คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #157 : บทที่152: กระสุนวิญญาณ
บทที่152 กระสุนวิญญาณ
‘ถึงไหนแล้วแฟ็ตตี้’ ข้อความจากชายร่างอ้วนส่งออกไปหาคู่หูของตน
‘ประมาณสองไมล์ทะเล ไม่น่าเกินห้านาทีก็คงจะหาเจอ’ ข้อความส่งกลับมาให้ชายร่างอ้วนรับรู้
หลังจากที่แฟ็ตตี้ถูกเดียมอนกลืนร่างไปเขาก็ฟื้นขึ้นมาที่จุดเกิดที่บันทึกเอาไว้หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ก็ติดต่อหาทินนี่ที่ยังอยู่ในร่างของโมบี้ดิ๊ก
“สมบัติก็ได้มาแล้ว อืม คงไม่จำเป็นต้องไปล่าเจ้าหัวฟูนั่นอีก เสียเวลาเปล่าๆ” ทินนี่ร่างอ้วนเปรยออกมาขณะที่กำลังติดตั้งอุปกรณ์อะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่เท่าตัวคนในห้องโล่งห้องหนึ่งในร่างของเจ้าสัตว์อสูรยักษ์อย่างขะมักเขม้น
ครืน~น!
ทันใดนั้นพื้นห้องก็เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงจนชายร่างอ้วนทรงตัวไม่อยู่ อุปกรณ์ที่วางเอาไว้ก็ล้มตึงลงมา
“เฮ่ยย!! เกิดอะไรขึ้น เจ้ายักษ์นี่มันอาละวาดเหรอ” ทินนี่ร่างอ้วนอุทานออกมาอย่างตระหนก
ผัวะ!
“อ๊ายย!!”
“เลดี้!!”
มาตาร์ตะโกนขึ้นมาอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าเด็กหญิงผมแดงร่างเล็กนั้นถูกชายผมเงินซัดกระเด็นไปทางหนึ่งจนเธอหมดสติไป
“ผนึกเลดี้!!” ชายหนุ่มหัวฟูตะโกนออกมา
แล้วร่างอันไร้สติของเด็กหญิงผมแดงก็กลายเป็นแสงแล้วพุ่งเข้าใส่ผนึกที่อยู่ที่เข็มขัดของชายหนุ่ม
“อ๊อค!!”
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ชายผมเงินก็กระอักเลือดสีดำออกมาจากปาก พร้อมกับสีหน้าที่ดูขาวซีด
“แส้อสรพิษ!!” เสียงหญิงสาวตะโกนขึ้นมาก่อนที่แส้สีดำนับสิบเส้นจะเลื้อยเข้ามาพันร่างของบุรุษผมเงินนั้นเอาไว้อย่างแน่นหนา
แล้วทันใดนั้นลูกบาศก์ใสที่กระจายอยู่ทั่วห้องก็สลายไปทันที
“สไลป พลังงานเป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มผมฟูกระซิบถามพ่อบ้านของเขา
“อีกสองนาทีครับ” พ่อบ้านเสียงนุ่มกระซิบตอบ
หลังจากที่เรย์น่าและเลดี้สองสาวเข้ามาในห้องหัวใจนี้ได้แล้วก็เข้าใจสถานการณ์ในเวลาอันรวดเร็ว เจ้าผู้ชายผมเงินที่มีสายระโยงระยางกับเจ้าสิ่งที่ดูเหมือนหัวใจนั่นต้องเป็นศัตรูแน่นอน
ถึงทั้งสองสาวจะไม่รู้ว่าตนเองกำลังอยู่ในร่างของสัตว์อสูรยักษ์แต่ก็พอจะเดาได้เมื่อเห็นหัวใจขนาดยักษ์นั่น อีกทั้งห้าวันที่ผ่านมาทางที่เดินอยู่ก็เหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตอยู่แล้ว และเมื่อเห็นท่าทางของเนปจูนก็พอจะเดาได้ว่ากำลังรวมร่างอยู่ เรย์น่าซึ่งสามารถสำรวจได้ย่อมรู้ในทันทีเมื่อเห็นชื่อของเนปจูนและโมบี้ดิ๊ก
เนปจูน & โมบี้ดิ๊ก | ระดับ 900 |
“สัตว์อสูรระดับเก้าร้อย!?” เรย์น่าอุทานขึ้นมาเมื่อเห็นระดับที่สูงปี๊ดของชายผมเงินคนนั้น
ฟิ้วว!!
แต่ทว่าแม่เต่าทองน้อยไม่มีท่าทีลังเลเลย เธอพุ่งเข้าไปหาร่างของบุรุษผมเงินนั้นพร้อมกับปราณสีชมพูที่ค่อยๆเข้มขึ้นเรื่อยๆที่มือขวาของเธอ จนสุดท้ายมันเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเลยทีเดียว
“เลดี้!!” เรย์น่าตกตะลึงเพราะดูเหมือนแม่เด็กหญิงผมแดงนี่จะพุ่งเข้าไปแบบไม่มีการวางแผนเลย
ฟิ้ว!
ว่าแล้วแม่สาวผมขาวก็กระโดดตามแม่เด็กหญิงตัวเล็กไปอีกคนพร้อมกับโคจรพลังใส่แส้ของเธอไปด้วย
ขณะนั้นเนปจูนกำลังตั้งสมาธิอย่างหนักกับการใช้ลูกบาศก์ใสไล่ล่าชายหนุ่มหัวฟูให้จนมุมจนไม่ได้รับรู้ว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกสองคนกำลังพุ่งเข้าใส่จากทางด้านหลัง
ปึ้กก!
หมัดแฝงปราณพิษแบบเข้มข้นของแม่เต่าทองน้อยกระแทกเข้าใส่สีข้างของบุรุษผมเงินเต็มๆ เนื่องจากระดับตัวละครที่ต่างกันถึงแปดร้อยขั้น และสถานะที่ต้อยต่ำของเด็กหญิงผมแดง ทำให้พลังหมัดของเธอทำอันตรายเนปจูนไม่ได้เลยสักนิด แต่ทว่าปราณพิษที่แฝงมานั้นมันเป็นเรื่องที่ต่างออกไป เนื่องจากการโจมตีด้วยพิษไม่มีการคิดค่าความต่างของระดับตัวละคร
ปราณสีแดงจากหมัดของเลดี้ถ่ายเข้าไปในร่างของเนปจูนเต็มๆ พิษอันร้ายกาจก็ถูกถ่ายเข้าไปที่ร่างของบุรุษผมเงินทันที ถึงแม้ถ้าเทียบสถานะแล้วปราณของเลดี้ถือว่าน้อยนิดมาก แต่พิษที่กลั่นมาจนเข้มนั้นก็เริ่มแพร่กระจายในร่างของเนปจูน จนเขาเริ่มรู้สึกถึงอันตราย
“อะไรน่ะ แก!!” เนปจูนหันมาทางร่างของเด็กหญิงผมแดงในที่สุด ก่อนที่จะใช้พลังซัดกำแพงใสใส่เธอเต็มๆ
ผัวะ!!
“อ๊ายย!!”
“เลดี้!!”
“นี่มัน ...พิษ” เนปจูนแค่นเสียงออกมาพร้อมกับทรุดตัวลง ขณะที่ถูกแส้สีดำพันร่างเอาไว้
“นายมาตาร์ มันเกิดอะไรขึ้น แล้วที่นี่มันที่ไหน” หญิงสาวเจ้าของแส้ถามชายหนุ่มหัวฟูที่ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้
“ที่นี่คือในร่างของสัตว์อสูร และชั้นก็กำลังอัดกับไอ้ตัวที่เป็นเจ้าของสัตว์อสูรนี่ไงล่ะ” มาตาร์เฉลยเรื่องคาใจให้หญิงสาวผมขาว
“เจ้าเนปจูนนี่ที่ชั้นเคยเจอในทะเลใช่มั้ย?” หญิงสาวระลึกถึงครั้งแรกที่เจอเนปจูนตอนที่สามสาวของมาตาร์ถูกแย่งไป
“อือ คนเดียวกันนั่นแหละ” มาตาร์เอ่ยออกมาเรียบๆ
“พวกแกคิดว่าชนะแล้วอย่างนั้นเหรอ ถึงได้คุยกันสบายใจอย่างนี้น่ะ” ชายผมเงินเอ่ยขึ้นมาเรียบๆ
“แกโดนพิษเข้าไปเต็มๆ ปล่อยทิ้งเอาไว้เฉยๆยังตายเลยล่ะมั้ง” หญิงสาวผมขาวตอบเมื่อเห็นท่าทางของเนปจูนที่ไม่เกรงกลัวเลยทั้งๆที่ไม่มีทางสู้
“ฮึๆๆๆ ช่างอ่อนหัดนัก” เนปจูนหัวเราะออกมา
แล้วทันใดนั้นร่างของเนปจูนก็กลายเป็นเพียงเนื้อก้อนหนึ่งที่กลืนเข้าไปกับผนังห้องหัวใจนี้
“อะไรเนี่ย!” เรย์น่าอุทานออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับกระโดดถอยออกห่างจากก้อนเนื้อที่เคยเป็นร่างของเนปจูนนั้นทันที
มาตาร์ก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมเต็มที่เหมือนกัน เขาใช้พลังจิตสัมผัสพื้นที่รอบข้างเท่าที่พลังที่มีจะสามารถทำได้ เพราะรู้ดีว่าจ้าวสมุทรอาจจะโผล่ออกมาตรงไหนก็ได้
เนปจูนที่รวมร่างกับโมบี้ดิ๊กนั้น ไม่ใช่แค่การเอาร่างมาต่อกันอย่างที่เห็นเสียแล้ว แต่เป็นการรวมเป็นร่างเดียวกันจริงๆ ร่างของเนปจูนที่มาตาร์เห็นและสู้มาตลอดนั้นคือส่วนหนึ่งของร่างรวมเท่านั้นเอง เมื่อส่วนดังกล่าวโดนพิษ เนปจูนก็แค่กระจายพิษที่ได้รับไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย พิษก็เจือจางลงจนไม่มีผลใดใดกับเนปจูน เพราะถ้าเทียบขนาดตัวกันแล้ว ปริมาณพิษที่ออกมาจากเลดี้ถือว่าน้อยนิดเท่านั้นเอง นอกจากนี้ภายในร่างของโมบี้ดิ๊กก็ยังมีอสูรมีพิษมากมายอยู่แล้ว พิษที่เลดี้ปล่อยออกมาไม่ได้มากกว่าพิษตามปกติที่พวกสัตว์อสูรในร่างของโมบี้ดิ๊กปล่อยออกมาเลย เท่ากับว่าพิษของเลดี้ไร้ประโยชน์ถ้าจะเอามาสู้กับเนปจูนที่รวมร่างกับโมบี้ดิ๊ก แถมตอนนี้แม่เต่าทองน้อยก็หมดสติไปแล้วด้วย
“สเกลออกมา!” เรย์น่าเรียกสัตว์เลี้ยงของเธอออกมาทันที
ฟวับ!
ทันใดนั้นที่ข้อมือของหญิงสาวผมขาวก็มีกำไลสีขาวอยู่ก็ปรากฏงูกระดูกสีขาวตัวยาวเลื้อยออกมา
“เรียกทำไมยะ” เจ้างูกะเทยเอ่ยขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
หมับ!
เรย์น่าไม่พูดอะไรแต่เอามือของเธอจับตรงปลายหางของเจ้าอสรพิษกระดูกขาวเอาไว้แล้วสะบัดครั้งหนึ่งเหมือนสะบัดแส้
ฟวับ!
“อ๊าย!! หล่อนทำอะไรเนี่ย” เจ้าอสรพิษอุทานออกมาอย่างตกใจหลังจากที่ร่างของมันถูกเขย่า
“ก็ชั้นจะใช้แกเป็นอาวุธไงล่ะ อยู่นิ่งๆว่าง่ายๆสิ” เรย์น่าเอ่ยออกมาขณะที่เพ่งสมาธิไปรอบตัวคอยระวังเนปจูนเหมือนกัน
“อะไรนะ!! จะใช้ชั้นเป็นอาวุธ? คิดอะไรของเธอน่ะ” เจ้างูขาวอุทธรณ์
“ตรงนั้น!!” เรย์น่าตะโกนออกมาพร้อมกับสะบัดร่างของเจ้างูกระดูกต่างแส้
แกร็ก! แกร็ก! แกร็ก!
“อ๊ายย!!”
เสียงกระดูกลั่นและเสียงร้องพร้อมกับหัวของเจ้างูกระดูกสะบัดตามแรงเหวี่ยงพุ่งตรงไปที่พื้นที่จุดหนึ่งตรงพื้น
งั่มม!!
เจ้างูกระดูกถึงจะถูกเหวี่ยงอย่างไม่เต็มใจ แต่ในจังหวะสุดท้ายมันก็ใช้ปากของมันจิกพื้นเอาไว้ได้เต็มปากเต็มคำ
ฟูวว!
ทันใดนั้นพิษจากเขี้ยวของเจ้างูก็แผ่ออกมาทันที
“ฮึๆๆ ไม่ได้ผลหรอก พิษปริมาณแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก” เสียงดังขึ้นมาจากบริเวณที่พิษแพร่ออกมา
ฟวับ! ฟวับ!
แล้วทันใดนั้นหางของเจ้างูก็สะบัดอย่างแรงเหวี่ยงร่างของเรย์น่าให้กระเด็นออกไปบ้าง
“เฮ่! ทำอะไรน่ะเจ้างูกะเทย!” เรย์น่าตะโกนออกมาเมื่อเธอถูกเจ้างูเหวี่ยงกลับ
“หล่อนน่ะแหละมาเหวี่ยงชั้นก่อน” เจ้างูตอบกลับ ดูท่าทางมันคงไม่ยอมเชื่อฟังเรย์น่าง่ายๆ
ตูมม!!
แล้วทันใดนั้นร่างของเนปจูนก็พุ่งออกมาจากพื้นบริเวณที่เรย์น่าถูกเหวี่ยงไป พร้อมกับอัดพลังจากฝ่ามือทั้งสองข้างซัดใส่หญิงสาวที่กำลังเสียหลักทันที
“อ๊ายย!!” เรย์น่าร้องออกมาพร้อมกับร่างที่กระเด็นขึ้นไปบนอากาศ
วินาทีที่เรย์น่าโดนโจมตี เจ้างูกระดูกรับรู้ได้ทันทีว่าชีวิตของมันก็ตกอยู่ในอันตรายเหมือนกัน เมื่อทั้งคู่ทำพันธสัญญาชีวิตซึ่งมีพลังชีวิตเชื่อมถึงกัน การที่เรย์น่าถูกโจมตีก็เหมือนกับการที่มันโดนโจมตี ดังนั้นเมื่อเจ้าอสรพิษกระดูกขาวตระหนักถึงอันตรายในครั้งนี้ได้ มันจึงเลื้อยขึ้นไปบนอากาศทันทีด้วยพลังจิตของมัน
ตุบ!
เจ้างูขาวใช้ร่างของมันรับร่างของหญิงสาวผมขาวเอาไว้ แล้วก็ลอยอยู่อย่างนั้นไม่ยอมลงไปสัมผัสพื้นอีก
“ชิ! ชั้นเห็นว่าถ้าหล่อนตายชั้นจะตายด้วยหรอกนะ ถึงได้ยอมช่วย” เจ้างูขาวพูดออกมาอย่างอารมณ์เสีย
“อย่างนี้สงสัยแผนเราคงจะใช้ไม่ได้แล้วล่ะสไลป ดูเหมือนร่างเจ้าเนปจูนนั่นจะไม่ใช่จุดตายนะ” มาตาร์กระซิบบอกพ่อบ้านหลังจากเห็นผลลัพธ์ของการโจมตีใส่ร่างเนปจูนที่แม้แต่พิษก็ทำอะไรไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นทางเลือกสุดท้ายก็น่าจะเป็นการคว้านหัวใจนี่ออกมานั่นแหละครับ” พ่อบ้านเสนออีกทางเลือก
“แต่มันใหญ่มากเลยนะ แถมเรามีเวลาแค่ห้าวินาที กว่าผมจะสร้างกระสุนพรากสังขารได้ก็หมดไปสามวินาทีแล้วนะ” มาตาร์กระซิบบอกพ่อบ้านของเขา
“ถ้าอย่างนั้นระหว่างนี้ก็ตัดกำลังของมันให้ได้มากที่สุดสิครับ” พ่อบ้านเอ่ยขึ้นมาเรียบๆ
การต่อสู้ของมาตาร์นั้น เขาใช้ทักษะไม่มีลิมิตฯอยู่ตลอดเวลา ถ้าช่วงเวลาของทักษะหมด ก็จะเรียกใช้ทักษะขึ้นมาใหม่ทุกๆสามสิบวินาที ซึ่งพลังวิญญาณก็จะฟื้นขึ้นมาจนเต็มอีกเพียงแค่ยืนเฉยๆไม่ถึงวินาทีเท่านั้นเอง
วูมม!!
มาตาร์อัดปราณใส่หมัดขวาเตรียมใช้หมัดยกกำลัง พร้อมๆกับเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆเพราะไม่รู้ว่าเนปจูนจะโผล่ขึ้นมาตรงไหน
‘หมัดยกกำลังเป็นไม้ตายที่แรงที่สุดที่ใช้ได้ในร่างไรเดอร์ ตอนนี้ทำได้มากที่สุดคือสิบขั้น หัวใจโมบี้ดิ๊กที่ใหญ่ขนาดนั้น อัดแป๊บเดียวก็ฟื้นขึ้นมาแล้วเพราะมันซ่อมแซมตัวเองได้’ มาตาร์คิดขึ้นมาพร้อมกับตั้งท่าจรดหมัดเตรียมตัวปล่อยพลังใส่หัวใจยักษ์นั่น
ทันใดนั้นที่ด้านหลังของชายหนุ่ม จ้าวทะเลก็ผุดขึ้นมาจากพื้นทันที
เปรี๊ยะ!!
สายฟ้าจากด้านบนฟาดใส่ร่างของเนปจูนทันทีจนมันไหม้เกรียม ก่อนที่จะหายไป
เป็นฝีมือของเรย์น่าที่ลอยอยู่กับเจ้างูกระดูกนั่นเอง
“หึ!” มาตาร์ส่งเสียงพร้อมกับส่งสายตายิ้มๆกลับไปให้แม่สาวผมขาวนั่น
“ฮึ!” เรย์น่าส่งเสียงตอบพร้อมกับเชิดใส่ ‘หนี้ที่ลากชั้นออกมาจากเกาะยังไม่ได้สะสาง คอยดูเถอะ แม่จะจับไปทรมานทีหลัง’
ตูม! ฉูดด!!
หมัดยกกำลังขั้นสิบถูกอัดใส่หัวใจยักษ์นั่น เลือดของมันกระฉูดออกมาด้วยแรงอัดที่ได้รับ
แต่แล้วสักพักรอยช้ำเลือดนั่นก็หายไปพร้อมๆกับแผลที่ค่อยๆสมานกัน
“ฮ่าๆๆๆ ไม่มีประโยชน์หรอก การโจมตีเล็กๆพรรค์นั้นน่ะ” เนปจูนเย้ยหยัน
“ชิ!” มาตาร์ส่งเสียงออกมาพร้อมกับต่อยอีกหมัดออกไปทันที
ตูมม!!
แต่แล้วผลก็เหมือนเดิม เมื่อแผลเล็กๆถ้าเทียบกับขนาดอันใหญ่โตมโหฬารของโมบี้ดิ๊กหายไปอย่างรวดเร็ว
“นี่! ทำไมไม่คืนร่างล่ะ” เรย์น่าถามออกมาด้วยความสงสัย
“แล้วทำไมเธอไม่ใช้เวทอัญเชิญเล่า” มาตาร์ตอบกลับไปเมื่อเห็นว่าเรย์น่าเอาแต่ลอยไปลอยมา โดยไม่ได้ตอบคำถามของหญิงสาว เพราะถ้าบอกไปว่าพลังงานหมดเกรงว่าเนปจูนจะใช้โอกาสนี้โจมตีหนักขึ้นถ้ารู้ว่าเขาคืนร่างไม่ได้
“ฮึ ไม่ต้องมาบอกหรอกย่ะ” เรย์น่าเกือบลืมไปด้วยซ้ำว่าจริงๆแล้วเธอยังมีเวทมนตร์ให้ใช้อยู่ เพราะมัวแต่ตกตะลึงกับขนาดของคู่ต่อสู้
“เล็งที่หัวใจนะ! มันเป็นจุดเดียวที่เราพอจะเอาชนะมันได้!” มาตาร์ตะโกนบอกเรย์น่า
“อุกกาบาต!” เรย์น่าใช้เวทเรียกข้ามมิติของเธอเสกอุกกาบาตขนาดห้าเมตรออกมาจากต่างมิติ
เพล้ง! เฟี้ยวว!!
ก้อนหินขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากกลางอากาศอย่างรวดเร็ว เสียดสีกับอากาศจนมันลุกเป็นไฟแล้วตรงเข้าใส่หัวใจยักษ์ของโมบี้ดิ๊กทันที
ตูมม!!
อุกกาบาตขนาดใหญ่กระแทกกับหัวใจแล้วแตกเป็นเสี่ยงๆทันที
“อะไรเนี่ย! โจมตีไม่เข้า?” เรย์น่าส่งเสียงออกมาอย่างแปลกใจ มันน่าแปลกมากที่เวทมนตร์ของตัวละครระดับสามร้อยอย่างเธอทำอะไรหัวใจโมบี้ดิ๊กไม่ได้เลย แต่ชายหนุ่มหัวฟูที่ถูกจำกัดค่าสถานะและมีระดับแค่ร้อยเดียวกลับทำให้หัวใจเป็นแผลได้
“ชิ! ไม่มีประโยชน์เลยยัยงูพิษนี่นิ” มาตาร์บ่นออกมาดังๆให้เรย์น่าได้ยินด้วย ‘เพราะระดับตัวละครสินะ ยัยนั่นไม่มีทักษะไม่มีลิมิตฯเหมือนเรา อย่างนี้คงต้องพึ่งตัวเองแล้วล่ะสิเนี่ย’
“ยอมตายซะดีๆเถอะน่า ดิ้นรนไปก็เท่านั้นแหละ” เนปจูนปรากฏตัวขึ้นมาห่างออกไปก่อนจะพูดออกมา
ตูม! อ๊ายย!!
ลูกบาศก์ใสปรากฏขึ้นมากลางอากาศแล้วพุ่งกระแทกเข้าใส่สองร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศทันที
ปิ้ว! ตูมม! เพล้ง!!
มาตาร์ใช้พลังจิตส่งพลังหมัดยกกำลังเข้าไปทำลายเจ้าลูกบาศก์นั่นให้แตกออกทันที
“เป็นไงบ้างยัยงูพิษ!” มาตาร์ถามอาการของหญิงสาวผมขาวที่ถูกกระแทกจนตัวปลิวลงมาที่พื้น
“อ๊อค!” เรย์น่ากระอักออกมาเป็นเลือดพร้อมกับทรุดลงทันที
เพราะระดับตัวละครที่ต่างกันถึงหกร้อย พลังจากลูกบาศก์ที่กระแทกเข้าใส่เรย์น่าจึงแรงเป็นหกเท่าจากพลังปกติ โดนกระแทกเข้าไปครั้งเดียวจึงแทบจะหมดสภาพ แตกต่างจากมาตาร์ที่มีทักษะไม่มีลิมิตฯที่ทำให้ความแตกต่างของระดับตัวละครไม่มีผล ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือป้องกัน
“ทำไมนายถึงสู้กับไอ้ตัวแบบนี้ได้เนี่ย ชั้นไม่เข้าใจ” เรย์น่าถามออกมาด้วยความสงสัย เพราะไม่ว่าจะโจมตีหรือป้องกันการโจมตีของเจ้าเนปจูนนี่อย่างไรก็ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์เลย แต่ชายหนุ่มหัวฟูคนนี้กลับสู้กับเจ้าสัตว์ประหลาดนี่ได้ตั้งนาน
ตูม! ตูม! ตูม!
มาตาร์ไม่ตอบ ได้แต่ยิงพลังหมัดยกกำลังใส่ลูกบาศก์ที่ระดมเข้ามาโจมตีเรย์น่าไม่หยุด
‘ดูท่าทางเจ้าเนปจูนจะพุ่งเป้าไปที่ยัยงูพิษแทนแฮะ กะจะเก็บทีละคนล่ะสิเนี่ย’ มาตาร์คิดขึ้นขณะที่เกร็งปราณใส่มืออย่างรวดเร็ว
ถ้าเป็นแค่หมัดยกกำลังขั้นห้าละก็ มาตาร์แทบไม่ต้องเสียเวลารวมรวมพลังด้วยซ้ำ เพราะการใช้ปราณจากนิ้วทั้งห้าเขาใช้จนชำนาญแล้ว เพราะทั้งระเบิดวายุ ทั้งกระสุนพรากสังขารต่างก็ต้องใช้เคล็ดห้าแกนนี่ทั้งนั้น ทำให้ชายหนุ่มหัวฟูสามารถยิงพลังออกมาถี่ๆได้
“ยัยงูพิษเก็บเจ้างูนั่นเข้าไปก่อนเถอะ มันตัวใหญ่เกิน เกะกะเปล่าๆ” มาตาร์เตือนเรย์น่า
“เข้าไปสเกล”
เรย์น่าก็เห็นดีด้วยจึงเก็บเจ้าสัตว์เลี้ยงอย่างว่าง่าย เพราะตอนนี้แม้จะลอยอยู่ก็ไม่ปลอดภัยแล้ว แล้วทันใดนั้นเจ้างูกระดูกขาวก็หายกลับเข้าไปที่กำไลข้อมือของหญิงสาวผมขาว
สถานการณ์กลับมาเป็นเหมือนตอนก่อนที่เรย์น่ากับเลดี้จะเข้ามาเจอมาตาร์ ก้อนลูกบาศก์ลอยว่อนไปทั่วห้องคอยโจมตีเข้ามาตลอดเวลา แต่ตอนนี้กลับลำบากมากกว่าเดิม เมื่อเรย์น่าซึ่งเคลื่อนไหวไม่คล่องเท่ามาตาร์ตกเป็นเป้าหมายการโจมตี ทำให้มาตาร์ต้องคอยยิงพลังออกไปคุ้มกันตลอดเวลา
“นายมาตาร์! คืนร่างแล้วก็อัดใส่เจ้าหัวใจนั่นเลยสิ!” เรย์น่าร้อนใจขึ้นมาเพราะดูเหมือนเธอจะกลายเป็นตัวถ่วงเสียแล้ว ทั้งๆที่ระดับตัวละครของเธอเยอะกว่า แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่คอยรับความช่วยเหลือเท่านั้น
ปิ้ว! ตูมม! ตูมม!
“ยังก่อน! อีกหนึ่งนาที!” มาตาร์ตะโกนตอบพร้อมกับยิงพลังใส่ลูกบาศก์ใสไม่หยุด
ปิ้ว! ปิ้ว!
พลังหมัดยกกำลังระดับห้าสองลูกถูกยิงออกมาแล้วลอยค้างอยู่กลางอากาศ
วูบบ! ตูมม!
แล้วทันใดที่ลูกบาศก์เคลื่อนเข้ามาใกล้ เจ้าก้อนพลังนั่นก็แทรกตัวเข้าไปก่อนจะระเบิดขึ้นมาใจกลางของลูกบาศก์ ส่งผลให้เจ้าผลึกใสนั่นแตกกระจายออกมาจากภายใน
‘หืม?’ มาตาร์เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเหมือนคิดอะไรได้
ระยะห่างของมาตาร์กับหัวใจตอนนี้คือประมาณสิบเมตรโดยเนปจูนคอยโจมตีเข้ามาจากวงนอก
‘ห่างเกินไปแฮะ ต้องเข้าไปประชิดหัวใจให้ได้ก่อนแล้วค่อยคืนร่าง’ มาตาร์คิดขึ้นมาเมื่อใกล้จะถึงเวลาที่คืนร่างได้
“เฮ่ยัยงูพิษ! ค่อยๆขยับเข้าไปใกล้หัวใจเร็วเข้า!” มาตาร์ตะโกนบอกเรย์น่าพร้อมๆกับค่อยๆถอยเข้าไปชิดหัวใจของโมบี้ดิ๊กมากขึ้นเรื่อยๆ
ตุบตับ! ตุบตับ!
แล้วในที่สุดทั้งคู่ก็เข้ามาประชิดหัวใจยักษ์ได้ เสียงตุบๆของมันลอยอยู่เหนือหัวของทั้งคู่ถึงสิบเมตร
‘ก็ยังห่างไปแฮะ ถ้าคืนร่างแล้วก็ไม่อยากจะเสียเวลาดีดตัวขึ้นไปซะด้วยสิ’ มาตาร์คิดขึ้นมาเมื่อได้เวลาที่เขาสามารถคืนร่างได้แล้ว ติดอยู่ที่ระยะห่างซึ่งไกลเกินไป เขาไม่อยากจะเสียเวลาแม้แต่เสี้ยววินาทีในการโจมตีครั้งนี้
“ยัยงูพิษ เจ้างูของเธอแบกคนสองคนลอยขึ้นไปได้รึเปล่า” มาตาร์คิดถึงวิธีที่พอจะลดระยะห่างได้โดยไม่เปลืองพลังงานมากในเวลานี้ ซึ่งก็คิดออกวิธีเดียวคือให้เจ้างูกระดูกนั่นแบกขึ้นไปให้ใกล้ที่สุดขณะที่เขาต้องคอยโจมตีสกัดเหล่าลูกบาศก์ใสเอาไว้ด้วย
“สเกลออกมา” เรย์น่าไม่เสียเวลาต่อล้อต่อเถียง เธอรู้ดีว่าเวลานี้ทางรอดของเธอต้องคอยพึ่งพาเจ้าชายหนุ่มหัวฟูนี่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผู้เล่นระดับต่ำกว่าเธอถึงได้มีวิธีต่อกรกับเจ้าสัตว์อสูรระดับเก้าร้อยได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็มั่นใจในชายหนุ่มคนนี้เหมือนกัน สู้กันมาหลายครั้งเธอก็พอจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรที่เกินคาดหมายเสมอ
“อะไรอีกล่ะยะ เดี๋ยวให้ออกมา เดี๋ยวผนึก อย่าคิดว่าชั้นจะยอมทำตามที่เธอสั่งตลอดนะ” เจ้างูกะเทยบ่นออกมาทันทีที่ออกมาจากผนึก
“หุบปาก ถ้ายังไม่อยากตายก็แบกพวกเราขึ้นไปเดี๋ยวนี้เลย” เรย์น่าสั่งสัตว์เลี้ยงของเธอทันที
ปิ้ว! ปิ้ว! ตูมม!
มาตาร์ยังคอยยิงสกัดเจ้าลูกบาศก์นั้นไม่ให้มันเข้ามาโจมตีได้
เจ้าอสรพิษกระดูกขาวเห็นดังนั้นก็เข้าใจสถานการณ์ทันที นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเล่นตัวจริงๆด้วย ถ้ายังไม่อยากตายก็ต้องทำตามคำสั่งนี้ไปก่อน
“ชิ! ชั้นเห็นว่าฉุกเฉินหรอกนะ ไม่ใช่ว่ายอมทำตามคำสั่งเธอ” เจ้าอสรพิษพูดขึ้นก่อนจะหมอบตัวลงให้ทั้งสองขึ้นมาบนหลังของมัน
“ขอบคุณมาก” มาตาร์ไม่ลืมที่จะหยอดคำหวานสักเล็กน้อย เพราะมันง่ายที่สุดในการที่จะทำให้เจ้างูกระดูกนี่เชื่อฟังได้ง่ายขึ้น
“โฮะๆๆๆ เจ้าหนุ่มนี่พูดจารู้เรื่องดีเหมือนกันนี่นา ผิดกับแม่สาวซาดิสม์นี่” อสรพิษกระดูกขาวพูดออกมาดังๆเพื่อจะแดกดันเจ้านายของมันก่อนที่จะค่อยๆเลื้อยขึ้นไปกลางอากาศด้วยพลังจิตของมัน
“พูดอย่างนี้เดี๋ยวก็ได้เจ็บตัวอีกหรอก” เรย์น่าสวนกลับไปทันที
“แล้วเงื่อนไขอะไรที่ทำให้ผลึกวิญญาณนี่กลายเป็นขยะล่ะ” หญิงสาวผมน้ำตาลยาวเป็นลอน สวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยมถามเพื่อนสาวของเธอ
“แกว่าท่าไม้ตายที่ทำให้ศัตรูตายในครั้งเดียวถ้าโดน มันเจ๋งมั้ยล่ะ” หญิงสาวผมดำหยักศกถามกลับ
“ก็เจ๋งน่ะสิ” หญิงสาวผมน้ำตาลตอบ
“แล้วถ้าต้องแลกกับระดับตัวละครล่ะ” หญิงสาวผมดำหยักศกถามอีกที
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าต้องเสียระดับเท่าไหร่น่ะแหละ ถ้าเสียเยอะๆชั้นว่ามันก็ไม่คุ้ม แต่ว่าถ้าฆ่าคนที่ระดับสูงกว่าเราได้ ชั้นว่ายังไงก็คุ้มนะ” หญิงสาวผมน้ำตาลตอบพร้อมกับทำท่าครุ่นคิดไปด้วย
“ฮ่าๆๆๆ แกรู้ใช่มั้ยว่าถ้าตายในเกมนี้จะเสียของทุกชิ้นที่ติดตัวและระดับกับค่าสถานะอีกสิบเปอร์เซนต์” หญิงสาวผมดำหยักศกหัวเราะให้กับคำตอบของเพื่อนสาวของเธอ
“ขำอะไรยัยสาลี่” หญิงสาวผมน้ำตาลพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ เธอรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกล้ออยู่
“เจนก็ อย่าเพิ่งโกรธสิ แล้วถ้าเกิดใช้ผลึกนี้แล้วต้องเสียระดับมากกว่าสิบเปอร์เซนต์ในการฆ่าศัตรูล่ะ” ซารีน่าตอบกลับเพื่อนสาวของเธอขณะที่ใบหน้ายังเปื้อนยิ้มอยู่
“คืนร่าง!!” มาตาร์ตะโกนพร้อมกระโดดออกจากหลังของเจ้างูกระดูก
แขนพลังจิตข้างซ้ายถูกเรียกขึ้นมาทันทีพร้อมกับก้อนกระสุนพรากสังขารที่อยู่ในมือทั้งคู่
ระหว่างนั้นเนปจูนก็ไม่ได้งอมืองอเท้า ลูกบาศก์ใสยังคงพุ่งเข้าใส่ร่างของศัตรูไม่หยุด ทำให้เรย์น่าต้องคอยรับหน้าที่สกัดแทน
“อุกกาบาต!!”
ตูมม! ตูมม!
แต่ทว่าอุกกาบาตของเรย์น่าแทบจะสกัดลูกบาศก์ใสนั่นไม่อยู่เลย ก้อนหินของเธอถูกกระแทกจนกระจายออกไปหมด
“ฝนอุกกาบาตมืด!”
ทันใดนั้นเหมือนมีอะไรมาดลใจให้เรย์น่าใช้ปราณความมืดร่วมกับเวทมนตร์ของเธอ ปราณความมืดของเรย์น่าสามารถสกัดพลังพิเศษได้ ถ้าใช้มันร่วมกับเวทมนตร์อุกกาบาต ถ้าเจ้าก้อนหินแฝงปราณความมืดของเธอไปกระทบเจ้าลูกบาศก์ใส อาจจะส่งผลให้เจ้าก้อนสีเหลี่ยมใสนั่นสลายไปก็ได้
ตูม! ตูม! วูบ! วูบ!
ดูเหมือนจะได้ผลเมื่อเหล่าอุกกาบาตก้อนเล็กๆกระทบกับลูกบาศก์ใสแล้วทำให้มันค่อยๆเกิดรอยร้าวขึ้นมาได้ ก่อนจะแตกเป็นชิ้นเล็กๆในที่สุดเมื่อถูกกระทบเข้าไปหลายครั้ง ถึงพลังจะด้อยกว่า แต่อาศัยคุณสมบัติพิเศษของปราณก็พอที่จะสกัดเหล่าลูกบาศก์ใสนั่นได้บ้าง
“ฮ่าๆๆๆ กระจอกน่า!!” เรย์น่าได้ทีจึงส่งเสียงเยาะเย้ยออกไปทันที
ระหว่างนั้นกระสุนพรากสังขารสองลูกก็พร้อมแล้ว มาตาร์ใช้พลังจิตหุ้มกระสุนทั้งสองลูกเอาไว้ให้หนากว่าปกติ แล้วใช้หัตถ์พระเจ้าส่งกระสุนทั้งสองลูกพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจของโมบี้ดิ๊กทันที
พรืดด!! พรืดด!!
หัตถ์พระเจ้าที่มีกระสุนพรากสังขารทะลวงหัวใจของโมบี้ดิ๊กเข้าไปอย่างง่ายดายเพราะนอกจากใช้ทักษะไม่มีลิมิตฯแล้ว พลังสลายสสารจากท่าไม้ตายก็ยังเปิดทางให้อีกด้วย การที่มาตาร์ใช้พลังจิตหุ้มกระสุนพรากสังขารเยอะผิดปกติก็เพื่อกันไม่ให้มันระเบิดออกมาตอนที่กระทบเป้านั่นเอง ซึ่งเขาคิดถึงวิธีการนี้ขึ้นมาเมื่อเห็นหมัดยกกำลังของเขาระเบิดลูกบาศก์ใสของเนปจูนนั่นจากภายใน
‘แล้วถ้ากระสุนพรากสังขารระเบิดขึ้นมาตรงใจกลางหัวใจบ้างล่ะ’ คือสิ่งที่มาตาร์คิด
ไม่ว่าจะทำลายภายนอกอย่างไร ก็ดูเหมือนเจ้าหัวใจนี่จะซ่อมแซมตัวเองได้ แต่ถ้าระเบิดจากภายในล่ะ มันจะซ่อมตัวเองได้มั้ย เพราะส่วนสำคัญของหัวใจที่อยู่ข้างในโดนทำลายไป
“ฮ่าๆๆๆ แหม เรียกข้าออกมาแล้วก็ให้ข้ายืดเส้นยืดสายซะหน่อยสิ” เสียงห้าวๆดังออกมาจากแขนซ้ายของชายหนุ่มผมแดงหลังจากที่หัตถ์พระเจ้าข้างซ้ายทะลวงหัวใจโมบี้ดิ๊กเข้าไปได้ประมาณห้าเมตร
วูบบ!!
ทันใดนั้นหัตถ์พระเจ้าข้างซ้ายก็เปลี่ยนทิศทางเบี่ยงออกไปทางซ้ายทันทีพร้อมๆกับแขนซ้ายของชายหนุ่มที่ขยับไปเอง
“เดียมอน!! อยู่นิ่งๆให้ชั้นบังคับดีๆน่า!!” มาตาร์ตวาดขึ้นมาหลังจากเห็นว่าโอกาสสุดท้ายของเขากำลังจะถูกทำลายด้วยแขนซ้ายปีศาจนี่
“ไม่ ฮ่าๆๆๆ” เดียมอนตอบกลับแบบยียวนพร้อมกับแขนซ้ายที่ขยับอีก ส่งผลให้หัตถ์พระเจ้าข้างซ้ายเบี่ยงออกไปจากจุดศูนย์กลางของหัวใจอีก
“ฮึ้ยย!!” มาตาร์ไม่มีทางเลือกมากนักในช่วงเวลาไม่ถึงวินาทีนั้น เขาบังคับหัตถ์พระเจ้าข้างขวาให้พุ่งเข้าไปหาหัตถ์พระเจ้าข้างซ้ายแทน เพราะแผนที่เขาวางไว้คือการระเบิดจากการกระทบกันของกระสุนพรากสังขารสองลูก
“ฮ่าๆๆๆ” เจ้าเดียมอนที่เป็นอิสระหัวเราะออกมาไม่หยุด
วูมม!! ฉูดดด!!
ในที่สุดมาตาร์ก็สามารถบังคับหัตถ์พระเจ้าข้างขวามาชนกับข้างซ้ายได้สำเร็จ เกิดการระเบิดอย่างเงียบเชียบขึ้น รัศมีของกระสุนพรากสังขารประมาณสิบเมตรกวาดเอาหัวใจของโมบี้ดิ๊กแหว่งไปมากกว่าครึ่งทันที เลือดที่อยู่ในหัวใจที่ถูกแหวกกระเซ็นออกมาราวกับน้ำตก
ถึงจะไม่โดนตรงจุดศูนย์กลาง แต่ก็ถือว่าร้ายแรงมากอยู่ดี
“แก!!” เนปจูนแผดเสียงออกมาอย่างตระหนกทันทีที่เห็นผลลัพธ์ของท่าไม้ตายสุดท้ายของมาตาร์
ขณะนั้นเวลาห้าวินาทีก็หมดลงพอดี ร่างของชายหนุ่มผมแดงกลับกลายเป็นชายหนุ่มหัวฟูอีกครั้ง พร้อมๆกับร่างที่ร่วงลงมาด้วยแรงโน้มถ่วง
กรึก! กรึก! กรึก!
ทันใดนั้นลูกบาศก์ใสกว่าสิบลูกก็เรียงซ้อนๆกันเป็นกำแพงขนาดมหึมาข้างหน้าของเนปจูน
ฟิ้ววว!!
แล้วเจ้ากำแพงหนานั่นก็พุ่งเข้าใส่ทั้งสามร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศทันที
“อุกกาบาตมืด!!” เรย์น่ายังคงยิงเวทของเธอออกไปสกัด ขณะที่มาตาร์ก็ไม่ได้ประมาท เขาอัดพลังปราณใส่หมัดเอาไว้ทันทีที่คืนร่าง
ตูม! ตูม!!
“โอ๊ยย!!”
“อั้กก!!”
แต่ด้วยความหนาของกำแพงในครั้งนี้ ในที่สุดแล้วพลังของทั้งคู่ก็ไม่อาจจะต้านทานลูกบาศก์ใสได้ ทำให้ถูกกระแทกอย่างแรงจนกระเด็นไปทั้งคู่ โดยเรย์น่านั้นถึงกับกระเด็นทะลุกำแพงห้องออกไปอีกด้านหนึ่งทันที
ผลัวะ!!
ร่างของหญิงสาวผมขาวทะลุกำแพงด้านหนึ่งไปก่อนจะกระแทกกับพื้นอันยวบยาบนั่นแล้วก็หมดสติไปทันที ต้องถือว่าโชคดีที่ทั้งกำแพงและพื้นคือร่างของโมบี้ดิ๊ก เพราะถ้าเป็นกำแพงหรือพื้นจริงๆที่แข็งกว่านี้เธอคงจะสลายกลายเป็นแสงไปแล้วอย่างแน่นอน
“เอ๋? อะไรเนี่ย” ชายร่างอ้วนอุทานออกมาหลังจากที่เห็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งหมดสติอยู่บนพื้นพร้อมกับร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลและกระดูกที่หักเกือบทั้งตัว
ส่วนทางด้านมาตาร์ โดนกระแทกปลิวไปแต่ก็ยังฝืนตัวเองเอาไว้ได้ที่กำแพงห้องด้านหนึ่ง ซึ่งใกล้ๆนั้นก็มีรูที่เกิดจากร่างของหญิงสาวผมขาวทะลวงเข้าไปอยู่ด้วย
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
มาตาร์รีบพุ่งตัวเข้าไปในรูนั้นทันที
“ยัยงูพิษเป็นไงบ้าง!!” มาตาร์ตะโกนถามขึ้นมาทันทีที่เข้ามาในห้องข้างๆได้
ชายหนุ่มพยายามมองหาไปทั่วห้อง แต่เขากลับไม่เห็นใครอยู่ที่นั่นเลย มีเพียงรอยเลือดที่อยู่บนพื้นเท่านั้นที่บ่งบอกได้ว่าเคยมีร่างของใครคนหนึ่งนอนอยู่บริเวณนี้
“ผมว่าคุณเรย์น่าอาจจะตายไปแล้วครับ” พ่อบ้านสันนิษฐาน
“หา!?” มาตาร์อุทานออกมาอย่างไม่เชื่อหู เขาไม่อยากจะคิดว่าเรย์น่าตายไปจริงๆ เขาไม่คิดว่าจะพรากจากเธอในลักษณะนี้ แต่ถ้าพิจารณาจากการโจมตีเมื่อครู่นี้ก็พอจะเป็นไปได้ว่าหญิงสาวจอมซาดิสม์อาจจะตายไปจริงๆ
“ฮึๆๆๆ” เสียงหัวเราะอันเยียบเย็นดังขึ้นมาพร้อมกับร่างของบุรุษผมเงินที่โผล่ขึ้นมาจากพื้น
“เนปจูน!” มาตาร์เอ่ยชื่อจ้าวสมุทรขึ้นมาอย่างมีอารมณ์
จริงๆแล้วมาตาร์พอจะเข้าใจความโกรธของเนปจูนอยู่ที่ว่าสมองเทียมถูกใช้เป็นของเล่นในโลกฝันนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะต้องพลัดพรากจากทั้งคลาร่า โมเรน่า และบราวนี่ก็ยังไม่ทำให้เขาโกรธมากนัก เพราะเขาคิดว่ายังสามารถตามไปหาพวกเธอได้
และอันที่จริงมาตาร์ก็เคยบอกเรย์น่าเอาไว้เองว่า สักวันหนึ่งพวกเขาต้องพรากจากกัน เพียงแค่ช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง ดังนั้นมันจึงไม่น่าจะเป็นสาเหตุให้เขาโกรธได้อีกเหมือนกัน แต่ว่าในจิตใจของชายหนุ่มหัวฟูนั้นกลับคุกรุ่นด้วยความโกรธ ทีละน้อยๆ จากหลายๆสาเหตุที่กล่าวมารวมๆกัน
“เป็นอะไรไปล่ะ กะอีแค่ตายในเกม ไม่ได้ตายไปจริงๆซะหน่อย แกจะโกรธอะไรกัน” เนปจูนเยาะเย้ยด้วยเสียงทุ้มต่ำของเขา
“นั่นน่ะสิ จะโกรธอะไรกัน” มาตาร์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบและดวงตาที่นิ่งเฉย
มาตาร์ตระหนักดีว่าถ้าเนปจูนยังยืนอยู่ตรงนี้ นั่นหมายความว่ากระสุนพรากสังขารที่คว้านหัวใจโมบี้ดิ๊กเข้าไปยังทำให้สัตว์อสูรรวมร่างนี่ตายไม่ได้ และเขาก็ไม่มีพลังในการคืนร่างอีกแล้วด้วย ถ้าจะถ่วงเวลาออกไปอีกสิบนาที เขาคิดว่าคงจะทำอีกไม่ได้แน่ๆ
“หึๆๆ ก็ดี จะได้กลับไปเจอยัยงูพิษอีก” มาตาร์หัวเราะออกมาอย่างปลงตก ตอนนี้เขาคิดถึงวิธีที่จะชนะไม่ออกอีกแล้ว
“ฮึ ปลงตกแล้วเหรอ แต่ข้าไม่ถูกใจเลย สู้ให้มากกว่านี้หน่อยสิ ฆ่าคนที่อยากตายจะไปสนุกอะไร จริงมั้ย?” เนปจูนพูดจาแดกดัน โดยเฉพาะช่วงท้ายประโยคที่พูดถึงความสนุกในการฆ่า เหมือนกับจะเปรียบกับผู้เล่นทั้งหลายที่สนุกกับการฆ่าสัตว์อสูรในเกมเล่น
ซูวว!!
มาตาร์ถ่ายปราณใส่แขนซ้ายของเขาทันที ตอนนี้อารมณ์ของมาตาร์นั้นยากที่จะคาดเดา สิ่งสุดท้ายที่เขาอยากทำก็คือกระแทกหน้าเจ้าเดียมอนกับเนปจูนเข้าด้วยกันเท่านั้นเอง หลังจากนั้นเขาคงจะตายอย่างสบายใจ
“อย่าคิดว่าหลังจากแกตายแล้วเรื่องจะจบ ข้าจะคอยดักฆ่าแกอีกถ้าแกออกมาจากเกาะ” เนปจูนพูดจาอาฆาตมาตาร์อีก
“ฮ่าๆๆๆ”
แล้วทันใดนั้นเจ้าเดียมอนก็หัวเราะออกมาหลังจากที่ได้รับการถ่ายพลังพิเศษจากมาตาร์
ฟิ้วว!!
แล้วทันใดนั้นชายหนุ่มผมฟูก็พุ่งเข้าใส่ร่างของบุรุษผมเงินพร้อมกับเงื้อแขนซ้ายขึ้นมาทันที แต่ทว่าแขนซ้ายนั้นกลับไม่ยอมให้ควบคุมแต่โดยดี มันส่ายไปส่ายมาอย่างควบคุมไม่ได้เหมือนเดิม
“อยู่นิ่งๆสิโว้ยไอ้สัตว์นรก!!” มาตาร์เหลืออดสุดๆกับเจ้าอสูรนรกตัวนี้สาเหตุที่เนปจูนยังไม่ตายส่วนหนึ่งก็มาจากมันด้วย เขาด่ามันพร้อมกับใส่พลังใจทั้งหมดลงไปเพื่อที่จะบังคับแขนซ้ายนั่นให้ขยับตามใจคิด ‘ขอกระแทกหน้ามันทั้งคู่ซักทีเถอะ แล้วจะให้ไปตายที่ไหนก็ได้’
“เปล่าประโยชน์!” เนปจูนแม้จะรู้ดีว่ามาตาร์ทำอะไรเขาไม่ได้ แต่ก็ยื่นมือออกมาพร้อมกับกางกำแพงใสกั้นเอาไว้ทันที
พรืดด!!
ทันใดนั้นร่างของมาตาร์ก็ไถลแล้วจมลงไปในพื้นก่อนที่จะถึงร่างของเนปจูน
ชายหนุ่มหัวฟูถ่ายพลังส่วนหนึ่งในเท้าแล้วทะลวงพื้นลงไปเพื่อที่จะหลบการป้องกันของเนปจูน ‘ในเมื่อพื้นทำลายง่ายกว่าแล้วจะฝืนฝ่ากำแพงทำไม’
ผัวะ!!
มาตาร์ทะลวงพื้นออกมาอย่างรวดเร็วที่ใต้เท้าของเนปจูน แล้วใช้แขนซ้ายของเขาที่มีอยู่ครึ่งท่อนนั่นซัดใส่คางของจ้าวสมุทรเต็มๆ
“ถ้าต้องเสียระดับมากกว่าสิบเปอร์เซนต์สู้ยอมตายไม่ดีกว่าเหรอ ถึงจะชนะก็ยังสูญเสียมากกว่าแพ้ซะอีก” เจนนิเฟอร์ตอบกลับเพื่อนสาวหลังจากรู้ว่าเจ้าผลึกวิญญาณนั่นต้องสูญเสียระดับมากกว่าสิบเปอร์เซนต์ในการใช้งาน
“จริงๆมันก็ไม่ได้เสียมากกว่าสิบเปอร์เซนต์หรอกนะ” ซารีน่ากล่าว
“อ้าวแล้วตกลงยังไงล่ะเนี่ยเจ้าผลึกวิญญาณเนี่ย” เจนนิเฟอร์สงสัยขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวของตนกลับคำ
“ท่าไม้ตายที่ใช้กับผลึกวิญญาณนี้เรียกว่ากระสุนวิญญาณ โดยหลักการก็คือการเอาวิญญาณสองดวงมากระแทกใส่กันนั่นแหละ” ซารีน่าเริ่มเฉลยคุณสมบัติอย่างสุดท้ายของผลึกวิญญาณ
“อ๋อ! เพราะอย่างนั้นถึงได้บอกว่าแค่โดนก็ตายแล้ว เพราะเหมือนกับเป็นการใช้ชีวิตแลกชีวิต โดนตรงไหนก็ไม่สำคัญขอเพียงโดนส่วนที่มีชีวิตเท่านั้น ...เอ๋? ถ้าเป็นอย่างนั้น” เจนนิเฟอร์เข้าใจถึงหลักการเพียงแค่ซารีน่าเฉลยออกมาเพียงเล็กน้อยแต่เธอเหมือนกับคิดอะไรได้สักอย่างจากคำพูดของเธอเอง
“ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วทำไมเหรอ” ซารีน่าพูดออกมาแบบยิ้มๆเหมือนกับรู้ว่าเพื่อนสาวของเธอเข้าใจเงื่อนไขของผลึกวิญญาณแล้วอย่างนั้น
“ที่แกบอกว่าไม่ได้เสียระดับแค่สิบเปอร์เซนต์ อย่าบอกว่ามันเสียโดยการหักลบกับคู่ต่อสู้นะ” เจนนิเฟอร์ติดใจกับคำว่าชีวิตแลกชีวิตของตัวเอง ถ้าเอาวิญญาณมากระแทกวิญญาณมันหมายความว่าระดับแลกระดับเหมือนกันหรือเปล่า
“ช่าย แกนี่ฉลาดเนอะ พูดแค่นิดเดียวก็เข้าใจเกือบหมด” ซารีน่ายิ้มออกมาอย่างยินดี
“นี่มันอุปกรณ์ขยะชัดๆเลยนี่นาไอ้ผลึกวิญญาณเนี่ย!” เจนนิเฟอร์อุทานออกมาพร้อมกับทำหน้าเบ้
“อืม ถ้าระดับของผู้ใช้กระสุนวิญญาณน้อยกว่าคู่ต่อสู้ละก็ผู้ใช้ก็จะตายโดยระดับของตนเองจะไปหักลบกับคู่ต่อสู้ ถ้าคู่ต่อสู้มีระดับสองร้อยแต่ผู้ใช้ผลึกมีระดับหนึ่งร้อย พอวิญญาณกระแทกกันตัวเองก็จะตายคู่ต่อสู้ก็จะเหลือระดับแค่หนึ่งร้อย” ซารีน่าพูดออกมาอย่างหน้าชื่นตาบาน
“นึกแล้วเชียว นอกจากคู่ต่อสู้ไม่ตายแล้วตัวเองยังเหลือระดับแค่หนึ่งเองด้วยตอนฟื้นขึ้นมา” เจนนิเฟอร์กล่าวออกมาอย่างแหยงๆ
“ไม่ใช่แค่ระดับนะแก สถานะทั้งหมดก็ใช้ในการกระแทกวิญญาณด้วย” ซารีน่าเสริม
“หา!? ถ้าอย่างนั้นค่าสถานะไม่กลายเป็นผู้เล่นหน้าใหม่เลยเหรอเนี่ย” เจนนิเฟอร์คิดถึงในกรณีที่คู่ต่อสู้มีค่าสถานะสูงกว่าผู้ใช้ผลึกทุกค่า
“ฮะๆๆ ก็เป็นอย่างนั้นแหละ ส่วนในกรณีที่ผู้ใช้กระสุนวิญญาณมีระดับมากกว่า ศัตรูก็จะตายโดยแลกกับระดับของศัตรูทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่นถ้าผู้ใช้ผลึกวิญญาณมีระดับตัวละครสามร้อย ส่วนคู่ต่อสู้มีระดับตัวละครสองร้อยห้าสิบ พอวิญญาณกระแทกกันคู่ต่อสู้ก็จะตาย ส่วนผู้ใช้ผลึกก็จะเหลือระดับแค่ห้าสิบ พร้อมกับค่าสถานะที่ลดลงฮวบฮาบด้วย” ซารีน่ายังอธิบายต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ขยะชัดๆ คนระดับสูงกว่าที่ไหนจะยอมสู้กับคนระดับต่ำกว่าด้วยวิธีนั้นล่ะเนี่ย” เจนนิเฟอร์ยังคงทำหน้าเบ้ออกมา
“ใช่ม้า ปกติคนที่ระดับสูงกว่าก็น่าจะมีฝีมือและค่าสถานะสูงกว่าอยู่แล้วตามสถิติ ใช้ฝีมือตัวเองปราบคู่ต่อสู้ก็ได้ไม่จำเป็นต้องแลกชีวิตด้วยเลย แต่ถึงจะแพ้ยังไงก็เสียระดับตัวละครน้อยกว่านี้อยู่แล้วล่ะ” ซารีน่าพูดกลับยิ้มๆ
“ตกลงเจ้าผลึกวิญญาณนี่มันมีไว้ทำอะไรเนี่ย ชั้นดูยังไงมันก็ขยะล้วนๆ ไม่เห็นจะมีดีเลย” เจนนิเฟอร์ถามถึงคนที่สามารถนำผลึกวิญญาณไปใช้ได้อย่างคุ้มค่า
“อ้าว ก็บอกแล้วไง คนที่โดนคำสาปที่ทำให้ใช้พลังของตัวเองไม่ได้ กับคนที่มีระดับตัวละครสูงแต่ฝีมือกระจอกไง” ซารีน่ากล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเคย
“มันมีซะที่ไหนล่ะคนแบบนั้นน่ะ” เจนนิเฟอร์ส่งสายตาเหยียดๆกลับไปให้เพื่อนสาว
“มีอีกนะ คนที่มีวิญญาณสองดวงในร่างเดียวไง ส่งวิญญาณดวงนึงไปกระแทกศัตรูก็ได้นะ ฮิๆๆ” ซารีน่ายังคงเล่าต่อไปอย่างอารมณ์ดี
“มันไม่มีหรอกคนแบบนั้นน่ะ สรุปว่าไอ้ผลึกวิญญาณนี่มันก็ขยะดีๆนี่เองสินะ” เจนนิเฟอร์กล่าวก่อนจะเก็บผลึกวิญญาณที่เธอได้มาใส่เข็มขัดเอาไว้โดยไม่คิดจะหยิบมันออกมาใช้เด็ดขาด
ผัวะ!!
แขนซ้ายของมาตาร์กระแทกเข้าที่หน้าของเนปจูนเต็มๆจนจ้าวสมุทรหน้าหันไป
“อ๊าคค!!” เนปจูนส่งเสียงออกมาครั้งหนึ่งก่อนที่ร่างของเขาจะจมหายไปในพื้น
แล้วทันใดนั้นความสงบก็เข้ามาแทนที่ พื้นที่ปกติจะรู้สึกได้ถึงการไหลเวียนของของเหลวข้างใต้กลับหยุดลง เสียงหัวใจที่ดูเหมือนจะดังอยู่ห่างๆก็เงียบลงไป
“แกทำอะไรลงไปน่ะ!!” เดียมอนตะโกนออกมาจากแขนซ้ายของชายหนุ่มหัวฟู
“หา?” มาตาร์ยังสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ เขาก็แค่เอาเจ้าเดียมอนไปกระแทกใส่หน้าของเจ้าเนปจูนเท่านั้นเองนี่นา หลังจากนั้นเขาคิดว่าตัวเองจะตายด้วยซ้ำไป
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ!! ระดับของข้ามันลดลงฮวบฮาบเลยไม่เห็นเหรอ!!” เดียมอนพูดออกมาอีก
“หา?” มาตาร์ยังคงสงสัยอยู่ดี แต่เขาก็เปิดเมนูดูค่าสถานะของผู้ติดตามดู
เดียมอน
ระดับ 100 | ประสบการณ์ 0/1000 |
“อ้าว? เหลือแค่ร้อยเดียวแล้วนี่นา ...ทำไมล่ะเนี่ย” มาตาร์ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไรที่เจ้าอสูรที่แขนซ้ายของเขาระดับหายไปเก้าร้อยขั้น เพราะถึงอย่างไรเขาก็ใช้งานมันไม่ได้อยู่แล้ว เพียงแต่สงสัยเท่านั้นเองว่าระดับมันหายไปได้อย่างไร
“อ้า ผมคาดว่าแขนซ้ายของคุณแอฟโรคงจะมีคุณสมบัติเหมือนผลึกวิญญาณครับ” พ่อบ้านผู้รอบรู้เอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นว่าเนปจูนหายไปและโมบี้ดิ๊กดูเหมือนจะนิ่งสนิท พร้อมๆกับระดับของเดียมอนที่หายไปถึงเก้าร้อยขั้น เท่ากับระดับของเนปจูนกับโมบี้ดิ๊กรวมกันเลย
“ผลึกวิญญาณ?” มาตาร์สงสัยขึ้นมา เพราะเขาไม่เคยได้ยินชื่ออุปกรณ์ชิ้นนี้มาก่อนเลย
หลังจากนั้นพ่อบ้านผู้รอบรู้ก็อธิบายถึงคุณสมบัติของผลึกวิญญาณให้มาตาร์ฟัง
“โห! ถ้าอย่างนั้นเจ้าผลึกวิญญาณนี่ก็เหมาะกับผมสุดๆเลยล่ะ” มาตาร์เอ่ยขึ้นมาอย่างตื่นเต้น เพราะเขาคือคนที่ถูกคำสาปที่ทำให้ใช้พลังของตัวเองไม่ได้ และยังมีสองวิญญาณในร่างเดียวอีกด้วย
“แปลว่าแกเอาระดับของข้าไปหักลบกับระดับของเจ้านั่นเหรอ!!” เดียมอนแผดเสียงออกมา
“สงสัยจะเป็นอย่างนั้นนะ ตอนที่ชั้นใส่ความตั้งใจลงไปกะจะเอาแกไปกระแทกเนปจูนไง คงจะบังเอิญตรงกับเงื่อนไขการใช้กระสุนวิญญาณพอดีมั้ง” มาตาร์เอ่ยออกมาเรียบๆ
กระสุนวิญญาณนั้นใช้ออกโดยการใส่พลังพิเศษลงไปและใส่ความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะฆ่าคู่ต่อสู้เท่านั้นเอง วิญญาณของผู้ใช้ก็จะตรงเข้ากระแทกกับวิญญาณของคู่ต่อสู้ แต่ในที่นี้วิญญาณที่ไปกระแทกกลับไม่ใช่ของมาตาร์แต่เป็นวิญญาณของเดียมอน ส่งผลให้อสูรรวมร่างเนปจูนกับโมบี้ดิ๊กตายไปและระดับของเดียมอนลดลงเก้าร้อยขั้น
“ข้าจะฆ่าแก!!” เดียมอนแผดเสียงออกมาด้วยความโกรธก่อนจะเงียบเสียงไปเพราะมาตาร์ตัดพลังงานที่ไปหล่อเลี้ยงแขนซ้ายนั่นเอง
“เฮ้อ นึกว่าจะตายแล้วกลับไปเจอกับยัยงูพิษซะอีก” มาตาร์ถอนหายใจออกมาหลังจากรู้ว่าเขาไม่ได้ตายสมใจ
“คุณแอฟโรอยากจะตายเหรอครับ?” พ่อบ้านเอ่ยถามขึ้นมา เพราะถ้าจะฆ่าตัวตายมันก็ง่ายนิดเดียว
“... ไม่หรอก จะตายกันง่ายๆแบบนั้นได้ยังไง ไหนๆก็รอดมาแล้ว ถือว่าแยกกันตรงนี้ก็ได้ ยัยนั่นคงมีวิธีออกมาจากเกาะไรเดอร์เองนั่นแหละ” มาตาร์พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่บรรยายไม่ถูกว่าเศร้าหรือดีใจ มีเพียงรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปากเท่านั้น แต่ดวงตากลับนิ่งเฉย
“รีบกลับเข้าเมืองกันก่อนเถอะ เดี๋ยวแม่หญิงจะตายซะก่อน” ชายร่างอ้วนพูดขึ้นมาขณะที่จ้องไปที่ร่างอันบาดเจ็บของหญิงสาวผมขาวที่นอนอยู่บนเตียง
“ได้เลยทินนี่ แม่นางฟ้าของพวกเราต้องรอดตายสิน่า” ชายร่างผอมตอบพร้อมกับจับคันบังคับของยานพาหนะ และจ้องออกไปที่กระจกหน้าทรงโค้งที่มีแต่ภาพพื้นน้ำใต้ทะเล
แยกกันซะแล้ว
ความคิดเห็น