ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Innocent Heart [KasxLab]
นามแห่งข้าคือ โปรเฟ่ ผู้ซึ่งมีพลังในการหยั่งรู้อนาคต
แต่สิ่งเดียวที่เราไม่สามารถรู้ถึงอนาคตมันได้
นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า ‘ความรัก’
‘ .ผมรักคุณนะคาสเตอร์..........’
“มันยากที่จะรู้ถึงความรักจริงๆเนอะคุณดอกไม้” มือเรียวสวยประคองเหล่าดอกไม้ที่กำลังกังวลใจเพราะเป็นห่วงบุคคลที่ดูแลพวกมันมาตอนนี้ดู ไร้ซึ่งความหวัง เถาวัลย์ของต้นไม้ล้อมรอบร่างเล็กที่แสนบอบบางราวกับแก้ว เพื่อปลอบใจ
“เพราะความรักมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป แต่สำหรับความรักของผมต้องเรียกว่าไม่มีแม้แต่ทางที่จะให้เดินกระมัง” รอยยิ้มแสนเศร้าถูกส่งมามาทางใบหน้าหวาน แต่รอยยิ้มนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินต้นตอเสียงของใครบางคนที่เขารู้จักดีกำลังเสียงเข้ามาใกล้บริเวณนี้
“ลาบราดอร์อยู่หรือเปล่าครับ!?” เสียงมาดเข้มของบิชอปนาม คาสเตอร์ ดึงดูดใจให้คนที่กำลังพูดคุยกับดอกไม้ต้องหันไปหาด้วยใบหน้าที่แฝงความลับได้เช่นเคย
“ฮะ?” ลาบราดอร์พยายามปรับเสียงตนเองให้เหมือนปกติไม่ให้ดูเศร้าหรือดีใจเกินไป
“หาตัวเจอสักที ช่วยอะไรผมหน่อยได้ไหมครับลาบราดอร์” รอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าคมคายดวงสีตาน้ำตาลอมแดงเฉกเช่นเดียวกับสีผมมองผ่านกรอบแว่นมาที่เขา มันทำให้เรือนร่างเล็กหยุดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว
“ฮ...ฮะ” ลาบราดอร์เบื้องหน้าหลบสายตาอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นมา “มีอะไรให้ผมช่วยเหรอฮะ?”
“อยากให้ลาบราดอร์ช่วยเชิดตุ๊กตามือกับผมหน่อยน่ะ เล่นคนเดียวสนุกสู้เล่นสองคนไม่ได้หรอก เด็กๆเขาว่ามาอย่างนั้น เนอะ?” คาสเตอร์อธิบายพร้อมกับชูหุ่นตุ๊กตาสวมมือขึ้นมาสองตัว เป็นตุ๊กตาผู้ชายกับตุ๊กตาผู้หญิง ที่กำลังขยับปากไปมาเพราะมีมือของคาสเตอร์เป็นตัวเชิดอยู่
“แล้วลองไปชวนฟราวหรือยังล่ะฮะ?” ใบหน้าหวานลำเอียงด้วยความสงสัย อีกฝ่ายเมื่อได้ยินก็แก้สถานการณ์อย่างฉับไว
“รายนั้นเปลี่ยนจากไปเป็นบาร์โหนของเด็กๆดีกว่านะ แถมเจ้านั่นติดธุระช่วยฝึกเทย์โตะอยู่ด้วย เลยมาไม่ได้...หรือลาบราดอร์ไม่อยากเชิดกับผม?” นัยน์ตาสีน้ำตาลอมแดงฉายแววเศร้าออกมาทันที ลาบราดอร์ผู้ซึ่งอ่อนโยนเกินกว่าจะปฏิเสธจึงรีบตอบไปทันทีว่า
“ม...ไม่ใช่นะฮะ คาสเตอร์!!” จังหวะเดียวกันที่เลิฟผู้ไร้เดียงสาตอบไปนั้นรอยยิ้มที่ออกแนวชั่วร้ายก็ปรากฏบนใบหน้าของหนุ่มแว่นรูปงามทันที ก่อนที่จะคว้ามือเล็กแสนนุ่มนวลราวกับกลีบกุหลาบที่ใครๆก็อยากสัมผัสไว้
“อย่างนั้นก็ไปกันเถอะครับ เด็กๆคงรอกันแย่แล้ว^ ^” คาสเตอร์ยิ้มโปรยใจ ก่อนจะพาลาบราดอร์เดินไปทันที โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าร่างแสนบอบบางที่ตนจับมือไว้นั้นหน้าแดงระเหื่อด้วยความอาย จนแทบสุก
ทั้งสองเดินมาด้วยกันจนถึงสถานที่แสดงตุ๊กตามือ ที่นั่นมีเด็กๆมากมายกำลังนั่งรอการแสดงอย่างใจจดใจจ่อและเมื่อทั้งสองมาถึงเด็กๆก็ต่างวิ่งเข้าหาทันที
“บิชอปคาสเตอร์มาแล้ว!!”
“บิชอปลาบราดอร์ก็มาด้วย!”
“บิชอปคาสเตอร์ๆ เชิดตุ๊กตามือเหมือนคราวที่แล้วให้พวกเราดูหน่อยสิครับ”
“นะครับๆ”
เด็กทุกคนๆต่างพากันล้อมรอบบิชอปทั้งสองพร้อมกับเรียกร้องให้เริ่มการแสดง
“ครับๆเอาล่ะเด็กๆนั่งที่กันก่อนเร็ว เดี๋ยวผมกับลาบราดอร์จะแสดงนิทานตุ๊กตามือให้ดู ณ บัดนี้แล้วครับ~” รอยยิ้มโอบอ้อมอารียิ้มให้กับเด็กน้อยทั้งหลายก่อนที่ ร่างสูงสง่าจะพาเด็กไปนั่ง ลาบราดอร์เมื่อเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าก็อดที่จะยิ้มให้กับความอ่อนโยนของอีกฝ่าย เมื่อเด็กๆทั้งหลายนั่งที่กันเรียบร้อยแล้ว การแสดงก็เริ่มขึ้นทันที
ในการแสดงครั้งนี้คาสเตอร์เชิดตุ๊กตามือได้อย่างชำนาญเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ตนถนัดและชอบอยู่แล้วส่วนลาบราดอร์นั้นก็พอที่จะแสดงได้แต่คงไม่ยอดเยี่ยมเท่าคาสเตอร์เพราะตัวเองนั้นไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมอย่างอื่นนอกจากจัดสวนและดูแลต้นไม้เท่านั้นเอง แต่โดยรวมก็ถือเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยม
จนกระทั่ง...ถึงฉากตุ๊กตามือชายซึ่งมีบุรุษหนุ่มแว่นเป็นคนบังคับกับตุ๊กตามือหญิงที่บุรุษที่งดงามราวกับอิสสตรี กล่าวสารภาพรักแก่กันและกัน มันเป็นฉากที่เด็กน้อยทั้งหลายตั้งตารอ
“...ฉันรักเธอ...” ในขณะเดียวกันที่คาสเตอร์พูดคำๆนั้นดวงตาคมจ้องมาที่ร่างเล็กแสนสง่างามที่เผลอสบตากับอีกฝ่ายอย่างพอดิบพอดี รอยยิ้มของเทพบุตรส่งมาเข้าสู่ดวงตาสีม่วงอ่อน แต่แทนที่มันจะรู้สึกถึงความรู้สึกดีๆที่อีกฝ่ายมีให้..............มันกลับกลายเป็นหนามกุหลาบที่กำลังทิ่มแทงลึกเข้าไปข้างในตัวของเด็กหนุ่มร่างงดงามนี้ ใบหน้าหวานออกเปื้อนแดงบนใบหน้า แต่จริงๆแล้วส่วนลึกของก้นเบื้องของหัวใจมันกำลังค่อยๆแตกร้าวทีละน้อยและมันคงจะพังทลายในไม่ช้านี้
เมื่อการแสดงนี้จบลงเสียงปรบจากเด็กๆก็ดังขึ้นก่อนที่จะเริ่มแยกย้ายกันไป ส่วนลาบราดอร์เมื่อการแสดงจบก็เดินมาบอกคนที่กำลังเก็บตุ๊กตามือว่า
“ผมขอตัวก่อนนะฮะ” พูดจบร่างเล็กก็เดินก้มแล้วรีบสาวเท้าออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มมองผู้ที่มาช่วยตัวเองด้วยความเป็นห่วงแต่มันก็ขัดแย้งกับคำว่า ‘คงคิดไปเอง’ ทำให้ไม่ได้ใส่ใจอะไร ส่วนลาบราดอร์ก็รีบวิ่งเพื่อที่จะเข้าไปในสวนเร็วที่สุดเพราะไม่อยากให้ใครได้เห็นน้ำตาของตน แต่ระหว่างผ่านลานน้ำพุนั้นราเซ็ท นางเงือกแห่งโนเอลที่กำลังว่ายน้ำเล่นอยู่ก็สังเกตเห็นน้ำตาของอีกฝ่ายแต่ไม่ทันที่จะได้เรียกเขาก็วิ่งหนีไปเสียแล้ว
ตอนนี้เขาวิ่งจนแทบไม่ได้ดูทางเลยแม้แต่น้อยก่อนที่จะมาทรุดลงแล้วพิงต้นไม้ที่คอยอยู่ข้างเขาเสมอ ใบหน้างดงามเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาแห่งความเศร้าโศก ในสมองเกิดคำถามขึ้นมามากมายจนไม่สามารถเรียบเรียงได้
กลับมาทางคาสเตอร์ที่กำลังเดินเรื่อยเปื่อยแต่ในใจก็กำลังคิดเรื่องของใครบางคนที่วันนี้ดูแปลกๆตั้งแต่แสดงจบ
“ล้า..ลา ล้า~ ลา~~~” ความคิดคำนึงตอนนี้ได้หายไปเมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนนางเงือกตัวน้อยของเขาเรียกเขาอยู่ สาวเท้าไปหาราเซ็ทที่กวักมือเรียกอีกฝ่าย
“มีอะไรเหรอราเซ็ท?” เขามองเงือกตัวน้อยที่ตอนนี้แสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ล้า.ลา...ล้า~ ลั่น...ล้าลา....ล่า...ลา~~” เธอบอกว่าเมื่อกี้ ‘เห็นบิชอปลาบราดอร์ร้องไห้แล้ววิ่งไปทางสวน มีปัญหาอะไรกันเหรอเปล่าค่ะ?’ คำพูดที่ส่งผ่านหูของบิชอปสูงสง่ามีเพียงเท่านี้เพราะหลังจากนั้นเขาก็นิ่งสักพักโดยที่ไม่ได้ฟังสิ่งที่ราเซ็ทเล่าอีก คาสเตอร์รีบวิ่งออกตามทันทีหลังจากนิ่งมานาน
เขาพยายามไปหาทุกๆที่ที่คิดว่าร่างแสนเปราะบางนั้นจะไปมากที่สุด จนกระทั่งเขามาเจออีกฝ่ายที่กำลังนั่งร้องไห้พิงต้นไม้อยู่ตามที่เงือกน้อยบอกจริงๆ
“ลาบราดอร์...” เพียงแค่เสียงเรียกเบาๆก็ทำให้ร่างเล็กตื่นจากภวังค์แห่งห้วงคำนึงก่อนที่มือเล็กจะพยายามปาดน้ำตาออกทั้งๆที่รู้อยู่ว่ามันไม่มีทางจะหลบได้
“มะ...มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคาสเตอร์ ผมแค่ ฝ...ฝุ่นเข้าตาน่ะฮะ” คำแก้ตัวที่ดูไม่ขึ้นต่อสถานการณ์ออกมาจากปากของคนไร้เดียงสาอย่าง ลาบราดอร์ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งพิงกอดเข่าตัวเองเพื่อหลบหน้าคนที่ยืนตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัดเจน คาสเตอร์ถอนหายใจเฮือกก่อนจะไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าเลิฟแล้วถามด้วยความห่วงใย
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ความเงียบเข้าครอบคลุมพื้นที่สักพักใหญ่ แต่พอคาสเตอร์กำลังจะเอ่ยลาบราดอร์ก็พูดคำถามที่ค้างคาใจออกมา
“ทำไม...ต้องพูดให้ความหวังกับผมอย่างนั้น” เสียงหวานเอ่ยอย่างสั่นระรัว ภายในใจก็นึกถึงเรื่องราวในอดีตขึ้นมา ทั้งตอนที่เราเจอกันได้อยู่ด้วยกันในสถานที่แห่งนี้ เราเพียงได้แค่เฝ้ามองเขาอยู่ข้างๆ คอยช่วยเหลือเป็นบางครั้งบางครา เพียงแค่คำชมเล็กน้อยหลังจากดื่มน้ำดอกไม้ที่ตนทำให้ด้วยใจไปกลับทำให้เขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
แต่เขาไม่เคยคิด......ไม่เคยคิดเข้าข้างตัวเอง ไม่เคยหวังในสิ่งที่ต้องการหรือวาดฝันไว้สิ่งนี้สิ่งที่เรียกว่า ‘ความรัก’ สิ่งที่แม้แต่นักพยากรณ์ผู้ซึ่งเห็นอนาคตแสนอ้างว่างก็ไม่อาจจะรู้ได้ เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายทำนั้นมาจากความอ่อนโยนและใจดีต่อทุกๆคน
“อุตสาห์ไม่หวังอะไรแล้วแท้ๆ”
ทั้งๆที่จะไม่หวังแล้วแท้ๆแต่มันก็........’ฉันรักเธอ’ หยาดน้ำตาใสไหลออกมาจากดวงตาสีม่วงอ่อนนั้นอีกครั้ง
..........เพียงแต่..........
มือหนายื่นไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าหวานขาวสวยและงดงามเหนือสิ่งอื่นใด
“แล้วถ้าสิ่งที่ผมพูดไปไม่เป็นเพียงการแสดงล่ะครับ” ยิ้มที่แสนอ่อนโยนมากกว่าครั้งไหนๆถูกส่งให้กับร่างบางแสนน่าเอ็นดูตรงหน้า
“เลิฟ...ผมรักคุณ” คำพูดนี้ยิ่งทำให้น้ำตาของเลิฟไหลออกมามากขึ้นแต่นี่ไม่ใช่เพราะเสียใจ โศกเศร้าแต่อย่างใด...มันคือ ความสุข ที่เอ่อล้นออกมาจนแทบทะลัก รอยยิ้มที่สวยที่สุดของเลิฟเผยออกมาให้กับคาสเตอร์ ราวกับคนตรงหน้าจะยอมเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว ใบหน้าคมคายโน้มหน้าเพื่อเตรียมจะสัมผัสกับริมฝีปากที่ใครๆเห็นเป็นต้องอยากจะสัมผัส ริมฝีปากสีกลีบกุหลาบที่เขาอยากลิ้มลองมาตลอดหลายปี
“บิชอปคาสเตอร์!!!!” เสียงของบิชอปฝึกหัดดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลทำให้ โปรเฟ่ ผู้ไร้เดียงสาหันไปทางต้นเสียงนั่นทำให้ส่งผลกระทบคือ แทนที่ร่างสูงจะได้สัมผัสริมฝีปากอันเอิบอิ่มของอีกฝ่ายเป็นพวงแก้มสีละอ่อนแทน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำให้นักพยากรณ์ร่างเล็กหน้าแดงก่ำเหมือนกับสีกุลาบได้อยู่ดี
คาสเตอร์รู้สึกเสียดายรู้ลึกๆแต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าออกมา ก่อนที่จะเปลี่ยนตำแหน่งมาจุมพิตที่หน้าผากมนอีกฝ่ายฝ่ามือหนาลูบไล้ใบหน้าแสนงามเฉกเช่นราชินีแห่งดอกทั้งปวง ก่อนที่หน้าผากทั้งสองจะชนกันเสียงเข้มกระซิบข้างๆหูนิ่มของลาบราดอร์
“วันนี้ไว้แค่นี้ก่อน..แล้วเจอกันนะครับ” จากนั้นร่างสูงก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปทางบิชอปฝึกหัดที่กำลังหาตนอยู่ทันที ปล่อยให้ร่างบางผู้อ่อนต่อโลกหน้าแดงระเรื่อพร้อมกับคำถามอีกมากมายต่อไป~
‘ผมเองก็รักคุณ...เลิฟ’
ถึงแม้ความรักจะไม่สามารถหยั่งรู้อนาคตได้
แต่...เราสามารถกำหนดมันได้ด้วยตัวของเรา
____________________________________________________________________
เครดิต :
http://sevenghost.freeforums.org/innocent-heart-kasxlab-t152.html<<ต้องสมัครสมาชิกก่อนถึงจะอ่านได้นะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น