ณ ลานกีฬาในโรงเรียนประถมอมรพันธ์ จากพื้นที่กว้างขวางแต่ตอนเช้านี้ถูกอัดแน่นไปด้วยเด็กนักเรียนที่ยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ พร้อมด้วยคุณครูประจำชั้นที่ยืนคุมตามแต่ละแถว
    ขณะนี้เป็นเวลา เจ็ดนาฬิกา ห้าสิบเก้านาที
..
   
    ขณะนี้เป็นเวลาแปดนาฬิกา ..ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย  เป็นประชารัฐผไทของไทยทุกส่วน อยู่ดำรง
      เสียงวิทยุกระจายพร้อมเสียงตัวแทนเด็กนักเรียนร้องเพลงชาติและเหล่านักเรียนที่ร้องตามเสียงดังกึกก้องไปทั่วโรงเรียน 
      ขณะที่เพลงชาติกำลังดังอยู่นั้น เด็กชายคนหนึ่งในแถวของนักเรียนชั้น ป.1 ที่ชื่อ
“ปิติ” หรือชื่อเล่นว่า”ปอนด์”ยืนเงียบไม่เปล่งเสียงร้อง แต่ว่าปอนด์กลับหันมองไปรอบตัว  สิ่งที่ปอนด์เห็นคือผู้คนต่างๆนั้นหยุดนิ่ง ไม่เคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นลุงสม ภารโรงของโรงเรียนที่ปอนด์เห็นทีไรจะต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา ไม่กวาดก็เก็บขยะหรือปั่นจักรยาน  คุณครูใหญ่ที่ไม่เคยหยุดเดิน คุณครูสมใจที่สอนสังคมซึ่งไม่เคยเห็นว่าจะหยุดพูดก็ยังนิ่ง หรือแม้แต่ กอล์ฟเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างหน้าซึ่งเป็นคนเกเรและซนมาก  ทุกๆคนล้วนต้องหยุดนิ่งทุกครั้งเมื่อมีเสียงเพลงชาติบรรเลงขึ้นมา 
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี เถลิงประเทศชาติไทย  ทวีมีชัยไชโย
      สิ้นเสียงเพลงชาติที่จบลง ปอนด์เห็นทุกคนต่างขยับ  ลุงสมเริ่มขี่จักรยานของตนเองไปหลังโรงเรียน  คุณครูใหญ่เริ่มเดินไปที่ไมโครโฟนเพื่อรอพูดหลังจากสวดมนต์เสร็จ
   
      ในขณะนี้เสียงสวดมนต์ของพี่นักเรียนที่นำสวด ก็ดังขึ้นแต่คนต่างๆก็ยังเคลื่อนไหว ยังเดินกันขวักไขว่  ไม่เว้นแม้แต่ครูสมใจที่หันไปคุยอย่างเสียงดังกับคุณครูวันเพ็ญคุณครูประจำชั้นของปอนด์เองที่ดังแทรกเสียงสวดมนต์
      เมื่อการสวดมนต์เสร็จสิ้นคุณครูใหญ่ก็พูดอะไรไม่รู้ตั้งนาน ในสิ่งที่ปอนด์ไม่เข้าใจ และเห็นแต่มีรุ่นพี่ขึ้นไปโดนตีหน้าเสาธงสองคน ซึ่งปอนด์เองก็เห็นว่าหน้าเดิมๆ  จนการพูดหน้าเสาธงประจำวันเสร็จลงทุกคนต่างก็เริ่มเดินทยอยขึ้นชั้นเรียนกันเป็นแถว 
.
ในห้องเรียนชั้นประถม ½
      หลังจากที่นักเรียนได้ทำความเคารพคุณครู  คุณครูวันเพ็ญก็เริ่มพูดขึ้น
“นักเรียนค่ะ!! เอาการบ้านมาส่งเดี๋ยวนี้  ลุกออกมาส่งทีละแถวเลยค่ะ”
      เด็กนักเรียนทุกคนต่างก็ลุกขึ้นเดินเรียงแถวเอาการบ้านมาส่งที่โต๊ะคุณครู  สาเหตุที่ทำอย่างนี้ก็เพื่อเป็นการเช็คชื่อนักเรียนไปด้วยพร้อมส่งการบ้าน 
.เวลาผ่านไปจนถึงคนสุดท้าย
“ เอ๊ะ!! เมื่อเช้านี้ครูเห็น ปิติมาเรียนด้วยไม่ใช่เหรอ” คุณครูวันเพ็ญอุทานขึ้นเมื่อตรวจนับการบ้านและรายชื่อนักเรียนที่มา จึงหันไปมองทั่วบริเวณห้อง ถึงได้เห็นปอนด์นั่งอยู่คนเดียวเพราะนักเรียนคนอื่นๆออกมายืนอยู่หน้าห้องกันหมด
“ ปิติ!! ทำไมเธอถึงไม่เอาการบ้านมาส่ง” คุณครูวันเพ็ญพูดเสียงดังขึ้นเพื่อถามปอนด์
ทางด้านปอนด์เองก็นั่งนิ่งไม่ตอบออกมาพร้อมทั้งก้มหน้าอยู่ที่โต๊ะ
“นักเรียนทุกคน กลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองก่อนนะค่ะ” คุณครูวันเพ็ญตะโกนสั่งนักเรียนให้เข้านั่งประจำที่เพื่อลดความวุ่นวายหน้าห้อง
      เมื่อทุกคนต่างเข้าไปนั่งประจำที่แล้ว คุณครูวันเพ็ญก็เรียกปอนด์ออกมา
“ ปิติ เธอออกมาหาครูหน้าห้องซิ ” ปอนด์ถูกเรียกออกมาหน้าห้องที่โต๊ะของครู  ในขณะที่เสียงของนักเรียนในห้องก็คุยกันเจี๊ยวจ๊าวอยู่
“ ปิติ เธอทำไมถึงไม่ยอมทำการบ้านนี่มันหลายครั้งแล้วนะ  รู้มั้ยว่าไม่ทำแล้วต้องถูกทำโทษ”
“รู้ครับ” ปอนด์ก้มหน้าตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่กลัว
“ถ้ารู้แล้วคราวหน้าต้องทำมาส่งนะ คราวนี้ครูยกโทษให้เธอเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับเพื่อนๆ ส่วนการบ้านที่ไม่ได้ทำมา พรุ่งนี้เธอจะต้องทำมาส่งพร้อมกับการบ้านของวันนี้ที่จะได้ด้วย เข้าใจมั้ย”
“ครับ”
ตกบ่ายของวันนั้น ในห้องพักครูตรงโต๊ะของคุณครูวันเพ็ญ
“ คุณค่ะ ดิฉันอยากจะให้คุณคอยดูแลเอาใจใส่ปิติให้มากกว่านี้ เพราะว่าปิติไม่ยอมทำการบ้านมาส่งหลายครั้งแล้วในขณะที่เพื่อนๆทุกคนในห้อง ทำมาส่งครบทุกวัน ดิฉันไม่รู้ว่าทางคุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่าแต่ว่าถ้ามีปัญหาอะไรจะให้ดิฉันช่วยได้บ้างก็ยินดีนะค่ะ เพราะว่าดิฉันเป็นห่วงปิติจริงๆ เมื่อก่อนตอนเทอมแรกดิฉันก็เห็นว่าแกเป็นเด็กร่าเริงเหมือนเด็กนักเรียนทั่วไป  แต่พอมาพักนี้แกเงียบๆไปไม่ค่อยเล่นซนกับเพื่อนมากนักเหมือนแต่ก่อน “ ครูวันเพ็ญพูดถามขึ้นอย่างเอาใจใส่
“ ทางที่บ้านครอบครัวดิฉันก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่ค่ะ  ลูกดิฉันเองก็ไม่เคยเห็นบอกดิฉันว่ามีการบ้านทั้งที่ดิฉันก็ถามแล้ว  ส่วนเวลาอยู่ที่บ้านก็เป็นเด็กร่าเริงปกติดีไม่มีอะไร” แม่ของปอนด์ตอบออกไป
“เหรอค่ะ  มันแปลกนะทำไมแกถึงได้เปลี่ยนไป การบ้านก็ไม่ยอมทำแถมยังไม่ยอมบอกผู้ปกครองที่บ้านอีก”
“ แล้วเวลาคุณครูถามว่าทำไมไม่ทำการบ้าน  ลูกดิฉันตอบคุณครูว่าอะไรล่ะค่ะ”
“ แกตอบว่า ไม่มีคนสอนการบ้านให้แกเลยทำไม่เป็น ไม่เข้าใจ เลยไม่ทำ” คุณครูวันเพ็ญตอบกับแม่ของปอนด์ด้วยท่าทางครุ่นคิด
“ นี่แกพูดอย่างนี้กับคุณครูเลยหรือค่ะ แย่จังเลยดิฉันไม่เคยรู้เลยนะว่าลูกดิฉันจะเป็นเด็กโกหกได้ถึงขนาดนี้”
“ ก็เพราะอย่างนี้ ดิฉันถึงได้เป็นห่วงมากเพราะแกเป็นนักเรียนในปกครองของดิฉันด้วย”
..การสนทนาผ่านไปอีกหลายนาที
..
“ ยังไงก็ขอบคุณ คุณครูวันเพ็ญมากนะค่ะวันนี้ที่เรียกดิฉันมาเพื่อรับรู้เรื่องของลูกดิฉันเอง ไม่อย่างนั้นดิฉันคงเสียใจแย่เลยที่ปล่อยให้ลูกเป็นเด็กโกหก แล้วไปบอกคนอื่นผิดๆทีนี้คนอื่นก็จะมองว่าครอบครัวดิฉันปล่อยปะละเลยลูกตนเอง” แม่ของปอนด์พูดออกไป
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันเป็นหน้าที่ของดิฉันที่ต้องดูแลนักเรียนทุกคนที่อยู่ในการปกครอง”
“ ขอบคุณนะค่ะ อย่างนั้นก็ขอลาล่ะค่ะ”
“ อ้าว!! ไม่อยู่รอรับปิติเหรอค่ะ อีกครึ่งชั่วโมงก็จะเลิกเรียนแล้วล่ะค่ะ”คุณครูวันเพ็ญทักขึ้นก่อนที่แม่ของปอนด์จะเดินพ้นประตูห้องพักครู
“ พอดี ดิฉันมีธุระต้องไปงานเปิดร้านเสื้อผ้าของเพื่อนค่ะ  แต่ว่าดิฉันให้คนรถมารอรับปิติอยู่แล้วไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ  ไปนะค่ะสวัสดีค่ะ”  แม่ของปอนด์ลาคุณครูวันเพ็ญแล้วเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
      ณ  บ้านหลังใหญ่ราคาหลายล้าน ในเวลาหนึ่งทุ่มเศษ เสียงเจี๊ยวจ๊าวโวยวายดังขึ้นทั่วทั้งบ้าน
..ปอนด์เดินเข้าไปหาแม่
“ แม่ครับ สอนการบ้านให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ”
“ เดี๋ยวก่อนลูก แม่ขอคุยกับพ่อให้รู้เรื่องก่อน” แม่ตอบกลับไปโดยไม่สนใจปอนด์เลย
      เสียงเจี๊ยวจ๊าวที่ดังทั่วบ้านนั้นมันก็คือเสียงทะเลาะของพ่อกับแม่ของปอนด์ ที่เดินด่ากันไปทั่ว โดยไม่อายคนใช้ หรือไม่สนใจแม้กระทั่งปอนด์ที่เป็นลูกซึ่งขอร้องให้แม่สอนการบ้านให้
      ทั้งคู่ต่างค้นคำพูดมาด่า พร้อมทั้งขุดคุ้ยเรื่องต่างๆมาด่ากันให้คนใช้ฟังกันทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องบนเตียงยันเรื่องไม่ดีนอกบ้าน เรื่องลับก็กลับกลายเป็นไม่ลับ
“ ผมเบื่อ!!! เบื่อผู้หญิงสังคมอย่างคุณที่วันๆเอาแต่ออกงานสังคม เสแสร้งว่ามีครอบครัวที่อบอุ่น รักลูกรักผัว หลอกชาวบ้านว่าตนเองดีเลิศประเสริฐศรีแต่แท้ที่จริงมันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณสร้างภาพไว้เลย” เสียงพ่อของปอนด์ตะโกนขึ้นดังลั่น
“ คุณไม่ต้องเอาเรื่องนี้มาอ้างเป็นเหตุผลเลย  อย่าให้ฉันรู้นะว่าอีเมียน้อยของคุณมันอยู่ที่ไหน  ไม่อย่างนั้นฉันจะตามตบถึงบ้านมันเลย”
“ถ้ากล้าก็เอาเลย!!!” เสียงพ่อของปอนด์ตะโกนขึ้นอีกครั้งในขณะที่ปอนด์ นั้นเดินไปหาแม่กับพ่อพร้อมน้ำตาที่ไหลนองอยู่บนใบหน้าสะอาดของเด็กน้อยอย่างปอนด์ที่ตกอยู่ท่ามกลางสงครามวาจาของผู้ใหญ่
“แม่ครับ แม่สอนการบ้านให้ปอนด์ก่อนนะครับ พรุ่งนี้ปอนด์ต้องเอาไปส่งคุณครู ไม่อย่างนั้นปอนด์ต้องโดนตีจริงๆครับ สอนการบ้านให้ปอนด์นะแม่ครับ” ปอนด์ร้องไห้สะอื้นขอร้องแม่
“น่ารำคาญจริงๆ!!!!  เดี๋ยวจับย้ายโรงเรียนซะเลยนี่จะได้สิ้นเรื่องซะที    อีครูวันเพ็ญก็เหมือนกันไม่รู้จะเอาใจใส่อะไรกันนักหนา ทำตัวเป็นครูดีเด่นไปได้    ไป!!! ไปให้พ่อมึงสอนนู้น”  แล้วปอนด์ก็หันไปหาพ่อที่กำลังจะถือกระเป๋าใบใหญ่เดินออกจากประตู
“ พ่อครับ  สอนการบ้านให้ปอนด์หน่อยนะครับไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ปอนด์ต้องโดนครูตี นะพ่อครับ  นะ”  ปอนด์อ้อนวอนทั้งที่ร้องไห้
“ไม่ได้หรอกลูก พ่อต้องไปแล้ว พ่อขอโทษนะลูก” เสียงสุดท้ายที่ปอนด์ได้ยินจากปากของพ่อก็ดังขึ้นทำให้ความเสียใจทวีขึ้นยิ่งกว่าเดิม ท่ามกลางความสงสารของเหล่าบรรดาคนใช้ที่เฝ้ามองดูคุณหนูปอนด์ของตนเองร้องไห้มองพ่อที่เดินจากไปไม่เพียงจะเดินออกจากประตูแต่เป็นชีวิตของคุณหนูปอนด์
“ เป็นไงพ่อเลวๆของมึง ทำไมไม่ตามไปให้เค้าสอนการบ้านให้ล่ะ” เสียงแม่แดกดันขึ้นอีกครั้ง จนกระทั่ง
.
ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐ ผไทของไทยทุกส่วน  อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล ด้วยไทยล้วนหมาย
..
      เสียงร้องเพลงชาติจากปากของปอนด์ดังขึ้นพร้อมคลุกเคล้าเสียงสะอื้นในลำคอที่ร้องไห้ ปอนด์ร้องขึ้นอย่างเสียงดัง ดังแล้วดังอีกให้พ่อได้ยินท่ามกลางสายตาที่มองมาจากแม่ที่ไม่เคยใส่ใจและจากบรรดาคนใช้ที่เข้าใจปอนด์เป็นอย่างดี
        เสร็จสิ้นเสียงเพลงชาติของค่ำคืนซึ่งถูกร้องขึ้นผิดเวลา  จากนี้พ่อไม่อยู่กับปอนด์อีกแล้ว เพลงชาติไม่สามารถหยุดพ่อไม่ให้จากไปแม้เสียวเวลาที่เสียงเพลงดัง
.พรุ่งนี้ปอนด์ต้องโดนตีแต่ความเจ็บปวดที่ถูกทำโทษจากคุณครูวันเพ็ญนั้น ไม่เท่ากับความเจ็บปวดจากพ่อและแม่ของตนเองนั้นเป็นคนทำโทษ
....โดยที่ปอนด์คิดสงสัยว่าตนผิดอะไร
...........จบ...............
ยังมีเรื่องสั้นให้อ่านอีกหลายเรื่องพิมพ์คำว่า
เชือกผูกลม ลงในช่องค้นหานักเขียนเท่านั้น
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น