ลำดับตอนที่ #18
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Is it be love:Ch 2
ราวกับภาพสโลว์โมชั่นฉายซ้ำอีกรอบ...รันเซ่ที่กำลังกระทำการลวนลาม(?)มาสเตอร์ตัวน้อยอยู่นั้น ถูกอะไรบางอย่างลักษณะเหมือนเส้นเอ็น มัดแล้วจับร่างสูงเพรียวนั้นเหวี่ยงออกห่างจากร่างอรชรบอบบางไปไกลลิบ ชนิดที่เหมือนๆจะส่งบิชอปหนุ่มผมหลอดไปเข้าเฝ้าประมุขแห่งสวรรค์เพื่อขอพรสามประการอีกรอบซะให้ได้
“ลาบราดอร์! เป็นอะไรรึเปล่าครับ!?”เสียงทุ้มน่าฟังของบิชอปหนุ่มแว่นมาดวิชาการเอ่ยนำมาก่อน พร้อมด้วยร่างสูงสมส่วนของเจ้าตัวที่“วิ่ง”เข้ามาหาร่างบอบบางด้วยกิริยาที่แทบจะเรียกได้ว่า “หน้าตาตื่น”
“เห? คาสเตอร์?”ลาบราดอร์เอียงคอถามงงงง นัยน์ตากลมโตสีม่วงหวานมองชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างสงสัย...คาสเตอร์เป็นอะไรของเขาหนอ? ทำไมวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเขาอย่างนั้นล่ะ?
ยังไม่ทันได้รับคำตอบอะไร ร่างบอบบางอรชรก็โดนร่างสูงคว้าเข้าไปกอดแน่นพลางจับตัวเลิฟหมุนๆๆไปมาเหมือนจะหาร่องรอยสึกหรอ(?)หรือตำหนิอะไรซักอย่าง จนพอคาสเตอร์เห็นว่าร่างในอ้อมกอดเริ่มตาลายจึงหยุด เปลี่ยนมาตรวจสอบความเสียหาย(?)ด้วยสายตาแทน...
แขนเล็กบอบบางเกาะวงแขนแกร่งไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวเนื่องด้วยอาการมึนหัวเล็กๆจากการโดนจับหมุนไปมา พอเริ่มทรงตัวอยู่ได้ตามปกติ ดวงหน้าหวานก็ขึ้นสีระเรื่อแดงซ่านเมื่อพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดหลวมๆของร่างสูง นัยน์ตาคู่สวยช้อนขึ้นสบนัยน์ตาคมภายใต้กรอบแว่นอย่างขัดเขิน...
“ม...มีอะไรหรอฮะคาสเตอร์? หาอะไรอยู่หรอ?”เสียงหวานเอ่ยถามตะกุกตะกัก นึกสงสัยในท่าทีของร่างสูงที่พอเหวี่ยงรันเซ่กระเด็นไปแล้วก็วิ่งพรวดพราดเข้ามาหาเขา จับเขาหมุนๆๆๆเหมือนจะประเมินค่าความเสียหาย(?)อะไรประมาณนั้น...ปกติแล้ว...คาสเตอร์ไม่มีท่าทีแบบนี้นี่นา...
“เลิฟ...คุณ...ไม่ได้โดนรันเซ่ทำอะไรใช่มั้ยครับ?”คาสเตอร์เอ่ยถามเสียงเครียด คิ้วเรียวขมวดมุ่นบนใบหน้าหล่อคม บนใบหน้ายังมีเหงื่อเม็ดเล็กๆที่ได้จากการวิ่งมาเป็นระยะทางมาก นัยน์ตาสีน้ำตาลแดงมองสบนัยน์ตากลมโตสีม่วงหวานอย่างจริงจัง...เขาเป็นห่วง เป็นห่วงเหลือเกินว่าลาบราดอร์ที่แสนใสซื่อของเขาจะโดนเจ้ารันเซ่ทำอะไรแปลกๆใส่...เขาแอบมองของเขามาตั้งหลายปีนะ!
“เอ๋? รันเซ่น่ะหรอฮะ?”ร่างบางเอียงคออย่างสงสัย ก่อนจะบอกออกไปตามตรง
“ก็...กอด แล้วก็จุ๊บที่หลังมือเท่านั้นเองฮะ...”
ร่างสูงครุ่นคิดตามที่ร่างบางบอก...กอดหรอ? เขาเองก็กอดอยู่...
...จุ๊บ? ถ้าหมายถึงจูบ...ที่หลังมือ...?
“...แค่นั้นหรอครับ?”หรี่ตามองอย่างไม่แน่ใจ คิ้วเรียวค่อยๆคลายออก แต่เมื่อได้รับการพยักหน้ายืนยันจากคนตัวเล็กแล้ว เขาก็ค่อยโล่งอก...
“ว่าแต่...คาสเตอร์มีอะไรหรอฮะ? วิ่งมาเหงื่อท่วมตัวเลย”ลาบราดอร์เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มหวาน แต่ก็ยังมิวายหน้าแดงจากสัมผัสอบอุ่นรอบตัว
“อ่า...ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ...จะว่าไปแล้วลาบราดอร์ครับ...”เสียงทุ้มหายไปชั่วครู่ราวกับกำลังใช้ความคิดว่าควรเอ่ยออกมาดีมั้ย...
“ฮะ?”เสียงหวานเอ่ยถาม นึกตงิดๆว่าเหมือนเหตุการณ์มันจะคุ้นๆแปลกๆ แล้วก็ได้แน่ใจว่าลางสังหรณ์ตัวเองนั้นไม่ผิด เมื่อประโยคต่อมาของคาสเตอร์คือ...
“ผมขอกอดคุณอย่างนี้นานๆได้มั้ยครับ?”
ถึงรูปประโยคจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย แต่สถานการณ์ก็ยังคงเหมือนเดิม...มันทำให้เขานึกสงสัยว่าทำไมถึงมีแต่คนอยากกอดเขากันจังนะ? ...ลาบราดอร์ยังคงคิดไม่ตก... แต่ดวงหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงยิ่งกว่าคราวรันเซ่ก็พยักหน้าตอบรับไปซะแล้ว...
...แค่กอด...ก็คงเป็นเรื่องปกติของเด็กๆล่ะมั้งนะ? อีกอย่าง เขาเพิ่งให้รันเซ่กอดไป ถ้าเขาไม่ให้คาสเตอร์กอด เด็กๆสองคนจะว่าเอาได้ว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ลำเอียง...
ลาบราดอร์ตัวน้อยคิด...
ได้คำตอบดังนั้นคาสเตอร์ก็กระชับวงแขนแน่นขึ้น รั้งเอาร่างอรชรมากอดรัดอย่างรักใคร่ จมูกโด่งได้รูปเป็นสันฝังลงกับกลุ่มผมนุ่มสีม่วงอ่อนสูดดมกลิ่นหอมหวานไม่รู้เบื่อจนคนตัวเล็กจั๊กกะจี้ส่งเสียงหัวเราะคิกคักน่าฟัง ร่างสูงอดที่จะแกล้งต่อไม่ได้ ดวงหน้าคมเลื่อนลงมาหอมพวงแก้มนิ่มสีระเรื่อเอาฟอดใหญ่ เรียกสีแดงซ่านบนดวงหน้าหวานจนไม่รู้จะแดงยังไง ก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจซุกหน้าของตนเข้ากับแผ่นอกกว้างเพื่อซ่อนสีหน้าร้อนผ่าว...
“...ปล่อยได้แล้วล่ะฮะ...”เสียงหวานเอ่ยเสียงเบาหวิว เหมือนสติแทบจะหลุดลอยกับสัมผัสร้อนที่คลอเคลียพวงแก้มนิ่มเมื่อครู่ นัยน์ตาคู่สวยหลุบลงต่ำอย่างเขินอาย
เห็นปฏิกิริยาแสนน่ารักของลาบราดอร์ที่แทบจะมุดอกเขาหนีแล้ว คาสเตอร์ก็แทบอยากจะจับเจ้าตัวเล็กขึ้นมาหอมแก้มนิ่มๆนั้นให้ช้ำกันไปข้าง ...สัมผัสนุ่มนิ่มทั้งจากร่างอรชรในอ้อมแขนและพวงแก้มสีระเรื่อที่เพิ่งได้สัมผัสมาเมื่อครู่ ทั้งยังกลิ่นหอมหวานยิ่งกว่าดอกไม้จากเจ้าตัวล้วนทำให้เขาแทบคลั่งตาย...
แต่เมื่อร่างบอบบางนั้นบอกให้ปล่อย คาสเตอร์ก็จำต้องคลายอ้อมแขนอย่างเสียดาย...
พอวงแขนแกร่งคลายออก บิชอปตัวน้อยก็กระเถิบตัวหนีออกมาสามก้าว ก่อนจะบอกลาอีกฝ่ายแล้ววิ่งหนีหายไปเลย...
คาสเตอร์ได้แต่ยืนเกาหัวงงงง หรือว่า...เมื่อกี๊ เขาจะเผลอทำอะไรไม่ดีไปรึเปล่าหว่า? แต่พอนึกถึงสีแดงระเรื่อบนดวงหน้าสวยหวานที่เห็นเพียงชั่วแวบของดอกไม้งาม ร่างสูงก็ถึงถับหัวเราะออกมา...
...บางที นั่นก็คืออาการเขินสินะ...?
...........................
ทางด้านของบิชอปฟราว...อาชญากรพรากผู้เยาว์...
“บิชอปฟราว! กรุณาเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะคะ!!”
“แว้กกกกก ตื่นแล้วโว้ยยยย อะไรกันนักกันหนาฟระ!”เสียงทุ้มว้ากอย่างหัวเสียเมื่อเหตุการณ์เดิมๆเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
ก๊อกๆๆๆ
“บิชอปฟราว...เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะครับ”
“อืมๆ เดี๋ยวไป~~”
ก๊อกๆๆๆๆๆ
“บิชอปฟราวคะ...ปล่อยตัวเด็กออกมาเถอะค่ะ...”
“หา..? เด็กอารายยยย”
ก๊อกๆๆๆๆๆๆ
“ฟราว! เปิดประตูแล้วปล่อยตัวเด็กออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
“เออน่า~”
และครั้งนี้...
ก๊อกๆๆๆๆๆๆ
“บิชอปฟราวคะ! การพรากผู้เยาว์นี่มันคุกนะคะ!!”
ปัง!
“ห๊ะ? เมื่อกี๊เธอว่าอะไรนะ?”ร่างสูงชะลูดลุกขึ้นมาเปิดประตูอย่างหัวเสีย ฟราวที่อยู่ในชุดลำลองสีดำสนิทจ้องมองซิสเตอร์ผู้มาเคาะประตูเรียกเขาอย่างสงสัย...ได้ยินอะไร เด็กๆ ผู้เยาว์ๆนะ?
“เมื่อกี๊ดิฉันบอกว่า การ-พราก-ผู้-เยาว์-นี่-มัน-ติด-คุก-นะ-คะ เพราะงั้นปล่อยตัวเด็กออกมาได้แล้วค่ะ...”ว่าจบซิสเตอร์ลิเบลก็เดินจากไป ปล่อยให้บิชอปหนุ่มร่างสูงยืนงงกับตัวเองอยู่หลายวิก่อนจะสังเกตเห็นป้ายที่บานประตูห้องด้านนอก...
“บิชอปฟราวกำลังพรากผู้เยาว์
หากท่านใดมีเมตตาช่วยเด็กตัวน้อยๆจากการถูกรังแก
โปรดส่งเสียงร้องเตือนแล้วลากตัวบิชอปฟราวออกมาด้วยนะครับ”
“.........”ถึงกับพูดไม่ออก...มือแกร่งฉวยเอาป้ายประกาศนั้นมาดูชัดๆ ...พอจะเดาได้ว่าเป็นฝีมือของใคร....
“...คาสเตอร์...”เปล่งเสียงลอดไรฟัน นึกอยากพุ่งไปหาตัวเจ้าคนขี้แกล้งแล้วเอากระดาษประกาศนี่ยัดปากซะให้เข็ด...เสียแต่เวลาจะทำจริง...ไหงฝ่ายโดนแกล้งมันกลับกลายเป็นเขาไปก็ไม่รู้...
...ไอ้ป้ายประกาศเฮ็งซวยนี่ก็ศักดิ์สิทธิ์จริ๊ง เล่นส่งคนมาปลุกได้ทุก 5 นาที! ประตูห้องฉันไม่ใช่เหล็กนะเฟ้ย ทุบกันได้ทุบกันดีน่ะห๊ะ!!
ฟราวได้แต่ทอดถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะปิดประตูห้องแล้วหันมาสนใจร่างเล็กๆอีกร่างบนเตียงแทน...
เปลือกตาบางยังคงปิดสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอ พร้อมด้วยเสียงกรนแผ่วเบาจากร่างเล็กๆ บอกให้รู้ว่าเจ้าหนูเทย์โตะยังคงอยู่ในห้วงนิทรารมย์...ไม่ใช่ว่าร่างเล็กนั้นขี้เซาชนิดว่าเสียงโวยวายของเหล่าคนที่หวังดีมาเคาะประตูห้องเขานั้นก็ยังปลุกไม่ตื่น ...ไม่ล่ะ...เจ้าเทย์โตะหูดีจะตาย สะดุ้งตื่นขึ้นมาทุกครั้งที่มีเสียงเคาะประตู หากแต่เป็นเพราะเขาเองที่ใช้อำนาจของปลอกคอสั่งให้เจ้าคนตัวเล็กมันหลับต่อ...
ปกติแล้วเจ้าเด็กนี่ต้องฝึกอย่างหนักทั้งกลางวันและกลางคืน แถมยังต้องแหกตาตื่นมาแต่เช้าเพื่อทำงานของโบสถ์อีก เวลาให้พักผ่อนก็ช่างน้อยแสนน้อย...เพราะงั้นวันนี้เขาถึงอยากให้ร่างเล็กนี่ได้พักผ่อนฟื้นฟูร่างกายของตนซะให้เต็มที่ แล้วคืนนี้ค่อยคืนให้เจ้าคาสเตอร์ไปเคี่ยวต่อ...
...เพียงแค่ตอนนี้เท่านั้น เพียงแค่ตอนที่อยู่กับเขา อยากให้ร่างเล็กๆนี่ได้พักผ่อน ทั้งพักกาย...และพักใจ...
รอยยิ้มบางแสนอ่อนโยนแต้มบนดวงหน้าหล่อคม นัยน์ตาสีน้ำเงินทอดมองร่างเบื้องหน้าอย่างเอ็นดู...
...ตอนเจ้าหนูนี่มันนอนนิ่งๆสงบปากสงบคำ มันก็น่ารักดีนี่หว่า...
ดวงหน้าคมโน้มลงไปใกล้ดวงหน้าหวาน จวบจนริมฝีปากได้รูปประทับลงบนกลีบปากบาง เป็นครั้งที่สองที่สัมผัส และยังคงเป็นเช่นเคย ไม่รุนแรง ไม่รุกล้ำ มีเพียงแค่สัมผัสแผ่วเบาแสนอ่อนโยน...ความอ่อนโยนที่คงไม่มีโอกาสได้มอบให้ยามเจ้าตัวเล็กลืมตาตื่น...
มือแกร่งรวบเอาสองมือเล็กขึ้นมาจุมพิตแผ่วเบา ทอดมองรอยแผลมากมายบนเรียวมือนุ่มที่ควรจะเนียนสวยหากแต่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความพยายาม...
เจ้านี่ ฝืนฝึกใช้บากูลูสจนมือถลอกปอกเปิกแบบนี้เชียว...?
นัยน์ตาคมทอประกายเจ็บปวดเล็กๆเมื่อรู้ถึงความลำบากของคนตรงหน้า หากแต่ไม่สามารถทำอะไรได้... หนทางนี้ เป็นทางที่เจ้าเด็กนี่จะต้องก้าวไปด้วยตัวเองให้ได้ แม้ว่าเขาจะอยากช่วยซักเท่าไร สิ่งที่ทำได้..มีเพียงแค่คอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆเท่านั้น
มือแกร่งฉวยเอากล่องยาปฐมพยาบาลบนโต๊ะมาทำแผลให้เด็กหนุ่มร่างเล็กอย่างอ่อนโยน ในใจก็นึกขอบคุณความขี้เป็นห่วงของบิชอปร่างบางที่คอยกำชับนักกำชับหนาว่าให้พกกล่องพยาบาลติดห้องไว้...
...ตอนนี้...เขาก็เพิ่งจะเห็นประโยชน์ของสิ่งที่เรียกว่ายาแฮะ...
สำลีชุบแอลกอฮอล์ค่อยๆบรรจงซับลงบนรอยถลอกอย่างแผ่วเบา ความแสบของตัวยาเรียกให้ดวงหน้าน่ารักอดที่จะมุ่ยลงไม่ได้ ร่างเล็กๆพยายามเขยิบตัวหนีเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย จนฟราวนึกขำ
...สุดท้ายพอพันผ้าพันแผลเรียบร้อย ร่างสูงก็ยังไม่ลืมทำบางสิ่งบางอย่าง...
มือใหญ่ประคองมือเล็กขึ้นจรดที่ริมฝีปาก จุมพิตแผ่วเบาพร้อมเอ่ยคำพูดประจำตัว
“ขอให้พระเจ้าคุ้มครองแก...”
แล้วร่างสูงก็ลุกขึ้น จัดผ้าห่มให้ร่างเล็กได้นอนหลับอย่างสบาย ก่อนจะเดินออกจากห้องไป...
...อีกซักพัก ถ้าเจ้านั่นตื่น คงจะโวยวายแล้วก็หน้าแดงยกใหญ่แน่ๆ...
ฟราวคิดพลางแย้มรอยยิ้มขบขัน ก่อนที่รอยยิ้มบนริมฝีปากได้รูปนั่นจะชะงักค้าง เมื่อออกมาพบกับ...
...เจ้าสิ่งมีชีวิต(?)ประหลาด ที่มีลักษณะเหมือนก้อนโคลนเดินได้...
เกือบจะซัดไซฟอนอัดใส่ไปแล้วเชียว หากไม่เห็นสิ่งที่น่าจะเป็นปอยผม(?)หลอดๆสีทอง(ซึ่งอันที่จริงมันก็ไม่ทองแล้วน่ะนะ) โผล่แพลมออกมาจากโคลนสกปรก...
“รันเซ่...? แกไปทำอะไรมาวะ?”คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจทั้งสีหน้ายังแสดงท่าทีขยะแขยงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ตก...ตกบ่อวิงก์ฮอปป์...”เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเสียงสั่น รับไม่ได้กับสภาพตัวเองตอนนี้อย่างแรง ..หัวทองๆและปอยผมเสน่ห์(?)แทบไม่เหลือสีเดิมด้วยก้อนโคลนสีแปร่งๆปนเมือกม่วงๆเกาะเคลือบอยู่จนหนาเตอะ ชุดบิชอปสีขาวกลายสภาพเป็นเหมือนผ้าขี้ริ้วเน่าๆชุบเมือกอะไรซักอย่างจนแทบไม่เห็นเนื้อผ้า...อนาถ...อย่างรับไม่ได้!
“แล้วแก...นึกยังไงถึงอยากไปว่ายน้ำเล่นในนั้นวะ?”เจอประโยคเด็ดสุดจี๊ดเข้าไป รันเซ่ก็แทบจะร้องไห้โฮ...ทำไมเขาถึงไปอยู่ในบ่อเน่าๆนั่นน่ะนะ! ...ย้อนกลับไปอ่านต้นตอนสิ!! เพราะเจ้าแว่นนั่นแหล่ะที่เหวี่ยงเขาไปตกที่นั่น! ฮึ่ม~เราจะได้เห็นดีกัน...
“เจ้าแว่น! คอยดูนะ! ฉันจะต้องแย่งมาสเตอร์ที่น่ารักของฉันกลับมาให้ได้~~!!”กำหมัดชูขึ้นฟ้าร้องตะโกนอย่างมุ่งมั่น
...ก่อนที่ร่างสูงเพรียวนั้น...
...จะถูกฟราวซัดไซฟ่อนอัดจนกระเด็นไปไกลลิบ...
tbc.
___________________________________________________________
อ้างอิง : http://sevenghost.freeforums.org/is-it-be-love-up-ch-8-t448-20.html
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น