ้นผมก็ย้ายบ้านจากที่ต้องอยู่คนเดียวก็ได้ย้ายไปอาศัยอยู่กับพี่ชาย เพื่อที่จะได้มีคนดูแลผมได้  ผมเองก็เกรงใจแต่ก็ต้องยอมเพราะตอนนั้นผมยังไม่สามารถช่วยตัวเองได้เพราะยังบาดเจ็บอยู่  ส่วนเรื่องงานก็ต้องหยุดเพราะบาดเจ็บหลายเดือนและอุบัติเหตุก็เกิดจากการหนีงานไปเที่ยวไม่ได้ไปเรื่องงานด้วย ทำให้ผมต้องนอนบาดเจ็บและตกงานในเวลาเดียวกัน ผมบอกหรือยังว่าผมเป็นดารา
   
    หลังจากที่ผมได้ย้ายเข้าไปอาศัยอยู่กับพี่ชาย  ตอนกลางวันผมก็ต้องอยู่กับคนใช้ ที่ชื่อน้อย เป็นหญิงสาวจากต่างจังหวัด  ผมมาอยู่ที่นี่เพื่อที่ตอนกลางวันคนใช้จะได้คอยดูแลผมได้ 
    แต่มีอยู่วันหนึ่งก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้น  ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณบ่ายกว่าๆเห็นจะได้ ผมนั่งดูโทรทัศน์ ส่วนน้อยก็กำลังทำงานบ้านอยู่    ขณะที่นั่งดูอยู่เพลินๆก็มีเงาคนเดินผ่านข้างซ้ายผมไป แต่ผมเองก็มองไม่ถนัดเพราะต้องมองจากตาข้างขวา ผมเองก็นึกว่าเป็นน้อยก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนซักพักก็เดินผ่านไปอีก  ผมก็ตะโกนถามขึ้น
“น้อย ทำอะไรน่ะ ”
“น้อยกำลังซักผ้าของน้อยอยู่ มีอะไรหรือค่ะคุณเอก”  เธอรีบตอบกลับมา
    ผมก็แปลกใจทันทีที่น้อยตอบกลับมา แล้วไอ้เงาเมื่อกี๊นี้มันคือใครหรือว่าผมจะตาฝาดก็ไม่น่าจะใช่  หลังจากนั้นเป็นต้นมาผมก็จะคอยระแวงเพราะคิดว่ามันน่าจะมีอะไรแปลกในบ้านของพี่ชายผมแน่ๆ
    ในเย็นวันหนึ่ง หลังจากที่พี่ชายของผมกลับมาเราก็กำลังนั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน
“ พี่! พี่มีเพื่อนบ้านที่เข้านอกออกในบ้านพี่ๆได้บ้างหรือเปล่า” ผมเอ่ยถาม
“ เปล่านี่ ไม่มีนะ เพราะพี่ก็ไม่เคยออกไปสุงสิงกับใครแถวนี้เลยเช้าทำงานเย็นก็กลับเข้าบ้าน ไม่มีเวลาออกไปทำความรู้จักกับข้างบ้านซักที มีอะไรเหรอที่ถามเนี่ย”
“ คือว่าวันนี้ผมเห็นเหมือนมีใครบางคนเดินอยู่ในบ้าน”
“น้อยหรือเปล่า หรือไม่อย่างนั้นเอ็งก็คงตาฝาด “
“ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยผมคงตาฝาดเองแหละ”
“เอาน่าอย่าคิดมาก กินข้าวดีกว่า”  พี่ผมพูดตัดบทไปทำให้ผมไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ให้พี่ชายผมไม่สบายใจ
    คืนหนึ่งหลังจากที่ผมปิดไฟห้องในขณะที่ผมกำลังนอนอยู่บนเตียงกึ่งหลับกึ่งตื่นก็เริ่มรู้สึกว่าเตียงขยับเหมือนมีใครขึ้นมาบนเตียง  ผมเหลือบตามองแต่เห็นไม่ชัดนักเพราะว่ามันมืด  ภาพลางๆที่เห็นเป็นผู้หญิงผมยาวตกบังใบหน้ากำลังคลานขึ้นมาบนเตียงผมอย่างช้าๆเข้ามาหาผม  ตอนนั้นผมกลัวมากไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามอง ทำได้แต่เกร็งตัวแกล้งทำเป็นหลับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แต่แล้วผมก็รู้สึกว่าเธอคลานมาหยุดตรงข้างๆแล้วก้มลงจ้องมองใกล้ๆหายใจรดหน้า  จนเส้นผมของเธอมาสัมผัสโดนใบหน้าและลำคอของผมจนผมขนลุกไปทั้งตัว    วินาทีนั้นผมท่องนโม นโมในใจอย่างเดียว นึกถึงคาถาอะไรได้เอามาท่องในใจหมด ไม่เว้นแม้แต่บทสวดศีลห้า ผมก็ยังเอามาท่องในใจเผื่อมันจะช่วยได้  ทำให้ใจนึกไปถึงผู้หญิงคนนั้นที่ผมขับรถชนเธอ
ผู้หญิงผมยาว
..
เช้าวันรุ่งขึ้น ที่โต๊ะอาหาร     
“ เป็นไงเอก ทำไมหน้าตาดูโทรมจังเลย เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ มีอะไรหรือเปล่า” พี่ผมเอ่ยถามขึ้น
“ เปล่าครับพี่ ไม่มีอะไร”
“ ถ้ามีอะไรบอกพี่นะ  หรือว่ายังคิดมากเรื่องนั้น”
“เปล่าครับ”
“ พี่เป็นห่วงเอ็ง ไม่อยากให้เอ็งคิดมากอะไรที่เสียไปแล้วก็เสียไปเราเอามันกลับคืนไม่ได้  เรามันพี่น้องกันมีกันอยู่สองคนเท่านั้นถ้ามีอะไรก็บอกพี่”
“ครับ”
“ส่วนเรื่องที่อยู่ พี่ว่าเอกมาอยู่กับพี่ตลอดไปเลยแล้วกัน ขายคอนโดซะหรือให้ใครเช่าก็ได้”
“ครับพี่ ขอบคุณครับ”
“อย่างนั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ  น้อย! เก็บจาน”
“ค่ะ!!! “ น้อยตะโกนออกมาจากในครัว พร้อมทั้งวิ่งออกมาที่โต๊ะซึ่งผมกำลังนั่งอยู่  แล้วน้อยก็มองหน้าผม
..
 
  ย้อนกลับไปเมื่อคืน
  ในขณะที่ร่างของผู้หญิงผมยาวได้คลานมาก้มมองผมอยู่นั้น    ผมก็พยายามสวดมนต์ในใจอุทิศส่วนกุศล ต่อเจ้ากรรมนายเวรไม่ว่าใครหรืออะไรก็ตามที่ผมเคยได้ล่วงเกินไว้โดยไม่ตั้งใจขอให้อโหสิกรรมด้วยเถิดอย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย  เธอเริ่มที่จะเอนตัวลงนอนข้างๆเอามือมาโอบตัวผมไว้ มันช่างเป็นเหตุการณ์ที่ชวนขนลุกที่สุด  แต่ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปผมคงต้องตายเพราะเธอเอาวิญญาณผมไปแน่จึงตัดสินใจสะบัดแขนเธอแล้วลุกขึ้นไปเปิดไฟอย่างรวดเร็ว 
โอ้พระเจ้าช่วย!!!!!!  เธอ  เธอ  ใช่เธอ
.
..
    กลับสู่ตอนเช้าหลังจากที่พี่ชายผมออกไปทำงานแล้วได้เรียกน้อยมาเก็บจาน น้อยก็วิ่งออกมาจากครัว มาที่โต๊ะแล้วเธอก็มองหน้าผม ผมก็มองหน้าเธอก่อนที่ผมจะพูด
“น้อย ทีหลังเธออย่าทำแบบเมื่อคืนนี้อีกนะ”
.
    จากนั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันผมก็ยังคงอาศัยอยู่กับพี่ชายที่บ้านหลังนั้นส่วนไอ้เรื่องเงาที่ผมเห็นแท้ที่จริงก็คือน้อยที่คอยแอบมองผมอยู่ตลอด  จะไม่ให้ผมรู้ความจริงได้อย่างไรก็ในเมื่อถึงแม้ว่าผมจะห้ามเธอยังไง  น้อยก็ยังแอบเข้ามาในห้องของผมเป็นประจำตอนกลางคืน
..ช่วยไม่ได้ก็น้อยดันเป็นหญิงสาวที่บ้าดารา และผมเองถึงจะตาบอดแต่ก็ดันหล่อระเบิด ...เฮ้อออออ
.............จบ............
ยังมีเรื่องสั้นอีกหลายเรื่องให้ได้อ่านกันเพียงแค่พิมพ์คำว่า
เชือกผูกลม ลงในช่องค้นหานักเขียน
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น